ได้ยินข่าวว่าท่านอาสามใกล้จะออกมา ในใจหลิ่วซือก็ร้อนรน หลิ่วซานเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน หากท่านอาสามรู้เข้า จะเป็การทำลายความรักใคร่กลมเกลียวระหว่างพี่น้องของพวกเราเป็แน่
“น้องเจ็ดพูดอะไรโง่ๆ พวกเราเป็พี่สาว จะมองดูเ้าทรมานได้อย่างไร? โอสถระดับสูงนั่นต้องใช้ศิลาทิพย์เท่าไรกัน? ข้ากับพี่สี่ช่วยคิดหาหนทางให้ไม่ดีกว่าหรือ?” นางเอกเอ่ยด้วยความหวังดี
“จะดีได้อย่างไรเล่า?” หลิ่วเทียนฉีส่ายศีรษะ จงใจปฏิเสธ
“ไม่ๆๆ พี่สามพูดถูก พวกเราเป็พี่น้องกัน จะทนมองแล้วไม่ช่วยได้อย่างไร? สู้ให้ข้ากับพี่สามรวมเงินกันช่วยเ้าซื้อโอสถเถอะ”
“ไม่ดีกว่าขอรับ โอสถนั่นต้องใช้ศิลาทิพย์ถึงสี่ร้อยลูกเลยกระมัง? คงแพงเกินไป ข้าจะให้พี่สาวทั้งสองซื้อให้ข้าได้อย่างไรกันเล่า?” หลิ่วเทียนฉีส่ายศีรษะ ยังคงบอกปฏิเสธอ้อมๆ
ศิลาทิพย์สี่ร้อยลูกไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย! ลูกหลานตระกูลหลิ่วคนหนึ่ง ในหนึ่งเดือนมีเบี้ยหวัดแค่สามร้อยศิลาทิพย์เท่านั้นเอง!
“สี่ร้อยศิลาทิพย์งั้นหรือ?” ได้ฟังจำนวนแล้ว หลิ่วซือกับหลิ่วซานพลันขมวดคิ้ว
“ข้า ข้ามีศิลาทิพย์แค่สองร้อยสามสิบก้อนเท่านั้นเอง!” หลิ่วซานพูดพลางนำศิลาทิพย์ทั้งหมดของตนออกมา
“ข้า ข้ายังมีอีกหนึ่งร้อยเจ็ดสิบก้อน ครบสี่ร้อยก้อนพอดี!” หลิ่วซือพูดพลางกัดฟันเอาศิลาทิพย์ของตนเองออกมาด้วย
“ขอบคุณพี่สาวทั้งสองยิ่งนัก ถ้าน้องเล็กร่างกายหายดีแล้ว จะรีบคืนศิลาทิพย์ให้พวกท่านอย่างแน่นอน!” หลิ่วเทียนฉีมองทั้งสองอย่างซาบซึ้ง รีบเอ่ยขอบคุณ แม้บนใบหน้าจะฉายแววซาบซึ้งเป็ที่สุด แต่ในใจยิ้มเยาะดูแคลนเต็มที่ เขาคิด ‘คิดอยู่ว่านางเอกจะฉลาดสักเท่าใด ดูท่าก็แค่นี้!’
“ไม่ๆๆ ระหว่างพวกเราพี่น้องจะมาพูดเื่คืนไม่คืนทำไมกัน? ท่านอาสามหาศิลาทิพย์มาเลี้ยงครอบครัวใหญ่ของพวกเราไม่ง่ายเลยนะ!” หลิ่วซานส่ายศีรษะ บอกไม่ต้องคืนอย่างใจกว้าง
“ใช่แล้ว ถือเสียว่าข้ากับพี่สามให้เป็ของขวัญน้องเจ็ดก็แล้วกัน! อย่าทำให้ท่านอาสามใเลย!” หลิ่วซือพยักหน้ารัว รีบร้อนเอ่ยตาม เื่นี้นางย่อมไม่อยากให้ท่านอาสามรู้เช่นกัน
“แค่กๆๆ พี่สาวทั้งสองมีบุญคุณต่อข้ายิ่งนัก โปรดรับการคารวะของน้องเล็กด้วย!” หลิ่วเทียนฉีพูดพลางยันฟูกเตรียมลุกขึ้น
“ไม่ต้องหรอก น้องเจ็ดนอนเถอะ อย่าขยับเลย ร่างกายเ้ายังไม่หายดีมิใช่หรือ?” หลิ่วซานกับหลิ่วซือพูดพลางเข้าไปประคองหลิ่วเทียนฉีที่กำลังจะลุกขึ้น
“พี่สาวทั้งสองมีบุญคุณกับข้า ชีวิตนี้ข้าไม่มีทางลืมแน่นอน!” หลอกเอาศิลาทิพย์ของยัยโง่สองคนนี้ง่ายจริงหนอ!
“น้องเจ็ดอย่าทำเช่นนี้!”
