Chapter 32
“เธอมาที่นี่ทำไม…”
เทพจ้องมองชายผู้เป็ที่รัก แม้เส้นผมของอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็สีขาว แม้เผ่าพันธุ์ที่เกิดเป็ซาตานไม่ใช่มนุษย์ แต่โจไซอายังรักไม่ต่างจากเดิม เสียงของเทพสั่นขณะลุ้นรอคอยคำตอบ ่เวลาทุกเสี้ยววินาทีที่แซ็กคารีสบตาและกำลังอ้าปากพูดช่างยาวนานสำหรับผู้ที่รอคอย
“เพราะผมคือเอเดน กริฟฟิน ส่วนคุณ… คือเฮเซล”
โจไซอายังคงสับสน หลายความรู้สึกพรั่งพรูพร้อมกันราวคลื่นและพายุ แซ็กคารีอธิบายต่อพร้อมมุมปากที่ยกขึ้น
“และที่นี่คือบ้านของเรา”
เทพโจไซอายิ้มกว้างเต็มแก้ม หัวใจที่บีบหดเกร็งอยู่เนิ่นนานและเต้นอย่างอ่อนแรงของเทพเริ่มบีบตัวสลับคลายออกเป็จังหวะ เต้นระรัวแรงขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับหัวใจของมนุษย์
“เธอจำทุก ๆ อย่างได้แล้วเหรอ”
“ครับ ผมจำได้แล้ว”
แซ็กคารียิ้มกว้างไม่ต่างกัน ทั้งสองก้าวขาเข้าหาผลักระยะห่างระหว่างทั้งคู่ออกไปพร้อมกางแขนกว้างเพื่อโอบกอดกันและกันแน่นในเช้าของฤดูใบไม้ผลิ ที่หน้าบ้านแสนอบอุ่นของโจไซอากับเอเดนที่บัดนี้มีชื่อเป็แซ็กคารี
สองแขนผ่ายผอมคล้องลำคอร่างสูง ส่วนสองแขนแข็งแกร่งโอบรอบเอวคอดบาง กอดแนบชิดเข้าหากันจนอากาศไม่อาจแทรกผ่าน โจไซอาเขย่งสุดปลายเท้าเพราะส่วนสูงของทั้งคู่ที่แตกต่างกัน และเท้าลอยจากพื้นเมื่อแซ็กคารียืดตัวขึ้นพร้อมยกเทพร่างผอมขึ้นด้วยให้กอดแน่นมากกว่าเดิม
“คิดถึงเธอที่สุดเลย”
“ผมก็คิดถึงคุณครับ โจ”
ยิ่งได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่อของตนเอง เขากลับยิ่งคิดถึง และไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลง โจไซอายกยิ้มอย่างมีความสุข เช่นเดียวกับแซ็กคารี แต่ยังคงมีความโศกเศร้าและรู้สึกผิดอยู่ในแววตาซาตาน เพราะร่างกายผ่ายผอมลงจากเดิมอย่างน่าใจหายของเทพ รวมถึงความทุกข์ทรมานจากโรครักระทมที่เขาเห็นกับตาตนเอง
แซ็กคารีค่อย ๆ ผละกอดเพื่อมองหน้าเทพร่างผอม ดวงตาสีเฮเซลไล่มองสำรวจทุกส่วนบนใบหน้าซีดเซียวที่ประดับด้วยรอยยิ้ม แต่แก้มที่เคยนวลเนียนสวยยามนี้ซูบตอบอย่างน่าใจหาย ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงกลับซีดไร้สีเื เบ้าตาลึกขึ้นสีคล้ำดูอ่อนแรง ฝ่ามืออุ่นวางััข้างแก้มเพื่อลูบไล้แ่เบา จับเส้นผมสีทองหม่นทัดข้างใบหูอีกฝ่าย
“คุณยังรักผมอยู่ไหมครับ” แม้มั่นใจในคำตอบของโจไซอา แต่แซ็กคารีกลับกลัว ในขณะที่เทพยิ้มกว้างขึ้นเมื่อได้ยินคำถาม และพร้อมตอบหนักแน่นจริงใจ
“ฉันรักเธอเสมอ” และเพราะเหตุนี้โจไซอาจึงเป็โรครักระทมยาวนานเกือบครบร้อยปี
“ถึงผมจะมีคนอื่น… หรือตายไปแล้วเป็ร้อยปีน่ะเหรอครับ”
“ใช่”
ความรู้สึกของเทพตรงไปตรงมาไม่ซับซ้อน เมื่อรักแล้วจะรักสุดหัวใจยากจะหักห้ามความรู้สึกได้ไม่ว่าอีกฝ่ายเป็อย่างไรก็ตาม แซ็กคารีเ็ปชาที่อกและแล่นพล่านทั่วทั้งกาย เพราะความโง่เขลาของเขาทำให้โจไซอาต้องทุกข์ทรมาน แต่อีกฝ่ายยังรักเขาไม่เปลี่ยนไป
