บทที่ 8: หอศิลป์ แห่งจิติญญา
ยามเย็นของวันเสาร์ในนครเซี่ยงไฮ้ ท้องฟ้าเหนือตึกสูงบดบังแสงอาทิตย์จนเหลือเพียงเงามืดเลือนราง แสงไฟตามถนนเปิดสลัวๆ บ้างติดบ้างดับ เป็ระยะ ๆ รถยนต์ของหมอหวังอี้เฉิน แล่นเข้าไปในตรอกลึก วันนี้วันเสาร์เขามีเคสแค่เข้าตรวจคนไข้ในตอนสาย ๆ ดังนั้นตอนบ่ายแก่ ๆ หวังอี้เฉินได้นัดหมายกับหมอหยางหนิงอัน ที่บ้านของตระกูลหยาง
เขาขับรถยนต์ตามพิกัด GPS ที่หญิงสาวแพทย์แผนโบราณนัดหมายไว้ จุดหมายปลายทางคือ “พิพิธภัณฑ์บ้านตระกูลหยาง” อันเก่าแก่ซึ่งถูกเล่าขานว่ามีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายศตวรรษ
เมื่อล้อรถหยุดหน้าประตูไม้บานใหญ่ พ่อบ้านวัยชรารูปร่างผอมสูงชื่อ “ลุงหวัง” ก็ออกมารอต้อนรับ เขาเป็ผู้ดูแลทรัพย์สินและมรดกทั้งหมดของตระกูลหยาง หมอหวังจอดรถแล้วหันมามองรอบๆ ด้วยความรู้สึกผสมระหว่างตื่นเต้นและฉงน ทั้งที่ปกติในเมืองใหญ่นี้หายากนักที่จะยังมีเรือนไม้โบราณหลงเหลืออยู่สมบูรณ์แบบนี้
ลุงหวัง (เปิดประตูอย่างนอบน้อม) :
“ยินดีต้อนรับครับคุณหมอเชิญด้านใน คุณหนูหยางรออยู่ในห้องหนังสือครับ”
หมอหวังรับคำพลางเดินตามชายชราไปตามระเบียงไม้ยกพื้นสูงที่ทอดเข้าสู่บ้านหลังใหญ่ กลิ่นไม้เก่าแตะจมูกอย่างชัดเจน ประติมากรรมลายั ลายเถาไม้สลักบนเสาและฝาเรือนชวนให้เขารู้สึกเหมือนหลุดเข้ากาลเวลาอีกยุคหนึ่ง
ห้องหนังสือ ของตระกูลหยางกว้างขวาง และผนังด้านหนึ่งเป็ชั้นวางตำราสมุนไพรโบราณ วรรณกรรม และบันทึกประวัติศาสตร์ ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบ หมอหยางหนิงอัน สาวสวยผู้เป็ทายาทสายตรงนั่งรออยู่หลังโต๊ะไม้สัก แกะลาย เมื่อหมอหวังอี้เฉินก้าวเข้ามา เธอจึงเชื้อเชิญให้เขานั่ง พร้อมรินชาสมุนไพรใส่ถ้วยลายครามให้
หยางหนิงอัน (ส่งรอยยิ้มเชิญชวน) :“ไงคะคุณหมอ…ถึงกับเดินทางมาถึงที่นี่เพราะเื่ภาพหลอนที่คุณพูดค้างไว้หรือเปล่า?”หมอหวังมีสีหน้าเครียดกว่าปกติเล็กน้อย เขาหยิบถ้วยชา มาถือก่อนตัดสินใจเล่าเื่ที่เป็กังวล
หมอหวังอี้เฉิน:“ใช่ครับ ผม…เอ่อ ผมไม่รู้จะเริ่มยังไงดี คงไม่ใช่อยากมาทดสอบวิชาความรู้ของหมอหยางหรอกนะครับ มันไม่ใช่แบบนั้น…”
หยางหนิงอัน หัวเราะคิกเมื่อเห็นท่าทีประหม่าของเขา
