“เฮ้! ตาแก่ พวกเอ็งจะตามมาทำไมวะ!” หลังจากเดินไปได้เพียง 2ก้าว ครูฝึกอาชีพนักรบก็พบว่าเื้ัของเขาไม่ได้มีเพียงหลิงเฉินที่ตามมาทว่ายังมีครูฝึกเปลี่ยนอาชีพทั้ง 6 คนตามมาด้วย
“แน่นอนว่าพวกข้ากำลังตามไปดู!ใครบอกว่ามีแค่เอ็งที่สามารถตามไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นในเวลานี้มันเป็ไปไม่ได้ที่ผู้เล่นคนอื่นๆ จะมาที่นี่ฉะนั้นการออกไปจากที่นี่จึงไม่เป็ปัญหา”
“...”
ในท้ายที่สุด ครูฝึกเปลี่ยนอาชีพทั้ง 7 คน ก็พาหลิงเฉินมุ่งไปที่หอิญญาวีรชนอย่างพร้อมเพรียงกันโดยหลิงเฉินอาจเป็คนผู้เดียวท่ามกลางเหล่าผู้เล่นที่ได้รับเกียรติเช่นนี้อันที่จริงแล้ว เหล่าครูฝึกเปลี่ยนอาชีพทั้ง 7ต่างเกิดความสนใจหลิงเฉินค่อนข้างมาก
หอิญญาวีรชนนั้นตั้งอยู่ในบริเวณที่เงียบสงบและไม่ไกลจากห้องโถงหลักมากนัก เพียงแค่เข้าไปใกล้หลิงเฉินก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่หนักอึ้ง อึมครึมและอ้างว้างซึ่งยากจะอธิบายได้เมื่อใกล้ถึงที่นั่นเหล่าครูฝึกเปลี่ยนอาชีพซึ่งหยอกล้อกันตลอดทางสู่หอิญญาวีรชนแห่งนี้ต่างปิดปากเงียบใบหน้าของพวกเขาเผยท่าทีจริงจังและเคร่งขรึม ตอนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของหอิญญาวีรชนสีหน้าของพวกเขายิ่งเปลี่ยนเป็เอาจริงเอาจังมากขึ้นกระทั่งผสมปนเปไปกับความกังวลใจเล็กๆ
เมื่อเทียบกับสิ่งปลูกสร้างมากมายของนครัครามซึ่งเรียกได้ว่าหรูหราแล้วหอิญญาวีรชนนั้นดูเก่าแก่และไม่สะดุดตา ทั้งยังมีขนาดที่เล็กกว่าที่หลิงเฉินคาดไว้เมื่อตรวจดูอย่างละเอียดก็ไม่พบเงาของใครที่นี่เลย ยิ่งไปกว่านั้นบรรยากาศที่นี่ยังดูเคว้งคว้างและเงียบเหงาอย่างมากครูฝึกเปลี่ยนอาชีพกล่าวว่าที่นี่เป็สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของนครัครามและไม่ให้คนธรรมดาเข้ามาใกล้ ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็อย่างนั้นจริงๆ
“สถานที่นี้แหละ”ด้านนอกประตูทางเข้าครูฝึกอาชีพนักรบหยุดฝีเท้าของเขาลงพลางกล่าวกับหลิงเฉินเบาๆ
ทันทีที่กล่าวจบประตูของหอิญญาวีรชนที่ปิดอย่างแ่าพลันเปิดออกเล็กน้อยชายผู้หนึ่งซึ่งสวมใส่ชุดสีดำทั้งตัว ดวงตาคล้ายกับนกอินทรีก็เดินออกมาช้าๆและกล่าวอย่างเ็า “พวกเ้ามาทำอะไรที่นี่?”
