นางคิดเช่นนี้เพื่อฆ่าเวลาเพียงครู่ในที่สุดก็ได้ยินเสียงรถม้าจอดที่หน้าประตู
เฉินเนี้ยนหรานมองไปทางเฉินจื่อิที่เปิดประตูเข้ามาด้วยความตื่นเต้น แต่จ้าวซื่อกลับเป็คนที่ไม่สามารถอยู่นิ่งได้ จึงรีบถามออกไปก่อน “เ้าของร้าน การค้าครั้งนี้เป็อย่างไรบ้างเ้าคะ? เป็อย่างไรบ้าง?”
เฉินจื่อิดื่มน้ำก่อนหัวเราะฮ่าๆ ใส่ทุกคน “ั้แ่พรุ่งนี้ไป ให้พวกเราส่งอาหารตุ๋นอย่างวันนี้ไปที่โรงเตี๊ยมสองร้อยจินทุกวัน ข้าแนะนำไปตามที่แม่หนูบอกแล้วนะ ให้เขาขายจากหน้าต่างของโรงเตี๊ยม เป็เช่นนี้ บางทีหากไปได้สวยแล้ว ไม่แน่ว่าจำนวนที่สั่งจากพวกเราอาจจะเพิ่มขึ้นก็ได้ เฮ้อ แม่หนู ที่น่าแปลกใจที่สุดคือราคาที่เ้าบอก พวกเขา...ตกลง”
เมื่อได้ยินดังนั้นเฉินเนี้ยนหรานจึงยิ้มด้วยความพอใจ นางเตรียมไว้ตั้งมาก คิดไปก็ตั้งมากมาย ต้องหวังว่ามันจะสำเร็จอยู่แล้ว ตอนนี้ล้วนเป็ไปตามที่ตั้งใจไว้ แน่นอนว่าจะต้องรู้สึกพอใจอยู่แล้ว
“เอ้า นี่คือเงินสดที่ข้าได้จากโรงเตี๊ยมในวันนี้ ยังมีเงินมัดจำหนึ่งร้อยตำลึง” เฉินจื่อิพูดและหยิบตั๋วใบหนึ่ง พร้อมกับเศษตำลึงออกมา
“เนื่องจากเครื่องปรุงแพง ดังนั้นพวกเราจึงขายในราคาเก้าสิบอีแปะต่อหนึ่งจิน รวมแล้วสองร้อยจินก็ได้มาประมาณนี้แหละ”
“์ นี่มันเป็เงินสิบแปดตำลึงเชียวนะเ้าคะ ท่านหาเงินได้มากจริงๆ” จ้าวซื่อที่อยู่ด้านข้างพูดออกมาด้วยความใ
นางเพิ่งจะร่วมทำการค้ากับเ้านายครั้งแรก ดังนั้นจึงรู้สึกว่าเงินนี้เมื่อหามาได้แล้วทำให้คนหวั่นไหวมากจริงๆ เฉินเนี้ยนหรานกวาดตามองนิ่งๆ หลังจากเห็นว่านางเพียงแค่อิจฉา แต่ในแววตาไม่มีความละโมบโลภมาก จึงได้วางใจลง
ขณะที่ทำ นางได้ปกปิดขั้นตอนสำคัญเอาไว้ แต่เื่อาหารพวกนี้ ยังหวังว่าคนของนางจะสามารถรับ่ต่อไปได้ หากเป็คนที่ใส่ใจสักหน่อย แม้ก่อนหน้านี้นางได้ทำไปแล้ว ขอแค่ศึกษาสักหน่อยก็สามารถเรียนรู้ขั้นตอนที่นางปกปิดเอาไว้ได้
ยังดีที่ตอนนี้เห็นว่าจ้าวซื่อผู้นี้ถือว่าเป็คนซื่อสัตย์ ดังนั้นนางจึงไม่ต้องเป็กังวลเื่เก็บความลับ
