ผู้ฝึกตนหญิงสองคนที่มาเยี่ยมเยียนในเวลานี้ ผู้ที่สวมอาภรณ์สีแดงคือหลิ่วซือ พี่สาวแท้ๆ ของหลิ่วเทียนลู่ เป็ลูกหลานลำดับที่สี่ ส่วนผู้ที่สวมอาภรณ์สีฟ้าคือหลิ่วซาน หนึ่งในภรรยาห้าคนของพระเอก เป็นางเอกของนิยายเล่มนี้ และเป็พี่สาวฝั่งพ่อลำดับที่สามของเ้าของร่างเดิมอีกด้วย
หลิ่วเทียนฉีมองหลิ่วซาน พี่สามในอาภรณ์สีฟ้ากับเรือนร่างเพรียวระหงพลางคิด ‘ไม่เสียทีที่เป็ถึงภรรยาเอกของพระเอก ภายนอกรูปงามภายในชาญฉลาด ชวนให้หวั่นไหวจริงเชียว! แต่น่าเสียดาย ข้าชมชอบเด็กหนุ่มรูปงาม หญิงงามอย่างไรก็ไม่ถูกใจหรอก!’
“น้องเจ็ด อาการาเ็เป็อย่างไรบ้าง?” หลิ่วซานเดินมาข้างเตียง เอ่ยถามอย่างกังวล ใบหน้าซึ่งมีเครื่องหน้าเหมาะเจาะงดงามเขียนคำว่าเป็ห่วงอยู่เต็มดวง มองดูจริงใจอย่างยิ่ง
“อา พี่สามไม่ต้องเป็ห่วง เมื่อคืนวานหมอตรวจดูแล้ว ข้าบำรุงร่างกายอีกไม่กี่วันก็คงหายดี!” หลิ่วเทียนฉีโบกมือน้อยๆ เอ่ยอย่างไม่ยี่หระ
“โธ่ ทั้งหมดล้วนเป็ความผิดของเทียนลู่ ทำเ้าาเ็จนกลายเป็เช่นนี้ น้องเจ็ดวางใจเถิด กลับไปพี่สี่จะสั่งสอนเทียนลู่ให้อย่างแน่นอน!” หลิ่วซือมองหลิ่วเทียนฉีที่อยู่บนเตียงอย่างเป็ห่วงเป็ใย เอ่ยสัญญาเป็มั่นเป็เหมาะ
หลิ่วเทียนฉีนึกชื่นชมฝีมือการแสดงชั้นเลิศของหลิ่วซือในใจ ใบหน้าอ่อนเพลียส่ายศีรษะ “อย่าตำหนิพี่หกเลยขอรับ พี่หกแค่แลกเปลี่ยนความรู้กับข้าเท่านั้น ข้าไม่เป็ไรหรอก!”
หลิ่วซือคนนี้เป็พี่สาวร่วมบิดามารดาของหลิ่วเทียนลู่เชียวนะ จะยอมช่วยตนเองซึ่งเป็ลูกพี่ลูกน้องต่อว่าน้องชายแท้ๆ ได้อย่างไร? ที่นางพาหลิ่วซานมาก็เพื่อให้ช่วยปิดปากตนเท่านั้น ไม่อยากให้บอกเื่นี้กับบิดา เื่แค่นี้หลิ่วเทียนฉีจะมองเจตนาของนางไม่ออกได้อย่างไรเล่า?
“ใช่แล้ว น้องหกไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร ฉะนั้นน้องเจ็ดอย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ!” หลิ่วซานรีบเอ่ยช่วยขอร้องแทนหลิ่วเทียนลู่อีกคน
ได้ยินคำพูดของนางเอก หลิ่วเทียนฉีก็อดต่อว่าในใจไม่ได้ ‘เป็แม่ดอกบัวขาวจริงนะ ยังไม่ทันเข้าใจเื่ราวอะไรก็วิ่งมาขอร้องแทน ไม่คิดเสียหน่อยหรือว่าใครกันแน่ที่ถูกทำร้าย?’
