หญ้าเซิ่งิเป็หญ้าวิเศษที่มีเฉพาะในตระกูลเซิ่งิเท่านั้น มีฤทธิ์ช่วยส่งเสริมพลังิญญาของคนผู้หนึ่งให้แข็งแกร่งขึ้น ฤทธิ์อ่อนแก่ขึ้นอยู่กับอายุของหญ้า หญ้าเซิ่งิอายุห้าปีมีมูลค่าห้าหมื่นเหรียญจิตอสูร ส่วนหญ้าอายุสิบหรือยี่สิบปียิ่งมีมูลค่าแพงขึ้นเป็สิบๆ เท่า
“พวกข้าจะเชื่อฟังคำสั่งของคุณชายเฉิน!”
“ใช่แล้ว พวกข้าจะเชื่อฟังท่าน!”
เฉินหลินเจี้ยนมองไปรอบๆ และนับจำนวนคน “ทั้งหมดยี่สิบคน แต่ยังต้องหาคนเพิ่มอีก!”
เมื่อเร็วๆ นี้ ห่างจากเมืองกวงฮุยออกไป มีการค้นพบซากเมืองโบราณแห่งหนึ่ง บางทีอาจเป็เมืองก่อนยุคมืด มีผู้คนไม่น้อยเดินทางไปสำรวจ ดังนั้นเฉินหลินเจี้ยนจึงอยากหาเพื่อนร่วมเดินทางไปกับเขา เวลานี้จึงกำลังรวบรวมผู้คน
ตู้เจ๋อ ลู่เพียวและพวกมองไปทางกลุ่มคนที่อยู่ห่างออกไป
“หากมีหญ้าเซิ่งิ ตู้เจ๋อจะต้องทะลวงผ่านขึ้นถึงระดับทองแดงหนึ่งดาวได้แน่นอน!” ลู่เพียวพูด ทว่าของวิเศษเช่นหญ้าเซิ่งิมิใช่สิ่งที่พวกเขาจะหาซื้อได้
หากพวกเขามีเงิน ก็จะสามารถซื้อสมุนไพรอันล้ำค่าหรือยาวิเศษมากมายเพื่อช่วยส่งเสริมการฝึกยุทธ์!
เนี่ยหลีมิได้สนใจเงินทอง เขากลับคิดถึงสิ่งอื่นอยู่ ในชีวิตหนก่อน ผู้เยี่ยมยุทธ์มากมายออกเดินทางไปสำรวจอาณาจักรโบราณนอกเมืองกวงฮุยทว่าไม่พบสิ่งใด คิดไม่ถึงว่าเฉินหลินเจี้ยนและพวกกลับค้นพบเส้นทางลับ และในที่สุดก็จะค้นพบสมบัติอันมากมายมหาศาล
เนี่ยหลีได้ทราบรายละเอียดทุกอย่างที่เกิดขึ้นในขณะสำรวจซากเมืองโบราณเพราะเยี่ยจื่ออวิ๋นก็มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วย เสิ่นเยวี่ยได้พบกับตะเกียงิญญาดวงหนึ่งจากการสำรวจครั้งนั้นและนำมันออกประมูลได้ถึงหนึ่งล้านเหรียญจิตอสูร
หากเป็แค่เงินหนึ่งล้านเหรียญจิตอสูร นี่คงไม่อาจทำให้เนี่ยหลีสนใจได้ ทว่าเนี่ยหลีรู้วิธีใช้ตะเกียงิญญาดวงนั้นเป็อย่างดี มันจะมีส่วนช่วยเขาได้อย่างใหญ่หลวงในอนาคตข้างหน้า
ตะเกียงิญญาดวงนั้น เขาต้องได้มันมาอย่างแน่นอน!
เนี่ยหลีลุกขึ้นเดินตรงไปยังเฉินหลินเจี้ยน
“ข้าอยากเข้าร่วมคณะของเ้าด้วย ไม่ทราบว่าคุณชายเฉินจะยินยอมหรือไม่ขอรับ?” เนี่ยหลีมองเฉินหลินเจี้ยน ความทรงจำอย่างหนึ่งผุดขึ้นมา เฉินหลินเจี้ยนเป็คนที่โดดเด่นยิ่งในหมู่ชนชั้นสูง ในชีวิตหนก่อน อีกก้าวเดียวเขาก็จะก้าวขึ้นเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับทองดำแล้ว ในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเมืองกวงฮุย เมื่อเฉินหลินเจี้ยนรู้ว่าตระกูลเสินเซิ่งหนีไปจากการต่อสู้ ปล่อยให้ประตูเมืองทางทิศตะวันตกถูกตีแตกพ่าย ด้วยความโกรธแค้นจึงบั่นคอคนของตระกูลเสินเซิ่งไปถึงหกคน
นับเป็คนที่รู้จักแยกแยะบุญคุณความแค้นชัดเจน!