“นายหญิง วันนี้ให้เ้าของร้านกับฮูหยินเ้าของร้านมาทานข้าวที่นี่ดีหรือไม่เ้าคะ เดี๋ยวข้าไปเตรียมอาหารสักหน่อย ถือเสียว่าเป็การฉลองกันเล็กน้อย?” จ้าวซื่อมองเฉินเนี้ยนหรานพร้อมเสนอความเห็นอย่างตื่นเต้น
“เอาสิ ลำบากเ้าแล้ว” เฉินเนี้ยนหรานยิ้มรับนิ่งๆ เื่นี้มีค่าพอให้ฉลอง
“ไม่ลำบากเ้าค่ะ ไม่ลำบากเลย มีคนเก่งอย่างนายหญิง ให้ทำงานมากกว่านี้ข้าก็ยอมเ้าค่ะ” จ้าวซื่อชอบนายหญิงคนนี้มากจริงๆ
ปฏิบัติกับคนอื่นอย่างเข้าอกเข้าใจ พูดจาอ่อนโยน แม้แต่พูดกับพวกนางที่เป็คนใช้ น้ำเสียงยังอ่อนโยนเป็ที่สุด ที่สำคัญกว่านั้น ยามว่างยังสอนให้ลูกชายของนางรู้จักตัวหนังสือ นายหญิงเช่นนี้ มิน่าหนิวซื่อถึงได้รักและชอบมาก แม้แต่นางที่มาทีหลัง ครอบครัวของนางทุกคนต่างซาบซึ้งนายหญิงคนนี้มาก
สามีของนางพูดกับนางทุกวันว่านายหญิงปฏิบัติกับพวกเราดีมาก พวกเราจะต้องใช้ใจตอบแทนจึงจะดี
“สิบแปดตำลึง ต้นทุนของพวกเราคือสี่สิบอีแปะ นี่ยังมีเงินค่าเครื่องปรุง่แรกของพวกเรารวมอยู่ในนี้ หากต่อไปเครื่องปรุงพวกนี้เพียงเพิ่มไปก็พอ ดังนั้นต้นทุนต่อไปคาดว่าจะลดลงไปประมาณสามสิบ เนื้อหนึ่งจินของพวกเราสามารถหาเงินมาได้หกสิบอีแปะ ทุกวันขายได้สองถึงสามร้อยจิน ข้าคาดว่าจะรักษาจำนวนการขายเป็สามร้อยจินต่อไป หนึ่งร้อยจินหกตำลึง สามร้อยจิน พวกเราสามารถได้กำไรสิบแปดตำลึง”
เมื่อเฉินเนี้ยนหรานคำนวณบัญชีนี้อย่างละเอียด เฉินจื่อิถึงกับยืนอึ้งไปเลย “การ การค้านี้ เหตุใดถึงได้เงินมากกว่าร้านขายของชำของข้าอีกล่ะ ร้านขายของชำของข้า พูดตามตรง ปกติแล้วได้เงินหนึ่งตำลึงถือว่าไม่เลวแล้ว และต้องรอข้ามปีหรือมีเทศกาลจึงจะได้เงินมาก คิดไม่ถึงว่าเปิดร้านอาหารตุ๋นธรรมดาไม่สะดุดตา กลับสามารถหาเงินได้มากมายเช่นนี้ การค้านี้ ดีล่ะ หนึ่งเดือนนี้ได้เงินสี่ร้อยกว่าตำลึงแล้ว...แม่หนู...พวกเรา พวกเรารวยแล้ว” เฉินจื่อิคำนวณบัญชีพวกนี้แล้วตื่นเต้นจนแทบะโตัวลอย
“เอาล่ะท่านลุง นี่เป็แค่การเริ่มต้นเท่านั้นเ้าค่ะ พวกเรายังต้องพัฒนาไปข้างนอกอีก จริงสิ ต้าหลางออกไปนานเพียงนี้แล้ว มีข่าวคราวกลับมาหรือไม่? คำนวณเวลาแล้ว ต้าหลางออกไปประมาณสี่เดือนแล้วนะ หากเขาทำการค้าด้านนอกได้ดี ต่อไปกิจการของพวกเราจะได้ไปพัฒนาในเมือง”
