เทียนอู่ฮ่องเต้ให้นางที่เป็เพียงแพทย์หญิงตัวน้อยเข้าไปถกถามในพระราชวังทำไมกัน?
นี่จะมีเื่ดีอะไร?
ทันทีที่กูเฟยเยี่ยนขึ้นไปบนเกี้ยวแล้วออกไปพร้อมกับเหมยกงกง เซี่ยเสี่ยวหม่านก็กระทืบเท้าทันที “นังหนูน้อย ข้าบอกเ้าแล้วว่าให้หยุดคิดอุบายต่อเตี้ยนเซี่ย เ้ามันพูดไม่ฟัง! ทีนี้เป็อย่างไรเล่า สมน้ำหน้า! ”
เซี่ยเสี่ยวหม่านทั้งโกรธทั้งร้อนใจจึงรีบหันกลับไปที่จวนเพื่อเรียกองครักษ์ลับ “หมางจ้งล่ะ? เร็ว รีบคิดหาวิธีตามหาเตี้ยนเซี่ย! เร็วเข้า! ”
กูเฟยเยี่ยนถูกเหมยกงกงพาเข้ามาในห้องทรงพระอักษรโดยไม่แม้แต่จะแจ้งให้ทราบ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเทียนอู่ฮ่องเต้กำลังคอยนางโดยเฉพาะ แม้ว่านี่จะเป็ครั้งแรกที่ได้เข้าเฝ้าเทียนอู่ฮ่องเต้ แต่กูเฟยเยี่ยนก็ยังสงบนิ่งเช่นเคย นางโค้งทำความเคารพ “แพทย์หญิงกูเฟยเยี่ยนน้อมคารวะฝ่าาเพคะ”
“ลุกขึ้นเถอะ”
เทียนอู่ฮ่องเต้ประทับอยู่ด้านข้างกระดานหมากรุก โดยที่สวมใส่ฉลองพระองค์ของสำนักพระราชวังอันเรียบง่าย เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองกูเฟยเยี่ยนเลยสักนิด เพราะกำลังไตร่ตรองเกมกระดานหมากรุกด้วยท่าทีผ่อนคลาย ทว่ายังคงอานุภาพและน่าเกรงขามที่ไร้ซึ่งการข่มขู่
“ขอบพระทัยฝ่าาเพคะ”
กูเฟยเยี่ยนลุกขึ้นพลางเงยใบหน้าขึ้นมาด้วยความสุภาพเรียบร้อยหญิงสาวมองไปที่ใบหน้าด้านข้างของเทียนอู่ฮ่องเต้แวบเดียวก็มองออกว่าพระองค์กำลังประชวรอยู่และประชวรหนักเสียด้วย นางกำลังจะมองให้ละเอียดกว่านี้แต่จู่ๆ เทียนอู่ฮ่องเต้ก็หันมามองนาง กูเฟยเยี่ยนไม่ได้หลบ นางยังคงสงบนิ่งและใจกว้างปล่อยให้พระองค์จ้องมอง
เทียนอู่ฮ่องเต้สบตาหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่งด้วยการพิจารณานางอย่างละเอียดถี่ถ้วนพร้อมกับตั้งคำถาม “แพทย์หญิงกู เ้าเข้ามาในจิ้งหวางฝู่ได้เกือบสองเดือนแล้วใช่หรือไม่? ”
กูเฟยเยี่ยนพยักหน้าแล้วตอบไปแค่ “เพคะ”
เทียนอู่ฮ่องเต้ซักถามต่อ “สองเดือนกี่วันแล้ว? ”
กูเฟยเยี่ยนตอบกลับไป “สองเดือนเจ็ดวันแล้วเพคะ”
ทันใดนั้นเทียนอู่ฮ่องเต้ก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น “เ้านับได้ชัดเจนเสียจริง ไหนบอกเจิ้นมาหน่อยว่าเ้าอยากอยู่ที่จิ้งหวางฝู่ต่อหรือ้ากลับไปที่ห้องยาสำนักหมอหลวง? ”
กูเฟยเยี่ยนไม่เชื่อหรอกว่าเทียนอู่ฮ่องเต้เพียงแค่้าพูดคุยกับนางเท่านั้น และไม่เชื่อด้วยว่าเทียนอู่ฮ่องเต้จะให้นางมีสิทธิ์ในการเลือกจริงๆ เกรงว่าฮ่องเต้ผู้เฒ่าท่านนี้คงจะกำลังหยั่งเชิงนางใช่หรือไม่?
