หลินเมิ้งหยาขยับปากเป็รูปตัว“O”มองดูป๋ายซูที่กำลังเปลี่ยนรูปร่างของแท่งเหล็กกลับเป็แหวนอีกครั้งก่อนจะสวมกลับลงบนนิ้ว
“คือว่า...ข้าเองก็เรียนมานิดหน่อยอย่างไม่ตั้งใจเ้าค่ะ”
ป๋ายซูหยักยิ้มถ่อมตัวเมื่อถูกสายตาเลื่อมใสของหลินเมิ้งหยาจ้องมอง นางจึงรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย
“สอนข้าหน่อยได้หรือไม่? ”
แม้จะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนายหญิงซึ่งเป็สตรีชนชั้นสูง้าเรียนวิชาสะเดาะกลอน
แต่นี่ไม่น่าใช่เวลาพูดเื่นี้นี่นา
“นายหญิง...เื่นี้ค่อยว่ากันทีหลังเถิดเ้าค่ะ”
เมื่อถูกป๋ายซูส่งสายตาเตือนหลินเมิ้งหยาจึงนึกขึ้นมาได้ว่านี่หาใช่เื่ที่ต้องทำในเวลานี้ไม่
เปิดประตูห้องออกหลินเมิ้งหยากับป๋ายซูลอบเดินเข้าไปภายใน
ยืมแสงจันทร์จากทางด้านนอกในการมองหลินเมิ้งหยามองดูชายที่นอนอยู่บนเตียงอย่างละเอียด
เหตุใดจึงเป็เขา?
งานเลี้ยงดำเนินไปกว่าครึ่งทางไท่จื่อกับชายารองตู๋กูส่งยิ้มทักทายแเื่ในงาน
หญิงสาวสวมใส่ชุดเสมือนนางกำนัลวิ่งเข้าไปในงานด้วยท่าทางตื่นตระหนก
“แย่แล้วแย่แล้ว ไท่จื่อเพคะ พระชายารอง เกิดเื่ไม่ดีขึ้นแล้วเพคะ”
ทันทีที่ได้เห็นนางกำนัลร้องเอะอะโวยวายดวงตาของไท่จื่อกับชายารองตู๋กูพลันเปล่งประกาย ราวกับกำลังรอดูอะไรสนุก ๆ
“บังอาจไท่จื่อประทับอยู่ที่นี่ เหตุใดจึงร้องโหวกเหวกโวยวายเช่นนี้”
ชายารองตู๋กูผู้เป็นายหญิงของจวนรีบลุกขึ้นว่ากล่าวนางกำนัลคนนั้น
“พระชายารองได้โปรดลงโทษหม่อมฉันด้วยหนู่ปี้เพียงแค่ร้อนใจเพคะ พระชายารองได้โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วย”
นางกำนัลที่ถูกตวาดร่างกายสั่นเทิ้มเพราะความหวาดกลัวหดตัวคุกเข่าอยู่กลางห้องโถง เม้มปากแน่น ไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ อีก
“เหนียงเหนียงอย่ากริ้วเลยเพคะหนู่ปี้คิดว่านางจะต้องมีเื่สำคัญ้าพูดอย่างแน่นอน เข้ามา เ้าจงมาที่นี่”
นางในคนสนิทของชายารองตู๋กูเรียกนางกำนัลผู้นั้นเข้ามา
นางกำนัลหน้าแดงก่ำกระซิบข้างหูนางในคนสนิทเบา ๆ
“เ้าพูดเื่จริงอย่างนั้นหรือ?อย่าพูดจาไร้สาระ นี่เป็เื่เกี่ยวกับความเป็ความตายเชียวนะ”
นางกำนัลพยักหน้าลงสุดชีวิตดวงตาเผยให้เห็นความกระวนกระวาย
นางในครุ่นคิดก่อนจะกระซิบข้างหูชายารองตู๋กู
“เกิดเื่เช่นนี้ได้อย่างไร?ไท่จื่อเพคะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเื่เช่นนี้ขึ้นในงานเลี้ยงพระองค์ได้โปรดลงโทษหม่อมฉันด้วย”
ชายารองตู๋กูคุกเข่าลงชำเลืองมองไท่จื่อด้วยท่าทางหวาดกลัวระคนกระวนกระวาย
ไท่จื่อที่รู้อยู่ก่อนแล้วจึงแสดงท่าทางชะงักงันพยุงร่างชายารองของตนเองขึ้น ก่อนจะแสร้งเอ่ยถามต้นสายปลายเหตุ
“เป็อะไรไป?เกิดเื่อะไรขึ้นกระนั้นหรือ?”