“ผมโง่เอง ผมโกหกคุณและทำให้คุณเสียใจ”
แซ็กคารีไม่กล้าพอจะมองตาโจไซอาด้วยซ้ำ จึงโอบกอดอีกฝ่ายแน่นและซุกใบหน้าที่ลาดไหล่บาง โจไซอากะพริบตาปริบ ๆ เหลือบมองซาตานด้วยความไม่เข้าใจ แต่เขารับรู้ปริมาณความเศร้าโศกได้ชัดเจนจึงพยายามลูบไหล่กว้างเพื่อปลอบโยน
“เธอโกหกเหรอ” ซาตานผละกอดอีกครั้ง สูดลมหายใจเข้าเพื่ออดกลั้นความรู้สึกผิด
“ครับ ผมโกหกว่าไม่ได้รักคุณ”
คำสารภาพในวันนี้ตรงกับสิ่งที่โจไซอาคาดเดามาตลอดเกือบร้อยปี ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสั่นไหว ม่านน้ำตาบดบังการมองเห็นอีกครั้งจนดวงตาของเทพเป็ประกายสะท้อนภาพชายตรงหน้า แต่ดวงตาของแซ็กคารีเป็สีแดงแห้งเหือดไร้น้ำตาเพราะเขาร้องไห้อย่างหนักจนไม่มีเหลือมันอีกแล้ว
“ทำไม”
“ผมกลัวจะตายจากคุณไป ผมโง่เองครับ ทั้งโง่ทั้งเห็นแก่ตัวคุณถึงได้เป็โรคบ้านี่”
แซ็กคารีต่อว่าตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า แท้จริงแล้วเขายังไร้เดียงสาไม่รู้พลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโจไซอา
“ที่รัก… เธอไม่ใช่ฝ่ายผิด เป็ฉันต่างหาก”
โจไซอาปะติดปะต่อเื่ราวทุกอย่างเข้าด้วยกันสำเร็จ และรู้สาเหตุของทุกสิ่ง
เทพแห่งการร่วมประเวณีมีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือมอบชีวิตะให้มนุษย์หรือแม้แตุ่์ ทันทีที่ได้มอบความรักให้ผู้นั้นอย่างสุดหัวใจ แต่ความรักในอดีตเมื่อยังไร้เดียงสาไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมและความโลภของมนุษย์ ทำให้โจไซอาหวาดกลัวอำนาจของตนเอง เขาไม่บอกเอเดนว่าอีกฝ่ายมีชีวิตเป็ะ และพูดเื่ความตายของมนุษย์ที่รักกับเทพให้เอเดนฟังหน้าตาเฉย เขาหลงลืมความหวาดกลัวในจิตใจมนุษย์ผู้เป็ที่รักของเขา
หากเขาบอกความจริงทุกอย่างด้วยความไว้ใจ เอเดนคงไม่หวาดกลัวความตายจนโกหกเขา เพราะการประกาศออกมาว่าไม่รักโจไซอาพาคำสาปเทพแห่งการร่วมประเวณีที่เขาควบคุมไม่ได้เข้าหาเอเดน อายุขัยของอีกฝ่ายจะตรงกันข้ามกับความเป็ะ หดสั้นและเหลือน้อยลงทุกทีราวเป็มาตรวัดความเสียใจของโจไซอา ยิ่งเทพแห่งการร่วมประเวณีเสียใจมากเท่าใด ผู้ที่ทำให้เสียใจยิ่งตายเร็วมากเท่านั้น
คำสาปยังรุนแรงจนชีวิตสั้นกุดของมนุษย์ชดใช้ไม่หมด ทั้งตระกูลกริฟฟินจึงอยู่ใต้คำสาป ไม่ว่าจะเป็พ่อแม่บ้าอำนาจที่เอเดนเกลียด หรือแม้แต่ทายาทรุ่นใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับความเลวร้ายที่บรรพบุรุษก่อขึ้นมาก็ตาม หากโจไซอาบอกความจริงกับเอเดน ทายาทตระกูลกริฟฟินผู้บริสุทธิ์ในขณะนี้จะไม่ต้องใช้ชีวิตในความยากจนทุกข์ทรมาน
“ฉันผิดเองที่ไม่ยอมบอกเธอแต่แรก”
ความเข้าใจผิดที่ต่างฝ่ายต่างปิดบังเอาไว้เพราะความกลัวจะเสียกันและกัน กลายเป็คำสารภาพที่โจไซอาและแซ็กคารีอธิบายทุก ๆ อย่างออกมาโดยไม่ปิดบังกันอีก ทั้งสองเข้ามาในบ้านชั้นเดียว ภายในอุ่นสบายไร้เศษฝุ่นผง เทพและซาตานนั่งข้างกันที่โซฟาในห้องนั่งเล่น
“ถ้าผมไม่โง่ คุณก็ไม่ต้องเ็ปมานานขนาดนี้โจ”
