มือของท่านหมอเคลื่อนอยู่บนท้องของเฉินเนี้ยนหราน บางครั้งก็กดบ้าง ใช้เวลาไปเกือบหนึ่งเค่อ[1] การตรวจเช่นนี้ถึงได้จบลง
“เป็อย่างไรบ้างเ้าคะ?” สำหรับเื่ตำแหน่งของเด็ก เฉินเนี้ยนหรานรู้ดีมาก
ท่านหมอมือหนึ่งขมวดคิ้ว “ฮูหยิน ตอนนี้ข้า้าให้ท่านเชื่อข้า วางใจมอบตัวท่านให้กับข้า เพราะว่านี่เป็เด็กแฝด ดังนั้นความเสี่ยงในการคลอดท่านคงจะรู้ดี อีกเดี๋ยวท่านพยายามให้ความร่วมมือกับข้า ในบรรดาสตรีที่ข้าทำคลอดให้ นอกเสียจากกรณีที่พิเศษสักหน่อย ยังไม่มีผู้ใดตายเพราะคลอดมาก่อนเ้าค่ะ”
เสียงของท่านหมอมือหนึ่งเดิมทีก็อบอุ่นมากอยู่แล้ว ทั้งยังน่าฟัง ตอนนี้ถูกนางพูดออกมาตามความจริง ใจของเฉินเนี้ยนหรานสงบลงอย่างน่าประหลาด
“ได้ ข้าจะร่วมมือ”
ท่านหมอส่งยิ้ม
เมื่อรู้สึกเจ็บท้อง นั่นไม่ได้หมายความว่าจะคลอดลูกแล้ว หลังจากถูกความเ็ปก่อนหน้านี้รุมเร้ามาแทบทั้งวัน ในตอนที่เฉินเนี้ยนหรานใกล้จะหมดสติไปก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็ก
“ยินดีกับฮูหยินด้วย เป็ลูกชายเ้าค่ะ” ตามด้วยเสียงของหมอที่ดังมา เฉินเนี้ยนหรานอยากจะลืมตามอง แต่หนังตากลับหนักมาก ทั่วทั้งร่างคล้ายลอยอยู่กลางอากาศ นางในตอนนี้แม้จะเ็ปเพียงใดก็ไม่รู้สึกแล้ว
“นอนไม่ได้เ้าค่ะ ท่านยังมีเด็กอีกคน” เสียงดังเบาๆ อยู่ข้างหู
ภายใต้ภวังค์ นางได้ยินเสียงร้องดังขึ้นและเสียงร้องไห้ของหนิวซื่อ ตามมาด้วยเสียงต่อว่าด้วยความโกรธ ระหว่างที่สติเลือนรางก็เห็นมือที่ทำจากเหล็กข้างหนึ่ง กำลังยื่นมาที่ด้านล่างของตนเอง...
หนิวซื่อพยายามฝืนน้ำตาไว้แล้วมองนายหญิงที่อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นอย่างเคร่งเครียด ในใจอธิษฐานไม่หยุดว่านายหญิงจะต้องรับมือไหว นางจะต้องทำได้
สายสะดือพันร่าง คิดไม่ถึงว่าเด็กอีกคนจะถูกสายสะดือพัน ในสถานการณ์เช่นนี้ หากไม่มีปาฏิหาริย์ ทั้งแม่และลูกจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้
โชคดีที่หลังจากท่านหมอยื่นมือแปลกประหลาดนั้นออกมา ความหวังของนางก็เพิ่มขึ้นมามาก
ตอนที่เสียงร้องอ่อนแอของเด็กอีกคนดังออกมา หนิวซื่อทรุดลงไปนั่งบนพื้นปิดหน้าร้องไห้ “ขอบคุณ ขอบคุณ...”