เฉินหลินเจี้ยนเงยหน้าขึ้น พิจารณาเนี่ยหลีอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “เ้าเป็ผู้ใดรึ? รู้หรือไม่ว่าพวกเรากำลังจะทำสิ่งใด?”
ผู้คนรอบข้างเฉินหลินเจี้ยนพากันมองไปทางเนี่ยหลี สีหน้าแฝงแววเยาะหยัน
“ไอ้หนู เ้าพัฒนาถึงระดับทองแดงแล้วหรือ? หากยังก็อย่ามาเล่นสนุกที่นี่”
เนี่ยหลีหันไปเผชิญหน้ากับคนที่เยาะเย้ยเขาและพูดว่า “แน่นอน ข้ารู้ว่าพวกเ้ากำลังจะทำสิ่งใดกัน พวกเ้ากำลังเตรียมตัวเดินทางออกไปสำรวจซากเมืองโบราณกู่หลันกันใช่หรือไม่?”
เฉินหลินเจี้ยนเผยแววตาอัศจรรย์ใจบนใบหน้า เนี่ยหลีรู้ได้อย่างไรว่าเขากำลังจะไปสำรวจซากเมืองโบราณที่เหลืออยู่? พวกเขาแอบทำเื่นี้กัน มิได้บอกผู้ใด หากเื่รู้ไปถึงหูของทางบ้าน พวกเขาคงต้องถูกขัดขวางอย่างแน่นอน
“เ้าเป็ใครกันแน่?” เฉินหลินเจี้ยนหรี่ตาลงเล็กน้อย ฉายแววอันตราย
“เนี่ยหลี”
“เนี่ยหลีรึ?” เฉินหลินเจี้ยนพลันจดจำได้ เมื่อเร็วๆ นี้ชื่อของเนี่ยหลีดังกระฉ่อนอยู่พักหนึ่ง พูดกันว่าเขาทำลายชื่อเสียงของตระกูลเสินเซิ่ง ตระกูลเสินเซิ่งคัดลอกยันต์และยังกล่าวอ้างว่าเป็ผู้ประดิษฐ์คิดค้นยันต์นั้นเอง เฉินหลินเจี้ยนก็รู้สึกว่าเป็เื่ไร้ยางอายนัก “พูดกันว่าเ้าอ่านหนังสือโบราณมามากมายอย่างนั้นหรือ?”
“ถูกต้อง หนังสือทุกเล่มที่พบได้ในห้องสมุด ข้าล้วนอ่านมาหมดแล้ว” เนี่ยหลีพยักหน้าเล็กน้อย เผยให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในตนเองอย่างยิ่ง
“ฮ่าๆ โม้เสียคำโต!”
“เ้ายังไม่ทันเริ่มเป็หนุ่มก็กล้าพูดว่าอ่านหนังสือโบราณพวกนั้นมาหมดห้องสมุดหรือ ช่างน่าขำเสียจริง ต่อให้เ้าเริ่มอ่านั้แ่ยังอยู่ในครรภ์มารดาของเ้า ก็ไม่สามารถอ่านได้มากมายปานนั้น”
หลายคนที่ยืนอยู่ด้านข้างพากันเยาะหยัน
"เนี่ยหลี คนผู้นี้น่าสนใจดี" เฉินหลินเจี้ยนไม่สงสัยในคำพูดของเนี่ยหลีและเพียงใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ เขาพูดว่า “ในเมื่อเ้าอ่านหนังสือมามากมาย เ้ารู้หรือไม่ว่าซากเมืองกู่หลันนั้นอยู่ใน่ยุคใด?”