“ถ้าฉันบอกเธอแต่แรกเธอคงไม่ตาย”
มีแต่คำว่าถ้าอยู่เต็มไปหมด แต่ไม่มีใครย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้ จึงผลัดกันรับความผิดนั้นไว้กับตัว เถียงกันเป็ฝ่ายผิดไม่หยุด โดยที่แซ็กคารีช่วยเช็ดน้ำตาออกจากแก้มของโจไซอาไม่ห่าง ไม่สนความเ็ปยามััน้ำตาเทพ
“เราต้องหยุดเถียงกันสักที” เทพเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม น้ำตาหยดสุดท้ายถูกเช็ดออกจากแก้มด้วยนิ้วโป้งของแซ็กคารี
“ฉันอยากรู้แค่อย่างเดียว… ตอนนี้เธอรักฉันหรือเปล่า”
แซ็กคารียิ้มกว้าง สายตารักใคร่ที่จ้องมองโจไซอาเป็คำตอบที่ชัดเจนแล้ว แต่เขาอยากพูดให้ชัดเจนมากกว่านั้น ราวกับการประกาศออกไปให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ หรือผู้ที่เฝ้ามองพวกเขาอยู่ที่โลกุ์ได้ยิน
“รักครับ ผมรักคุณ โจ”
ความรักของทั้งสองต้องใช้เวลากว่า 99 ปีในการเวียนมาพบกันอีกครั้ง เพื่อให้ได้รักกันด้วยความจริงใจอันบริสุทธิ์ไร้เื่ราวที่ปกปิดกันและกัน โรครักระทมที่แสนยาวนานได้หยุดชะงักเพราะคำพูดของแซ็กคารีหนักแน่นราวการถอนคำสาป ความเ็ปทรมานภายในหายเป็ปลิดทิ้ง เหลือเพียงความซูบผอมภายนอกที่ต้องค่อย ๆ ฟื้นฟูทีละนิด
แซ็กคารีคิดถึงคำพูดของเทพแห่งความทรงจำที่เอ่ยเตือนเขาว่าถึงรับรู้อดีตก็ไม่สามารถแก้ไขได้
ซาตานหนุ่มจึงนึกคิดถึงเทพแห่งความทรงจำ ซึ่งอาศัยอยู่ในเกาะลึกลับกลางทะเล
ว่าหากเทพชราเฝ้ามองเขาอยู่ เขาขอให้เทพแห่งความทรงจำรับรู้ว่าแซ็กคารีกำลังแก้ไขเื่ราวในอดีต หลังจากจดจำได้ทุกสิ่ง อดีตของเขาเป็บทเรียนที่ย้ำเตือนไม่ให้แซ็กคารีทำผิดซ้ำอีกครั้ง เช่นเดียวกับซาตานจดจำอดีตชาติและจะเฉลียวฉลาดเพราะมีอายุประสบการณ์ถึงสองเท่าหรือมากกว่า
ผู้ที่กลบดินฝังความทรงจำเหตุการณ์เก่า ๆ เอาไว้ด้วยการหลงลืมมันไป ย่อมทำให้เหตุการณ์เดิมเกิดขึ้นซ้ำสองอีกครั้งราวไม่ได้รับการเรียนรู้
การรับรู้อดีตนั้นไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้จริง แต่แก้ไขเื่ราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
ซาตานดื้อรั้นไม่ฟังใครนามว่าแซ็กคารี คิดอย่างซุกซนว่าเทพแห่งความทรงจำอายุหมื่นปีคงต้องเลิกหวงความทรงจำในบ่อแห่งนั้น และเรียนรู้เสียใหม่
“ผมรักคุณ ผมรักคุณนะโจ ผมรัก—” เสียงทุ้มเอ่ยบอกรักซ้ำ ๆ หลายครั้ง ราวชดเชยกว่าเกือบร้อยปีที่ผ่านมา จนเทพยิ้มกว้างอย่างเขินอายแล้วยกนิ้วชี้แตะริมฝีปากบางให้หยุด
“รู้แล้ว ฉันก็รักเธอ” แต่แซ็กคารีคว้าข้อมือเรียวบางทั้งสองข้างไว้ไม่ให้เป็อุปสรรคต่อการบอกรักซ้ำ ๆ ของเขา และเริ่มเอ่ยด้วยเสียงทุ้มชวนเขิน กับใบหน้าเ้าเล่ห์ซุกซน
“ผมจะพูดจนกว่าคุณจะหายดีครับ ผมรัก—”
โจไซอาจึงเปลี่ยนน้ำเสียงทุ้มพร้อมคำบอกรักวนไปวนมาเป็การบอกรักด้วยภาษากายแทน ริมฝีปากเทพมอบจุมพิตแก่แซ็กคารี แตะแนบค้างกลืนคำบอกรักจากอีกฝ่ายด้วยัั
