จุดเฟินเสิน คือจุดลมปราณลึกลับบนร่างกายของผู้ฝึกตน มันไม่ได้อยู่ในหนึ่งร้อยแปดจุดของคนทั่วไป แต่เป็จุดที่สำคัญ เชื่อมต่อระหว่างร่างกายและจิติญญา
เมื่อโดนพลังภายนอกโจมตีจะส่งผลกระทบต่อร่างิญญาในระดับหนึ่ง แต่มันมีประโยชน์แค่นี้เท่านั้น นับว่าเป็จุดที่ไม่ได้มีประโยชน์มากนัก
แต่สำหรับเสิ่นเสวียนแล้ว เมื่อไม่มีจุดลมปราณก็ไร้ประโยชน์ ต้องดูว่าจะใช้ประโยชน์อะไรจากมันได้หรือไม่
เขารู้จักอีกฝ่ายมาระยะหนึ่งแล้ว สังเกตเห็นเื่ที่สำคัญมากเื่หนึ่ง
นั่นคือร่างของอีกฝ่ายไม่ใช่ร่างจริงของเขา แต่เป็ร่างยึดครอง
ซึ่งไม่เหมือนกับของเสิ่นเสวียน แม้ว่าเสิ่นเสวียนจะยึดครองร่างเช่นกัน แต่ร่างของเขาหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ ทว่าอีกฝ่ายเหมือนใช้เคล็ดวิชาลึกลับบางอย่างในการหลอมรวมเข้ากับร่างกายอย่างฝืนธรรมชาติ
การหลอมรวมเช่นนี้จะไม่เกิดปัญหาใน่เวลาสั้นๆ แต่ถ้าหากยึดครองร่างยาวนานเกินไป ทั้งสองจะต่อต้านกันเอง อาจทำให้จิติญญาได้รับความเสียหายรุนแรงได้
ประโยชน์ของจุดเฟินเสินคือการแยกจิติญญาและร่างกายของอีกฝ่ายออกจากกัน หากว่าเป็ร่างจริง จุดนี้จะไม่ส่งผลใดๆ แต่ถ้าเป็ร่างปลอม จุดนี้จะทำให้เกิดผลกระทบใหญ่มาก
อย่างเช่นในตอนนี้
“เ้า... เ้ารู้ได้อย่างไร”
คนชุดดำที่ปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งก่อนหน้านี้ ตอนนี้เปิดเผยใบหน้าออกมาต่อหน้าเสิ่นเสวียนแล้ว ดวงตาดำของเขามองเสิ่นเสวียนอย่างไม่อยากเชื่อ
แพ้แล้วหรือ
เขาแพ้แล้วจริงๆ หรือ
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะพ่ายแพ้อย่างนี้ กว่าจะมายังสุสานนี้เขาเตรียมตัวมาถึงสามสิบปี หรือกระทั่งสังหารคนรักของตนเองเพื่อยึดครองร่างอย่างไม่เสียดาย เพื่อให้ได้สิ่งของที่เขาใฝ่ฝันมาตลอด คิดไม่ถึงว่าเขาจะต้องมาพ่ายแพ้อยู่ที่นี่
เขาไม่ยอม...
“เ้าบอกเองนะ”
เสิ่นเสวียนมองพลางยิ้มมุมปาก นิ้วมือของเขายังคงชี้อยู่ที่จุดเฟินเสินของอีกฝ่าย
“ข้า... ข้าบอกเอง?”
