เล่มที่ 8 บทที่ 236 ปลาย่าง
่ที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่นั้น สายเืซวีคงเหยาในตัวปลาั์ก็สำแดงออกมา ถึงมันจะมีลำตัวใหญ่ั์นับสิบจ้าง แต่ก็สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและไร้ซึ่งร่องรอย เพียงเวลาหนึ่งก้านธูปเท่านั้น เ้าผีดิบร่างเงินก็เริ่มต้านทานไม่ไหวเสียแล้ว ในที่สุดหลังจากร่างจริงของมันแตกสลายลง ผีดิบร่างเงินก็ถูกหางปลาขนาดใหญ่ั์ฟาดซ้ำจนแตกสลายทันที…
และชั่วขณะที่กำลังเคลื่อนตัวกลับไปหาเวินโหวนั้น จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากท้องฟ้า
“ช่างเป็ปลาที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ดีจริงๆ!”
ไม่ทันสิ้นเสียงปริศนา ก็มีมือั์ที่เต็มไปด้วยลวดลายสีเืยื่นลงมาจากกลางท้องฟ้า และคว้าหมับเข้าที่ปลาั์เสียก่อน
เ้าปลาั์เองก็ร้ายกาจพอตัว เพียงมันสะบัดหางเท่านั้น ก็สามารถหายตัวออกไปไกลนับร้อยจ้างแล้ว…
แต่น่าเสียดายที่มือั์นั่น เพียงสั่นเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนที่มันจะกลายสภาพเป็มือั์ซึ่งมีขนาดประมาณร้อยจ้าง จากนั้นก็ฟาดเข้าไปยังปลาั์ที่กำลังหลบหนีทันที ทันใดนั้นจึงเกิดเป็เสียงดังสนั่นขึ้น…
พริบตาถัดมาจึงเห็นว่ามือั์กำลังตะครุบจับปลาั์เอาไว้ได้อย่างอยู่หมัด…
จากนั้นก็ปรากฏเป็ใครคนหนึ่งที่อยู่ในอาภรณ์สีดำสนิท กำลังลอยลงมาช้าๆ
‘นักพรตเฮยซาน!’
ทว่าครั้งนี้นักพรตเฮยซานดูสะบักสะบอมไม่น้อย ชุดที่สวมใส่ขาดวิ่นไปหมด ส่วนใบหน้าก็หมองคล้ำลง ลวดลายสีเืบนตัวก็อับแสงลงไปพอสมควร…
จะว่าไปก็ถือว่าซวยทีเดียว เพราะนักพรตเฮยซานมาที่พิภพร้างนี้ก่อนหลินเฟย แต่กลับโชคร้ายหนักกว่า เพียงย่างกรายเข้ามาไม่ทันไร นักพรตเฮยซานก็ถูกอสุรกายกุ่ยหวังตนหนึ่งหมายตาเอาไว้เสียแล้ว หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนแทบเอาชีวิตไม่รอดเลยทีเดียว…
หลังจากหันไปดูปลาสีเขียวตัวใหญ่นั่นแล้ว นักพรตเฮยซานก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา ยังดีที่สามารถหนีรอดมาได้ แถมยังได้ปลาตัวอ้วนติดมือมาอีก เ้าปลานี่มีไอิญญาเข้มข้นทีเดียว ดูเหมือนจะสืบสายเืที่แข็งแกร่งบางอย่างมาด้วย จึงเหมาะจะเอามาบำรุงร่างกายเป็อย่างมาก อย่างน้อยก็สามารถเยียวยาอาการาเ็ได้กว่าครึ่งเลยทีเดียว…
คิดได้ดังนั้นลำแสงสีเืที่ปกคลุมปลาั์ก็หดแคบลง เ้าปลาั์เห็นดังนั้นก็ดิ้นรนขัดขืนอย่างรุนแรง แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจหลุดรอดไปได้…
“ผู้าุโได้โปรดออมมือด้วยเถิด!” เวินโหวเห็นดังนั้น ก็รู้ว่าจะต้องเกิดเื่ไม่ดีขึ้น เขาจึงรีบอ้อนวอนขอชีวิตเ้าปลาทันที
“นั่นเป็สัตว์อสูรคู่กายของข้าผู้น้อยเอง!”
