บทที่ 9: หญิงที่เขาไม่อาจลืม
ฤดูหนาวมาเยือนพร้อมกับลมเย็นที่พัดมาจากทางเหนือ แต่โรงเตี๊ยมหลงเหมินกลับคึกคักและอบอุ่นกว่าที่เคยเป็มา
ภายใต้การจัดการของเมิ่งหรงซิน นางได้ริเริ่ม "เมนูรับลมหนาว" ขึ้นเป็พิเศษ มีทั้ง "สุราอุ่นเครื่องเทศ" ที่หอมหวานชื่นใจ และ "หม้อไฟรวมมิตร" ที่ให้แขกได้ล้อมวงกินอาหารร้อนๆ พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ความแปลกใหม่และบรรยากาศอันแสนอบอุ่นนี้ทำให้โรงเตี๊ยมหลงเหมินไม่ได้เป็แค่ที่พักของคนเดินทางอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็สถานที่นัดพบยอดนิยมของเหล่าบัณฑิตและขุนนางยศผู้น้อยที่้าหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองหลวง
เมิ่งหรงซินไม่ได้เป็เพียงผู้จัดการอีกแล้ว นางคือ "จิติญญา" ของหลงเหมิน นางสามารถสนทนาเื่บทกวีกับเหล่าบัณฑิตได้อย่างแตกฉาน (ด้วยความรู้จากชาติก่อน) สามารถจัดแจงที่นั่งอันเป็ส่วนตัวให้เหล่าขุนนางที่มาเจรจาเื่สำคัญได้อย่างรู้ใจ และสามารถคิดค้นของว่างชนิดใหม่ๆ ที่ถูกปากเหล่าคุณหนูคุณนายที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ
อิทธิพลของนางค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ นางไม่ได้มีอำนาจทางการเมือง แต่นางมี "เครือข่าย" ของผู้คนที่ชื่นชมและนับถือนาง... ซึ่งในบางครั้ง มันอาจมีพลังมากกว่าอำนาจใดๆ
ณ คฤหาสน์แม่ทัพใหญ่ใจกลางเมืองหลวงเยี่ยนจิง...
กู้เหยียนหลงขมวดคิ้วอ่านรายงานในมือ... มันไม่ใช่รายงานการทหาร แต่เป็รายงานความเป็ไปของ "หญิงรับใช้" ในโรงเตี๊ยมชานเมือง ที่องครักษ์เงาส่งมาให้เขาทุกสามวัน
"นางริเริ่มการขายหม้อไฟ... ทำให้ยอดขายของโรงเตี๊ยมเพิ่มขึ้นสามเท่า" "บัณฑิตจางแห่งสำนักศึกษาหลวงกล่าวชื่นชมนางเื่ความเข้าใจในบทกวีของท่านหลี่ไป๋" "วันนี้... คุณชายอวี้หลงมอบปิ่นปักผมดอกเหมยให้นาง..."
แกร็บ!
กู้เหยียนหลงขยำรายงานในมือก่อนจะโยนมันลงในเตาผิง!
เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน ในใจของเขามีทั้งความรู้สึก... ภูมิใจ... อย่างประหลาดที่เห็นนางเก่งกาจถึงเพียงนี้ แต่ก็เต็มไปด้วยความ ไม่พอใจ ที่นางกำลังเฉิดฉายให้ชายอื่นได้เห็น! นางกำลังสร้างโลกของตัวเองขึ้นมา... โลกที่ไม่มีเขา... โลกที่นางมีความสุขกับ "คุณชายอวี้หลง" คนนั้น!