“ตามร่องรอยที่พอจะค้นพบได้ในขณะนี้ อาคารบ้านเรือนหลักๆ ในเมืองกู่หลันเป็รูปทรงกลม ทว่าทั้งเมืองเป็รูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส สถาปัตยกรรมเช่นนี้ มีเพียงสองยุคที่มีความใกล้เคียง ยุคหนึ่งคือสมัยอาณาจักรวายุเหมันต์เฟิงเสวี่ย อีกยุคหนึ่งคือยุคอาณาจักรเสินเซิ่ง แต่ถ้าดูจากภาพจิตรกรรมฝาผนัง ข้าได้ยินมาว่ามีคนพบภาพวาดดอกบัวขนาดใหญ่ในเมืองกู่หลัน ภาพจิตรกรรมฝาผนังรูปดอกบัวเป็ที่นิยมใน่ปลายของสมัยอาณาจักรเสินเซิ่ง ดังนั้นข้าจึงมั่นใจว่าซากเมืองโบราณกู่หลันแห่งนี้อยู่ในระหว่างปลายยุคอาณาจักรเสินเซิ่งกับยุคมืด...” น้ำเสียงของเนี่ยหลีไม่นุ่มนวลเกินไปหรือแข็งกระด้างเกินไปขณะวิเคราะห์ที่มาของซากเมืองโบราณกู่หลัน
เมื่อได้ยินคำพูดของเนี่ยหลี กลุ่มลูกน้องของเฉินหลินเจี้ยนต่างมองหน้ากันไปมา พวกเขาเข้าใจเพียงครึ่งเดียว แม้ไม่ชัดเจน แต่ตระหนักถึงได้
“ดี!” เฉินหลีเจี้ยนพลันลุกขึ้น คิดไม่ถึงว่าเนี่ยหลีจะสามารถประมาณอายุของเมืองโบราณได้อย่างง่ายดาย ความรู้เหล่านี้แม้ฟังดูเรียบง่าย ทว่าแม้แต่นักประวัติศาสตร์บางคนในเมืองกวงฮุยก็อาจจะไม่สามารถวิเคราะห์ได้ลึกถึงเพียงนี้ เขามองๆ เนี่ยหลี เผยให้เห็นแววตายอมรับในดวงตา “ต่อไปติดตามข้า ข้าจะให้สิ่งต่างๆ ที่สนับสนุนการฝึกยุทธ์และการศึกษาของเ้า ดีหรือไม่?”
ลูกน้องของเฉินหลินเจี้ยนค่อนข้างแปลกใจ พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเฉินหลินเจี้ยนจะให้ความสำคัญกับเนี่ยหลีถึงเพียงนี้
เป็ลูกน้องของเฉินหลินเจี้ยนหรือ? เนี่ยหลีหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ครั้งนี้เป็การร่วมมือกัน ต่างฝ่ายต่างได้ในสิ่งที่ตน้า ข้าเชื่อว่าไม่มีผู้ใดเข้าใจโครงสร้างของเมืองกู่หลันดีไปกว่าข้า หากพบสมบัติล้ำค่า ข้าจะเป็คนเลือกก่อนหนึ่งชิ้น ส่วนที่เหลือเป็ของเ้า หากข้อเสนอนี้เป็ไปไม่ได้ ข้าก็จะไปด้วยตัวของข้าเอง”
“เลือกก่อนอย่างนั้นหรือ เ้าคิดว่าตัวเ้าเป็ใคร?”
“ยังไม่ทันได้เป็นักสู้ระดับทองแดงด้วยซ้ำ กลับกล้ามายื่นข้อเสนอกับคุณชายเฉินของพวกเรา?”
เฉินหลินเจี้ยนจ้องมองเนี่ยหลี ความมั่นใจในตนเองของเนี่ยหลีที่แผ่ซ่านออกมาทำให้เขารู้สึกสงสัยในใจ เนี่ยหลียังไม่ได้เป็นักสู้ระดับทองแดงด้วยซ้ำ เขาไปเอาความมั่นใจเช่นนี้มาจากไหน?
“ข้ารับประกันได้ว่าหากเ้าพาข้าไปด้วย จะต้องเป็ประโยชน์กับเ้าอย่างแน่นอน!” เนี่ยหลีพูดอย่างภาคภูมิใจ เขารู้ดีว่าสมบัติล้ำค่าของเมืองกู่หลันซุกซ่อนอยู่ที่ไหน ดังนั้นจึงมั่นใจยิ่งนัก
เฉินหลินเจี้ยนมีแผนที่ของซากเมืองโบราณกู่หลัน ทว่าแผนที่นี้ไม่สมบูรณ์ เขานิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เป็ไปได้หรือไม่ว่าเนี่ยหลีจะมีแผนที่ที่สมบูรณ์กว่าของเขา
“ตกลงตามนั้น! ข้ายังคงยืนยัน หากเ้ายินดีติดตามข้า ข้าจะให้ผลประโยชน์กับเ้ามากมาย แม้เ้าไม่ยินดี ข้ายังคงเชื่อว่าพวกเราจะมีโอกาสร่วมมือกันได้อีกในอนาคตข้างหน้า” เฉินหลินเจี้ยนยิ้มแย้มภาคภูมิใจ
พวกลูกน้องของเฉินหลินเจี้ยนพากันแปลกใจ คุณชายเฉินยอมตกลงอย่างนั้นหรือ?
