เมื่อผู้จัดการฉางเห็นฝูงชนนับพันเกิดความไม่พอใจ เขาจึงคำนับด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า “ทุกท่านโปรดวางใจ ในเมื่อโรงประมูลของเราได้เผยแพร่ข้อมูลโดยที่มิได้คิดราคาแล้ว ย่อมไม่แย่งชิงอย่างแน่นอน”
“ผู้าุโชิวมากับข้าเพื่อที่จะเป็ประจักษ์พยานแก่ทุกคนเท่านั้น!”
เมื่อผู้จัดการฉางกล่าวออกมาเช่นนี้ ทำให้นักยุทธ์หลายคนที่อยู่ในหุบเขารู้สึกสบายใจมากขึ้น ตราบใดที่โรงประมูลไม่เข้าร่วม พวกเขานั้นมีโอกาสมากขึ้นอย่างแน่นอน
แค่เพียงสามตระกูลใหญ่อย่างตระกูลหลิว ตระกูลมู่ และตระกูลเจียง ก็ทำให้พวกเขาเคร่งเครียดกันมากพอแล้ว
คนตายเพราะความโลภ นกตายเพราะความตะกละ แม้รู้ว่าตนเองมีโอกาสไม่มาก แต่ก็ไม่อยากปล่อยให้โอกาสนี้เสียไปอย่างไร้ประโยชน์
“ผู้จัดการฉาง พวกเราเคารพในตัวท่าน หากคำพูดเมื่อครู่นี้ท่านมิได้หลอกพวกเรา เช่นนั้นโปรดรีบบอกทางเข้าสุสานโบราณมาเถอะ!”
เมื่อคนผู้นั้นเอ่ยปากขึ้นมา ผู้คนอีกมากมายจึงส่งเสียงร้องขอออกมาเช่นกัน
ผู้จัดการฉางส่งสัญญาณเพื่อบอกให้ทุกคนอย่าใจร้อนเกินไป ครั้นเห็นว่าทุกคนอยู่ในความสงบแล้ว เขาจึงหันกลับมาพูดกับผู้าุโว่า “ผู้าุโชิว รบกวนท่านแล้ว!”
เมื่อผู้าุโชิวที่อยู่ระดับจันทราถูกผู้จัดการฉางเรียก เขาจึงเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความี้เี ก่อนจะยกคิ้วที่ยาวไปถึงมุมปากขึ้น
“เปิด”
ผู้าุโชิวแสดงปางมือด้วยมือเพียงข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างได้มีพลังปราณปรากฏอยู่รอบๆ กระดาษสีน้ำตาลที่ถืออยู่ เมื่อปราณดาราแพร่เข้าสู่กระดาษสีน้ำตาลแล้ว บรรยากาศในหุบเขาจึงเงียบลงในทันที
ในไม่ช้าอากาศที่อยู่ระหว่างฟ้าดินก็แ่าขึ้นจนทำให้ผู้คนแทบหายใจไม่ออก
“ตูม ครืน ครืน”
พื้นดินปรากฏรอยแยก ทำให้หินก้อนใหญ่จำนวนมากกลิ้งตกลงมาตามรอยแยกนั้นในทันที
ผู้จัดการฉางกับนักยุทธ์จำนวนมากรีบยกเท้าหนี หลุมที่มีความหนาเท่ากับเอวของมนุษย์เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าพื้นดินทั้งสองด้านกำลังถูกฉีกออก
“อ๊าก”
ูเากลายเป็หลุมั์ที่ดูดกลืนนักยุทธ์จำนวนมากที่หนีไม่ทันให้ตกลงไป หุบเขาทั้งหมดกลายเป็สถานที่อันตรายในทันที
หยวนจุนก็ไม่ต่างกัน เขามองก้อนหินตรงเท้าที่กำลังกลายเป็ฝุ่นผง สายตาสะท้อนความตกตะลึงออกมา ก่อนจะรีบใช้ปราณดาราภายในส่งตัวให้ลอยขึ้นไปอยู่ในอากาศ “ช่างเป็วิธีที่ดีจริงๆ นึกไม่ถึงว่าเขาจะซ่อนสุสานของตนเองไว้ใต้ดินระหว่างสองูเาใหญ่!”