แต่แล้ว... ชะตากรรมก็เข้ามาแทรกแซงโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว
พระราชโองการจากวังหลวงถูกส่งมาถึงคฤหาสน์... จักรพรรดิทรงพอพระทัยในชัยชนะของเขาอย่างยิ่ง และได้พระราชทานสมรสให้แก่เขา... กับ คุณหนูอู๋โหรว บุตรสาวของแม่ทัพตระกูลอู๋ตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจค้ำจุนบัลลังก์
นี่คือรางวัลอันยิ่งใหญ่... คือเกียรติยศสูงสุด... คือการผูกพันธมิตรทางการทหารที่แข็งแกร่ง...และมันคือโซ่ตรวนที่มองไม่เห็น
กู้เหยียนหลงคุกเข่ารับราชโองการด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย แต่ในใจของเขากลับเต็มไปด้วยพายุบ้าคลั่ง ที่เขาปฏิเสธไม่ได้... การปฏิเสธเท่ากับการหักหน้าองค์จักรพรรดิและเป็ศัตรูกับตระกูลอู๋
"ข้า...น้อมรับพระราชโองการด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะ"
ข่าวการหมั้นหมายระหว่าง "พยัคฆ์ดำแห่งซีเป่ย" และ "เทพธิดาแห่งตระกูลอู๋" แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว กลายเป็ข่าวใหญ่ที่ถูกพูดถึงในทุกวงสนทนา... และแน่นอน... ข่าวนั้นก็ได้เดินทางมาถึงโรงเตี๊ยมหลงเหมินด้วยเช่นกัน
เมิ่งหรงซินได้ยินข่าวนี้จากปากของแขกที่มาพัก นางกำลังรินชาให้แขก... แต่มือของนางกลับสั่นเทาจนน้ำชากระฉอกออกมา
เขากำลังจะแต่งงาน...
ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นคือ... ความโล่งใจ... ใช่... นางควรจะโล่งใจ ในที่สุดเขาก็จะมีพันธะของตัวเอง และคงจะลืมนางเชลยตัวเล็กๆ คนนี้ไปเสียที
แต่ทำไม... ทำไมในอกด้านซ้ายกลับรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล? ทำไมภาพของเขาในคืนนั้น... ภาพที่เขาจ้องมองนางด้วยแววตาที่ทั้งโกรธและปรารถนา... ถึงได้ย้อนกลับมาทำร้ายนางอีกครั้ง?
นางเหม่อลอยไปชั่วขณะ จนกระทั่งอวี้หลงเดินเข้ามาแตะที่ไหล่เบาๆ
"หรงซิน...ไม่สบายหรือไม่? หน้าเ้าซีดมาก"
นางสะดุ้ง หันไปฝืนยิ้มให้เขา "ข้าสบายดี... แค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย"
นางหันไปมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง ที่ซึ่งมีหิมะแรกของปีกำลังโปรยปรายลงมา...
ณ เมืองหลวงที่ห่างไกล... กู้เหยียนหลงกำลังนั่งดื่มสุราอยู่ในห้องหนังสือเพียงลำพัง ข้างกายของเขามีสตรีงดงามนางหนึ่ง... คุณหนูอู๋โหรว... คู่หมั้นของเขา... ที่มาเยี่ยมเยียนตามธรรมเนียม
นางรินสุราให้เขาอย่างอ่อนหวาน กิริยามารยาทงดงามไร้ที่ติ... แต่ั์ตาของกู้เหยียนหลงกลับเหม่อลอย...
ภาพที่เขาเห็น... ไม่ใช่ใบหน้าของเทพธิดาตระกูลอู๋... แต่เป็ใบหน้าที่ดื้อรั้นและดวงตาที่ท้าทายของเชลยสาวในโรงเตี๊ยมแห่งนั้น...
เขาดื่มสุราจนเมามาย... และในคืนนั้น... เขาก็ดึงร่างของสตรีงดงามนางหนึ่งขึ้นมาบนเตียง... แต่ในขณะที่ไฟปรารถนากำลังลุกโชน... ชื่อที่เขาพร่ำเพ้อออกมา... กลับไม่ใช่ชื่อของนาง...
"...หรงซิน..."
ค่ำคืนนั้นในคฤหาสน์แม่ทัพใหญ่... อากาศหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ
หลังจากที่คุณหนูอู๋โหรว คู่หมั้นผู้สูงศักดิ์กลับไปแล้ว กู้เหยียนหลงก็ยังคงดื่มสุราต่อไปจนเมามาย... แต่ความมึนเมาไม่ได้ช่วยให้เขาลืมเลือนใบหน้าดื้อรั้นของเชลยสาวคนนั้นได้เลย ยิ่งพยายามลืม... ก็ยิ่งจดจำ
เขา้าปลดปล่อย... ้าลบภาพของนางออกไปจากหัว!
