เว่ยเจ๋อิเอ่ยกับนางเสียงเบาเพราะกลัวว่าจะยังมีชาวบ้านหลงเหลืออยู่ในละแวกนี้มาได้ยินคำพูดของตน เถียนสวี่หลันมองใบหน้าหล่อเหลาที่ยื่นเข้ามาใกล้อย่างกะทันหัน ทำให้นางไม่สามารถหลบเขาได้
หัวใจของนางตอนนี้เต้นกระหน่ำรัวจนแทบทะลุออกมานอกอก แต่ถึงอย่างไรนางก็จะไม่มีวันแสดงความตื่นเต้นออกมาให้เขาได้เห็นแน่ ร่างบางที่ถูกประชิดเอนกายไปด้านหลังเพื่อให้ใบหน้าของนางห่างจากเขา ดวงตากลมโตมองเฉไปด้านข้างดูท่าทางประหม่า
“ใช่แล้วอย่างไรไม่ใช่แล้วอย่าง เ้าจะไปป่าวประกาศให้ชาวบ้านรู้อย่างนั้นหรือ เอาเลยสิเ้ามันคนรักความยุติธรรมอยู่แล้วนี่นา บัณฑิตเว่ย”
คำสุดพูดท้ายนางเอ่ยประชดประชันเพราะนึกถึงเื่เมื่อคืนขึ้นมา เว่ยเจ๋อิได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับพูดไม่ออก ร่างสูงถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ
“ข้ามิได้จะบอกใคร ข้าเพียงอยากจะบอกเ้าว่า จะทำสิ่งใดให้ทำแต่พอดี ถึงอย่างไรทุกคนก็ยังเป็คนหมู่บ้านเดียวกัน เ้าต้อนนางจนมุมเช่นนี้วันหน้าพวกเ้าสองคนจะมองหน้ากันอย่างไร”
เถียนสวี่หลันไม่คิดว่าตนจะได้ยินเื่เช่นนี้ออกมาจากปากของเว่ยเจ๋อิ ปกติคนผู้นี้เป็คนเถรตรงเสียยิ่งกว่าไม้บรรทัด เหตุใดตอนนี้ถึงได้พูดเหมือนกำลังเข้าข้างนางอยู่เล่า
อีกอย่างเมื่อคืนเขาพูดจาดูถูกนางเอาไว้เสียขนาดนั้น นางไม่มีทางญาติดีกับเขาเพียงเพราะคำพูดไม่กี่ประโยคที่เข้าข้างนางหรอกนะ
เถียนสวี่หลันกระแอมไอเพื่อกลบเกลื่อน ถึงแม้นางจะรู้สึกดีใจอยู่บ้างที่เขาพูดเช่นนี้กับนางเป็ครั้งแรก แต่นางไม่มีทางยอมรับออกมาตรงๆ หรอก อีกอย่างเื่ในครั้งนี้มองจากบนฟ้าก็ยังรู้เลยว่าเป็แผนของสวีม่านนี นางจะยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ ได้อย่างไร นางหาใช่ลูกพลับนิ่มที่จะปล่อยให้ใครต่อใครบีบได้ง่ายๆ
“ข้าก็ไม่ได้จะทำให้นางจนมุมขนาดนั้นเสียหน่อย ถึงอย่างไรเื่ทั้งหมดก็ต้องโยนให้เป็ความผิดของผีอยู่ดี อีกอย่างหากไม่สั่งสอนนางเสียบ้างข้าคงจะนอนไม่หลับ”
ท่าทางยืนก้มหน้าเท้าเขี่ยพื้นของนางตอนนี้ในสายตาของเว่ยเจ๋อิมันช่างดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก ก่อนหน้านี้สองสามเดือนเขาได้ยินจากเถียนซู่เจิงว่าอาการของนางไม่ค่อยดี ความรู้สึกเป็ห่วงนางแปลกๆ ก็เกิดขึ้นภายในใจของเขาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เขาเองก็ไม่อยากยอมรับว่าั้แ่ที่นางแสดงอาการหวาดกลัวซ่งหยางเฉิงออกมาที่ร้านขายตำรา ในหัวของเขาก็มีแต่ภาพของนางและไม่สามารถสลัดมันให้หลุดออกไปได้