ชายารองตู๋กูร่ำไห้ส่งเสียงอ่อน
“เป็ความผิดของเฉินเซี่ยเองไท่จื่อได้โปรดเห็นแก่หน้าหม่อมฉันและอย่าได้โทษท่านอ๋องกับองค์หญิงเลยนะเพคะ”
ไท่จื่อถลึงตาโตหูที่กำลังเงี่ยฟังของคนในงานเปิดกว้างเพื่อรอรับฟังข่าวสาร
กวาดสายตามองหาหลงเทียนอวี้ นอกจากเขาแล้ว ในงานเลี้ยงแห่งนี้ไม่มีองค์ชายคนอื่นอีก
องค์หญิงิเยว่เองไม่อยู่ที่นี่หรือว่าทั้งสองคนนั้น........
“บังอาจนักเห็นจวนของข้าเป็อะไร? ”
ตบโต๊ะเสียงดังเสียงของงานเลี้ยงที่เคยดังครึกครื้นพลันเงียบกริบ
ไท่จื่อโกรธเกรี้ยวเดินนำชายารองตู๋กูและคนกลุ่มใหญ่ไปทางห้องที่อยู่ด้านหลังสวน
ยังไม่ทันจะเข้าไปถึงเสียงกระเส่าของหญิงสาวพลันดังลอดออกมา
ใบหน้าของไท่จื่อแข็งทื่อส่งสัญญาณผ่านทางสายตาให้ชายารองตู๋กู ก่อนจะพยายามปกปิดแววตาสาแก่ใจของตนเอง
“ท่านอ๋ององค์หญิง ไท่จื่อเสด็จ ได้โปรดเปิดประตูด้วย”
ขันทีเดินเข้าไปเคาะประตูด้วยความว่องไว
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเสียงร้องภายในห้องจะยิ่งดังมากขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?หรือว่าพวกเ้าไม่รู้จักคำว่าอายอย่างนั้นหรือ?”
ริมฝีปากของไท่จื่อหยักยิ้มเ็า
ออกแรงเปิดประตูห้องรับแขกแสงไฟจากโคมของนางกำนัลสาดส่องไปทั่วทั้งห้อง
สิ่งที่ได้เห็นคือพื้นโต๊ะ เก้าอี้ อยู่ผิดที่ผิดทาง
แม้ผ้าม่านรอบเตียงจะไม่ถูกเปิดออกทว่าแรงสั่นะเืของเตียงกลับทำให้คนอื่นคิดไปไกล
ดังนั้นใบหน้าของเหล่าคุณหนูทั้งหลายจึงแดงก่ำ ก่อนจะถอนตัวออกไป
ดวงตาของคนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนเปล่งประกายเพราะคิดว่ากำลังจะได้เห็นอะไรสนุกๆ พวกเขารอให้ไท่จื่อเปิดผ้าคลุมรอบบเตียงออกอย่างใจจดใจจ่อ
หลังจากเสียงร้องเสมือนโบยบินขึ้นสู่จุดสุดยอดสำเร็จของหญิงสาวดังขึ้นเสียงหอบหายใจถี่ ๆ ของฝ่ายชายและฝ่ายหญิงพลันทำให้คนอื่นหัวใจเต้นระรัว
ชายารองตู๋กูลากผ้าม่านรอบเตียงออกเพื่อดูหน้าฝ่ายชายและฝ่ายหญิงไร้ยางอาย
ทว่าหลังจากได้เห็นใบหน้าของฝ่ายหญิงแล้ว นางอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
“เหตุใดจึงเป็เ้า?”
รีบปิดผ้าอีกครั้งสีหน้าของชายารองตู๋กูเผยความโกรธเกรี้ยว
ไท่จื่อยังไม่รู้ว่าสถานการณ์พลิกผันแล้วเขานึกว่าชายารองตู๋กูกำลังแสดงละคร
“เอาล่ะเ้าอย่าได้ช่วยพวกเขาปิดบังความผิดเลย น้องสาม ข้าเคยบอกแล้วว่าหากเ้าชอบข้าสามารถทูลขออนุญาตจากเสด็จแม่เพื่ออนุญาตให้เ้าอภิเษกได้ เฮ้อเหตุใดเ้าจึงต้องทำเช่นนี้ที่นี่ด้วย?”