ตอนที่ชายวัยกลางคนพูดเขาไม่จำเป็ต้องกระทำการเคลื่อนไหวใดๆ กลิ่นอายที่กดดันก็ปะทะเข้าหน้าของเขากลิ่นอายนี้บอกหลิงเฉินว่าคนผู้นี้น่าจะเป็ผู้พิทักษ์ของหอิญญาวีรชนผู้ซึ่งมีความแข็งแกร่งที่ทรงพลังจนน่าสะพรึงกลัว...และการที่เขามีคุณสมบัติในการเป็ผู้คุ้มครองสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของนครัครามแห่งนี้พลังของเขาจะไม่แข็งแกร่งได้อย่างไร
“เขาคืุ์คนแรกจากโลกคู่ขนานที่มาถึงนครัครามเขาจึงมีคุณสมบัติที่จะเข้าไปในหอิญญาวีรชน ในตอนนี้ท่านสามารถทดสอบคุณสมบัติของเขาได้เลย”ครูฝึกอาชีพนักรบเบี่ยงตัวของเขาออกมาพร้อมกับชี้ไปที่หลิงเฉินขณะพูด
“ไม่จำเป็ เพราะพวกเ้าเป็คนพาเขามา เ้าหนุ่ม เข้ามาสิ” ชายวัยกลางคนชุดสีดำกล่าวอย่างไม่อ้อมค้อมในฉับพลันและใช้สายตาของเขาจ้องมองไปที่หลิงเฉินครู่หนึ่ง
สำหรับความตรงไปตรงมาของเขานั้นครูฝึกเปลี่ยนอาชีพหลักทั้ง 7 ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเนื่องจากพวกเขาได้รับโควตาให้แนะนำผู้เล่นเพื่อเข้าสู่หอิญญาวีรชนได้สูงสุด 10 คน เมื่อได้รับเลือกจากพวกเขาแล้วการทดสอบพร์ก็ไม่มีความจำเป็
“ไปกันเถอะ...ด้านในมีพลังที่แข็งแกร่งมากมายซึ่งถูกทิ้งไว้โดยผู้เชี่ยวชาญครั้งอดีตด้วยความสามารถทางจิติญญาของเ้ามันเพียงพอที่เ้าจะได้รับการยอมรับจากพลังเ่าั้และเมื่อเ้าได้รับมรดกตกทอดของพลังที่เหมาะสมเ้าก็จะเปลี่ยนเป็อาชีพที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้น...แต่เ้าจงจำไว้ว่าต้องไม่เลือกพลังที่อยู่ตรงกลางสุดนั่น...”
“เข้ามาสิ”ชายชุดดำวัยกลางคนกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้วดูเหมือนว่าเขาจะค่อนข้างไม่พอใจกับความอืดอาดของพวกเขา
หลิงเฉินเหลือบมองไปที่ครูฝึกอาชีพนักรบด้วยความไม่มั่นใจพลางผงกหัว และเดินขึ้นบันไดไปหลังจากยืนหยุดชะงักอยู่ที่ด้านนอกของทางเข้าหอิญญาอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เดินตรงเข้าไปด้านใน
“เพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้พวกเ้าไม่มีสิทธิ์เข้าไป”สายตาที่เ็าของเขากวาดผ่านครูฝึกเปลี่ยนอาชีพทั้ง7 คนชายชุดดำวัยกลางคนสีหน้าไร้อารมณ์กล่าวประโยคนี้ทิ้งท้ายจากนั้นจึงหมุนตัวและเดินเข้าไปในหอิญญาวีรชน จากนั้นตามมาด้วยเสียงดังกึกก้องประตูทางเข้าของหอิญญาวีรชนก็ปิดลงอย่างแ่า
“แล้วพวกเราควรทำอะไรดี?”
“ที่ว่าพวกเราควรทำอะไรดี เอ็งหมายความว่ายังไง? แน่นอนว่าต้องรออยู่ที่นี่!ไม่ใช่ว่าพวกเราตามมาดูให้เห็นกับตาว่าเ้าหนุ่มคนนี้ได้รับมรดกตกทอดพลังของใครงั้นเหรอหรือว่าเอ็งอยากกลับไป?”