มือใหญ่ปล่อยข้อมือเรียวบางให้เป็อิสระ เพราะการโอบกอดกายโจไซอาน่าสนใจกว่านั้น มืออุ่นร้อนของซาตานลูบตามต้นแขนผ่านเสื้อไหมพรมตัวหนา สอดแขนโอบรอบเอว ลูบสีข้างใต้เนื้อผ้า พร้อมกับขบดูดดึงริมฝีปากล่างของโจไซอาเนิบนาบ
แววตาแสดงความรักใคร่และหลงใหลจ้องมองกันเมื่อผละจูบ ทั้งสองต่างยิ้มแล้วกดจูบเข้าหากันอีกครั้งราวริมฝีปากไม่สามารถแยกจากกันได้นาน มือเรียววางบนสันกรามคมของซาตานหนุ่ม อ้าปากรับลิ้นร้อนเข้ามาสำรวจภายใน เรียกความรู้สึกวูบโหว่งที่หน้าท้องราวแซ็กคารีอุ้มเขาไว้และพาโบยบินขึ้นท้องฟ้า
ร่างกายของเทพโจไซอาลอยขึ้นกลางอากาศจริง ๆ ไม่ใช่เพียงแค่ในความคิดอีกต่อไป เพราะแซ็กคารีอุ้มโจไซอาแนบอกจนลอยหวือขึ้นมา แขนผอมรีบคล้องรอบลำคอแซ็กคารีด้วยความใเปลี่ยนเป็เสียงหัวเราะในไม่ช้าหลังจากนั้น เมื่อแซ็กคารีเดินตรงเข้าห้องนอนของทั้งสอง
เตียงนอนที่เอเดนกับโจไซอาเคยนอนกอดกันนับครั้งไม่ถ้วน และเคยร่วมรักหลายต่อหลายครั้ง ได้กลับมาใช้งานอีกครั้ง แซ็กคารีวางร่างผ่ายผอมลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม แล้วลุกขึ้นยืนอยู่ข้างเตียงเพื่อถอดเสื้อโค้ตสีดำของตนเองออก ตามด้วยเข็มขัดหนังสีดำที่รัดเอวกางเกงขายาวเอาไว้
เทพพยุงตัวลุกขึ้นนั่งทับส้นตรงหน้าแซ็กคารี ช้อนตามองออดอ้อนพร้อมรอยยิ้ม และเป็ฝ่ายจับชายเสื้อคอเต่าสีดำขึ้น กระทั่งแซ็กคารีถอดมันออกทางหัว เผยร่างกายเปลือยเปล่าท่อนบนแข็งแรงแน่นกล้ามเนื้อ มือผอมจับหน้าท้องขึ้นลอนกล้าม ลูบไล้แ่เบาอย่างชื่นชมพร้อมกับช้อนตามองแซ็กคารีไม่ละ
ซาตานร่างสูงคุกเข่าตรงหน้าเทพ จับเรียวขาสองข้างลงจากเตียงเพื่อถอดรองเท้าบูทและถุงเท้าออกให้อย่างใจเย็น โจไซอามองแซ็กคารีด้วยรอยยิ้มของความสุข แต่กลับวูบหายไปเมื่อมืออุ่นลูบไล้ขึ้นมาถึงขอบเอวกางเกงเพราะจะช่วยถอดมันออกให้ มือผอมรีบจับมือแซ็กคารีให้หยุดการกระทำด้วยความไม่มั่นใจ
“เดี๋ยว คือฉัน” แซ็กคารีหยุด และปล่อยมือออกทันที เปลี่ยนมาวางแนบที่ข้างเตียงแทนแล้วมองตาเทพอย่างอ่อนโยน
“มีอะไรหรือเปล่าโจ” เทพก้มหน้าหลบตา และนั่งขบกัดริมฝีปาก สองมือเขี่ยกันไปมาบนตัก แซ็กคารีจึงวางมือทาบทับให้ใจเย็นลง
“ร่างกายฉันไม่ได้สวยเหมือนเมื่อก่อนนะ”
ความกังวลเกี่ยวกับรูปลักษณ์และร่างกายซูบผอมยังฝังแน่นในจิตใจ โจไซอาจดจำค่ำคืนกับชายหนุ่มขายบริการที่จูลิโอพาเขาไปปลดปล่อยได้ดี ว่าจากที่คิดว่าคงทำให้สดใสเบิกบานมากขึ้น กลับกลายเป็าแเพราะความไม่มั่นใจในร่างกายอัปลักษณ์ราวศพเดินได้
แซ็กคารีกุมมือทั้งสองข้างของเทพ ก้มหน้าลงเพื่อพยายามสบตาอีกฝ่าย
“โจ คุณยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ” เมื่อได้ยินคำปลอบโยน เทพรีบส่ายหน้าทันที
“อย่าโกหกเลย ก็เห็นอยู่ทนโท่ว่าฉันไม่สวยแล้ว”
“ผมไม่รู้หรอกครับ ก็ไม่เห็นว่ามันจะทำให้ผมรักคุณน้อยลงเลยนี่” ความดื้อไม่ฟังใครของซาตานเปิดเผยเป็การเถียงเทพโจไซอาเพื่อเอาชนะ แต่คำพูดนั้นทำให้โจไซอาหลุดยิ้มคลายความกังวลมากกว่าคำปลอบโยนที่คล้ายคำโกหก
“จริงเหรอ”
“ผมรักท่านมากกว่าเมื่อก่อนเสียอีก ท่านเทพโจไซอา”