ขอบคุณท่านหมอมือหนึ่ง และขอบคุณ์ที่ฟังเสียงขอร้องอ้อนวอนของนาง
เฉินเนี้ยนหรานนอนอยู่บนเตียง ตอนที่คลอดลูกคนที่สองก็สลบไป ด้านล่างของนางยังมีเืไหลอยู่ การคลอดลูกครั้งนี้ เพราะสายสะดือพันตัวลูกสาว ทำให้หยวนชี่ของนางได้รับาเ็หนัก
สามารถฝืนได้จนถึงตอนนี้ เพราะความคิดเดียวว่า ข้ายังไม่อยากตาย ข้าไม่อยากตาย!
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็ผ่านไปได้สามวันแล้ว มีเสียงร้องไห้อ่อนแอของเด็ก รวมถึงเสียงปลอบโยนของผู้ใหญ่
ตอนนี้เป็เวลากลางวัน แสงที่ส่องเข้ามาในห้องยังแรงมาก เฉินเนี้ยนหรานพยายามลืมตาขึ้นอยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็ลืมขึ้น
“นายหญิง นายหญิง ท่านดูสิ ลูกชายกับลูกสาวต่างหน้าตางามนัก” หนิวซื่อที่กล่อมเด็กอยู่นั้นเมื่อเห็นนางตื่นขึ้นมาแล้วจึงอุ้มมาอยู่ตรงหน้า และคิดได้ว่านางไม่ได้ทานอาหารมาหลายวัน จึงะโไปด้านนอกห้อง “แม่นางสกุลจ้าว แม่นางสกุลจ้าว รีบยกโจ๊กมา นายหญิงตื่นแล้ว นายหญิงตื่นแล้ว”
หลังจากทานโจ๊กไปแล้ว เฉินเนี้ยนหรานถึงได้มีเรี่ยวแรงดูลูก นางมองลูกน้อยตัวผอมย่นเหมือนลูกลิง ก่อนจะกระพริบตาปริบๆ สองสามที “พี่สะใภ้ ฮือ ข้า เหตุใดข้าถึงได้คลอดลูกหน้าตาแปลกๆ ออกมาเ้าคะ? เด็กคนนี้เหตุใดจึงผอมเช่นนี้?” ์ ลูกของคนอื่นต่างน่ารักน่าชัง เหตุใดลูกของนางถึงได้มองแล้ว...ผอมแห้งเช่นนี้ แม้แต่จมูกแล้วยังหน้าผากออกจะขาวไปสักหน่อย หนังศีรษะเองก็มีผมแรกเกิดเพียงหร็อมแหร็ม...
ไม่น่ารัก ไม่มีเนื้อหนังอ้วนๆ ยิ่งไม่มีทางเข้าไปเฉียดคำว่าน่ารักเลย อาจจะเพราะเป็ฝาแฝด พวกเด็กๆ จึงได้ดูตัวผอมเล็กมาก เด็กปกติแล้วจะอย่างไรก็มีน้ำหนักห้าถึงหกจิน แต่เด็กคนนี้เฉินเนี้ยนหรานใช้สายตาประมาณแล้วคาดว่าจะน้ำหนักแค่สามถึงสี่จิน เด็กที่ตัวเล็กสามสี่จินเช่นนี้...ตัวอ้วนสิแปลก!
หนิวซื่อได้ยินคำพูดเลอะเทอะของนาง ก็โกรธจนไม่ได้สนใจความสัมพันธ์นายบ่าวแล้วเคาะหัวนางไปทีหนึ่ง “แม่นางตัวดี เด็กที่เพิ่งจะเกิดล้วนหน้าตาเช่นนี้ทุกคน รอต่อไปเติบโตขึ้นแล้วเ้าอย่ามาแย่งพวกเราอุ้มเด็กแล้วกัน”
เฉินเนี้ยนหรานกุมหัวตัวเองแล้วหัวเราะ ป้องกันไม่ให้หนิวซื่อตีนางอีก “ข้าเพียงพูดตามความจริงนี่ แต่ข้าเชื่อว่าลูกที่ข้าคลอดออกมา ต่อไปจะต้องเป็เด็กที่งดงามแน่ มา ให้แม่อุ้มสักหน่อยเ้าลูกชาย...”
