จวินเหยียนเพียงกอดนางอย่างแแ่ ท่าทางนั้นราวกับหากเขาปล่อยมือออกก็จะสูญเสียโลกทั้งใบไป ขณะที่อวิ๋นซีเมื่อไม่ได้รับคำตอบใดๆ นางจึงเป็ฝ่ายปริปาก “ขอแค่ คนเ่าั้ได้รับกรรมที่สมควรได้รับ ส่วนอนาคต ไม่ว่าท่านจะไปที่ใด ข้าและลูกก็จะติดตามท่าน ต่อให้ที่แห่งนั้นจะไกลสุดหล้าฟ้าเขียว หรือมีสี่ทะเลเป็ดังบ้านก็ตาม”
ขอแค่มีเขา ที่นั่นก็คือบ้าน ถึงแม้นางจะไม่รู้ว่ามีเื่ใดเกิดขึ้น แต่ความ้าในใจตน นางรู้ดียิ่ง นาง้าใช้เืสดๆ ของตระกูลลู่ รวมถึงรัชทายาทและพรรคพวกไปเซ่นไหว้เหล่าคนที่ต้องตายไปเมื่อหกปีก่อนอย่างไม่เป็ธรรม นาง้าใช้เืสดๆ ชโลมดอกมัญชูษา [1] บนหนทางที่จะนำไปสู่ปรโลก
นาง้าใช้เืสดๆ ของคนเ่าั้มาล้างความอัปยศที่เกิดขึ้นกับคนตระกูลเฉียวในตอนนั้นให้หมดไป
จวินเหยียนคิดไม่ถึงว่านางจะตกปากรับคำเช่นนี้ มิหนำซ้ำยังบอกด้วยว่า ไม่ว่าเขาจะไปที่ใด นางจะพาลูกติดตามไป แม้จะต้องไปสุดหล้าฟ้าเขียว หรือมีสี่ทะเลเป็ดังบ้าน ตอนนี้ในใจเขาอดไม่ได้ให้ตกตะลึงยิ่ง เขาแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้ก่อน สตรีดังเช่นอวิ๋นซีผู้นี้ที่เหมาะสมกระทั่งตำแหน่งของสตรีที่มีอำนาจสูงสุดในหนานเย่าอย่างฮองเฮา แต่นางกลับกล้าพูดเช่นนี้ออกมา
ในตอนนี้ใจเขารู้สึกยินดีอย่างบ้าคลั่ง นี่ย่อมแสดงให้เห็นว่า สำหรับนางแล้ว ตัวเขาสำคัญมากเพียงใด ถึงแม้เมื่อก่อนจะเคยมีความคิดนี้ ทั้งยังเคยมั่นใจเช่นนี้มาก่อน แต่น้อยนักที่นางจะยอมพูดคำหวานกับเขา และที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ ในวันนี้นางถึงกับมอบคำมั่นให้เขาอีกด้วย
อวิ๋นซียืนขึ้น ยื่นมือออกไปกอดคอชายหนุ่มตรงหน้าแล้วพูดว่า “ข้าเคยบอกไปแล้วมิใช่หรือ ขอแค่ท่านไม่ทำร้ายข้ากับหวานหว่าน ขอแค่ท่านรักเดียวใจเดียวต่อข้า ข้าก็จะไม่ไปจากท่าน ดังนั้น ที่ที่มีท่านก็คือบ้านข้า”
นางตัดสินใจแล้ว แม้อีกใจจะรู้ว่า หากตนถูกทรยศ บุรุษผู้นี้จักต้องถูกนางแล่เนื้อเถือหนัง เพราะกว่านางจะเปิดใจได้นั้นมิใช่เื่ง่าย ดังนั้น นางจะไม่มีทางยินยอมให้ผู้ใดมาทำร้ายตนเองเป็อันขาด
ไม่มีทางยินยอม...
……...........................................................................................