เสียงหวานหัวเราะลั่นทันที เมื่อแซ็กคารีใช้สรรพนามยกย่องเต็มยศตามธรรมเนียมระหว่างเทพกับซาตาน เพราะอีกฝ่ายอยู่ในท่าคุกเข่าทำความเคารพของซาตานพอดิบพอดี แซ็กคารีหัวเราะตาม จับมือเรียวทั้งสองข้างมากดจูบหลังมือแล้วช้อนตามองอ้อน ยามนี้เทพจึงมองเห็นแซ็กคารีเป็สุนัขตัวโตน่าเอ็นดูอีกครั้ง
เทพจับสันกรามคมของชายผู้เป็ที่รัก ดึงเข้าหาตัวพร้อมโน้มใบหน้าลงเพื่อมอบจุมพิตที่ปลายจมูกทู่มนไม่ต่างจากเดิม และเลื่อนลงจุมพิตริมฝีปากแซ็กคารี เพียงเดี๋ยวเดียวความคิดถึงและโหยหาพาให้ซาตานหนุ่มเริ่มดูดดึงริมฝีปากเทพเนิบนาบ แล้วค่อย ๆ ร้อนแรงขึ้นด้วยมือสองข้างที่ล้วงใต้เสื้อไหมพรมััสีข้าง
แซ็กคารีหักห้ามใจแล้วผละจูบเมื่อมีความคิดดี ๆ วิ่งเข้ามาในหัว
“ท่านบันดาลเทียนสักเล่มให้ผมได้ไหมครับ”
แม้ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของซาตาน แต่เทพก็บันดาลเทียนสีงาช้างเล่มใหญ่ให้ตามที่เอ่ยขอด้วยการพลิกฝ่ามือหงายแค่หนึ่งครั้ง แซ็กคารีหอมฟัดข้างแก้มองค์เทพ ก่อนจะลุกไปพร้อมเทียนเล่มใหญ่
โจไซอามองตามซาตานหนุ่มที่เดินอวดร่างกายท่อนบนไปปิดผ้าม่านในห้องนอน แซ็กคารีไล่ปิดผ้าม่านทุกผืนจนครบ ภายในห้องมืดลงเหลือเพียงแสงสลัวเพียงเล็กน้อยที่ลอดปลายผ้าม่านเข้ามา จากนั้นแซ็กคารีจึงเปิดลิ้นชักแล้วพบกล่องไม้ขีดไฟอย่างแม่นยำด้วยความทรงจำเป็เลิศ และจุดเทียนเล่มใหญ่วางไว้บนโต๊ะเล็กข้างหัวเตียง
แสงสีส้มจากเปลวเทียนปรับเปลี่ยนบรรยากาศในห้องนอนยามสายทันที ความสว่างจ้าจากแสงอาทิตย์สะท้อนหิมะสีขาวแปรเปลี่ยนเป็สีส้มสลัวแลดูอบอุ่นเหมาะแก่การพลอดรักของคู่รักอย่างทั้งสอง
แซ็กคารีเดินยิ้มเ้าเล่ห์มานั่งบนเตียงข้างโจไซอา วางมือลงบนหน้าขาด้วยสายตาหื่นกระหายพร้อมร่วมรักกับเทพแห่งการร่วมประเวณีทันทีที่โจไซอาเอ่ยอนุญาต
“ดีขึ้นไหมครับ”
โจไซอาพยักหน้า เทพเกิดความ้ามากยิ่งขึ้นไม่ต่างจากซาตาน ยิ่งเวลามองหุ่นแข็งแรงกำยำของอีกฝ่ายยิ่งอยากลูบไล้สำรวจเต็มแก่
มือผอมวางที่แผ่นอกกว้าง ขยับเข้าใกล้แซ็กคารีเพื่อกดจูบปลายคาง ไล่จูบตามสันกราม จากนั้นจึงเป็ซอกคอ และบนแผ่นอก เอนกายแนบอิงแซ็กคารีเอาไว้ให้ท่อนแขนอีกฝ่ายโอบร่างกายของตนเอง แล้วหลับตาซึมซับความอบอุ่น
“อุ่นกว่าตอนเป็มนุษย์อีก”
“ท่านชอบเหรอครับ”
โจไซอาพยักหน้า ท่าทางเหมือนลูกแมวตัวเล็ก ๆ ที่แสนน่าเอ็นดูจนแซ็กคารีอดกดจมูกสูดดมกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้สีขาวที่ข้างขมับไม่ได้ มือบางเลื่อนหาหัวใจที่เต้นระรัวในแผ่นอก ััจังหวะที่เต้นระรัวรุนแรงขึ้นอย่างเช่นที่เขาชอบทำและเฝ้าคิดถึงอยู่เสมอ
“หัวใจซาตานเต้นเร็วเท่ามนุษย์ไหม” เสียงหวานมาพร้อมกับดวงตาเป็ประกายช้อนมอง แซ็กคารียิ่งหลงอีกฝ่ายหัวปักหัวปำ ก้มหน้ากดจูบริมฝีปากโจไซอาก่อนตอบคำถาม
“ครับ”
“ดีจัง”
ความลุ่มหลงยังมีมากเท่าเดิมแม้โจไซอาไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ แซ็กคารีคลอเคลียปลายจมูกเข้าหาผิวกายเทพไม่ห่าง กดสูดดมตามข้างแก้ม หรือซอกคอ บางครั้งใช้ริมฝีปากกดแนบจนเกิดความชื้นชวนจักจี้