หยางหนิงอัน:“อ้อ ดีแล้วค่ะ ไม่งั้นฉันคงสงสัยว่าคุณหมอมือฉมังด้านศัลยกรรมยุคใหม่จะมาทดสอบตำราแพทย์โบราณทำไม ฉันน่ะยินดีตอบหมด… แต่บอกก่อนเลย ว่าถ้าคุณหมอมาเพราะสงสัยเื่สมุนไพรที่ทำให้เกิดภาพหลอนล่ะก็ ฉันมีคำตอบพื้น ๆ อยู่ในใจนะคะ” เธอขยับตัวเล็กน้อย ดวงตาฉายความจริงจังปนขี้เล่น
หยางหนิงอัน:“เช่น ฝิ่น ไงคะ เป็ที่รู้กันดีว่าอาจก่อให้เกิดภาพหลอนเพราะมีฤทธิ์ต่อระบบประสาท หรือเห็ดพิษบางชนิด หากรับทานเข้าไปก็สร้างอาการประสาทหลอนได้เหมือนกัน” หมอหวังอี้ย่นคิ้ว นึกถึงภาพชายชุดโบราณที่เขาเห็นอย่างชัดเจน และมันเพิ่งเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเช้านี้ เขาไม่เคยเสพยา หรือแม้แต่ดื่มเหล้ามากเกินพอดี
หมอหวังอี้เฉิน (ส่ายหน้ารัว) :“ไม่ใช่แน่นอนครับ ผมไม่เคยยุ่งกับยาเสพติดหรือของมึนเมาพวกนี้เลย แค่อยากแน่ใจว่ามันไม่มีสาเหตุจากสารเคมี… เพราะภาพที่ผมเจอล่าสุดเมื่อเช้านี้เองครับ มันสมจริง เกินกว่าจะเป็แค่ฝัน” หยางหนิงอันวางมือจากหนังสือที่กำลังจัดเรียง หันมาสนใจเขาเต็มที่
หยางหนิงอัน:“ถ้าไม่ใช่พวกฝิ่น เห็ดพิษ หรือเสพยา แล้วภาพชายชุดโบราณที่คุณหมอหวังเห็นลักษณะเขาเป็อย่างไรคะ? เล่าอาการให้ละเอียดหน่อยสิ ฉันอาจจะช่วยได้” หมอหวังอี้เฉินถอนหายใจเฮือก มองใบหน้าหญิงสาวผู้สง่าในชุดกี่เพ้าโบราณสวยงาม ก่อนตัดสินใจเล่าความจริง
หมอหวังอี้เฉิน:“เมื่อวันก่อนผมเข้าไปฟังบรรยายของหมอหยาง…คุณบรรยายเื่ประวัติของตระกูลหยางกับยุคสมัยโบราณ กับการช่วยเหลือผู้คนและราชสำนัก ตอนนั้นผมก็แค่ฟังเพลินๆ แต่กลับรู้สึกเหมือนเห็นภาพอยู่ในเหตุการณ์จริง! ยิ่งไปกว่านั้น… เช้านี้ผมเห็นตัวเองในกระจก แล้วในกระจกนั้นไม่ได้สะท้อนภาพผม แต่เป็ชายหนุ่มสภาพซูบผอมในชุดจีนโบราณ ยิ้มให้ผมอีกต่างหาก!”หยางหนิงอัน ชะงัก หยุดเก็บของในมือทันที
หยางหนิงอัน (คิ้วกระตุกนิดๆ) :
“ผู้ชายในชุดโบราณอยู่ในกระจก… นี่ฟังดูเหมือนเื่ในนิยายแฟนตาซีเลยนะคะหมอ”
หมอหวังอี้เฉิน (ตอบเน้นเสียง) :
“ใช่ ผมเองก็ไม่อยากเชื่อ แต่อธิบายไม่ได้สักทีว่าทำไมถึงเห็น ทั้งยังเป็ภาพชัดมาก ไม่ใช่แค่เงาลางๆ พอหันไปมองอีกที กลับหายวับไปเหมือนอากาศธาตุ…” เขาทำสีหน้าท้อแท้เหมือนจะถามว่าตัวเองเพี้ยนหรือเปล่า หยางหนิงอันจ้องเขาอย่างครุ่นคิดชั่วขณะ