ฮูหยินผิงหยางโหวหยวนอวี่พำนักอยู่ในจวนรัชทายาทราวครึ่งเดือนถึงจะจากไป ซึ่งหลังจากนั้นฮ่องเต้ก็ไม่ได้มีรับสั่งให้กักบริเวณชายารัชทายาทอีกต่อไป ในค่ำคืนนั้นหลังจากที่ชายารัชทายาทได้รับอิสระ นางก็เข้าครัวเพื่อตุ๋นน้ำแกงให้รัชทายาทด้วยตนเองอย่างที่ยากนักจะทำ และรอจนกระทั่งยามดึกดื่น สองสามีภรรยาก็เข้าพัวพันกันทั้งคืน
เช้าวันถัดมาเมื่อนางตื่นขึ้น ลู่หลิงฉิงก็บอกกับองค์รัชทายาทว่า ตนจะไปพำนักที่อารามสองสามวัน เพื่อคัดพระไตรปิฎก พร้อมทั้งขอพรให้พระโพธิสัตว์ช่วยคุ้มครองเหล่าสตรีของรัชทายาทให้มีข่าวดีโดยไว ด้วยเื่นี้ถือเป็จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของรัชทายาท เมื่อเขาได้เห็นลู่หลิงฉิงเข้าอกเข้าใจผู้อื่นถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าย่อมไม่ขัดขวาง
วันที่สิบห้าเดือนเก้า ชายารัชทายาทนำคนกลุ่มหนึ่งออกเดินทางไปจากจวนรัชทายาท โดยการเดินทางครั้งนี้ คนที่นางพาไปล้วนเป็คนสนิทที่นางเชื่อใจ และเมื่อไปถึงอารามรูปแคว้น นางก็ให้คนในอารามจัดแจงที่พักให้เหล่าองครักษ์ ส่วนตนนำสาวใช้เข้าพักในเรือนรับรองที่อารามจัดไว้ให้สำหรับแขกผู้มาเยือน ทันทีที่สาวใช้ปิดประตูลง นางก็มองไปยังหมัวมัวที่อยู่ด้านข้างแล้วเอ่ยถาม “หมัวมัว จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหรือยัง? ”
ลู่หมัวมัวพยักหน้า “คุณหนูวางใจเถิดเ้าค่ะ เื่ทุกอย่างที่ท่านสั่งจัดการเรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหาใดเกิดขึ้นแน่”
กลางดึกที่กระแสลมแรง ช่างเป็ค่ำคืนที่เหมาะจะทำเื่เลวร้ายเป็ที่สุด ในเวลาเดียวกันนั้นอวิ๋นซีก็ได้ให้จวินเหยียนพาตนแฝงตัวเข้าไปในอารามรูปแคว้นเช่นกัน นางเฝ้ามองสตรีสองนางที่กำลังลอบเดินไปยังหลังเขาอย่างเงียบๆ คนทั้งสองต่างพากันมุ่งหน้าไปยังด้านล่างของูเาผ่านเส้นทางเล็กๆ ที่ทอดยาว
อวิ๋นซีมองบุรุษข้างกาย ยิ้มถาม “ท่านพาข้ามาดูละครเด็ดเช่นนี้หรือ? ”