ฝ่ามือใหญ่เริ่มซุกซน ล้วงััแผ่นหลังเปลือยเปล่าของโจไซอาใต้เสื้อไหมพรมตัวใหญ่ ลูบไล้อย่างเชื่องช้าทะนุถนอมตามแนวกระดูกสันหลังที่ชัดเจนแทบทุกชิ้น จากนั้นซาตานอุ้มร่างกายผ่ายผอมขึ้นอีกครั้ง วางลงบนหมอนจัดท่าทางให้สบายบนเตียงนอนใหญ่
แซ็กคารีนั่งคุกเข่าปลายเตียงที่เท้าของโจไซอา โน้มตัวคร่อมกายเพื่อจับขอบกางเกงจากนั้นจึงดึงลงอย่างช้า ๆ พร้อมสังเกตสีหน้าโจไซอาไปด้วย แซ็กคารีพรมจูบผิวกายที่โผล่พ้นเนื้อผ้า ดึงกางเกงขายาวออกจากเท้าสองข้างแล้วทิ้งมันลงข้างเตียง แทนที่ผ้าเ่าั้ด้วยจุมพิตไล่สำรวจร่างกายของเทพ
ข้อเท้าเรียวบางดึงดูดแซ็กคารีให้หยุดนิ่ง ซาตานหนุ่มที่จดจำทุกเื่ราวได้ดีจงใจทำแบบเดิม คือลูบข้อเท้าของโจไซอา และก้มจูบฝ่าเท้าอย่างรักใคร่ ไล่จูบถึงข้อเท้า จากนั้นจึงจับขาสองข้างให้แยกออกจากกันเพื่อแทรกตัวเองเข้าไปแทนที่
เขาไม่ถอดเสื้อไหมพรมตัวหนาลดความกังวลเื่รูปลักษณ์ของโจไซอาลง ยอมนิ่งอมยิ้มมองมือเรียวปลดกระดุมกางเกงให้ แล้วฟัดหอมแก้มซ้ำ ๆ ทั้งข้างซ้ายและข้างขวา
เขาทะนุถนอมโจไซอาสุดความสามารถ แม้มีอำนาจความ้ากระสันอยากมากเพียงใดก็ตาม ด้วยร่างกายผอมบอบบางทำให้ไม่อาจกระทำรุนแรงมากกว่านั้นได้เลย และความอ่อนโยนของแซ็กคารีสร้างความสุขสมให้เทพได้ดีเสมอ เสียงร้องครางหวานดังขึ้นเป็ระยะ เมื่อเรียวนิ้วนวดคลึงยอดอกข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างปลุกเร้าด้วยลิ้นชื้นจนตั้งชูชัน
โจไซอาใช้หัวเข่าแตะัักึ่งกลางลำตัวของแซ็กคารี มันแข็งขืนคับแน่นอยู่ในนั้นจนรูดซิปไม่ได้แลดูน่าอึดอัด มือผอมจึงพยายามเลื่อนต่ำเพื่อดึงแก่นกายร้อนออกจากชั้นในสีดำ แต่แซ็กคารีรู้ทันแล้วจึงจับรวบข้อมือเรียวทั้งสองข้างให้ชูขึ้นเหนือศีรษะ
เสียงหัวเราะแ่เบาจากทั้งสองดังพร้อมกัน ตามด้วยจุมพิตอย่างดูดดื่ม ลิ้นเกี่ยวตวัดจนน้ำลายสีใสไหลเลอะมุมปากโจไซอา แซ็กคารีตามจูบซับจนหมดแล้วจึงยกมืออีกข้างที่ไม่ได้รวบข้อมือโจไซอาอยู่ขึ้น
นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางของแซ็กคารีสอดเข้าไปในปากบาง ดวงตาสีเฮเซลมองคนใต้ร่างแสดงตัณหาทะยานอยากของตนเองผ่านทางสายตาหมดเปลือก โจไซอาจึงรู้ว่าภายใต้ความอ่อนโยนที่แซ็กคารีกระทำอยู่นี่ แท้จริงแล้วมีความ้ามหาศาลอดกลั้นเอาไว้
เมื่อทั้งสามนิ้วชุ่มน้ำลายเพียงพอ แซ็กคารีจึงแตะที่ช่องทางด้านหลังของโจไซอา กดนวดคลึงรอบรอยจีบให้อีกฝ่ายผ่อนคลายด้วยความคุ้นเคยและชำนาญ พลางกดจูบตวัดลิ้นเข้าหาจนเกิดเสียงยามแลกเปลี่ยนความกระสัน
เมื่อช่องทางพร้อม แซ็กคารีจึงสอดใส่นิ้วกลางและนิ้วนางเข้าไปพร้อมกัน งอข้อนิ้วครูดกับผนังอ่อนนุ่ม ผละจูบเพื่อฟังเสียงครางหวานกระตุ้นอารมณ์ เขาจ้องมองเทพใต้ร่างที่ตาปรือเผยอปากครางอย่างสุขสมแล้วเผลอยิ้มอย่างเ้าเล่ห์ ยิ่งเขากระทุ้งนิ้วเข้าออกช่องทางมากเท่าใด โจไซอายิ่งตอบสนองชัดขึ้น เสียงหวานยามนี้น่าฟังกว่าเวลาไหน ๆ