“หวังว่าพวกเราจะทำงานร่วมกันได้เป็อย่างดี” เนี่ยหลีพูดเงียบๆ จากนั้นจึงหมุนกายเดินจากไป
“อีกสามวัน เวลาหกโมงเช้า มาพบกันที่นี่ ไม่พบไม่กลับ!” เฉินหลินเจี้ยนมองแผ่นหลังของเนี่ยหลีที่หมุนตัวและเดินจากไป รอยยิ้มร่าเริงเล็กน้อย ผุดขึ้นบนใบหน้า เนี่ยหลีผู้นี้น่าสนใจไม่เบา
“สำรวจซากเมืองโบราณกู่หลันอย่างนั้นหรือ? ดูเหมือนจะต้องเตรียมการอีกหลายอย่าง” เนี่ยหลีพึมพำ เขากำลังเตรียมตัวจะไปคนเดียว การเดินทางไปยังเมืองโบราณกู่หลันค่อนข้างอันตรายสำหรับพวกที่ยังไม่ถึงระดับทองแดง
เวลาค่อยๆ ผ่านพ้นไป และเวลาบ่ายวันนี้ก็มาถึง
สมาคมนักปรุงยาวิเศษแห่งเมืองกวงฮุย
ผู้อำนวยการของสมาคมนักปรุงยาวิเศษแห่งเมืองกวงฮุยเป็สตรีผู้หนึ่งนามว่าหยางซิน แม้นางเพิ่งมีอายุได้ยี่สิบห้าปี กลับประสบความสำเร็จั้แ่อายุยังน้อย หยางซินเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับทองเท่านั้น แม้ไม่นับว่าโดดเด่น แต่ความสำเร็จในด้านการปรุงยาวิเศษของนางกลับล้ำหน้าผู้าุโหลายคนในสมาคมนักปรุงยาวิเศษ
เนื่องเพราะหยางซินรูปโฉมงดงามยิ่งนัก ขณะที่นางเพิ่งรับตำแหน่งผู้อำนวยการของสมาคมนักปรุงยาวิเศษใหม่ๆ ผู้คนในสมาคมนักปรุงยาวิเศษต่างพากันคิดว่าหยางซินอาศัยรูปโฉมเดินเข้าประตูหลังมา ทว่าหยางซินค่อยๆ แสดงพร์ของตนออกมา พวกที่ชอบซุบซิบนินทาจึงต้องรีบหุบปากไปอย่างรวดเร็ว
ดังเช่นที่เคยทำเป็ประจำ หยางซินกำลังรวบรวมจดหมายต่างๆ จากในกล่องจดหมายของสมาคมนักปรุงยาวิเศษ นักปรุงยาหลายคนจะเขียนประสบการณ์การปรุงยาของตนลงในจดหมาย และสมาคมนักปรุงยาวิเศษก็จะเรียบเรียงจดหมายเหล่านี้ออกมาจัดทำเป็เล่มหนังสือ และส่งมันต่อๆ ไปให้แก่นักปรุงยาแต่ละคน
เพราะหนังสือโบราณจากยุคก่อนๆ ที่เกี่ยวแก่การปรุงยาวิเศษสูญหายไปถึงแปดเก้าส่วน แม้นักปรุงยาวิเศษจะมีความสำคัญเป็อันมาก แต่ด้วยประสิทธิภาพอันจำกัดของยาวิเศษ อาชีพนักปรุงยาวิเศษจึงกลายเป็อาชีพที่ค่อนข้างน่าอับอายสำหรับชาวเมืองกวงฮุย
หยางซินเปิดจดหมายออกอ่านทีละฉบับ บางฉบับเป็จดหมายที่สารภาพถึงความรักที่มีต่อนาง นางโยนพวกมันทิ้งไปอย่างไม่ลังเล ไม่นาน จดหมายฉบับหนึ่งในนั้นก็ดึงดูดความสนใจของนาง
“การใช้หญ้าจื่อหลันเพื่อปรุงยาวิเศษอย่างนั้นหรือ?” หยางซินขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าขาวผ่องงดงามของนางแสดงความสงสัยบางอย่าง
หญ้าจื่อหลันจะทำอะไรได้นอกจากใช้จุดไฟไล่ยุงกัน?