จวินเหยียนเห็นว่านางไม่ใคร่รู้สักนิด ในใจเขาก็เข้าใจแล้ว ที่แท้เื่ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในความคาดเดาของภรรยา “ดูท่าจะเป็เปิ่นหวางที่คิดไม่ถี่ถ้วนพอ เดิมทีคิดจะให้ชายารักมาดูละครเด็ดเช่นนี้ แต่ใครจะล่วงรู้ แท้จริงแล้วชายารักรู้อยู่นานแล้ว”
อวิ๋นซียิ้ม นางมองลู่หลิงฉิงเดินไปหยุดอยู่ข้างกายชายชุดดำที่รออยู่บริเวณตีนเขา ลู่หลิงฉิงเพิ่งเดินเข้าไปใกล้ แต่บุรุษผู้นั้นกลับรีบขึ้นหน้ามาสวมกอดคนไว้ในอ้อมแขน “คิดไม่ถึงว่าเ้าจะยอมมาจริงๆ ข้านึกว่าข้ากำลังฝันอยู่เสียอีก”
ลู่หลิงฉิงยืมแสงจันทร์ที่สาดส่องเพื่อเมียงมองชายตรงหน้า พิศดูแล้วเขาน่าจะอายุสามสิบกว่า แม้จะมีเสน่ห์สมชายที่เป็ผู้ใหญ่ รูปลักษณ์ไม่หล่อเหลาดังเช่นโอวหยางเทียนหัว แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ได้แย่อะไร นางอิงแอบในอ้อมกอดของเขา พูดเสียงเบา “ท่านไม่ได้บอกว่าอีกไม่นานก็จะไปจากเมืองหลวงแล้วหรอกหรือ? ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ข้าไตร่ตรองถี่ถ้วนแล้ว จึงได้มา”
แน่นอนว่า ชายคนนั้นคาดไม่ถึงว่าลู่หลิงฉิงจะยินยอมเข้ามาอิงแอบแนบชิดตน ทำให้เขาตื่นเต้นยิ่ง อันที่จริงนางเป็ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้ และตลอดหนึ่งปีมานี้ เขาก็ขบคิดสารพัดด้วยตั้งใจจะพานางจากไป ทว่า นางกลับไม่ยินดี
อีกทั้ง เหตุที่มาเมืองหลวงนั้นเดิมทีก็เป็การตัดสินใจกะทันหัน อย่างไรเสีย ที่นี่ก็หาใช่สถานที่ที่เขาจะอยู่นานได้ เขาไร้หนทาง แต่เมื่อรู้ว่านางออกนอกเมืองมา จึงคิดนัดพบ คราวแรกเขาไม่มีความมั่นใจเลยว่านางจะมา แต่เมื่อได้เห็นนางมาจริงๆ เขาก็ทั้งตื่นเต้นและดีใจยิ่งนัก
“ข้ารักเ้า ไปกับข้าเถอะ ไม่ว่าความสุขที่เ้า้าจะเป็สิ่งใด ข้าจักต้องมอบสิ่งนั้นให้เ้าได้แน่” ชายผู้นี้ไม่ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วนางคือชายารัชทายาท เขาเพียงนึกไปว่านางเป็สตรีที่แต่งงานแล้วจากตระกูลร่ำรวย
ลู่หลิงฉิงรับรู้ความในใจเขามานานแล้ว ทำให้นางอดเจ็บแค้นมิได้ ด้วยไม่เข้าใจว่า เหตุใดโอวหยางเทียนหัวถึงปฏิบัติต่อนางดังเช่นบุรุษผู้นี้ไม่ได้ และเมื่อคิดกลับมาอีกที ความรักลึกซึ้งที่ชายผู้นี้มีต่อนางเป็เหตุให้นางถึงได้เลือกเขา...