เขาปล่อยให้สองมือของโจไซอาเป็อิสระในที่สุด มือผอมจึงจับแก่นกายอุ่น ดึงมันออกมาจากกางเกงชั้นในสีดำทันที แซ็กคารีสูดปากครางเมื่อเรียวนิ้วถูวนส่วนหัวช่วยเร้าอารมณ์กันและกัน แล้วกอบกำแก่นกายชักรูดขึ้นลงเนิบนาบ
“ท่านยังทำให้ผมรู้สึกดีเหมือนเดิมเลย”
แขนข้างหนึ่งวางข้างศีรษะของเทพเพื่อค้ำยันร่างกายตนเอง ดวงตาสีเฮเซลมองโจไซอาอย่างหื่นกระหาย เพียงแค่เลื่อนมองร่างกายบิดเร้าเพราะมีนิ้วมือของเขาอยู่ในช่องทาง แก่นกายของเขาก็แข็งขืนกระตุกในมือเรียว
เทพแย้มยิ้มกว้าง หน้าท้องวูบโหวงด้วยอารมณ์ตัณหา ความอุ่นร้อนจากอารมณ์ที่แซ็กคารีปลุกเร้าแล่นทั่วร่างกาย ใบหน้าซีดเซียวไร้เืฝาดบัดนี้มีสีแดงจางพาดที่แก้มดูน่ารักน่าทะนุถนอม และปลุกอารมณ์กระสันพร้อม ๆ กัน
“เรียกฉันว่าท่านบนเตียงก็ดีเหมือนกันนะ” ซาตานขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
“ทำไมเหรอครับ” เทพวาดนิ้ววนที่ส่วนหัวแก่นกายใหญ่ มืออีกข้างเอื้อมคว้าท้ายทอยของซาตาน ลูบโคนผมสีขาวซีดนุ่มลื่นมือ
“เสียงของเธอทำฉันปั่นป่วนกว่าเดิม”
รอยยิ้มเ้าเล่ห์และแววตาแพรวพราวจ้องมองโจไซอาเป็ประกาย เพราะซาตานหนุ่มรู้แล้วว่าจะปรนเปรอเทพให้สุขสมอย่างไร แซ็กคารีก้มหน้าลงเข้าหาเทพ ริมฝีปากบางเฉียดใบหูนิ่ม เอ่ยเสียงทุ้มกระซิบเร้าอารมณ์
“ผมขอร่วมรักกับท่านจนกว่าจะพอใจได้หรือเปล่า” หัวใจเทพเต้นแรง มือไม้ที่กอบกุมแก่นกายซาตานอยู่อ่อนแรงแล้วปล่อยหลุดมือโดยง่าย เพียงแค่การปลุกเร้าด้วยเสียงและถ้อยคำ
“ได้สิ อ๊ะ—” ซาตานงอข้อนิ้วกดนวดผนังช่องทางอุ่นระหว่างที่เทพกำลังเอ่ยตอบ
“แล้วผมขอใส่แก่นกายในตัวท่านแทนที่นิ้วนี้ได้หรือเปล่า”
โจไซอาตั้งใจจะเอ่ยตอบ แต่กลับกลายเป็การอ้าปากค้างส่งเสียงครางเพราะสองนิ้วในช่องทางชักออกจนสุด และสอดใส่กลับเข้ามาอย่างเนิบนาบและเน้นหนักหลาย ๆ ครั้งราวกลั้นแกล้งให้เขาหมดแรงพูด เสียงปลุกเร้าอารมณ์ยังก้องอยู่ข้างหูจนใจสั่นหวั่นไหวแทบทะลุจากอกเทพ มือวางบนแผ่นอกแน่นกล้ามเนื้อ อีกข้างกำต้นแขนแซ็กคารีระบายความกระสัน
“นะครับ ท่านโจไซอา”
เสียงทุ้มกระซิบอ้อนออดฟังดูไร้เดียงสา ขัดกับเรียวนิ้วยาวที่กำลังขยับเข้าออกในช่องทางชื้นแฉะและเริ่มขยายเปิดทาง แก่นกายใหญ่ของแซ็กคารีแนบหน้าขาโจไซอาจนรู้สึกได้ถึงความแข็งขืนและความอุ่นร้อน
โจไซอาปรือตามองซาตานที่เขาพร้อมยกให้ทั้งหัวใจและร่างกาย หวีดร้องครางสุดเสียง แล้วพยักหน้าระรัวอนุญาต
จากนิ้วยาวสองนิ้วจึงเปลี่ยนเป็แก่นกายอุ่นที่จ่อรอยจีบ สอดใส่ทีละน้อยเพียงแค่ส่วนหัวแล้วชักออกอย่างไม่รีบร้อน สองแขนแข็งแรงโอบกอดโจไซอาแน่น ขาสองข้างของเทพแยกออกกว้างให้อีกฝ่ายสอดใส่ได้ถนัด แซ็กคารีขยับเข้าออกแม้สอดใส่ได้เพียงครึ่ง เพราะช่องทางที่คับแน่น สูดปากสูดคอประสานเสียงครางสุขสม สลับป้อนจุมพิตให้กันและกันจนน้ำสีใสเลอะมุมปากโจไซอาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“อ๊า!”