“กลับไปลุงเอ็งสิ! ไม่มีใครมาเปลี่ยนอาชีพในอีก 2 วันนี้หรอกเอ็งคิดว่าทุกคนจะผิดปกติเหมือนกับหมอนั่นเมื่อครู่งั้นเหรอ”
“พวกเอ็งคิดว่าเขาจะเลือกพลังประเภทไหนกัน?”
“ยังจะต้องพูดอีกเหรอ แน่นอนว่ามันจะต้องเป็อาชีพประเภทนักรบ!”
“ไร้สาระ! ด้วยพร์ด้านจิติญญาสูงล้นขนาดนั้นชัดเจนว่ามันจะต้องเป็อาชีพประเภทนักธนู!”
“ไสหัวไปให้พ้น!เขาจะต้องเลือกอาชีพประเภทนักเวทย์ธาตุแน่นอน!”
“พวกเอ็งกำลังเถียงเื่บ้าบออะไรกันวะ!เขาจะได้รับมรดกตกทอดของพลังหรือไม่ยังคงเป็สิ่งที่พวกเราไม่รู้”
“ไม่มีความจำเป็ที่จะต้องกังวลกับเื่นี้ด้วยความแข็งแกร่งทางจิติญญาของเขาซึ่งสามารถปลดล็อกสกิล ‘สังเวยิญญา’เมื่อพบกับเขาพลังซึ่งเหล่าผู้เชี่ยวชาญในอดีตทิ้งไว้จะต้องเข้าหาเขาด้วยตัวของพวกเขาเองอย่างแน่นอนและมีความเป็ไปได้ที่พวกเขาอาจถึงกับร้องขอให้เขาสืบทอดพลังของพวกเขา”
“อย่างไรก็ตาม หากเขาไม่ได้คิดอย่างตรงไปตรงมาและเลือกพลังซึ่งอยู่ตรงกลางนั่นล่ะ?”
ครั้นคำพูดนี้ถูกเอ่ยกล่าวออกมาครูฝึกเปลี่ยนอาชีพทั้งหมดพลันเปลี่ยนเป็เงียบงัน
“แค่ก แค่ก ไม่จำเป็ต้องกังวลเกี่ยวกับเื่นี้ข้าเพิ่งจะเตือนเขาไปอย่างเป็พิเศษว่าอย่าได้เข้าไปแตะต้องพลังซึ่งอยู่ตรงกลางสุดนั่นเขาก็ควรจะรู้แล้วแหละ” ครูฝึกอาชีพนักรบกล่าวด้วยใบหน้ามั่นใจ
“ดีมาก”ครูฝึกอาชีพอื่นๆต่างถอนหายใจด้วยความผ่อนคลายในทันที จากสิ่งที่พวกเขารู้ด้วยความสามารถด้านจิติญญาที่น่าสะพรึงกลัวของหลิงเฉินการได้รับการยอมรับจากพลังงานที่แข็งแกร่งพวกนั้นน่าจะง่ายดายราวกับปลอกกล้วยเมื่อเวลานั้นมาถึง หลิงเฉินอาจไม่ต้องไปค้นหาพลังที่จะยอมรับเขาแต่กลับกันพลังเ่าั้จะยื้อแย่งกันเพื่อให้เขายอมรับเพียงแต่พลังที่อยู่ตรงกลางนั่น... นั่นคือพลังที่แข็งแกร่งที่สุดแต่ก็เป็พลังที่เป็ไปไม่ได้สำหรับหลิงเฉินที่จะได้รับการยอมรับเพราะว่าพลังนั้นไม่เพียงแต่ทดสอบจิติญญา แต่ยังมีการทดสอบความแข็งแกร่งการทดสอบความแข็งแกร่งนั่นยากมาก...หรืออาจกล่าวได้ว่าโหดร้ายสุดขีดนับั้แ่การมีอยู่ของหอิญญาวีรชน ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่สามารถผ่านการทดสอบก่อนหน้านี้ ตอนที่พวกเขาได้เห็นหน้าต่างสกิลของหลิงเฉินพวกเขายังได้เห็นค่าสถานะของหลิงเฉินด้วยด้วยเลเวลและความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขามันแทบจะเป็ไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะผ่านการทดสอบความแข็งแกร่งนั่น...มันไม่มีโอกาสแม้แต่น้อยนิด
ภายในหอิญญาวีรชน