“ใช่ พี่สามพูดถูกแล้ว พวกเราล้วนเป็พี่น้องกัน กระดูกหักยังเหลือเอ็นนี่ขอรับ? ข้าจะตำหนิพี่หกได้อย่างไรเล่า! แค่กๆๆ” พูดถึงตรงนี้ หลิ่วเทียนฉีก็ไอขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่ว่าเวลานี้ ในใจเขาจะเกลียดชังนางเอกคนนี้กับหลิ่วซืออย่างไร แต่บนใบหน้าหลิ่วเทียนฉีกลับไม่แสดงออก รักษาท่าทางหัวอ่อนว่าง่าย ระวังหยุมหยิมตามนิสัยของเ้าของร่างเดิมอยู่ตลอด พวกนางจึงมองไม่เห็นพิรุธ
“น้องเจ็ด เ้าาเ็ไม่เบาเลยนะ” หลิ่วซานเห็นหลิ่วเทียนฉีไอจนหน้าไร้สีเืก็เอ่ยขึ้นอย่างกังวล
“หมอคนนั้นมันอะไรกันเนี่ย? ไม่รู้จักพยายามรักษาน้องเจ็ดให้เต็มที่!” หลิ่วซือโวยวายอย่างโกรธแค้นแทน
จริงอยู่ที่บนร่างของหลิ่วเทียนฉีมีาแ สีหน้าก็ไม่สู้ดีนัก ทว่าล้วนเป็เพียงาแเล็กน้อยภายนอก อาการป่วยสามส่วนเสแสร้งเจ็ดส่วน หลิ่วเทียนฉีคนนี้มีความสามารถด้านนี้ค่อนข้างสูงเชียวล่ะ ข่มนางเอกกับหลิ่วซือจนพวกนางไม่รู้ตัว
แต่ก็ไม่แปลกหรอก เดิมทีนางเอกก็ต้องเป็คนประเภทแม่ดอกบัวขาวผู้เวทนาโลก สงสารผู้คน มีความเห็นอกเห็นใจท่วมท้นอยู่แล้ว พอเห็นหลิ่วเทียนฉีได้รับาเ็จึงอดเป็ห่วงไม่ได้ ส่วนหลิ่วซือคงซ่อนความผิดไว้ในใจ ทั้งยังไม่คิดว่าหลิ่วเทียนฉี เ้าขยะน้อยผู้นี้จะแกล้งป่วยได้ จึงถูกหลอกอย่างง่ายดาย
“อย่าโทษหมอเลยขอรับ เป็ข้าเองที่มีร่างกายอ่อนแอ หมอบอกว่าครั้งนี้ข้าาเ็ไม่เบา อยากหายดีต้องซื้อโอสถระดับสูง แต่ท่านพ่อเก็บตัวฝึกฝนอยู่ ในมือข้าเองก็ไม่มีศิลาทิพย์ จึงได้หายช้าอย่างนี้” พูดถึงตรงนี้ หลิ่วเทียนฉีก็ถอนหายใจหลายหน
แม่หนูทั้งสอง ในเมื่อมาส่งพุทราหวาน เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว!
“ได้อย่างไรเล่า? น้องเจ็ดมีาแอยู่ ไม่กินโอสถไม่ได้นะ”
มองเห็นท่าทางเวทนาสงสาร เป็ห่วงเป็ใยของนางเอก หลิ่วเทียนฉีรู้สึกอยากอาเจียนเสียจริง แม่ดอกบัวขาวพวกนี้ไม่ใช่รสนิยมของตน ไม่เข้าตาเขาเลยสักนิด
“ใช่แล้ว เ้าาเ็หนักเช่นนี้ มัวชักช้าไม่รักษาได้อย่างไรเล่า?” หลิ่วซือที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าเห็นพ้องตาม
เ้าขยะน้อยเจ็บหนักเช่นนี้ หากเป็อะไรขึ้นมา หลังท่านอาสามออกมาต้องไม่มีทางปล่อยไว้แน่!
“ไม่เป็ไรขอรับ รออีกไม่กี่วันท่านพ่อก็ออกมาแล้ว ข้าก็จะมีศิลาทิพย์นำไปซื้อโอสถระดับสูงแล้ว!” หลิ่วเทียนฉีส่ายศีรษะ ใบหน้ายิ้มน้อยๆ พลางคิด ‘เฮอะ ไม่เชื่อหรอกว่าพวกเ้าจะไม่กลัว’
“ฮะ ท่านอาสามจะออกมาแล้วหรือ?” ได้ยินข่าวนี้ หลิ่วซานใเล็กน้อย
“ใช่แล้ว เร็วปานนี้เลยหรือ?” หลิ่วซือได้ยินก็ขมวดคิ้วอย่างร้อนใจ
ท่านอาสามจะออกมาแล้ว? จะทำอย่างไรดี? เ้าขยะน้อยตอนนี้กระทั่งเตียงยังลงไม่ได้เลย หากท่านอาสามเห็นเข้า ต่อให้เ้าขยะน้อยไม่ฟ้อง ท่านอาสามก็ต้องรู้เื่ที่น้องเล็กทำร้ายเ้าขยะน้อยเหมือนกัน! ถึงคราวลำบากของน้องเล็กแล้วมิใช่หรือ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้