หยางหนิงอัน:
“อืม…ในแง่มุมของวิชาแพทย์โบราณ อาจเป็ ‘จิตเปิดรับพลังิญญา’ จากอดีต ถ้าคุณสนใจ ‘ศาสตร์หอเรียกิญญา’ ของตระกูลหยางเรา… คุณหมอจะยิ่งงงกว่าเดิมหรือเปล่านะ?”หมอหวังอี้เฉินยิ้มแหยๆ ฟังคำว่า ‘หอเรียกิญญา’ ยิ่งรู้สึกเหมือนตนกำลังก้าวสู่โลกเร้นลับ หัวใจเต้นตึกตัก
หมอหวังอี้เฉิน:
“อะไรคือ หอเรียกิญญาเหรอครับ หมอหยาง? ผม…ยอมรับว่าผมสนใจมาก ถ้าจะทำให้ผมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น…” เธอยิ้มอย่างมีเลศนัย พับหนังสือแล้วเก็บมันลงกระเป๋าถือ
หยางหนิงอัน (เชื้อเชิญ) :“หอเรียกิญญา เป็ส่วนหนึ่งในพิพิธภัณฑ์บ้านตระกูล หยาง มีวัตถุโบราณและตำราลับที่บันทึกเคสประหลาด ซึ่งอาจช่วยอธิบายเื่พิลึกๆ ของคุณหมอก็ได้ ถ้าคุณสนใจ ฉันพร้อมพาคุณไปดูตอนนี้เลยนะคะ ยังมีเวลาอยู่…”
สายตาของเธอจับจ้องไปที่หมอหนุ่มรูปหล่อ “หมอหวังอี้เฉิน” ผู้ซึ่งใครๆ ก็ว่าเป็แพทย์อัจฉริยะยุคใหม่ น้อยครั้งจะเห็นเขาประหม่าและสับสนในคราวเดียว แต่วันนี้เขาดูไม่มั่นใจและกำลังอยากได้คำตอบ
หมอหวังอี้เฉิน (ตาวาว) :“ผมสนใจสิครับ! ต้องขอบคุณมากๆ เลยที่กรุณาชวน…”หยางหนิงอัน ฉีกยิ้มเบิกบาน รีบสั่งลุงหวังพ่อบ้านว่า “เตรียมเปิดหอเรียกิญญา” เหมือนไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอจะพาคนนอกมาชม ทว่าในใจลึกๆ เธอเองก็ตื่นเต้นที่ได้เจอหมอหนุ่มระดับอัจฉริยะ มาสนใจหลักฐานและบันทึกโบราณของครอบครัวตนเช่นนี้ หลังจากออกจากห้องหนังสือ ทั้งคู่เดินตามลุงหวังไปตามโถงเรือนที่มีตะเกียงแบบจีนโบราณห้อยอยู่ตามจุด สวนทางกับบรรยากาศยามสนธยาที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็ความมืด
หมอหวังอี้เฉิน ออกปากชมสถาปัตยกรรมไม้ที่หาดูได้ยาก กลิ่นไม้ผสมกลิ่นธูปอ่อนๆ ล่องลอยชวนขนลุกแต่ก็รู้สึกศักดิ์สิทธิ์อยู่ในที
หมอหวังอี้เฉิน (หันมามองหยางหนิงอัน) :“ไม่คาดคิดมาก่อนเลย ว่าในเมืองใหญ่ยังมีคฤหาสน์โบราณสง่างามแบบนี้หลงเหลือ ผมเหมือนก้าวเข้าสู่อีกโลกหนึ่งจริงๆ …”
หยางหนิงอัน (หัวเราะเบา) :“ฉันเองก็แทบไม่ได้มาเยี่ยมที่นี่บ่อยนักค่ะ… แต่วันนี้โชคดีที่คุณหมอมีคำถามน่าสนใจ ฉันจึงคิดว่าควรมาพิสูจน์กับตาเลยดีกว่า!”
