“อาศัยอะไร?”
“พวกเราอยู่กันดีๆ อาศัยอะไรถึงได้ไล่พวกเรา?”
“อาศัยที่เรือนหลังนี้เป็ของข้าอย่างไรเล่า” ไป๋เซี่ยเหอกล่าวอย่างเ็า
ทำให้ทุกคนต้องกลืนคำพูดกลับลงท้อง
แน่นอนว่ามีบางคนที่ยังคงไม่ยอมถอดใจ
“พวกท่านรับเรามาอยู่ที่นี่เอง ตอนนี้กลับจะไล่พวกเราไป ก็ต้องให้เหตุผลหน่อยกระมัง”
“ถูกต้อง พวกเรา้าเหตุผล คงไม่มากเกินไปหรอกกระมัง”
“เหตุผลหรือ?” น้ำเสียงของไป๋เซี่ยเหอเย็นเยียบขึ้นอีกหลายส่วน “พวกเ้าไม่ผ่านบททดสอบของข้า”
“บททดสอบหรือ? บททดสอบอะไร?”
แม้แต่จิ่วหานที่ยืนอยู่ข้างๆ ไปเซี่ยเหอก็ยังทำหน้างุนงง ทดสอบั้แ่เมื่อใดกัน? เหตุใดเขาถึงได้ไม่รู้?
จิ่วหานหันไปมองเซี่ยถิงด้วยสายตาสงสัยราวกับกำลังตั้งคำถาม
เซี่ยถิงกลอกตา เขายืนถือดาบอยู่ด้านหลังไป๋เซี่ยเหอ แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไร!
“นับั้แ่พวกเ้าเดินเข้ามาในประตูจวนของข้าจนถึงตอนนี้ นั่นคือบททดสอบแรก”
“พวกเ้าที่ถูกคัดออกล้วนแล้วแต่ดวงตาไร้แวว ไร้วินัย อกตัญญู และโง่เขลา!”
“พวกเ้าคิดว่าข้าซื้อเรือนหลังนี้มาเพื่อการกุศลหรือ?”
อาศัยอะไรถึงได้บ่นว่าถูกปลุกยามดึกดื่น?
ตอนที่นางฝึกซ้อม นางเคยถูกฉีดยานอนหลับ จากนั้นก็ถูกโยนเข้าไปในสถานที่ที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่าที่ออกหากินยามค่ำคืน
แม้กระทั่งตอนที่นอนหลับอยู่ จู่ๆ ไฟก็ไหม้เรือน!
ทหารรับจ้างต้องมีสัญชาตญาณที่ปราดเปรียว ตอบสนองได้อย่างว่องไว และควบคุมความแข็งแกร่งของตนเองได้
นางไม่ได้ขอร้องให้เด็กเหล่านี้ทำเื่เกินตัว ทว่าพวกเขาไม่มีแม้แต่ความสำนึกบุญคุณขั้นพื้นฐานด้วยซ้ำ!
นางไม่้าคนเนรคุณที่เลี้ยงไม่เชื่อง
ทุกคนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ จากนั้นก็ไม่โต้แย้งอะไรอีก ก่อนจะจากไปอย่างยอมจำนน
โชคดีที่ไม่ต้องคืนชุดหนาๆ บนร่าง จึงไม่นับว่ามาเสียเที่ยว เพียงแต่วันหน้า...
สีดำของยามราตรีแผ่กระจาย
จากเดิมที่มีสามสิบเก้าคน เหลือเพียงสิบสองคนภายในเวลาหนึ่งก้านธูป
เด็กที่เหลืออยู่ล้วนแต่มีแววตาที่แน่วแน่ ไม่มีผู้ใดสร้างความวุ่นวาย พวกเขายืนอยู่ในตำแหน่งของตนเองโดยไม่แตกแถว
ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าเ้านายที่อยู่เบื้องหน้านั้น แม้จะเป็เพียงสตรีนางหนึ่ง ทว่ามีนิสัยพูดคำไหนคำนั้น วิธีแก้ปัญหาก็เด็ดขาดเสียจนบุรุษธรรมดาเทียบไม่ติด
“ข้าจะพูดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น สุดท้ายแล้วพวกเ้าจะเลือกอยู่ต่อหรือจากไป พวกเ้าต้องตัดสินใจเอง ข้าไม่บีบบังคับ”
น้ำเสียงของนางเฉยเมยไม่สะทกสะท้าน ทว่าสร้างความกดดันให้กับทุกคนราวกับหินก้อนใหญ่ก็ไม่ปาน
สิ่งที่เรียกว่าบททดสอบเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น!
“ข้าไม่ได้รับพวกเ้ามาอาศัยอยู่ที่นี่เพื่อการกุศล ดังนั้นพวกเ้าต้องเตรียมใจให้ดี ข้าไม่เก็บคนไร้ประโยชน์ไว้ข้างกายข้า”
“หาก้าอยู่ต่อ จะต้องฝึกซ้อมเยี่ยงปีศาจ!”