เขาตบมือเรียกบ่าวรับใช้ "ไปตาม... นักดนตรีที่รูปงามที่สุดจากหอไป๋ฮวามาให้ข้า"
ไม่นานเกินรอ... สตรีผู้เป็ดั่งผลงานชิ้นเอกแห่งการรังสรรค์ก็เยื้องย่างเข้ามาในห้องนอนอันโอ่อ่าของเขา นางอยู่ในอาภรณ์ไหมโปร่งแสงดุจม่านหมอกในยามเช้า เผยให้เห็นส่วนสัดอันน่าหลงใหลภายใต้เนื้อผ้า ทุกลีลา... ทุกย่างก้าว... ผ่านการปรุงแต่งมาอย่างวิจิตร ผิวพรรณขาวผ่องดุจหยกสลักเนื้อดีต้องแสงเทียนเป็ประกายเรื่อเรือง รอยยิ้มของนางถูกออกแบบมาเพื่อหลอมละลายภูผาน้ำแข็งแห่งใจบุรุษ...
ทว่า... ภูผาลูกนี้กลับมีเ้าของเสียแล้ว
เยว่ฉานคุกเข่าลงเคียงข้างอย่างนุ่มนวล ท่วงท่าการรินสุราของนางงดงามราวกับภาพวาด "ท่านแม่ทัพ... เหตุใดจึงทรงดื่มหนักเช่นนี้เ้าคะ ให้เยว่ฉานผู้ต่ำต้อยได้ขับกล่อมบรรเทาความทุกข์ระทมให้ท่านเถิด"
กู้เหยียนหลงปัดจอกสุราทิ้งอย่างไม่ไยดี เศษกระเบื้องแตกกระจายพร้อมกับความอดทนของเขา เขารวบเอวบางของนางเข้ามาในอ้อมแขนที่แข็งแกร่งราวกับคีมเหล็ก กลิ่นบุปผาราตรีอันซับซ้อนและปรุงแต่งจากกายนางฟุ้งกระจาย... แต่มันจะเทียบได้อย่างไรกับกลิ่นกายอันบริสุทธิ์ของดอกเหมยป่าที่ต้องน้ำค้าง... กลิ่นของนางผู้นั้น
เขาประทับจุมพิตที่ปราศจากความอ่อนโยนลงไป เป็ดั่งการประทับตราแห่งความเป็เ้าของที่เกรี้ยวกราด บดเบียดเรียวปากอันสมบูรณ์แบบของเยว่ฉานอย่างไร้ความปรานี
เยว่ฉานผู้เจนจัดในนาฏลีลาแห่งรัก ตอบสนองเขาด้วยชั้นเชิงอันไร้เทียมทาน นางคือเปลวไฟที่พร้อมจะโหมรับพายุทุกลูก นิ้วเรียวของนางลูบไล้ไปบนแผงอกกำยำ ปลดเปลื้องอาภรณ์ของบุรุษและของตนเองออกอย่างรวดเร็วและเย้ายวน จนเรือนกายเปลือยเปล่าอันงดงามสองร่างเกี่ยวกระหวัดแนบชิดกันบนเตียงกว้าง
เพลิงปรารถนาโหมกระหน่ำรุนแรง...
เยว่ฉานปรนเปรอเขาด้วยทุกศาสตร์ศิลป์ที่นางได้ร่ำเรียนมา เสียงครางที่ผ่านการร้อยเรียงมาอย่างไพเราะดังขึ้นเป็ระยะ... ทว่ามันกลับบาดหูและสร้างความรำคาญใจให้แก่เขา... เพราะมันไม่ใช่เสียงหอบหายใจที่ติดขัดอย่างตื่นตระหนกของคนที่เขาโหยหา
เขาััเรือนกายอันไร้ที่ติของนาง ลูบไล้ไปตามผิวพรรณที่นุ่มลื่นดุจแพรไหม... แต่ในห้วงสำนึก... เขากลับถวิลหารอยฟกช้ำจางๆ บนผิวของเมิ่งหรงซิน... ร่องรอยแห่งการต่อสู้ดิ้นรน... ตราประทับแห่งชีวิตที่แท้จริง
เขาหลับตาลง...