เมื่อหยวนจุนเริ่มเห็นโครงร่างของสุสานโบราณที่อยู่ด้านล่าง เขาตกตะลึงในทันที และมิได้พุ่งเข้าไปเหมือนนักยุทธ์ส่วนใหญ่
“กึก กึก กึก”
ขณะที่นักยุทธ์วิ่งกรูกันเข้าไป จู่ๆ กับดักต้องห้ามที่ลอยอยู่ในอากาศซึ่งห่างออกไปไม่กี่จั้งก็ปรากฏขึ้น เมื่อนักยุทธ์ชนเข้ากับกับดักต้องห้ามนั้นจึงถูกแรงะเิจนทำให้เืสาดกระจาย
หยวนจุนที่เคยเดินผ่านสุสานโบราณอยู่บ่อยครั้งย่อมเข้าใจเื่นี้ดีกว่าผู้ใด เ้าของสุสานทุกแห่งล้วนเป็ผู้ที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงต้องทิ้งวิชายุทธ์ที่สืบทอดต่อกันมาไว้อย่างแน่นอน
ซึ่งผู้ที่สามารถสืบทอดได้ จะต้องผ่านการทดสอบด้วยวิธีการที่หลากหลายเสียก่อน
แม้เ้าของสุสานแต่ละคนจะใช้วิธีการคัดเลือกนักยุทธ์ที่แตกต่างกัน แต่พวกเขาล้วนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ ผู้ที่รีบร้อนเข้าไปในสุสานมักมีจุดจบที่ไม่ดี
หยวนจุนรู้เื่นี้ดี เขาจึงไม่รีบร้อนก้าวไปข้างหน้า
แม้เ้าของสุสานนี้จะบ่มเพาะผ่านเพียงระดับตะวัน แต่กลวิธีที่เขาใช้ในการทดสอบนักยุทธ์นั้นเ้าเล่ห์และโหดร้ายเป็อย่างมาก เพียงแค่นักยุทธ์ััเข้ากับกับดักต้องห้ามที่โปร่งใส ก็ทำให้ไม่มีชีวิตรอด และตายอย่างน่าอนาถแล้ว!
ยังมีนักยุทธ์อีกหลายสิบคนที่มีความคิดเหมือนกับหยวนจุน ดังนั้นเมื่อรวมกับนักยุทธ์ที่มิได้โดนกับดักต้องห้ามในสุสานแล้ว จากกลุ่มใหญ่ราวๆ พันคน ตอนนี้จึงเหลือเพียงร้อยกว่าคนเท่านั้น
หยวนจุนััได้ถึงความรู้สึกคุ้นชินที่อธิบายไม่ถูก ครั้นร่างหนึ่งปรากฏอยู่ด้านหน้า เขาที่ได้เห็นถึงกับร่างกายสั่นเทิ้มออกมาทันที
หลิวหรูเยียนมองเขาด้วยสายตาที่ขมขื่นอยู่ภายในใจ ท่าทีที่แสดงออกบ่งบอกว่านางรู้อยู่แล้วว่าเขาคือหยวนจุน
หยวนจุนรีบหันหลังราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะมองไปยังกับดักต้องห้ามที่ลอยอยู่ในสุสานด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม เดิมทีมันโปร่งใส แต่ตอนนี้กลับกลายเป็สีแดงเข้มเพราะเปื้อนเืของนักยุทธ์
“ฮาฮา การค้นสุสานโบราณแห่งเมืองเทียนอวิ่น จะขาดตระกูลเซียวของข้าไปได้อย่างไร!?”
เสียงะโกึกก้องที่ดังมาจากระยะไกลแฝงไปด้วยพลังปราณที่แข็งแกร่งและหนักแน่น ก่อนจะแผ่กระจายไปทั่วหุบเขาอย่างน่าอัศจรรย์
เมื่อถูกพลังปราณนั้นโจมตี หยวนจุนจึงรีบนำสองแขนมาไขว้กันเพื่อป้องกันตัว และเพื่อต้านแรงอันแข็งแกร่งนั้นไว้
เซียวจั้นและเซียวหานปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ราวกับดาวสองดวงที่ส่องประกายบนท้องฟ้ามาปรากฏอยู่ตรงหน้า
“ราชสีห์เืเซียวจั้น! หญิงงามเซียวหาน!”