หยางซินอ่านจดหมายต่อไป บนหน้ากระดาษบรรยายประโยชน์ของหญ้าจื่อหลัน “ขณะกลั่นยาหลอมรวมจิติญญาและยาเสริมจิติญญา เติมหญ้าจื่อหลันลงไปเล็กน้อย จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาขึ้นถึงสามสิบส่วน เมื่อประกอบหญ้าจื่อหลันเข้ากับสมุนไพรอีกห้าอย่างและเติมลงไปในน้ำอาบ จะช่วยบำรุงพลังิญญาเป็ต้น”
มีวิธีการใช้หญ้าจื่อหลันอยู่กว่าหกสิบชนิดเขียนอยู่ในจดหมาย และกว่าครึ่งของพวกมันก็ทรงคุณค่ามหาศาล หากได้รับการพิสูจน์ เกรงว่าราคาของหญ้าจื่อหลันคงกระเถิบสูงขึ้นไปเป็สิบเท่า!
หยางซินส่งเสียงฮึแปลกใจดังลั่น “คิดยืมมือข้าเพื่อปั่นราคาหญ้าจื่อหลันอย่างนั้นรึ? อย่างน้อยที่สุดเ้าก็ควรหาเื่ที่น่าจะเป็จริงกว่านี้มาเขียนเสียหน่อย! คนผู้นี้ต้องเป็นักต้มตุ๋นอย่างแน่นอน!”
หยางซินโยนจดหมายทิ้งไปด้านข้าง นางไม่เชื่อว่าหญ้าธรรมดาๆ จะมีประสิทธิผลมากมายถึงเพียงนี้!
ขณะมองๆ จดหมายฉบับอื่น หยางซินบังเกิดความลังเลเล็กน้อย หากหญ้าจื่อหลันมีประโยชน์มากมายเช่นนั้นจริง นั่นย่อมจะมีผลต่อการพัฒนาการปรุงยาวิเศษอย่างมากมาย
“ช่างเถอะ ข้าก็แค่ลองดูสักหน่อย! เด็กๆ หาหญ้าจื่อหลันมาให้ข้าที!” หยางซินะโ สมาคมนักปรุงยาวิเศษเก็บรวมรวมสมุนไพรต่างๆ เอาไว้ไม่น้อย ดังนั้นน่าจะมีหญ้าจื่อหลันอยู่บ้าง
ไม่นาน เด็กๆ ข้างล่างก็นำหญ้าจื่อหลันมาให้
“ท่านผู้อำนวยการหยาง พวกเราเก็บหญ้าจื่อหลันเอาไว้ไม่มากนัก มีแค่สามจินเท่านั้น”
หยางซินขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อไม่นานมานี้มีคนกว้านซื้อหญ้าจื่อหลันไปเป็จำนวนมาก ในฐานะที่เป็ผู้อำนวยการสมาคมนักปรุงยาวิเศษ นางจะไม่ทราบได้อย่างไร
“เอาเถอะ ข้ารู้แล้ว!” หยางซินพยักหน้าและเริ่มใช้หญ้าจื่อหลันกลั่นยาหลอมรวมจิติญญาและยาเสริมจิติญญา
สูตรยาหลอมรวมจิติญญาและยาเสริมจิติญญาเป็สูตรยาที่ตกทอดกันมาในเมืองกวงฮุยนับร้อยๆ ปีแล้ว ไม่มีผู้ใดกล้าดัดแปลงแก้ไขสูตรยาหลอมรวมจิติญญาและยาเสริมจิติญญา เพราะเหตุว่าวัตถุดิบต่างๆ ที่ใช้ปรุงยาสองชนิดนี้ล้วนมีราคาแพงยิ่งนัก หากปรุงยาล้มเหลวครั้งหนึ่งย่อมทำให้นักปรุงยาต้องรู้สึกปวดใจเพราะมัน ดังนั้นยังจะมีใครกล้าเพิ่มส่วนผสมอื่นๆ ลงไปได้อย่างสบายใจอีกเล่า?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้