จังหวะที่ประตูทางเข้าปิดลงบรรยากาศที่เงียบกริบทำให้หลิงเฉินรู้สึกราวกับกำลังเดินเข้าไปในห้องโถงของเทพเหยียนโหลว(พระยม) แวบแรกที่เห็น หอิญญาวีรชนนั้นใหญ่โตมาก แต่แทบจะไม่มีอะไรเลยในตอนนี้นอกจากตัวเขาและชายวัยกลางคนสวมใส่ชุดสีดำที่มีสีหน้าไร้อารมณ์ซึ่งอยู่ข้างๆก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดภายในหอิญญาวีรชนที่ใหญ่โตเท่ากับครึ่งสนามฟุตบอลแห่งนี้อีกแล้วพื้นของหอิญญาวีรชนนั้นเป็หินอ่อนที่เย็นเยียบ ผนังไร้ลวดลาย้าสุดก็เป็เพดานเรียบๆ ไร้ซึ่งเครื่องตกแต่งใดๆสิ่งเดียวที่อยู่ด้านในหอิญญาวีรชนซึ่งสามารถทำให้ผู้คนมองไปที่มันได้คือแถวของเสาสลัวๆ เบื้องหน้า
พลังที่เหล่าครูฝึกเปลี่ยนอาชีพกล่าวถึงซึ่งเหล่าผู้เชี่ยวชาญในอดีตทิ้งไว้อยู่ในเสาพวกนั้นใช่หรือเปล่านะและดูเหมือนว่าหอิญญาวีรชนแห่งนี้ไม่มีสิ่งอื่นใดอีกแล้ว
“ไปยืนข้างหน้า และปล่อยให้พวกเขารับรู้ความแข็งแกร่งของเ้าโดยอัตโนมัติหากพร์ของเ้าได้รับการยอมรับจากพลังใดๆ เสาพวกนั้นจะเรืองแสงออกมาหากไม่มีแสงใดเปล่งออกมาก็กล่าวได้ว่าพร์ของเ้ายังไม่เพียงพอที่จะได้รับการยอมรับจากพลังใดๆเ้าทำได้แค่ย้อนกลับไป ขึ้นไปสิ...ถึงแม้จะมีความหวังไม่มากนักก็ตามต้นกำเนิดของพลังเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็ผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อยที่สุดก็ระดับปลายฟ้าการได้รับการยอมรับจากพวกเขานั้นแน่นอนว่าไม่ใช่บางสิ่งที่อัจฉริยะทั่วไปจะทำสำเร็จได้มีผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนบนทวีปหลงลืมที่มีพร์สูงส่ง ทว่าใน 1,000 ปีที่ผ่านมา มีเพียงแค่ 15คนเท่านั้น ที่ได้รับการยอมรับจากพลังเหล่านี้!”
หลังกล่าวจบ ชายชุดดำวัยกลางคนก็หยุดพูดดวงตาดั่งปลาตายจ้องมองมาที่การเคลื่อนไหวของหลิงเฉินอย่างไม่แยแส
15 คนงั้นเหรอ?ไม่ใช่ว่าครูฝึกเปลี่ยนอาชีพพวกนั้นพูดว่ามีทั้งหมดเพียง9 คน?หลิงเฉินรู้สึกสับสนเล็กน้อยชั่วขณะแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด ก่อนจะเคลื่อนเท้าและเดินไปข้างหน้าเดินไปยังเบื้องหน้าของเสา ตรวจดูรอบๆ ก็พบว่าที่นี่มีเสาอยู่ทั้งหมด 11 ต้นสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในคือพลังที่ถูกทิ้งไว้ก่อนที่พวกเขาจะตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยเหล่าผู้เชี่ยวชาญไร้เทียมทานทั้ง 11 คนความหนาของเสาเหล่านี้โดยทั่วไปแล้วเหมือนกันทั้งหมดมีเพียงเสาต้นนั้นที่อยู่ตรงกลาง มันหนาเป็อย่างน้อย 3 เท่าของเสาต้นที่เหลือมันตั้งตระหง่านอย่างภาคภูมิอยู่ตรงกลางคล้ายกับพระจันทร์สว่างไสวซึ่งถูกล้อมรอบด้วยดวงดารา
เขาจำได้ว่าก่อนที่จะเข้ามา ครูฝึกอาชีพนักรบบอกเขาว่าเขาต้องไม่เลือกเสาที่อยู่ตรงกลางนั่น เขากำลังพูดถึงเสาต้นนี้ใช่หรือเปล่านะ...