ไท่จื่อทุบหน้าอกของตนเองราวกับกำลังหาวิธีแก้ปัญหากับเื่น่าอับอายของราชวงศ์และฮ่องเต้ิ
ทว่า เขามองไม่เห็นสายตาของชายารองตู๋กูที่พยายามจะส่งสัญญาณให้เขาเลยแม้แต่น้อย
“ไท่จื่อเพคะท่านอ๋องเพียงแต่มึนเมาเล็กน้อยเกรงว่าจะมิมีอะไรเกี่ยวข้องกับองค์หญิงิเยว่นะเพคะ”
ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าเสียงหวานใสเสียงหนึ่งจะดังขึ้น
ชายาอวี้หลินเมิ้งหยาเดินตามหลังสาวใช้ที่กำลังถือโคมเล็กส่องทางเข้ามา
ไท่จื่อถอนหายใจขณะที่กำลังจะบอกให้หลินเมิ้งหยาอธิบาย ทว่าเขากลับได้เห็นคนที่เดินตามหลังนางมาเสียก่อน
ดวงตาเบิกกว้างขึ้น
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าเ็าดุจน้ำแข็ง
ทว่าเมื่ออยู่ข้างกายหญิงสาวที่กำลังส่งยิ้มอ่อนโยนเล็กน้อยตรงหน้าพวกเขาทั้งคู่เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก
สถานการณ์พลิกผันทุกคนต่างคาดไม่ถึง ชายที่น่าจะส่งเสียงร้องกระเส่าอยู่ในกระโจมแต่กลับเดินเข้ามาจากทางด้านนอก อีกทั้งเสื้อผ้ายังถูกใส่อย่างเรียบร้อย
“มิใช่ว่าเ้า...”
ไท่จื่อพึมพำแผนการทำให้หลงเทียนอวี้กับองค์หญิงิเยว่แสดงฉากเสพกระสันต่อหน้าทุกคนของเขาพังทลายลงต่อหน้าต่อตา
หากเป็ไปตามแผนแม้หลงเทียนอวี้จะไม่ยินยอม แต่ก็มิอาจปฏิเสธได้อีก
ทว่าหลงเทียนอวี้กลับหยุดยืนอยู่ตรงหน้า เช่นนั้น คนที่อยู่หลังผ้าม่านเป็ใคร?
“ไอหยานี่คือหงส์คู่ของฮูหยินอันแห่งจวนไท่จื่อมิใช่หรือ?”
อยู่ ๆหลินเมิ้งหยาก็ร้องขึ้นก่อนจะหยิบหยกขาวชิ้นหนึ่งขึ้นมาจากพื้นที่มีของวางระเกะระกะ
เพียงได้เห็นหยกหงส์คู่สีหน้าของไท่จื่อพลันแข็งทื่อ
เขาจำได้นี่คือของที่เขามอบให้ฮูหยินอันในวันที่นางเข้ามาถวายงานในจวน
หรือว่าคนที่อยู่บนเตียงก็คือ...
“ตามที่ข้ารู้พระชายากับฮูหยินอันมิเคยรู้จักกันเหตุใดพระชายาจึงรู้ได้ว่าหยกหงส์คู่ชิ้นนี้เป็ของฮูหยินอันอย่างนั้นหรือ? ”
ชายารองตู๋กูรู้ดีว่าหากทุกคนที่นี่ได้เห็นว่าคนหลังผ้าม่านเป็ใคร มันมิต่างอะไรจากการฉีกหน้าตัวเอง
นางกัดฟันหาข้ออ้าง
แต่ใครจะรู้ว่าหลินเมิ้งหยาจะใช้มือทัดผมพลางส่งเสียงเรียบ
“สาวใช้ของหม่อมฉันเข้าไปในครัวเพื่อหยิบขนมยู่ลู่เกิงมาให้แต่นางไม่ทันระวังจึงชนเข้าใครบางคน ตอนที่หม่อมฉันตามไปเจอ หญิงคนนั้นอ้างว่าตนเองคือฮูหยินอันแห่งจวนไท่จื่อตอนแรกหม่อมฉันไม่เชื่อ ทว่าฮูหยินอันกลับนำยหกชิ้นนี้ออกมายืนยัน เพียงได้เห็นหม่อมฉันรู้ได้ทันทีว่าหยกชิ้นนี้เป็ของมีราคา ใช่ว่าคนธรรมดาทั่วไปจะมีได้ดังนั้น หม่อมฉันจึงจำลักษณะของหยกชิ้นนี้ได้เพคะ”
คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้สีหน้าของไท่จื่อและชายารองตู๋กูเปลี่ยนไป
เสียงซุบซบนินทาเริ่มดังขึ้น
“กรี๊ด...ทำไมเป็เ้า!ข้าคือฮูหยินอันของไท่จื่อเหตุใดคนต่ำช้าเช่นเ้าจึงทำเช่นนี้กับข้า!”