เฉินเนี้ยนหรานพูดประโยคนี้ด้วยท่าทางที่นิ่งสงบแต่ดวงตาระยิบระยับปิดความตื่นเต้นไว้ไม่มิด แค่คิดถึงความฝันของตัวเอง การได้กลายเป็เ้าของสวนอยู่ไม่ไกลแล้ว นางรู้สึกตื่นเต้นมาก
“แม่หนู ตอนนี้ดีแล้ว ท้องของเ้า” เฉินจื่อิมองท้องของนาง “ต้องเตรียมเงินสักหน่อย ต่อไปเด็กคนนี้หากจะก้าวไปตามเส้นทางของตนเอง ฝึกวิชา มีอาจารย์ดีๆ ของพวกนี้เป็สิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ขอแค่โรงเตี๊ยมห่ายเทียนไม่ยกเลิกไปเสียก่อน พวกเราถือว่ามีแหล่งเงินทุนที่มั่นคงแล้ว ส่วนต้าหลาง...” เมื่อรู้ว่าเขากำลังคิดถึงต้าหลาง เฉินเนี้ยนหรานจึงรีบโน้มน้าวทันที
เพียงครู่เดียว กวนซูเยวียนที่ได้ยินข่าวรีบมาหา
“ไอ๊หยา การค้าครั้งนี้ดีมากจริงๆ หรือ?” เมื่อกวนซูเยวียนพุ่งเข้ามารีบดึงเฉินจื่อิเข้ามาถาม
“ฮ่าๆ พอได้ วันนี้พวกเราได้เงินสิบแปดตำลึง ตัดต้นทุนออกยังมีสิบตำลึง”
กวนซูเยวียนตื่นเต้น เอากำปั้นทุบลงไปที่ตัวของเฉินจื่อิ “เ้านี่จริงๆ ข้าว่านะ พอหลานสาวของเราออกความคิด ชี้แนะนู่นนี่ ตำลึงจึงไหลมาเทมา เอาล่ะตอนนี้ลงตัวแล้ว แค่ทำการค้ากับโรงเตี๊ยมก็พอ ส่วนที่ท่าเรือหากไม่จ้างคนมาก็ไม่ต้องไปขายแล้ว ที่นั่นคนเยอะเื่แยะ ได้เงินมาไม่เท่าใดหรอก”
ที่ร้าน้าคนช่วย หลังจากเฉินจื่อิยุ่งอยู่กับกิจการอาหารตุ๋น นางที่เป็แม่บ้านจึงต้องออกมาทำการค้า แม้บางครั้งจะมีพวกเอ้อร์หลางมาช่วย แต่สุดท้ายกลับไม่ได้เื่
เฉินเนี้ยนหรานครุ่นคิด “เช่นนี้ดีหรือไม่ อาหารตุ๋นที่ท่าเรือเราให้ร้านอาหารจานด่วนที่ท่านลุงแนะนำไปทำ ข้าคิดว่าพวกเขาคงยินดี อย่างไรมีอาหารคาวแล้ว ยังสามารถทำให้จำนวนการขายของพวกเขาเพิ่มขึ้นอีก อีกทั้ง เพียงเอาไปวางขายกลับสามารถทำรายได้เพิ่มเติมอีกด้วย”
เฉินจื่อิรับคำ “แน่นอน จะอย่างไรล้วนเป็พวกเราที่ลำบากเข้าตลาดมาได้ มายอมแพ้เช่นนี้ให้รู้สึกขัดใจเล็กน้อย เช่นนั้นข้าให้พวกนางแม่ลูกรับไปทำแล้วกัน”