“ยืนบนก้อนหินสีขาวนั่น” เสียงที่เ็าดังมาจากด้านหลังของเขา
ไม่ไกลจากเบื้องหน้าของหลิงเฉินนัก มีก้อนหินขนาด 1 ตารางเมตร ที่เปล่งแสงสีขาวบริสุทธิ์แสบตา หลิงเฉินเดินไปที่นั่นแล้วขึ้นไปยืนบนนั้น ทันใดนั้น เขารู้สึกถึงกลิ่นอายมากมายจากทิศทางต่างๆต่างเข้ามาโอบล้อมร่างของเขา
ความรู้สึกแบบนี้....พลังทั้ง 11 อย่างกำลังทดสอบเราอยู่งั้นหรือ...
“ผ่อนคลายจิตใจของเ้าซะ เมื่อยืนอยู่เหนือก้อนหินก้อนนี้พลังเหล่านี้ที่ผู้เชี่ยวชาญทิ้งไว้จะไปตรวจสอบพร์ของเ้าอย่างละเอียดถ้าหากพร์ของเ้าเพียงพอที่จะได้การยอมรับเมื่อนั้นเสาที่ยอมรับจะสว่างวาบขึ้น และเ้าจะได้รับการสืบทอดพลังนั่น”
ชายชุดดำวัยกลางคนเพิ่งกล่าวจบ เมื่อนั้นเสียง ‘เว้ง’ก็ดังเข้าหูของเขาเสาที่อยู่ทางด้านซ้ายสุดเปล่งแสงสีแดงสว่างวาบขึ้นสายตาของหลิงเฉินพลันขยับไปที่เสาต้นนั้น “พร์ของผมได้รับการยอมรับจากมันแล้วใช่ไหมครับ?”
ใบหน้าของชายชุดดำวัยกลางคนเผยความประหลาดใจที่ยากจะปกปิดเขาไม่คิดว่ามนุษย์ผู้นี้ที่มาจากโลกคู่ขนานซึ่งไม่ได้ทำให้เขารู้สึกพิเศษใดๆทั้งยังมีกลิ่นอายที่อ่อนแอกลับได้รับการยอมรับจากหนึ่งในพลังเหล่านี้จริงๆ!และรู้กันดีว่าใน่เวลาหลายสิบปีที่ผ่านมามีผู้คนจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนซึ่งมีพร์สูงล้ำจากนครัครามและกระทั่งนครหลงลืม แต่กลับไม่มีใครสักคนที่สามารถกระตุ้นการตอบสนองของเสาเหล่านี้ได้!
เขาเริ่มตรวจสอบชายหนุ่มผู้นี้อีกครั้งในขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะพูดชมเชยออกไป “เยี่ยมมาก! ยินดีด้วย!ดูเหมือนว่าเ้าจะมีพร์ที่น่าตกตะลึงและถึงกับได้รับการยอมรับจากพลังที่ทิ้งไว้โดยผู้เชี่ยวชาญผู้หนึ่ง!”