เป็เื่บังเอิญที่น่าตลกหลินเมิ้งหยาอดที่จะชื่นชมทักษะในการแสดงของฮูหยินอันไม่ได้
ในความเป็จริงฮูหยินอันคิดว่าคนที่มีความสัมพันธ์เล่าร้อนกับนางคือไท่จื่อ
เมื่อยาหมดฤทธิ์นางจึงได้เห็นว่าชายที่นอนอยู่ข้างกายตนเองเป็เพียงยามเฝ้าประตูจวนเท่านั้น
เป็เพียงจิ้งจอกแต่กลับแอบใช้บารมีของเสือฮูหยินอันลืมไปแล้วว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น
“นังแพศยา”
ไท่จื่อกัดฟันดึงดาบออกจากเอวขององครักษ์ข้างกาย
สาวเท้าเข้าไปที่เตียงหลังผ้าม่านผลักชายารองตู๋กูจนล้มไปที่อีกฝั่ง พุ่งตัวเข้าไปก่อนที่เสียงร้องสองเสียงจะดังขึ้น
โลหิตสีแดงฉานรินไหลลงจากเตียง
สีหน้าทุกคนเคร่งขรึมไท่จื่อกลายเป็ตัวตลกต่อหน้าผู้อื่นเป็ครั้งที่สอง
หลงเทียนอวี้ยกแขนขึ้นกำบังหลินเมิ้งหยา
ทว่านางกลับส่ายหน้า ก่อนจะดันการป้องกันของเขาออก
นางเป็หมอดังนั้นจึงไม่เคยกลัวเื
ตอนนี้นางกำลังชื่นชมความน่าอดสูของไท่จื่อดังนั้นจึงไม่มีแม้แต่เวลากลัว
โกรธ?อับอาย? สงสัย? เื่พวกนี้ไม่สำคัญแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแก้แค้นของนางเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
“ไท่จื่อหม่อมฉัน..”
ชายารองตู๋กูรีบพุ่งเข้าไปเพื่อ้าอธิบายทว่า สายตาอาฆาตมาดร้ายของไท่จื่อกลับทำให้นางตื่นตระหนก
โลหิตสีแดงไหลจรดปลายดาบแล้วหยดลงบนพื้น
สีหน้าของไท่จื่อแฝงไว้ซึ่งความโเี้อำมหิต
หากมิใช่เพราะคนที่อยู่ตรงนี้ล้วนเป็คุณชายคุณหนูเขาคงฆ่าให้ตายจนหมดสิ้น
ด้านหลังผ้าม่านควรจะเป็หลงเทียนอวี้และิเยว่แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะกลายเป็คนสนิทของเขากับยามเฝ้าหน้าประตู
อีกทั้งเขายังเป็ผู้นำทุกคนมาดูละครฉากนี้เองกับมือ แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไร
สายตาเ็าพยายามปกปิดความโกรธของตนเอง
ทว่าเขาหันไปสบตากับดวงตาสีดำคู่หนึ่ง
หรือว่าหลินเมิ้งหยาจะเป็คนจัดการเื่ทั้งหมดนี้?
ไท่จื่อครุ่นคิดก่อนจะปฏิเสธความคิดของตนเอง
เป็ไปไม่ได้หลินเมิ้งหยาไม่รู้จักคนในจวนของเขา แม้นางอยากจะแก้แค้นเขา แต่ก็ไม่มีทางทำเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน
อย่างน้อยคนที่ทำเื่พวกนี้จะต้องเป็คนที่คุ้นเคยกับตนในจวนของเขาเป็อย่างดี
สายตาฉงนหันมองทางหลงเทียนอวี้และกลุ่มคนเ่าั้ กวาดสายตามองทุกคน สุดท้ายจับจ้องที่ชายารองตู๋กูที่กำลังส่งเสียงร้องไห้
ครุ่นคิดบางทีท่าทางตื่นตระหนกของนางเมื่อครู่ อาจเพราะได้เห็นว่าเป็ฮูหยินอันใช่หรือไม่?
หากนางเป็คนทำแล้วเหตุใดนางจึงต้องปิดบังใบหน้าของฮูหยินอัน?
ตกลงใครทำเื่นี้กันแน่
“เข้ามานำศพเ้าพวกไร้ยางอายสองคนนี้ออกไปทิ้งให้หมากิน”