“ข้าไปกับท่านไม่ได้ คืนนี้ที่ข้ามาที่นี่ เพียงอยากจะบอกท่านว่า นี่จะเป็การเจอกันครั้งสุดท้ายของเรา และขอให้ท่านลืมบุญคุณที่ข้าเคยช่วยชีวิตท่านไปเสีย รีบไปจากเมืองหลวงเถิด และชั่วชีวิตนี้ก็อย่าได้มาปรากฏตัวที่นี่อีก” เมื่อพูดจบนางก็หันกาย คิดจะจากไป
ชายคนนั้นจะยอมปล่อยนางจากไปได้อย่างไร เขาดึงนางไว้ สวมกอดแแ่แนบอ้อมแขนตน จากนั้นจึงใช้วิชาตัวเบามุ่งหน้าไปยังถ้ำแห่งหนึ่ง ขณะนั้นอวิ๋นซีและจวินเหยียนเองก็ตามไปติดๆ และมีเพียงหมัวมัวของลู่หลิงฉิงเท่านั้นที่รั้งรออยู่ที่เดิมด้วยท่าทีร้อนรนใจ
ภายในถ้ำ ชายคนนั้นจัดการดึงอาภรณ์ของลู่หลิงฉิงออก เขาไม่เชื่อหรอกว่า เมื่อได้กระทำเื่ฉันสามีภรรยากันแล้ว นางจะยังปฏิบัติต่อตนอย่างใจจืดใจดำได้อยู่อีก และเพียงไม่นานหลังจากนั้นด้านในถ้ำก็มีเสียงที่ชวนให้คนอับอายเล็ดลอดออกมา
แรกเริ่มลู่หลิงฉิงยังเป็กังวล แต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่า ที่นี่เป็ถ้ำที่อยู่ในูเาลึก เป็ที่ตั้งที่แสนจะลึกลับ ท้ายที่สุดนางจึงปล่อยใจเข้าหาชายผู้นี้ โดยไม่ได้ติดใจที่รูปลักษณ์ภายนอกของเขาไม่อาจสู้โอวหยางเทียนหัวได้ ถึงกระนั้นความสามารถบนเตียงก็ยังถือว่าดีกว่าโอวหยางเทียนหัวอยู่มาก เพราะนอกจากการร่วมหอห้องกับอีกฝ่ายเมื่อครั้งที่เฉียวอวิ๋นซีอยู่ร่วมเป็สักขีพยานด้วยในตอนนั้น หรือตอนที่ลอบอยู่ด้วยกันอย่างลับๆ เท่านั้นถึงจะมีความรู้สึกเช่นนี้
มิคาดหลายปีต่อมา ความรู้สึกตื่นเต้นนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้ง หรือที่แท้แล้วต้องกระทำอย่างแอบซ่อนถึงจะทำให้คนตื่นเต้น? ยิ่งกว่านั้น แกนกายของเขายังใหญ่เสียยิ่งกว่าโอวหยางเทียนหัว จึงสามารถสร้างความพึงพอใจให้นางได้มากกว่า
จวินเหยียนและอวิ๋นซีเมื่อได้ยินเสียงกระสันที่ดังออกมาถึงด้านนอกก็ค่อยๆ หลีกลี้ไป ยามนี้เื่ที่พวกเขาคาดหวังไว้ได้สำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว จึงไม่มีความจำเป็ให้ต้องอยู่ที่นี่ต่อ
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ในถ้ำยังคงดำเนินต่อไป ลู่หลิงฉิงราวกับเป็ป่าที่แห้งแล้งมาเนิ่นนาน นางร่วมรักกับชายที่ตนเคยช่วยเหลือไว้ไปหลายครั้งตลอดทั้งคืน จนถึงยามฟ้าสาง บุรุษผู้นั้นก็ได้แต่จดจ้องใบหน้างามยามหลับใหลของนาง มุมปากโค้งขึ้นน้อยๆ “คิดไม่ถึงเลยว่า ความรู้สึกของการได้เป็ชายที่มีภรรยาแล้วจะดีเช่นนี้”
เื่ราวในครั้งนี้ทำให้เขาตัดใจจากไปไม่ได้หน่อยๆ แล้ว เขามองร่องรอยความรักใคร่ทั่วทั้งเรือนร่างนาง อดหัวเราะหึหึไม่ได้ ภรรยาเขาตายจากไปหลายปีแล้ว ทำให้ร้างราจากรสความตื่นเต้นเช่นนี้มานานหลายปี ทว่า สตรีนางนี้ ช่างถูกใจเขาจริงๆ
เพียงแต่ ไม่รู้ว่าคนเป็นายหญิงตระกูลใดในเมืองหลวง
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] ดอกมัญชูษา(曼珠沙华)ชื่อดอกไม้ที่ปรากฏในพระไตรปิฎกมหายาน เป็ดอกไม้ในแดนยมโลก นำทางคนตายไปเกิดใหม่