กวนซูเยวียนขมวดคิ้ว แต่เมื่อเห็นพวกเฉินเนี้ยนหรานมีความคิดเช่นนั้น นางจึงไม่ได้พูดอะไร สำหรับท่าทางเช่นนี้ของนาง เฉินเนี้ยนหรานกลับรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง จะต้องรู้ว่าแต่ไหนแต่ไรกวนซูเยวียนเป็คนที่เข้าอกเข้าใจคน แต่วันนี้เหมือนพอพูดถึงสองแม่ลูกนั้น เหตุใดนางดูไม่ค่อยพอใจเท่าใดนักเล่า? ความสงสัยนี้ก่อตัวอยู่ในใจแต่เฉินเนี้ยนหรานไม่กล้าถาม
เพราะคิดถึงอนาคตที่เกิดขึ้น ดังนั้นอาหารค่ำในคืนนี้ทุกคนต่างทานกันอย่างเอร็ดอร่อย
หนิวซื่อออกมาจากการอยู่ไฟ อุ้มลูกชายมานั่งด้วยกันกับทุกคน ตอนที่คนน้อยเฉินเนี้ยนหรานยังให้ทุกคนมานั่งทานข้าวด้วยกัน
หนิวซื่อตั้งชื่อให้ลูกชายว่าหนิวหนิว เด็กชายอายุครบเดือนมีน้ำหนักถึงยี่สิบจิน เป็เด็กชายตัวอ้วนท้วน ยามนี้เฉินเนี้ยนหรานไม่กล้าแม้แต่จะอุ้มเขาเพราะเขาหนักเกินไป อีกทั้งตอนนี้ท้องนางก็โตแล้ว หากอุ้มเด็กอ้วนเช่นนี้ลำพังจะหายใจยังยาก
เด็กชายจึงอยู่ในอ้อมกอดของหนิวซื่อ เฉินเนี้ยนหรานเอาน้ำผักไปหยอกล้อเขาอยู่ครู่หนึ่ง ซึ่งเด็กชายทำเสียงอ้อแอ้ใส่ แต่อาจจะเพราะไม่ได้ทาน สุดท้ายจึงร้องไห้จ้าออกมา การทานข้าวในครั้งนี้ถึงได้จบลง
สร้างเส้นทางการค้าเรียบร้อยแล้ว เฉินเนี้ยนหรานจึงไม่ได้กังวลอีกต่อไป เวลาว่างของนางจึงยิ่งมีมากยิ่งขึ้น
วันๆ เอาแต่คิดว่าจะเลือกซื้อของให้กับลูกน้อยที่กำลังจะเกิดมา และต้องซื้อของใช้รอคลอดอีก ดังนั้นนางจึงเดินออกไปข้างนอกกับหนิวซื่อั้แ่เช้าตรู่
เนื่องจากกลัวเจอกับคนของจวนสกุลโจว ดังนั้นยามออกจากเรือนเฉินเนี้ยนหรานจึงสวมหมวกใบเล็กด้วย โชคดีที่ในฤดูนี้ลมทะเลทรายค่อนข้างแรง ดังนั้นสตรีที่สวมหมวกจึงมีเป็จำนวนมาก เพราะเหตุนี้เฉินเนี้ยนหรานถึงได้กล้าออกจากเรือน อย่างไรคนของสกุลโจวล้วนเป็คนที่นางกลัวจะพบเจอมากที่สุด
ทั้งสองคนเดินเข้าร้านเสื้อผ้าก่อนเพื่อเลือกผ้าที่อ่อนนุ่ม ขณะเดินผ่านร้านเครื่องประดับ คิดได้ว่าตนยังไม่ได้เตรียมของเป็สร้อยคล้องคอรูปแม่กุญแจที่สลักคำว่าอายุยืนรับขวัญให้กับลูกของหนิวซื่อเลย และจะได้เลือกให้กับลูกตนเองด้วยชุดหนึ่ง
“พี่สะใภ้ พวกเราไปดูของในร้านนั้นก่อนเถิด” ทั้งสองคนเดินเข้าไปทางร้านด้วยความสนอกสนใจ