ยิ่งได้ยินว่านางกำลังป่วยเขายิ่งรู้สึกเป็ห่วงและร้อนรน เขาอยากไปพบนางที่เรือนตระกูลเถียน แต่ก็ต้องข่มใจเอาไว้ระหว่างเขาและนางเราสองคนมิได้มีความสัมพันธ์ใดต่อกัน แล้วเขาจะใช้เหตุผลใดเข้าไปเยี่ยมนางเล่า
“หากเ้าไม่มีอะไรแล้วก็ปล่อยแขนของข้าเสียที มิใช่ว่าเมื่อคืนข้าพูดกับเ้าชัดเจนแล้วหรือ ต่อไปนี้ระหว่างเราไม่จำเป็จะต้องพูดคุย เมื่อเ้าพบข้าโดยบังเอิญเ้าก็ทำเหมือนข้าเป็อากาศเสีย”
เถียนสวี่หลันดึงแขนของตนออกจากมือของเว่ยเจ๋อ ิ ก่อนที่จะเดินมุ่งหน้าไปยังเรือนของหัวหน้าหมู่บ้าน เว่ยเจ๋อ ิมองมือที่ว่างเปล่าของตนไม่ต่างจากหัวใจของเขาที่เหมือนถูกฉีกกระชาก
เขาไม่รู้ว่าเหตุใดทุกครั้งที่เขาพยายามจะพูดคุยดีๆ กับนาง แต่มันกลับลงเอยด้วยการที่เขาเอ่ยคำพูดร้ายๆ ออกมา
เมื่อคืนนี้เองก็เช่นกัน เดิมทีเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะพูดเช่นนั้นเลยสักนิด เพียงเพราะอารมณ์โกรธที่มีต่อนางทำให้เขาต่อว่านางออกไปโดยไม่รู้ตัว
เถียนสวี่หลันวิ่งตามขบวนชาวบ้านไปจนถึงด้านหน้าเรือนของหัวหน้าหมู่บ้าน นางยังไม่ทันที่จะก้าวข้ามธรณีประตู เสียงกรีดร้องของสวีม่านนีก็ดังออกมาจากในเรือน
เถียนสวี่หลันยกยิ้มมุมปากอย่างเ้าเล่ห์ พวกเขาพบมันแล้วสินะ ตุ๊กตาหุ่นไม้ที่มีรูปร่างเหมือนสตรีและหุ่นปั้นดินชายหญิงที่ถูกมัดรวมกัน ทั้งยังมีซากสัตว์เล็กๆ ที่ตายมานานจนแห้งถูกพบภายในเรือนของหัวหน้าหมู่บ้าน
ครั้งนี้ต่อให้นางปฏิเสธก็คงไม่สามารถหนีรอดไปได้ ทุกคนที่ตามมาดูต่างก็หันไปมองสวีม่านนีเป็ตาเดียว นางเป็คนที่ถูกไก่สองตัวพุ่งเข้าใส่ ชาวบ้านจึงคิดว่านี่อาจจะเป็ฝีมือของนาง
“นี่ไม่ใช่ของข้านะ ข้าไม่เคยเห็นมันเลยสักครั้ง ข้าถูกใส่ร้าย”
สวีม่านนีรีบลนลานปฏิเสธ ใบหน้าของนางซีดเผือดไร้สีเื ตอนนี้นางกำลังหวาดกลัวแล้วจริงๆ สายตาของสวีม่านนีสอดส่ายมองไปรอบๆ จนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่เถียนสวี่หลันที่พึ่งเดินเข้ามา