ฝึกซ้อมเยี่ยงปีศาจ!
ทุกคนรู้สึกหนาวเหน็บ
บางคนกังวล บางคนหวาดกลัว ทว่าไม่มีผู้ใดเอ่ยปากขัดจังหวะถ้อยคำของไป๋เซี่ยเหอเลย
นี่เป็เื่เดียวที่ทำให้นางพึงพอใจ
“พวกเ้ายังคงทำกิจวัตรตามปกติ ทว่าสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ จิ่วหานหรือเซี่ยถิงจะลอบสังหารพวกเ้าตลอดเวลา”
“ลอบสังหาร?”
จิ่วหานสูดลมหายใจ เซี่ยถิงไม่ทราบว่าเขาเป็มือสังหารที่โด่งดังในยุทธภพ
เด็กที่ผอมบางเหล่านี้จะรับมือกับการลอบสังหารของเขาได้หรือ?
“ถูกต้อง ข้ารู้ว่าในหมู่พวกเ้ามีคนที่อยากจะแย้งว่าตนเองไม่เคยร่ำเรียนวรยุทธ์มาก่อน”
“แต่สิ่งที่ข้าจะบอกคือ ยิ่งไม่มีวรยุทธ์ที่มีแบบแผน ก็ยิ่งไม่มีช่องโหว่”
“นอกจากนี้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้สัญชาตญาณ พร์ก็เป็เพียงผายลมสุนัขเท่านั้น!”
ไป๋เซี่ยเหอหวนนึกถึงการฝึกซ้อมของตนเองในอดีต ไหนเลยจะเป็การฝึกซ้อมแบบปกติ? นางถูกบังคับให้ยืนอยู่หน้าประตูพญายมครั้งแล้วครั้งเล่า!
มือที่บอบบางข้างหนึ่งชูขึ้นท่างกลางฝูงชน
“พูดมา”
“ข้าอยากถอนตัวขอรับ”
“ได้” ไป๋เซี่ยเหอโบกมือ “จิ่วหาน ให้เขาสองตำลึงเงิน แล้วปล่อยเขาไปเสีย”
ถอนตัวแล้วยังได้เงินด้วย?
ชั่วขณะก็มีเสียงถอนตัวดังขึ้นไม่ขาดสาย
หลังความวุ่นวายจบลง ก็เหลือเด็กเพียงสี่คนเท่านั้น
“เหตุใดพวกเ้าถึงไม่ถอนตัว?”
“พวกเราอยากติดตามนายท่านขอรับ”
ดวงตาของไป๋เซี่ยเหอฉายแววชื่นชมเล็กน้อย “ไม่กลัวการฝึกซ้อมเยี่ยงปีศาจหรือ?”
“กลัวขอรับ แต่พวกเรากลัวที่จะไม่ได้ทำอะไรยิ่งกว่า มันน่ากลัวกว่าความตายเสียอีกขอรับ”
พวกเขาไม่เหมือนกับบรรดาเด็กที่ถอนตัวเมื่อครู่ เด็กเ่าั้เคยมีชีวิตที่ดีและมั่นคง เพียงแต่ประสบปัญหาบางอย่างจนต้องกลายเป็ขอทาน
ทว่าไป๋เซี่ยเหอคือแสงสว่างในชีวิตอันมืดมนของพวกเขา นางช่วยให้พวกเขาได้มีชีวิตใหม่!
“ดี! ข้าจะทิ้งวิธีฝึกซ้อมให้พวกเ้า แล้วอีกหนึ่งเดือนให้หลังข้าจะมาตรวจสอบ”
จิ่วหานรับกระดาษที่มีตัวอักษรเขียนไว้เต็มสองหน้าจากไป๋เซี่ยเหอ ในใจราวกับมีคลื่นโหมกระหน่ำ เขาประหลาดใจเสียจนไม่อาจทำใจให้สงบนิ่งได้
นี่คือวิธีฝึกซ้อมที่ถูกเขียนขึ้นโดยเด็กสาวอายุสิบกว่าปีจริงๆ หรือ?
หากฝึกซ้อมเช่นนี้ เกรงว่าตำแหน่งข้างกายไป๋เซี่ยเหอของตนเองจะสั่นคลอนเสียแล้ว
“ขอรับนายท่าน!”