สิ่งที่หมอหวังอี้เฉินไม่รู้ คือ “หอเรียกิญญา” ที่กำลังจะได้เห็น มันอาจเป็จุดเริ่มต้นของเื่ราวลี้ลับ หรือแนวทางตอบคำถามว่า “ภาพหลอนชายชุดโบราณ” ที่เขาเห็นนั้น อาจเกี่ยวพันกับมรดกแห่งตระกูลหยาง หรือประวัติศาสตร์ข้ามกาลเวลามากกว่าที่เขาเคยคาดคิด…
หยางหนิงอัน (หยุดเดินแล้วหันมามองชายหนุ่ม) : “ถึงแล้วค่ะ… ‘หอเรียกิญญา’ อย่าใล่ะ เวลาเดินในนี้อาจรู้สึกเย็นวูบๆ เหมือนมีบางอย่างจ้องมองเราอยู่ตลอด ซึ่ง…สำหรับฉันก็ชินแล้วนะคะ” เธอกล่าวโดยไม่ปิดบัง พร้อมรอยยิ้มปริศนา เล่นเอาหมอหวังอี้เฉินต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ ก่อนจะหยุดยืนหน้าประตูโค้งตรงส่วนหนึ่งของเรือนไม้หลังใหญ่ ที่มีป้ายไม้แกะตัวอักษรจีนโบราณว่า
“หอเรียกิญญา” สลักไว้อย่างโดดเด่น
“เราจะเจอกับอะไรที่มากกว่าภาพหลอนเดิมไหมนะ?” เขาคิดในใจ หมอหวังอี้เฉิน มองไปยังอาคารไม้โบราณ“แสงสว่างบางอย่าง” สาดออกจากช่องหน้าต่าง้าแวบเดียว ก่อนจะมืดลงอีกครั้ง
หมอหวังอี้เฉิน (หันมาถามหมอหยางหนิงอัน) :“เมื่อครู่…คืออะไรครับ”
หญิงสาวแพทย์แผนโบราณระดับอาจารย์อย่าง หยางหนิงอัน ไม่ได้ตอบทันที เธอเพียงยิ้มในมุมปากเป็ปริศนา แล้วหันไปพยักหน้ากับลุงหวัง (พ่อบ้านของตระกูล) ให้พาทั้งคู่ตรงไปยังบ้านหลัก
หยางหนิงอัน:“เข้าข้างในเถอะค่ะคุณหมอ เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปดูสถานที่สืบทอดสำคัญของตระกูลหยางของเราเอง”
ลุงหวัง จึงพาทั้งสองเข้าไปในตัวเรือนไม้ขนาดใหญ่ซึ่งเขียนป้ายว่า “พิพิธภัณฑ์บ้านตระกูลหยาง” ด้านหน้าตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่ก็เก่าแก่จนััได้ถึงกลิ่นอายยุคสมัยโบราณ
หยางหนิงอัน (อธิบายขณะเดินผ่านลานกว้าง) :“บริเวณนี้เรียกว่าโซน ‘เปิดให้คนทั่วไปเข้าชม’ ค่ะ ส่วนใหญ่เป็โถงแสดงประวัติศาสตร์และงานศิลปะของบรรพบุรุษตระกูลหยาง ที่ว่ากันว่ามีอายุเกิน 500 ปีแล้ว”
หมอหวังอี้เฉิน เหลือบตามองเสาไม้และคานโครงสร้างที่ดูก็รู้ว่าผ่านกาลเวลามานับศตวรรษแต่ยังแข็งแรง
หมอหวังอี้เฉิน:“ห้าร้อยปี?! ทำไมถึงยังคงทนอยู่ได้ขนาดนี้ล่ะครับ สุดยอดจริงๆ”
หยางหนิงอัน (ยักไหล่ยิ้ม) :“ฉันคิดว่าตระกูลหยางในแต่ละรุ่นคงดูแลและบูรณะมาตลอดแน่ ๆ และคอยเปลี่ยนส่วนที่ผุพังเป็ระยะ เลยอยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงปัจจุบันได้ แม้จะริเริ่มมากว่าห้าศตวรรษแล้วก็ตาม” ระหว่างที่เธอเล่าถึงอาคารไม้โบราณเหล่านี้ ลุงหวังก็เดินนำทาง ข้ามลานไปถึง “หอหนังสือ” ซึ่งอยู่โซนด้านหลัง มีกำแพงสูงล้อมรอบ เหลือช่องให้ผ่านเล็กๆ
ลุงหวัง (หยุดยืนแล้วโค้ง) :“คุณหนู… ถ้าเช่นนั้นกระผมขอไปรอที่ห้องรับรองนะขอรับ จะเตรียมน้ำชาอุ่นไว้ให้พวกท่าน”
หยางหนิงอัน:“ขอบคุณมากค่ะ ลุงหวัง ฝากด้วยนะคะ เดี๋ยวพอเสร็จธุระที่หอหนังสือ ฉันกับหมอหวังจะตามไป”
ลุงหวังโค้งลาแล้วผละจากไป เหลือเพียง หยางหนิงอัน กับ หมอหวังอี้เฉิน ยืนอยู่ลำพังท่ามกลางลานหินเก่าที่มีตะเกียงไฟสีส้มสลัวเรียงเป็ระยะ แสงไฟไม่สว่างมากแต่ก็ทำให้เห็นทางเดิน ในตอนเย็นสนธยาที่ฟ้ากำลังเปลี่ยนสีมืดสนิท...!!!
หมอหยางหนิงอัน
หมอหวังอี้เฉิน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้