ท่าทางและน้ำเสียงของชายวัยกลางคนผ่อนคลายลงเป็อย่างมากเพราะบุคคลใดก็ตามที่มีคุณสมบัติได้รับหนึ่งในมรดกตกทอดที่แข็งแกร่งเหล่านี้ในภายหลังต่างกลายเป็ผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงก้องโลกโดยไม่มีข้อยกเว้น!เนื่องจากพร์ของเหล่าผู้คนซึ่งได้รับการยอมรับจากพลังที่ถูกทิ้งไว้ในหอิญญาวีรชนนั้นน่ากลัวอย่างมากการกลายเป็ผู้เชี่ยวชาญหาที่เปรียบไม่ได้จึงไม่ใช่เื่น่าแปลกใจมากนักคนผู้นี้ซึ่งได้รับการยอมรับ บางที...ไม่สิ แน่นอนอยู่แล้วว่าในอนาคตข้างหน้าชื่อของเขาจะต้องกลายเป็ตัวตนที่ขับเคลื่อนโลกอย่างแน่นอน !
เว้ง...
ชายชุดดำวัยกลางคนเพิ่งจะกล่าวจบ เสาต้นที่ 2 ก็สว่างวาบขึ้นมันส่องแสงสีขาวซีดจางออกมาพร้อมกับเสียงดังต่ำๆ อย่างต่อเนื่อง
“อะ...อะไรกัน!?”ใบหน้าของชายชุดดำวัยกลางคนเผยสีหน้าตกตะลึงสุดขีดออกมาอย่างฉับพลันแม้กระทั่งดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยทันที...
“สะ...สองต้น! เ้าถึงกับได้รับการยอมรับจากเสา 2 ต้นในคราเดียวกัน!”ชายชุดดำวัยกลางคนะโออกมาด้วยความตกตะลึงและถึงกับเดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อยืนยันว่าเขาไม่ได้มองผิดไป
หลิงเฉิน “…”
เว้ง...
ถัดจากเสาต้นที่สองแทบจะในทันทีเสาต้นที่สามก็สว่างวาบขึ้นในทันใด โดยแสงที่มันเปล่งออกมานั้นเป็แสงสีฟ้า
ทั่วทั้งร่างของชายชุดดำวัยกลางคนแข็งทื่ออีกครั้งที่ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นมาอีกนิด “สะ...สามต้น...นี่มัน...นี่มันเป็ไปไม่ได้!นับั้แ่การมีอยู่ของหอิญญาวีรชน มีอัจฉริยะหาที่เปรียบไม่ได้เพียง 4 คน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้รับการยอมรับจากเสาสองต้นในคราเดียวกันแต่กลับไม่เคยมีใครที่ได้รับการยอมรับจากเสาสามต้น...พลังเหล่านี้ล้วนแตกต่างกันแล้วมีคนที่มีพร์สูงส่งในพลังที่แตกต่างกันถึง 3 ประเภทด้วยกันได้ยังไง...”
เว้ง...เว้ง...
ในระหว่างที่ชายชุดดำวัยกลางคนบ่นพึมพำด้วยความไม่เชื่อเสาต้นที่ 4 และต้นที่ 5ก็สว่างขึ้นมาพร้อมกัน โดยเปล่งแสงสีเทาอ่อนกับสีม่วงอ่อนขึ้นมาตามลำดับ
ชายชุดดำวัยกลางคนตะลึงงันอย่างสมบูรณ์ในดวงตาที่สั่นไหวของเขา แสงที่แตกต่างกันถึง 5สี สว่างวาบขึ้น เป็ 5 สีที่เขาไม่สามารถเชื่อได้
เว้ง...เว้ง...เว้ง...เว้ง...เว้ง...เว้ง...
ถึงอย่างนั้น ความใและไม่อยากเชื่อยังไม่หยุดอยู่แค่นี้ในรูม่านตาซึ่งเบิกกว้างจนถึงขีดสุดของเขานั้น เสาต้นที่ 6, 7, 8, 9, 10...และท้ายที่สุด แม้แต่เสาต้นที่ 11 ซึ่งอยู่ตรงกลางก็ส่องแสงสีขาวอ่อนออกมาเช่นเดียวกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้