เพราะอยู่ในยามคับขัน เวินโหวจึงไม่สนเื่ที่อีกฝ่ายเป็ผู้บำเพ็ญขั้นจิงตัน บัดนี้เขาเอาแต่ขอร้องอ้อนวอนไม่หยุด อย่าว่าแต่เื่ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นเลย เพียงเ้าปลาั์ที่มีฐานะเป็สัตว์อสูรคู่กายของเขาแล้ว หากมันตายไปละก็ เกรงว่าอย่างเบาที่สุด รากฐานบำเพ็ญของเวินโหวจะต้องาเ็เป็แน่ และหากสถานหนักที่สุดก็อาจจะตายได้เลยทีเดียว นี่จึงไม่ใช่เื่เล็กๆสำหรับเขา!
“ไร้สาระ!” ทว่าน่าเสียดาย เพราะมีหรือที่นักพรตเฮยซานจะไว้หน้าผู้บำเพ็ญขั้นมิ่งหุนตัวน้อยๆ?
จึงได้ยินเสียงแค่นหัวเราะเ็าตอบกลับมาแทน ส่วนมือนั้นกลับไม่ได้หยุดเลยแม้แต่น้อย บัดนี้ลำแสงสีเืได้ปกคลุมไปทั่วทั้งตัวของเ้าปลาั์แล้ว
“ข้าผู้าุโเห็นปลาอ้วนของเ้าอยู่ในสายตา เช่นนั้นก็ถือว่าเป็บุญของเ้ามากแล้ว หลังจากข้ากินอิ่มแล้วค่อยให้ของดีทดแทนก็แล้วกันนะ ดังนั้นก็ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้…”
“กิน…” เวินโหวได้ยินเช่นนั้น หัวใจก็แทบจะแหลกสลาย
‘ยังเหลือความเป็คนอยู่บ้างหรือไม่ แม้แต่สัตว์อสูรคู่กายคนอื่นก็ยังคิดจะกิน?’
“พอแล้ว ยืนบื้ออะไรอยู่อีก รีบไปก่อไฟให้ข้าเดี๋ยวนี้ จริงสิ ไปหาเครื่องปรุงมาด้วยนะ ปลาตัวใหญ่ขนาดนี้ เหมาะที่จะเอามาย่างเหลือเกิน!”
ยิ่งพูดนักพรตเฮยซานก็ยิ่งหิว ขณะที่เตรียมจะก่อไฟอยู่นั้น ก็เห็นใครบางคนเดินเข้ามาพอดี…
“บัดซบ!”
นักพรตเฮยซานใจนทำปลาั์หลุดมือ เมื่อเ้าปลาหล่นสู่พื้น มันก็รู้ตัวว่าตนเองได้หลุดออกจากพันธนาการแล้ว มันจึงพยายามรีบหายตัวหลายครั้งติดๆกัน และในที่สุดก็มาหลบอยู่ที่ด้านหลังของเวินโหว…
ถ้าเป็เวลาปกติแล้ว อย่าว่าแต่หลบอยู่หลังเวินโหวเลย ต่อให้หนีไปสุดล่าฟ้าเขียวอย่างไร นักพรตเฮยซานก็ต้องไล่ล่าตามจับมันกลับมาให้ได้…
น่าเสียดายที่ตอนนี้นักพรตเฮยซานไม่เหลือความอยากอาหารแม้แต่นิดเดียว…
‘บ้าเอ๊ย เ้าหลินเฟยนี่มันยังไงกันแน่?’
‘ทำไมถึงมาเจอได้ทุกที่เช่นนี้?’
‘ตอนที่จัดการปีศาจเยาเจี้ยงก็เจอกัน พอจะย่างปลาก็ดันมาเจอกันอีก บ้าจริง ทำไมถึงตามหลอกหลอนไม่เลิกเสียที?’