เครื่องประดับทองในร้านมีจำนวนไม่น้อย ทว่าทั้งสองคนต่างเลือกเครื่องประดับเงิน
เด็กชายใส่เงินก็เพียงพอ ได้ยินมาว่าเงินจะช่วยรักษาหยวนชี่[1] และรักษาร่างกาย
“นายหญิง ท่านดูชุดนี้สิเ้าคะ ข้าว่างามมากจริงๆ สร้อยลูกกุญแจสลักว่าอายุยืนร่ำรวย เด็กน้อยจะได้เติบโตอย่างแข็งแรง นั่นเป็สิ่งที่ดีที่สุด” หนิวซื่อมองของในร้านพลันรู้สึกว่าจะชิ้นใดล้วนสวยไปเสียหมด
แต่ก่อนนางมีโอกาสได้เลือกของพวกนี้เสียที่ใด ตอนนี้ชีวิตดีมากถึงเพียงนี้ มีนายหญิงที่เข้าใจ และได้เห็นสิ่งที่ตนไม่เคยได้เห็นมาก่อน
“อืม ไม่เลวเลย เ้าของร้านเ้าคะ ลายแบบนี้พวกท่านมีสักสองชุดหรือไม่เ้าคะ?” เฉินเนี้ยนหรานปรายตามอง รู้สึกว่าสวยใช้ได้ จึงเอ่ยถามออกไป
เ้าของร้านคนนั้นยังคิดอยากให้เลือกสิ่งที่ดีกว่านี้ แต่เมื่อเห็นทั้งสองคนเลือกเ้านี่แล้ว จึงไม่ได้แนะนำสิ่งอื่นเพิ่ม “ข้าขอดูสักครู่นะเ้าคะ”
“เอ๋ ชุดนี้สวยนะเ้าคะ โชคดี ข้าเอาชุดนี้แล้วกัน หลานของเ้ากำลัง้าพอดี” ในตอนนั้นเองมีเสียงใสดังขึ้นข้างตัว
เฉินเนี้ยนหรานถึงได้เห็นชัดเจน สตรีที่นั่งเลือกเครื่องประดับข้างๆ หน้าตางดงาม นั่งเอื่อยเฉื่อยอยู่ตรงนั้น ให้ความรู้สึกบอบบางยิ่งนัก
เมื่อมองไปยังร่างของนาง ก็ให้ความรู้สึกที่ไม่สามารถละสายตาไปได้
ข้างกายสตรีนางนี้ยังมีสาวใช้สองคนที่แต่งกายด้วยชุดสีเขียว
หลังจากนางถามออกไป สตรีชุดเขียวหนึ่งในนั้นเดินเข้ามา “เ้าค่ะ คุณหนูคิดว่าไม่เลวก็พอ”
สตรีคนงามพรายยิ้มบางเ้าของร้านกับเฉินเนี้ยนหรานต่างตะลึงค้าง แค่มองรอยยิ้มของนางพลันรู้สึกว่าดอกไม้บนโลกใบนี้เบ่งบาน
แต่นางคล้ายไม่รู้ว่าความงามของตนนั้นทำร้ายคน จึงหันไปมองทางเฉินเนี้ยนหรานพร้อมส่งยิ้ม “ฮูหยินท่านนี้ ข้าขอยืมดูได้หรือไม่เ้าคะ!”
เป็ประโยคที่อ่อนโยนมาก แต่กลับทำให้คนไม่สามารถปฏิเสธได้ เฉินเนี้ยนหรานส่งเครื่องประดับไปให้นาง “ดูเถิด น้องสาวหน้าตาสะสวย คนในเขตเล็กๆ ของพวกเรา ยังไม่มีใครหน้าตาโดดเด่นเช่นนี้เลย”
เชิงอรรถ
[1] หยวนชี่ คือเป็พลังงานชีวิตที่สำคัญที่สุดในร่างกาย