เห็นได้ชัดว่าคนชุดดำไม่เชื่อ ตนเองระมัดระวังมากแล้ว แม้ต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนขั้นต่ำอย่างเสิ่นเสวียน เอามิติของตนเองออกมาสู้แล้ว แต่จะกลายเป็ว่าเขาบอกออกไปเองได้อย่างไร
“ท่านบอกเองว่ารู้จักกับผู้เฒ่าจี๋เล่อ แต่ผู้เฒ่าจี๋เล่อมีชีวิตอยู่ั้แ่พันปีก่อนแล้ว แสดงว่าท่านเองก็เช่นกัน หากข้าเดาไม่ผิด อย่างน้อยท่านต้องอยู่ในขั้นเกียรติยศหรือไม่ก็ขั้นศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม พลังยุทธ์เช่นนี้มิอาจเข้ามาถึงที่นี่ได้ ดังนั้นท่านต้องยืมร่างคนอื่นเข้ามาใช่หรือไม่”
เสิ่นเสวียนอธิบายให้อีกฝ่ายฟังด้วยความอดทน
หลังจากฟังจบ คนชุดดำที่ไม่เข้าใจในตอนแรกพลันแววตาเป็ประกายขึ้นมาทันที เมื่อมองเสิ่นเสวียนอีกครั้งจึงรู้สึกชื่นชมเล็กน้อย คนที่สามารถคิดเื่เหล่านี้ได้อย่างสงบนิ่งภายใต้สถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับเขา จิตใจเช่นนี้ภายหน้าต้องมีความสำเร็จยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
“เ้าฉลาดมาก”
ผ่านไปครู่หนึ่ง คนชุดดำก็ถอนหายใจออกมา
“เ้าถอนพิษของข้าได้อย่างไร”
นี่คือคำถามสุดท้ายของเขาแล้ว เขาคิดมาตลอดว่าฝีมือการใช้พิษของเขาไร้เทียมทาน อีกฝ่ายหลุดจากพิษของเขาไปได้อย่างไร แล้วตอนนี้ยังเหมือนไม่เคยโดนพิษมาก่อนอีกด้วย
“ท่านอยากรู้มากเกินไปแล้ว”
เสิ่นเสวียนยิ้มเย็นเยียบที่มุมปาก
“ข้าจะบอกบางอย่างให้ท่านรู้”
“เหนือเขายังมียอดเขา เหนือคนย่อมมียอดคน”
เมื่อกล่าวจบเสิ่นเสวียนจึงออกแรงที่ปลายนิ้วอีกครั้ง แทงทะลุตำแหน่งซี่โครงของอีกฝ่าย ทำลายจุดเฟินเสินไปในพริบตาเดียว
ฉึก!
คนชุดดำเดิมทีมีแววตาอยากรู้อยากเห็น ตอนนี้กลับไร้แวว พลังชีวิตค่อยๆ จางหายไปจากแววตาของเขา เบื้องหน้าหม่นลงอย่างเชื่องช้า แล้วเขาก็หมอบลงตรงหน้าเสิ่นเสวียน
เสิ่นเสวียนดึงมือที่โจมตีจุดเฟินเสินกลับมา จากนั้นก็ฟาดฝ่ามือลงบนหัวของอีกฝ่าย พลังดูดกลืนที่แข็งแกร่งพุ่งออกไปดูดพลังจากหัวของอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง
จิติญญาที่หนาแน่นกลุ่มหนึ่งโดนเขาดูดกลับออกมา จิติญญากลุ่มนี้แข็งแกร่งมากกว่าของเขาในตอนนี้ นี่คือร่างจิติญญาของคนชุดดำที่ควบคุมร่างนี้เอาไว้ ยังไม่ทันที่จะหนีออกไปก็โดนเสิ่นเสวียนดูดออกมาแล้ว
หากปล่อยให้หนีไปแล้วหลอมรวมเข้ากับร่างจริงของเขาก็คงไม่ได้รับความเสียหายใดๆ แต่ของล้ำค่าเช่นนี้ ในเมื่อเสิ่นเสวียนได้เจอแล้วจะยอมปล่อยมันไปได้อย่างไร
“เ้าคิดจะทำอะไร”
เสียงของคนชุดดำที่ดังออกมาจากกลุ่มจิติญญาแฝงด้วยความโกรธ สังหารเขาไปแล้วยังคิดกำจัดร่างจิติญญาของเขาอีกหรือ
“ท่านยังคิดสังหารข้าเลย ท่านคิดว่าข้าจะทำอะไรท่านล่ะ”
เสิ่นเสวียนยิ้มให้กับความเขลาของอีกฝ่าย แน่นอนว่าเขา้าสังหารอยู่แล้ว
“เ้าปล่อยข้าไปยังพอมีโอกาส หากเ้าลงมือเ้าจะไม่เหลือทางรอดอีกเลย คิดดีแล้วหรือ”