ทันใดนั้นนักพรตเฮยซานก็ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองหลินเฟยที่กำลังเดินมาตาค้าง เป็นานกว่าจะเอ่ยตะกุกตะกักออกมา
“เอ่อ บังเอิญจังเลยนะ…”
“นั่นสิ บังเอิญจัง…” สถานการณ์ทางฝั่งหลินเฟยย่อมต่างจากนักพรตเฮยซาน เพราะหลินเฟยค่อนข้างดีใจที่ได้พบนักพรตเฮยซานอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ตอนที่เจอกันในป่าทึบ นักพรตเฮยซานรีบหนีไปเสียก่อน ทำให้ไม่มีโอกาสคุยเื่ชิ้นส่วนประตูมิติ ขณะที่เขากำลังนึกเสียดายอยู่พอดี กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกันอีกครั้งที่นี่…
“จริงสิ แล้วไปจับปลาคนอื่นเขาทำไม?…”
ที่จริงหลินเฟยแค่ถามเล่นๆเท่านั้น ไม่ได้คิดอะไร แต่พอนักพรตเฮยซานได้ยินดังนั้น กลับใเสียอย่างหนัก ‘จริงสิ ผู้บำเพ็ญเหล่านี้มากับหลินเฟย เช่นนั้นก็แปลว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา สงสัยคราวนี้คงจะมาทวงบัญชีแน่ๆ…’
คิดได้ดังนั้นนักพรตเฮยซานก็ตอบอย่างกล้าๆกลัวๆออกมา
“เข้าใจผิด ทั้งหมดเป็เื่เข้าใจผิดน่ะ…”
“ไม่มีอะไร ข้าก็แค่ถามเท่านั้น ไม่เห็นจะต้องใเลย…”
“ข้าไม่ได้ใ!”นักพรตเฮยซานได้ยินดังนั้นก็แตกตื่นยิ่งกว่าเดิม
“ใช่ๆ เ้าไม่ได้ใ…” หลินเฟยเห็นท่าทีของคนตรงหน้า ก็ได้แต่เกาหัวอย่างงุนงง เพราะหลังจากนักพรตเฮยซานถูกมีดบินฮั่วอู๋สะบั้นใส่ เขาก็ดูเปลี่ยนไปราวกับเป็คนละคน รู้สึกเหมือนคุยกันไม่รู้เื่จริงๆ หลินเฟยทบทวนอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพยายามเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบที่สุด
“จริงสิ แล้วเจอชิ้นส่วนประตูมิติอีกชิ้นหรือยัง?”
เมื่อสิ้นเสียงหลินเฟย นักพรตเฮยซานก็หน้าถอดสีทันที
‘บ้าเอ๊ย พูดผิดอีกแล้วเรา…’
คราวนี้หลินเฟยไม่รอให้นักพรตเฮยซานตอบ เ้าตัวก็ชิงเอ่ยประโยคถัดไปทันที
“ไม่ต้องใไปๆ ข้าไม่ได้คิดจะแย่งเ้า เพียงอยากเจรจาการค้าด้วยเท่านั้นเอง…”
“เจรจาการค้า?” นักพรตเฮยซานได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกระแวงขึ้นมาทันที
“ไม่ต้องห่วง สำหรับเ้าแล้วถือเป็เื่ดี ไม่ใช่เื่ร้ายอะไรหรอก…” พอเห็นนักพรตเฮยซานดูไม่ไว้ใจตนเองนัก หลินเฟยจึงเอ่ยเสริมออกมา
“หากข้าคิดจะฆ่าเ้า ก็คงไม่ปล่อยให้เ้ามีชีวิตอยู่มาจนถึงวันนี้หรอก หลังจากงานประมูลที่หอว่านเย่ว เ้าเองก็สะกดรอยตามข้ามาตั้งนาน คิดว่าข้าไม่รู้หรือ ว่าเ้าจะคิดทำอะไร?”
“คือว่า…” นักพรตเฮยซานยิ่งได้ยินแบบนั้น แผ่นหลังก็ยิ่งชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่อีกใจก็รู้สึกโล่งอก จึงแอบถอนหายใจออกมา
‘นั่นสินะ หากคิดจะฆ่าจริงๆ ก็คงจะลงมือั้แ่ตอนที่ป่าหนาทึบนั่นแล้ว…’
เมื่อคิดได้ดังนั้น นักพรตเฮยซานก็ใจกระตุกขึ้นมา ‘หรือว่าเ้าหลินเฟยจะอยากเจรจาการค้าด้วยจริงๆ?’
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------