นักยุทธ์ที่รู้จักพวกเขาอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา นึกไม่ถึงว่าตระกูลเซียวจะรู้ความเคลื่อนไหวในเมืองเทียนอวิ่นได้กระจ่างชัดถึงเพียงนี้
แม้สถานที่นี้จะอยู่ในเขตอำนาจของเมืองเทียนอวิ่นแต่ก็ใกล้ชายแดน ซึ่งการที่เซียวจั้นปรากฏตัวอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทำให้สีหน้าของพวกเขาดูสิ้นหวังขึ้นมาในทันที
เซียวจั้นมิได้สนใจสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองเทียนอวิ่น เขาเพียงหันไปคำนับผู้จัดการฉางกับผู้าุโชิวด้วยความสุภาพ ก่อนจะกล่าวว่า “ผู้จัดการฉาง อย่าตำหนิกันเลยนะ! ฮาฮา”
“เซียวจั้นมาที่นี่โดยมิได้รับเชิญ ผู้จัดการฉางคงอยากตำหนิข้าใช่หรือไม่?”
ผู้จัดการฉางตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “สิ่งที่อยู่ในสุสานโบราณเป็สิ่งทุกคนสามารถมองเห็นได้ แต่ผู้ใดจะโชคดีได้นั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน”
“ในเมื่อผู้นำเซียว้าที่จะเข้าร่วมด้วย เช่นนั้นก็เชิญได้เลย”
เซียวจั้นพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะจ้องมองไปยังกับดักต้องห้ามที่เปื้อนเืที่อยู่ในสุสาน
สุสานของนักยุทธ์ระดับตะวันนั้นไม่ง่ายที่จะทำลาย หาก้าทำให้กับดักต้องห้ามนี้หายไป อาจจะต้องใช้กลยุทธ์สักเล็กน้อย
ขณะเดียวกันเซียวหานได้กวาดดวงตางามไปยังนักยุทธ์ที่เหลืออยู่ร้อยกว่าคน เมื่อเห็นคนผู้หนึ่งที่คุ้นเคย สีหน้าแห่งความยินดีจึงหายไปในทันที นางพึมพำออกมาว่า “หยวนจุน ดูสิว่าเ้าจะพลาดท่าในสุสานโบราณนี้อย่างไร?”
“เหอะ แต่เช่นนี้ก็ดี เพราะอย่างน้อยก็ไม่ต้องอับอายต่อหน้าผู้คนมากมาย!”
เมื่อเซียวหานกล่าวจบ สายตาได้จับจ้องไปที่กับดักต้องห้ามของสุสาน ก่อนที่สีหน้าของนางจะเต็มไปด้วยความหนักใจ
คราบเืสีแดงสดที่อยู่บนกับดัก ทำให้ผู้คนแสดงความรู้สึกหดหู่ออกมาอย่างเลี่ยงมิได้
“ปัง”
เซียวจั้นรีบลงมือ เขาปล่อยหมัดออกไปที่กับดักต้องห้ามนั้นอย่างรวดเร็ว พลังที่แข็งแกร่งแผ่กระจายออกมาในทันที จนทำใหู้เาทั้งลูกสั่นะเือย่างรุนแรง
“ตุ้บ”
ทุกคนเห็นเพียงเซียวจั้นล่องลอยขึ้นไปจนเกิดเสียงแหวกลมในอากาศ จากนั้นเขาก็กระแทกเข้ากับยอดเขาอันตรายจนเกิดเสียงดังออกมา
แม้เซียวจั้นจะถูกผลักไปยังกับดักต้องห้าม แต่ด้วยพลังที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับหลิววั่นซานจึงทำให้เขาไหวตัวทันและลงมือได้อย่างทันท่วงที แม้กับดักต้องห้าม้าจะไม่ปรากฏรอยร้าวออกมา แต่ก็สามารถทำให้มันอ่อนแรงลงได้
กล่าวคือ เมื่อนักยุทธ์ระดับจันทราต้องเผชิญกับกับดักต้องห้ามนี้ มันจะไม่มีทางคร่าชีวิตของนักยุทธ์ระดับนี้ได้
“เราลงมือด้วยกัน! ทำลายกับดักต้องห้ามนี้เพื่อเปิดทางให้แก่ผู้เยาว์!”
ผู้าุโชิวยกคิ้วขึ้น จากนั้นเซียวจั้น และคนในตระกูลหลิว ตระกูลมู่ และตระกูลเจียงจึงร่วมออกแรง ส่งพลังฝ่ามือโจมตีทั้งห้าทิศอย่างเต็มที่
“วี้”
กับดักต้องห้ามที่ตอนแรกชุ่มไปด้วยเืสีแดงสด ตอนนี้กลับกลายเป็เห็นชัดบ้างไม่ชัดบ้าง ก่อนจะหายไปในทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้