“ใช่แล้ว น้องเจ็ดไม่ต้องมากพิธีหรอก ทุกคนล้วนเป็ครอบครัวเดียวกัน เ้ารีบพักผ่อนเถิด ไว้วันหลังข้ากับพี่สี่จะมาหาเ้าใหม่!” หลิ่วซานพูด มองหลิ่วเทียนฉีบนเตียงอย่างห่วงใยแล้วยิ้ม
“ใช่แล้ว” เ้าควรรักษาอาการาเ็ ซื้อโอสถจากหมอมารักษาตนเองให้หายดีโดยเร็วที่สุด! พวกเราไปก่อนนะ!” หลิ่วซือเอ่ยปากเตือน เร่งเร้าให้หลิ่วเทียนฉีรักษาอาการาเ็
“ลุงถง แค่กๆๆ เร็ว รีบมาช่วยข้าส่งพี่สามกับพี่สี่ที!” หลิ่วเทียนฉีเอ่ยเรียกอย่างอ่อนแรง
“คุณหนูสาม คุณหนูสี่ เชิญขอรับ!” ลุงถงได้ยินหลิ่วเทียนฉีเรียกตนก็รีบเข้ามาส่งแขก
“พวกเราไปก่อนนะ น้องเจ็ดรักษาอาการป่วยเสียล่ะ!”
“ขอรับ!” หลิ่วเทียนฉีพยักหน้า มองส่งยัยโง่สองคนออกจากห้องของตนไป
.........
หลิ่วถงเดินไปส่งหลิ่วซือกับหลิ่วซานเสร็จ ก็ร้อนใจรีบวิ่งกลับมาห้องของหลิ่วเทียนฉีที่กำลังนับศิลาทิพย์ของยัยโง่สองคนที่มอบให้เขาอยู่
“โธ่ นายน้อยเจ็ด ท่านไม่ได้รับปากข้าน้อยหรือว่าจะไม่ใจอ่อนให้น่ะขอรับ? ทำไมท่านยังรับศิลาทิพย์ของพวกนางอีกเล่า?” หลิ่วถงมองหลิ่วเทียนฉีที่นั่งนับศิลาทิพย์อยู่บนเตียง ร้อนใจจนกระทืบเท้า
“ศิลาทิพย์นี่พวกนางเป็ฝ่ายให้เอง ข้าปฏิเสธย่อมเป็การไม่เคารพ ได้แต่ฝืนลำบากใจรับเอาไว้!” พูดถึงตรงนี้ หลิ่วเทียนฉีก็ยักไหล่อย่างจนปัญญา ในเมื่อผู้อื่นมอบให้เปล่าๆ ย่อมต้องรับไว้อย่าให้เสียเปล่าสิ!
“โธ่ นายน้อยคนดีของข้า นี่เป็ค่าปิดปากนะขอรับ ท่านรับศิลาทิพย์ของพวกนางแล้ว อย่างนั้นเื่ที่ท่านถูกรังแก ท่านก็ไม่อาจบอกนายท่านสามได้แล้วสิขอรับ? หากท่านปิดบังไม่บอก วันหน้านายน้อยหกคนนั้นกับคุณหนูห้าต้องลงมือกับท่านอีกแน่นอน! ทีนี้จะทำอย่างไรดีขอรับ?” หลิ่วถงมองเ้านายของตนอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“อะไรเล่า ฟ้องสิ ข้าก็ฟ้องตามเดิม ข้าอยู่ของข้าดีๆ กลับาเ็หนักเช่นนี้ จะไม่ให้บิดาทราบได้อย่างไรกัน?”
“แต่ว่า ท่านรับศิลาทิพย์ของพวกเขามาแล้วนะขอรับ?” หลิ่วถงมองนายน้อยของตนอย่างฉงน ไม่เข้าใจ
“เฮอะ ใครกำหนดว่ารับศิลาทิพย์แล้ว ข้าต้องละเว้นพวกเขาเล่า?”
“นี่...” หลิ่วถงเห็นท่าทางเกเรหน่อยๆ ของนายน้อยก็กะพริบตาปริบๆ หรือความหมายของนายน้อยคือเอาศิลาทิพย์ของพวกนางแล้วก็ยังจะไปฟ้องต่อหน้านายท่านสามด้วย?
“ข้าถูกหลิ่วเทียนลู่ทำร้ายร่างกายจนาเ็หนัก ศิลาทิพย์สี่ร้อยก้อนนี่ถือเป็ของชดเชยที่พวกนางให้ เป็สิ่งที่พวกนางสมควรจ่าย ส่วนค่าปิดปาก แค่สี่ร้อยยังไม่พอปิดปากข้าได้หรอก!” เ้าของร่างเดิมถูกทำร้ายจนตายไปแล้ว แค่ศิลาทิพย์หยิบมือสี่ร้อยก้อน คิดจะนำมาปิดปากเขา ออกจะเพ้อฝันเกินไปแล้วกระมัง?
ได้ยินหลิ่วเทียนฉีเอ่ยเช่นนี้ หลิ่วถงก็ตะลึงไปชั่วขณะ พยักหน้ารับรัวๆ “นายน้อย ท่าน ท่านคิดได้แล้วจริงๆ หรือขอรับ?”
“วางใจเถอะลุงถง หลังจากนี้ ข้าจะไม่ให้ใครหน้าไหนมารังแกข้าได้อีกต่อไป!”
“ขอรับ ถูกต้องแล้ว นี่สิถึงจะเป็นายน้อยคนดีของข้า!” หลิ่วถงมองนายน้อยที่มีจิตใจฮึกเหิม มั่นใจในตนเองเต็มเปี่ยมก็ดีใจเป็อย่างยิ่ง