ก่อนจะอุ้มลูกชายตัวน้อยอยู่ในอ้อมกอด ตัวนิ่มๆ
ดวงตาหรี่ปรือเล็กๆ ยังมองแววตาไม่ออก แต่ปากน้อยๆ นั้นกลับสีชมพูระเรื่อเหมือนกับผลอิงเถาลูกน้อย
ตอนที่อุ้มร่างเล็กนุ่ม มองเด็กน้อยยื่นหน้ามาตรงหน้าอกเหมือนสัตว์ตัวน้อยกำลังหิวโหย หลังจากดมได้กลิ่นนมจึงหายใจฮึดฮัดทางจมูกอยากจะดื่มนม
“เ้าลูกแมวจะกละ!”
ก่อนจะคลอดเฉินเนี้ยนหรานก็มีน้ำนมไหลออกมาอยู่แล้ว แม้นางจะหลับไปสามวัน แต่ไม่อาจขัดขวางน้ำนมที่ไหลออกมาได้
ตอนนี้เมื่อเห็นใบหน้า้าของลูกชาย จึงส่งหน้าอกไปตรงหน้าของลูกชาย ซึ่งเด็กชายที่กำลังหิว พอได้กลิ่นน้ำนมหอมๆ ที่คุ้นเคยจึงอ้าปากเข้าไปดูด
“ฮี่ๆ ปากเล็กเช่นนี้ แต่ดูดนมเก่งมากเลยนะ!”
“แน่นอน นายน้อยของพวกเราเป็เด็กเก่ง หลายวันที่หลับไป เป็ข้าที่คอยป้อนนม อย่าว่าเช่นนั้นเลย เด็กคนนี้ดูดเก่งจริงๆ ดูดนมครั้งแรกก็กัดไม่ยอมปล่อย หลังจากดูดจนอิ่มแล้วถึงได้นอนหลับไป”
“แน่นอน ลูกชายของข้าจะต้องเก่งที่สุด” เฉินเนี้ยนหรานพอใจ
หนิวซื่อส่ายหน้า “เมื่อครู่ผู้ใดเพิ่งจะบอกลูกหน้าตาน่าเกลียดกันนะ!”
ครั้งนี้เฉินเนี้ยนหรานไม่พูดอะไร เพียงแค่จับมือเล็กๆ นั้นมาหยอกล้อเล่น เมื่อเห็นเด็กน้อยดูดไปได้สักพักนางก็จะปล่อยออกมาพักหายใจ เมื่อแหล่งอาหารของตนเองหายไป เขาก็โกรธจนใช้ปากปัดป่ายหาส่งเดชไปหมด
“อืออือ...” เด็กน้อยเมื่อหาไม่เจอก็ทำท่าจะร้องไห้แล้ว
เฉินเนี้ยนหรานเริ่มอยากแกล้งยกนิ้วขึ้นไปจิ้มที่มุมปากของเด็กน้อย “ฮูฮู...” เด็กน้อยเหมือนเจอกับอาหารจึงรีบหันมาทางนิ้วของนาง
“ฮี่ๆ กินไม่ได้ กินไม่ได้” คนนิสัยไม่ดีที่เพิ่งจะเป็มารดาครั้งแรก เอานิ้วจิ้มที่แก้มขวาอีกอย่างได้ใจ
เป็เช่นนี้หลายรอบ เด็กน้อยที่อยากดื่มนมแต่ไม่ได้ ปากว่างเปล่าจึงเบะ “แอ้ แอ้...” แล้วต่อต้านมารดาตัวร้ายด้วยการร้องไห้ออกมา
“อา กินนี่นะกินนี่” แม่บางคนที่ทำผิดไปแล้วจึงรีบเอานมป้อนใส่ปาก
หนิวซื่อเห็นท่าทางนี้ของนางจึงหัวเราะออกมา ส่ายหน้า เฮ้อ เป็มารดาแล้วแต่ยังไม่โต ต่อไปมีเด็กน้อยมาอีกสองคน ไม่รู้ว่าสามคนนี้สุดท้ายแล้วจะเป็แม่ลูกแบบใดกัน
เมื่อป้อนลูกชายเสร็จแล้ว ลูกสาวก็ตื่นขึ้นมา