“เป็นาง ต้องเป็นางที่นำของพวกนี้มาไว้ที่นี่เพื่อใส่ร้ายข้าแน่ ทุกคนควรจับตัวนางเอาไว้สิ ไม่ใช่มาสงสัยข้า”
เถียนสวี่หลันที่พึ่งมาถึง นางก็เดินเข้าไปตบหน้าของสวีม่านนีสองครั้งจนนางล้มลงไปกองกับพื้น แก้มสองข้างที่ถูกตบก็บวมเป็หัวหมูขึ้นมาทันที ดวงตาของเถียนสวี่หลังมองต่ำไปยังร่างที่ล้มอยู่ที่พื้นด้วยสายตาสมเพช นางตะคอกสวีม่านนีออกไปอย่างเหลืออด
“ข้าใส่ร้ายเ้าอย่างนั้นหรือ เป็ข้าที่ให้นักพรตผู้นี้มาที่นี่หรืออย่างไร หรือเป็ข้าที่กุเื่ทุกอย่างขึ้น สวีม่านนีเ้าควรมีความละอายแก่ใจบ้าง ข้าอยากรู้ว่าเ้าทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดกัน ต่อให้เ้ารู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าข้า เ้าก็ไม่ควรทำให้เป็เื่ใหญ่เช่นนี้”
เถียนสวี่หลันเดินไปยังตุ๊กตาหุ่นไม้สองตัวที่วางอยู่ที่พื้น หนึ่งตัวที่มีลักษณะที่เป็หญิง มียันต์สีเหลืองแปะเอาไว้และมีเข็มหมุดปักอยู่มากมายทั่วทั้งตัว เถียนสวี่หลันดึงเข็มหมุดเ่าั้ออก จากนั้นนางจึงพลิกกระดาษยันต์ดูด้านล่าง บนยันต์แผ่นนั้นมือชื่อของเถียนสวี่หลันเขียนเอาไว้ นางยกให้ชาวบ้านที่มามุงดูได้เห็นโดยทั่วกัน
“หรือว่าที่เห็นอยู่ทั้งหมดนี้คือจุดประสงค์ของเ้ากันสวีม่านนี เ้าถึงกลับกล้าใช้มนต์ดำใส่หุ่นไม้เพื่อทำร้ายข้าอย่างนั้นหรือ มิน่าเล่าหลายเดือนก่อนข้าถึงต้องทนทุกข์ทรมานอยู่นานนับเดือน ที่แท้ก็เป็ฝีมือของเ้านั่นเอง”
เถียนสวี่หลันหาคำอธิบายเกี่ยวกับอาการป่วยของนางเอาไว้แล้ว และหุ่นไม้ที่วางอยู่ตรงนั้นคือคำตอบ
“ไม่ ข้าไม่ได้เป็คนทำ อาการที่เ้าเป็อยู่คือเ้ากำลังถูกิญญาร้ายเข้าสิง ของพวกนี้ก็เป็เ้าที่หามา”
เถียนสวี่หลันหัวเราะออกมาเสียงดัง นางลากสวีม่านนีไปยังหุ่นไม้ที่วางอยู่ที่พื้น
“ข้าหรือหาของพวกนี้มา เ้าลองคิดให้รอบคอบกว่านี้หน่อยดีหรือไม่ หากวันนี้เ้าไม่พานักพรตมาขับไล่ิญญาร้ายที่เรือนของข้า จะมีใครในหมู่บ้านรู้บ้างว่าสิ่งอัปมงคลเหล่านี้อยู่ในเรือนของเ้า สวีม่านนีเ้าจะไม่ยอมรับก็ได้ แต่หากไม่ใช่เ้าที่ทำเื่นี้ก็คงจะต้องเป็สมาชิกคนใดคนหนึ่งในเรือนตระกูลสวีแน่”
สวีม่านนีส่ายหน้าไปมา นางร้องไห้เสียงดังขอร้องให้บิดาช่วยเหลือ แต่น่าเสียดายที่สวีไคเองก็แทบเอาตัวเองไม่รอดเช่นกัน ชายวัยกลางคนรู้สึกว่าครั้งนี้ตระกูลสวีของตนกำลังจะจบสิ้นแล้ว