เมื่อกลับถึงจวนสกุลไป๋ ฟ้าก็เริ่มสว่างแล้ว ไป๋เซี่ยเหอจึงตัดสินใจไม่นอน
ในเมื่อตอนนี้มีฮั่วเยี่ยนไหวเป็ข้ออ้าง นางก็สามารถฝึกซ้อมวรยุทธ์อย่างเปิดเผยได้แล้ว
หาก้าให้ลูกน้องติดตามอย่างสมัครใจ สิ่งที่ต้องมีมากที่สุดคือความสามารถของผู้เป็นาย
นางกระโจนขึ้นไปบนกิ่งไม้ใหญ่ที่ดูมั่นคง
ใบไม้จำนวนหนึ่งร่วงหล่น
เซี่ยถิงที่ยืนดูอยู่เห็นเพียงว่าไป๋เซี่ยเหอบิดข้อมือเท่านั้น จากนั้นแสงสีเงินจำนวนหนึ่งก็พุ่งออกไปด้านหน้า
เป็เข็มเงินนั่นเอง
เข็มเงินที่บางดุจขนวัว
บริเวณกึ่งกลางของใบไม้ที่ตกลงบนพื้น มีเข็มเงินปักไว้อย่างมั่นคง
ความรู้สึกพ่ายแพ้เกิดขึ้นในใจของเซี่ยถิง เขายืนอยู่ตรงมุมกำแพงด้วยใบหน้าอมทุกข์
วรยุทธ์แกร่งกล้าเช่นนี้ ทั่วทั้งเมืองหลวงยากที่จะหาได้
เ้านายที่เก่งกาจเช่นนี้ต้องให้เขาปกป้องด้วยหรือ? เกรงว่าเ้านายต้องปกป้องเขามากกว่า...
ไป๋เซี่ยเหอนั่งยองๆ เก็บเข็มเงินขึ้นจากพื้นเล่มแล้วเล่มเล่า นางพบว่าตนเองปาเข็มเงินพลาดไปสิบสองเล่ม
ความสามารถของนางไม่ถึงเจ็ดในสิบส่วนของอดีตชาติด้วยซ้ำ!
“เซี่ยถิง เ้าไปหาโรงตีเหล็กสักแห่งแล้วสั่งทำเกาทัณฑ์แขนเสื้อให้ข้าจำนวนหนึ่ง”
ไม่ว่าจะเป็ในอดีตชาติหรือปัจจุบัน เกาทัณฑ์แขนเสื้อที่ประณีตและกะทัดรัดถือเป็อาวุธโปรดของนาง
โจมตีได้ทั้งไกลและใกล้ พกพาสะดวก
หลังเซี่ยถิงจากไปได้ไม่นาน ฝูเอ๋อร์ก็มาหา
“เหตุใดคุณหนูถึงได้อยู่ตรงนี้เ้าคะ?”
“มีเื่อันใด?”
หากไม่มีเื่ฝูเอ๋อร์จะไม่มาหานาง
“เมื่อครู่ไท่จื่อทรงนำพระราชโองการมาเ้าค่ะ เหลาเหยี่ยจึงต้องกลับไปที่ชายแดน อีกประเดี๋ยวจะออกเดินทางแล้ว”
“กะทันหันปานนี้เชียว?”
ตอนนี้บ้านเมืองสงบร่มเย็น ไม่น่ามีพระราชโองการให้ไป๋เสียนอันกลับไปที่ชายแดนอย่างกะทันหันปานนี้หรอก นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
“เ้าค่ะคุณหนู เราเตรียมตัวแล้วรีบไปกันเถิดเ้าค่ะ”
เนื่องจากไป๋เซี่ยเหอไม่ได้พักผ่อนทั้งคืน จึงไม่ต้องเตรียมตัวมากนัก ผมเผ้าและอาภรณ์ล้วนแล้วแต่เป็ระเบียบเรียบร้อย นางจึงให้ฝูเอ๋อร์นำไปยังห้องโถงหลักทันที
“ถวายบังคมไท่จื่อเพคะ”
“คารวะท่านแม่ทัพเ้าค่ะ”
น้ำเสียงของไป๋เซี่ยเหอฟังดูเฉยเมยและห่างเหิน
ฮั่วิเชินมองไป๋เซี่ยเหอด้วยสายตาลึกซึ้ง “ไม่ต้องมากพิธี”
ไป๋เซี่ยเหอนั่งลงที่มุมหนึ่งตามลำพัง พลางชมละครความรักลึกซึ้งฉันพ่อลูกระหว่างไป๋เสียนอันกับไป๋หว่านหนิงอย่างเบื่อหน่าย
ส่วนไป๋ซูเหอ นับั้แ่นางกลับมาจากงานเลี้ยงก็ราวกับเปลี่ยนเป็คนละคน กลายเป็เงียบขรึมเสียอย่างนั้น
“ท่านพ่อ หนิงเอ๋อร์ไม่อยากจากท่านเลยเ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอเงยหน้ามองท้องฟ้า นางจำได้ว่าตอนที่อยู่บนรถม้าระหว่างไปรับไป๋ซูเหอ ผู้ใดกันที่บอกว่าจะไม่ปล่อยไป๋เสียนอันไป?
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้