พอดีที่ลูกชายดูดไปเพียงข้างเดียว อีกข้างหนึ่งจึงยังมีน้ำนมเต็มเปี่ยม
เด็กหญิงตัวยิ่งเล็กกว่า แต่ผิวกลับนุ่มลื่นกว่ามาก คลอดออกมาได้สามวันแล้ว แม้เด็กน้อยจะยังผอมแต่ผิวนุ่มลื่น
แค่อุ้มเอาไว้ เฉินเนี้ยนหรานก็มีความสุขจนยิ้มไม่หุบ นี่คือลูกสาวของนาง
“ข้าจะเลี้ยงดูลูกสาวให้เป็ตัวซวย”
หนิวซื่อมองสายตาของนางที่มองไปยังลูกสาวในอ้อมแขน ก็เหงื่อแตกพลั่ก เื่นี้ เื่นี้ชัดเจนมากว่าแม่หนูน้อยจะถูกทำร้าย
แม้เฉินเนี้ยนหรานยังอารมณ์ดี แต่อย่างไรการคลอดก็สูญเสียพละกำลังไปมากดังนั้นตอนนี้ทั้งตัวของนางจึงดูเหนื่อยล้า
หนิวซื่อรับเด็กทั้งสองคนมา แล้วตบหลังแม่หนูน้อยเบาๆ “จริงสินายหญิง วันนี้เป็วันสีซาน[2] ของเด็กทั้งสองคน พวกข้าคิดแล้วนะเ้าคะ แม้เด็กสองคนนี้จะไม่มีท่านย่าท่านยาย แต่ลำพังพวกเราไม่กี่คนในเรือนรวมตัวกันทำสีซาน ท่านเพียงคอยมองอยู่ด้านข้าง ข้าจะไปเรียกพวกสกุลจ้าวกับพวกเด็กๆ ของข้ามาร่วมพิธีสีซานดีหรือไม่เ้าคะ?”
สีซานเป็ประเพณีของการคลอดลูกในยุคนี้ ในเวลาเช่นนี้ ปกติแล้วควรจะมีท่านยายของพวกเด็กๆ มาทำพิธีให้ แต่สถานการณ์ของเฉินเนี้ยนหรานพิเศษสักหน่อย บิดามารดานิสัยไม่ดีของนางหวังพึ่งพาได้ที่ใดกัน
อีกทั้ง ตอนนี้เด็กทั้งสองคนยังเปิดเผยออกไปไม่ได้ ดังนั้นหนิวซื่อและคนสกุลจ้าวได้ปรึกษากันดีแล้วว่าพิธีสีซานของเด็กสองคนนี้จะไม่มีไม่ได้ แต่คนในงานแค่เปลี่ยนไป โดยให้คนในเรือนเช่นพวกนางมาช่วยกันทำพิธี
หนิวซื่อต้มน้ำดอกฮวายผูกับหญ้าไอ้เฉ่าเอาไว้แล้ว พร้อมทั้งเอาลี่จือ กุ้ยเยวียน ฮวาเซิง เมล็ดข้าวโพด เคอเถามาย้อมด้วยเหยียนจือ ต่อมาแม่นางสกุลจ้าวที่เข้ามาพร้อมกะละมังเล็กๆ ข้างในนั้นใช้น้ำมันงาแช่เข็มปักดอกไม้เอาไว้
“เ้านี่น่ะ เอาไว้ใช้เจาะหูคุณหนูน้อย” เมื่อเห็นเฉินเนี้ยนหรานมองของพวกนี้ด้วยความสงสัย หนิวซื่อจึงอธิบายอย่างใจดี
“หยา ตัวเล็กเพียงนี้ก็ถูกเจาะหูเสียแล้ว เป็เด็กน่าสงสารจริงๆ” เฉินเนี้ยนหรานรู้สึกว่าหูของตนเองจะปวดตามไปด้วย ลูกน้อยที่น่าสงสารเพิ่งจะตัวแค่นี้ก็ถูกแทงเสียแล้ว