อีกฝ่ายยังไม่อยากเสียร่างจิติญญาเหล่านี้ไป มันเทียบได้กับร่างจิติญญาหนึ่งในสิบส่วนของเขา หากได้รับความเสียหายไป คิดจะทำให้กลับมาแข็งแกร่งได้เหมือนอย่างทุกวันนี้คงต้องใช้เวลานานมาก
“พล่ามอะไร”
เสิ่นเสวียนไม่ใส่ใจ คลื่นพลังรุนแรงพวยพุ่งออกไปจากฝ่ามือส่งเข้าไปในจิติญญาของอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง ทำลายความทรงจำทั้งหมดในจิติญญานั้นไป
เขาสงสัยว่าอีกฝ่ายฝึกฝนถึงขั้นนี้ได้อย่างไร แม้กลายเป็เนื้อปลาบนเขียงไปแล้ว แต่ยังดิ้นพราดๆ อยู่ตรงนั้น
อีกฝ่ายที่เดิมทียังอยากกล่าวบางอย่างออกมากลับสงบนิ่งลงแล้วในที่สุด ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เลย
เสิ่นเสวียนไม่ได้หลอมรวมจิติญญาที่แข็งแกร่งนี้เข้าไปทันที เขาควบคุมร่างจิติญญาอย่างเข้มงวด แม้จะถูกลบความทรงจำไปแล้วแต่ยังคงเหลือความโกรธแค้นอยู่ มีเพียงต้องทำลายความโกรธแค้นเ่าั้ไปให้กลายเป็จิติญญาบริสุทธิ์ เขาจึงจะดูดซับมันเข้าไปได้
จากนั้นเสิ่นเสวียนก็อ้าปากกว้างกลืนจิติญญากลุ่มนั้นลงท้อง เพื่อเก็บซ่อนไว้ในตันเถียนไปก่อน
และเบื้องหน้าของเขายังมีร่างที่ล้มลงเมื่อครู่นี้อยู่อีก
ร่างจิติญญาถูกกลืนกินเข้าไปแล้ว ทำให้ร่างนี้สูญสิ้นเ้าของไป
หากเสิ่นเสวียนทิ้งร่างนี้ไปแล้วเข้าไปอยู่ในร่างตรงหน้าแทน พลังยุทธ์ของเขาจะถึงขั้นจักรพรรดิได้ในพริบตาเดียว ช่วยย่นระยะเวลาไปได้มาก
แต่เขากลับไม่ได้ทำอย่างนั้น แม้จะเป็ของดีแต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่ของเขา และยังอาจมีอันตรายยิ่งใหญ่รออยู่ ซึ่งไม่มีความจำเป็ต่อเขาเลย
“ร่างนี้ไม่เลวเลยทีเดียว ข้าเก็บไว้ก่อนแล้วกัน”
เสิ่นเสวียนแตะร่างนั้น แล้วเขาก็สะบัดแขนส่งเข้าไปเก็บไว้ในมิติ
ภายในมิติตอนนี้กลายเป็คลังของสะสมส่วนตัวของเสิ่นเสวียนไปอย่างสมบูรณ์แล้ว มีทั้งหุ่นเชิดสองคน รวมกับร่างไร้ิญญาอีกสองร่างก่อนหน้านี้ หากนับดูแล้วตอนนี้มีร่างไร้ิญญาอยู่ห้าร่าง หากนำไปสร้างหุ่นเชิดได้สำเร็จก็เพียงพอที่จะแสดงค่ายกลขนาดย่อมขึ้นมาได้
และภายในมิตินั้นยังมีโลงศพวางอยู่โลงหนึ่งด้วย เสิ่นเลี่ยนและเสิ่นเสี่ยวเม่ยกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
ภายในถ้ำ ชายชราผู้นั้นนั่งอยู่บนโลงศพด้วยท่าทีผ่อนคลายพลางมองเสิ่นเสวียนในภาพวาด สิ่งที่เสิ่นเสวียนทำทั้งหมดก่อนหน้านี้เขาได้ประจักษ์แจ้งแล้ว ช่างน่าพอใจยิ่งนัก
เขารู้ว่าเสิ่นเสวียนต้องชนะ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะชนะได้อย่างง่ายดายเพียงนี้
ส่วนบุรุษกับสตรีสองคนนั้นกำลังต่อสู้กับหุ่นเชิดทั้งสองต่อไป แม้จะได้เปรียบ แต่ยังยากที่จะเอาชนะหุ่นเชิดได้
“เอาล่ะ ออกมาได้แล้ว”
ชายชราสะบัดมือก่อให้เกิดแรงกระชาก ทำให้เสิ่นเสวียนในโลกสีเขียวนั้นถูกดึงออกมาอย่างรุนแรง
เสิ่นเสวียนยืนอย่างมั่นคงแล้วหันมองชายชราที่นั่งอยู่บนโลงศพสีดำ กล่าวถาม “ท่านก็คือผู้เฒ่าจี๋เล่อ?”