ในม่านตาที่ปิดสนิท... โลกแห่งความจริงพลันเลือนหาย... ใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติของเยว่ฉานจางไป... ถูกแทนที่ด้วยดวงตาที่ทอประกายท้าทาย... ริมฝีปากที่เม้มแน่นอย่างดื้อดึง... และร่างกายที่สั่นเทาแต่ไม่ยอมจำนนของเมิ่งหรงซิน
ใช่... ต้องเป็นาง...
จังหวะของเขารุนแรงขึ้น... เร่าร้อนขึ้น... ขับเคลื่อนด้วยมโนภาพอันบ้าคลั่ง เขากำลัง่ชิงและ... ไม่ใช่ร่างที่ยอมจำนนในอ้อมแขน... แต่เป็จิติญญาอันทรหดของสตรีที่กล้าต่อกรกับเขา
เยว่ฉานััได้ถึงแรงอารมณ์ที่พุ่งขึ้นถึงขีดสุด นางคิดว่านางเป็ผู้กำชัยในสมรภูมิรักครั้งนี้แล้ว นางจึงโน้มกายลงกระซิบที่ข้างหูของเขาด้วยเสียงที่หวานล้ำและเต็มไปด้วยความคาดหวัง
"...หรง... ซิน!!!"
"ท่านแม่ทัพ... ได้โปรด... เรียกชื่อของเยว่ฉานสิเ้าคะ..."
"ท่านแม่ทัพ... เรียกชื่อข้าสิเ้าคะ..."
แต่ในห้วงแห่งจินตนาการที่ใกล้จะถึงจุดสูงสุด... กู้เหยียนหลงไม่ได้ยินเสียงของนาง... เขากำลังจะได้ในสิ่งที่ใจปรารถนา... เขาคำรามออกมาจากส่วนลึกของจิติญญา... เปล่งชื่อของสตรีเพียงคนเดียวที่สลักอยู่ในใจของเขาออกมา...
"...หรง... ซิน!!!"
ชื่อนั้นดังก้องอยู่ในห้อง...
ทุกอย่างพลันหยุดนิ่ง...
เยว่ฉานตัวแข็งทื่อราวกับถูกฟ้าผ่า รอยยิ้มแห่งผู้ชนะของนางหายไปในทันที... เหลือเพียงความตกตะลึงและอัปยศอดสู... หรงซินคือใคร?
กู้เหยียนหลงลืมตาขึ้น... ภาพจินตนาการแตกสลาย... สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือใบหน้าที่ซีดเผือดของหญิงงามแห่งหอไป๋ฮวา... ไม่ใช่ใบหน้าที่ดื้อรั้นของนางเชลยคนนั้น...
ความจริงอันโหดร้ายซัดสาดเข้ามาในใจของเขา... ความปรารถนาทั้งหมดมอดดับลงในทันที... เหลือไว้เพียงความว่างเปล่าที่เย็นเยียบและน่าสมเพช
เขาผลักร่างของเยว่ฉานออกไปอย่างไม่ใยดี ลุกขึ้นจากเตียงแล้วหันหลังให้
"ออกไป..."
น้ำเสียงของเขาเ็ายิ่งกว่าลมหนาวนอกหน้าต่างเยว่ฉานรีบรวบรวมเสื้อผ้ามาสวมใส่อย่างลนลาน น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเสียหน้า นางไม่กล้าเอ่ยคำใดอีก รีบโค้งคำนับแล้ววิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
กู้เหยียนหลงยืนนิ่งอยู่กลางห้องเพียงลำพัง... เขาพยายามจะใช้วิธีนี้เพื่อลบนางออกจากใจ...แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม... มันกลับเป็การตอกย้ำว่า "เมิ่งหรงซิน" ได้กลายเป็ปีศาจที่ฝังลึกอยู่ในทุกอณูของร่างกายและจิตใจของเขา... ชนิดที่ว่า... ต่อให้ตายก็คงไม่อาจลืมเลือน..!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้