“วางใจเถิด อีกเดี๋ยวป้าสกุลหวังจะมาแล้ว หากนางเจาะหูให้คุณหนูน้อย รับรองว่าไม่เจ็บเ้าค่ะ” ป้าสกุลหวังคือท่านหมอมือหนึ่งที่มาทำคลอดให้กับเฉินเนี้ยนหราน
“อืม จะต้องดูแลป้าหวังเอาดีๆ หน่อยนะ หากไม่ใช่นางมาทำคลอดให้ ข้าและพวกลูกๆ ไม่แน่อาจจะเกิดเื่ไม่ดีขึ้นแล้วก็เป็ได้!” พอคิดถึงอันตรายก่อนคลอด เฉินเนี้ยนหรานยังใจนเหงื่อแตกไปทั้งตัว
พวกหนิวซื่อวิ่งเข้าวิ่งออกไม่หยุด อีกเดี๋ยวจะไหว้เคิงเกิง เคิงมู่[3] อีกเดี๋ยวเอาขี้ผึ้งมาทาบนกระเป๋าผ้าใบเล็ก
ครู่หนึ่งทั้งเรือนก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมมากมายจากเครื่องหอมหลายชนิด
ในเรือนวางกะละมังใหญ่หลายใบ ส่วนกะละมังว่างสองใบเอาไว้ใช้อาบน้ำเด็กน้อยสองคน ใบอื่นๆได้ใส่ตำลึงทองเม็ดเล็กรูปร่างคล้ายหมั่นโถว รวมถึงดอกไม้บาน ดอกไม้ตูม พัด ไข่มุกทอง ของใช้มากมายในชีวิตประจำวันล้วนปรากฏอยู่ที่นี่ทั้งหมด
ยามเที่ยง พระอาทิตย์ขึ้นสูง โดยป้าหวังล้วงขันออกมาตักน้ำขันหนึ่ง และโปรยก้อนเงินลงไปในขัน ปากก็สวดมนต์ไปด้วย
“อาบน้ำเ้า...”
ตามด้วยหนิวซื่อ จ้าวซื่อ รวมถึงเหล่าป้าๆ ที่อยู่ใกล้ๆ ที่ลูกหลานต่างมีความสุขมาร่วมสวดมนต์ไปด้วย ก่อนจะโยนของที่เตรียมเอาไว้ลงไป
เมื่อเห็นพิธีโบราณเช่นนี้ ในใจของเฉินเนี้ยนหรานรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา แม้เด็กทั้งสองคนไม่มีครอบครัวของย่าหรือยาย แต่ภายใต้การจัดงานของจ้าวซื่อและหนิวซื่อ พิธีสีซานของเด็กทั้งสองคนไม่ได้แย่ไปกว่าเด็กคนอื่นๆ บรรดาคนที่ลูกหลานต่างมีความสุขที่ได้เชิญมาถือเป็การพิสูจน์อย่างหนึ่ง
ตอนที่หนิวซื่อใส่ของลงไปในขัน ได้มอบกำไลเงินคู่หนึ่งให้ทั้งสองคนคนละคู่อย่างใจกว้าง
“พี่สะใภ้ ข้ารับไม่ได้หรอก” หนิวซื่อเป็เพียงสตรีที่ช่วยเฉินเนี้ยนหรานทำงานเบ็ดเตล็ด นางสามารถควักกำไลสองคู่เช่นนี้ออกมาได้ สามารถคิดได้เลยว่า นี่คือสมบัติทั้งหมดที่นางมี
เชิงอรรถ
[1] หนึ่งเค่อ เท่ากับสิบห้านาที
[2] 洗三 สีซาน หมายถึงประเพณีสำคัญหลังจากเด็กเกิดมาสามวันจะทำพิธีอาบน้ำให้ เพื่อเป็การอวยพรให้เด็กๆ โชคดี
[3] 坑公,坑母 เคิงกง เคิงมู่ เป็เทพเ้าที่เ้าทาง