“ทำไม เห็นอาจารย์แล้วยังไม่คุกเข่าลงอีกหรือ”
ชายชรามองเสิ่นเสวียนพลางหัวเราะ
“ท่าน? ข้ายอมรับท่านเมื่อไรกัน”
เสิ่นเสวียนอดยิ้มออกมาไม่ได้ที่ได้ยินอีกฝ่ายกล่าวเช่นนี้
“ข้ามอบเกราะเกล็ดทองให้เ้าไปแล้ว เ้าคิดอย่างไรล่ะ” ชายชราเห็นเสิ่นเสวียนไม่ยอมรับ เคราของเขากระตุกเล็กน้อยพลางจ้องมองไป ดูเหมือนเกราะขั้นปฐีของตนจะไร้ประโยชน์เสียแล้ว
“ข้าไม่ได้บอกให้ท่านมอบให้สักหน่อย ท่านเอากลับคืนไปสิ”
เสิ่นเสวียนกางแขนออกเพื่อให้อีกฝ่ายถอดชุดเกราะไป
“ช่างเป็เด็กที่ปากกล้ายิ่งนัก ช่างเถอะ ข้าให้เ้าไปแล้ว ไม่คารวะข้าเป็อาจารย์ก็ช่าง สองคนนั้นจะจัดการอย่างไร”
ชายชรากล่าวขณะหันไปมองการต่อสู้อีกฝั่งหนึ่ง
“สังหารไปเลย”
เสิ่นเสวียนไม่หันกลับไปมองด้วยซ้ำ ผู้ช่วยของศัตรูแน่นอนว่าต้องเป็ศัตรูเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดสังหารตนอีกด้วย
“มอบให้ข้าแล้วกัน ข้าอยู่ที่นี่น่าเบื่อมาก มีสองคนนั้นอยู่ด้วยคงดีไม่น้อย”
ชายชรากล่าว
“แล้วแต่ท่านเลย ในเมื่อท่านอยากได้ก็เป็ของท่าน!”
เสิ่นเสวียนไม่ได้ขัดขวางใดๆ
จากนั้นชายชราจึงสะบัดมือออกไป ทำให้บุรุษกับสตรีคู่นั้นหายตัวไปจากการต่อสู้ทันที หุ่นเชิดสองคนนั้นจึงไม่มีเป้าหมาย
เมื่อเห็นฝีมือของผู้เฒ่าจี๋เล่อแล้ว เสิ่นเสวียนจึงพยักหน้าน้อยๆ
บุรุษผู้นี้ไม่ธรรมดา ฝีมือเช่นนี้ไม่ได้เป็เพียงจอมยุทธ์ขั้นศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาๆ แล้ว ดูจากไอพลังที่แผ่กระจายออกมาจากร่างของอีกฝ่ายแล้ว เทียบได้กับเซียนเทพทั่วไปเลยทีเดียว
“มีคนมา เ้าหนุ่มตามข้ามา”
ชายชราััได้ว่ามีคนเข้ามา จึงแสดงพลังบางอย่างกับเสิ่นเสวียนและหุ่นเชิดทั้งสองคน
แล้วทุกอย่างก็เลือนหายไป
รวมไปถึงโลงศพสีดำโลงนั้นที่ตอนนี้เลือนหายตามไปด้วย