เสียงหวานครางลั่นเมื่อแก่นกายใหญ่กระทุ้งเข้ามาจนสุดลำ แซ็กคารีนิ่งค้างอยู่สักพักแล้วฟัดหอมซอกคอสูดกลิ่นหอมราวดอกไม้สีขาวที่เขาหลงรักระหว่างรอคอยให้ร่างกายของเทพพร้อม
กระทั่งโจไซอาเป็ฝ่ายกระดกสะโพกขึ้นร้องขอเสียเอง แซ็กคารีจึงยกยิ้มมุมปากแล้วเริ่มการสอดใส่เนิบนาบ แต่เน้นหนักทุกครั้ง จนส่วนหัวแตะจุดกระสันภายใน
แซ็กคารีอยากทะนุถนอมโจไซอาจึงไม่อยากนอนคร่อมทับอีกฝ่ายนานมากกว่านี้ เขาถอดถอนแก่นกายออก เทพสูดปากเมื่อไม่มีสิ่งใดในช่องทางอีก รอยจีบยังคงตอดรัดความว่างเปล่าอย่างโหยหา มืออุ่นจับเรียวขาข้างซ้ายให้โจไซอานอนตะแคง จากนั้นจึงล้มตัวลงนอนซ้อนหลังเทพ
“โจ” เทพหันมองชายหนุ่มด้านหลัง ยกมือขึ้นวางข้างแก้มแซ็กคารี
“หืม” เขาครางในลำคอ เผยอริมฝีปากรับจุมพิตจากซาตาน
“ชอบหรือเปล่า” โจไซอาพยักหน้าแทบจะทันทีที่ฟังจบ
“ใส่เข้ามาอีกสิ”
“ครับ ท่านโจไซอา”
เทพยกยิ้มกว้าง เมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าเขาชอบก็ใช้คำเรียกเช่นนี้เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ไม่หยุด ปลายจมูกทู่ซุกไซ้ที่ลาดไหล่ เสื้อไหมพรมดึงลงจนเห็นผิวเปลือยเปล่า แซ็กคารีกดจูบอย่างทะนุถนอม
มือใหญ่ยกขาเรียวผอมข้างซ้ายขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อการสอดใส่ และแก่นกายอุ่นร้อนก็ได้สอดแทรกในรอยจีบอีกครั้ง โจไซอาโอบอ้อมถี่ระรัวจนต้องสูดปากสูดคอพร้อมครางชื่อเล่นของเทพที่เขาชอบใช้เรียก เขาขยับสอดใส่เข้าออกเป็จังหวะสานต่อจากเดิม เร่งให้เร็วขึ้นตามที่โจไซอาเอ่ยขอ ราวรับคำสั่งจากเทพผู้เป็นาย และแซ็กคารีเป็ผู้รับใช้ที่ภักดี
ความรู้สึกราวถูกอุ้มร่างกายลอยหวือขึ้นกลางอากาศกลับมาอีกครั้ง โจไซอาจับท่อนแขนแซ็กคารีที่โอบหน้าท้องของตนแน่น ร้องครางอย่างสุขสมแล้วหันหน้าอยากมอบจูบให้ซาตาน ปลายมือปลายเท้าจิกเกร็งเพราะส่วนหัวแก่นกายกระตุ้นจุดกระสันซ้ำไปซ้ำมา
ช่องทางอุ่นโอบล้อมแก่นกายแน่นขึ้นอีก เร่งความเสียวกระสันของซาตานหนุ่ม ริมฝีปากแตะแนบััดูดดึงเกี่ยวตวัดจนเสียงครางระบายตัณหาค้างในลำคอ แซ็กคารีเร่งเร้าและเน้นหนักมากขึ้น กดกระแทกส่วนหัวที่จุดกระสัน กระทั่งน้ำตัณหาสีขาวขุ่นของเทพปลดปล่อย พร้อมกับของซาตานที่ปลดปล่อยในช่องทางอุ่น
ทั้งสองโอบกอดกันนิ่งหลายนาที ประสานเสียงหอบหายใจและเสียงหัวใจเต้นแรง จากนั้นแซ็กคารีถึงถอดถอนแก่นกายออกเชื่องช้า น้ำตัณหาไหลย้อนออกมาจากรอยจีบจนกายผอมของเทพกระตุกสั่นจากความเสียวซ่านที่หลงเหลืออยู่
ซาตานจับร่างกายของเทพให้นอนหันหน้ามาหาเขาอย่างง่ายดาย แล้วเชยคางมนขึ้นเพื่อสบตาโจไซอา สำรวจว่าอีกฝ่ายสุขสมมากเพียงใดกับการปรนเปรอและการร่วมรักกับเขา
“ท่านโจไซอา” ดวงตาเทพปรือล่องลอยแทบปิดสนิท เขาจึงเรียกอีกฝ่ายจนดวงตาสีน้ำตาลอ่อนช้อนมองเขา
โจไซอาไม่เอ่ยตอบหรือขานรับ เพียงแต่แย้มยิ้มราวดอกไม้กำลังผลิบาน แก้มสองข้างมีสีแดงพาดผ่านน่ามอง แล้วเทพที่แซ็กคารีรักหมดหัวใจก็ขยับใกล้ชิด เชิดหน้าขึ้นมอบจุมพิตให้แซ็กคารีอีกครั้ง
tbc.
#เฮเซลอาย