ทว่านางมีอะไรให้หยั่งเชิงกัน!
หากเทียนอู่ฮ่องเต้ทรงเชื่อในข่าวลือเ่าั้ก็สามารถซักถามนางได้โดยตรง หากเทียนอู่ฮ่องเต้ทรงไม่โปรดปรานที่นางทำให้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยมีข่าวลือ ทันทีระยะเวลาสามเดือนมาถึงก็ทำการโยกย้ายนางกลับไปที่ห้องยาสำนักหมอหลวงสิ? แม้แต่จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยก็ไม่กล้าที่จะฝ่าฝืนคำสั่ง แต่นี่พระองค์อ้อมไปไกลมาก มันจะไม่ยกยอนางในฐานะแพทย์หญิงตัวน้อยมากเกินไปหน่อยหรือ?
นางครุ่นคิดเจตนารมณ์ของเทียนอู่ฮ่องเต้ไม่ได้จริงๆ หญิงสาวคิดว่าการเอ่ยความจริงออกไปถึงจะปลอดภัยที่สุด เพราะถึงอย่างไรแล้วจิตใจของตัวนางเองก็เปิดเผยซื่อตรงและไม่มีอะไรต้องหลีกเลี่ยง!
กูเฟยเยี่ยนตอบกลับไปตามความจริง “จิ้งหวางฝู่เพคะ”
ดวงตาของเทียนอู่ฮ่องเต้ทอประกายความคาดไม่ถึง “ทำไมกัน? ”
กูเฟยเยี่ยนยังคงความซื่อสัตย์และจริงใจ “การที่ได้อุทิศตนรับใช้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยถือเป็เกียรติยศของนู๋ปี้เพคะ”
เทียนอู่ฮ่องเต้ประหลาดใจมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
ต้องรู้ไว้ว่าสิ่งที่เขาเป็ห่วงไม่ใช่ปัญหาที่ว่านังหนูคนนี้จะอยู่ที่ไหนต่อ แต่คือปัญหาที่ว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยมีนางอยู่ในใจหรือไม่ เขาหยั่งเชิงจิ้งหวางไม่ได้และไม่เชื่อเซี่ยเสี่ยวหม่านอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงลงมือจากนังหนูคนนี้
เขามักจะรู้สึกว่าจิ้งหวางปฏิบัติต่อนางแตกต่างไปจากผู้อื่น แต่จากท่าทีตรงไปตรงมาของนังหนูในตอนนี้ เหมือนกับว่าจิ้งหวางกับนางไม่ได้มีความลับอะไรที่ไม่สามารถบอกผู้อื่นได้
ต้องทราบไว้ว่าหากมีความลับ นังหนูคนนี้ก็จะมีความหวาดผวาบ้างและต้องปิดบังอำพราง
แม้ว่าเทียนอู่ฮ่องเต้จะประหลาดใจ แต่ก็ยังคงหยั่งเชิงต่อไปด้วยความระมัดระวัง “นังหนูน้อย แม่ทัพเฉิงปฏิบัติต่อเ้าเป็อย่างดี เหอะๆ เจิ้นให้โอกาสเ้าหนึ่งครั้ง เ้าอยากอยู่ที่จวนตระกูลเฉิงหรือจิ้งหวางฝู่? ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมากูเฟยเยี่ยนก็ใแล้วอ้าปากค้างทันที!
ฮ่องเต้ผู้เฒ่าท่านนี้มอบสมรสพระราชทานให้กับฉีอวี้ก็พอแล้ว อย่ามอบสมรสพระราชทานให้เฉิงอี้เฟยเลย!
กูเฟยเยี่ยนสองจิตสองใจ เทียนอู่ฮ่องเต้จึงหยั่งเชิงต่อทันที “นังหนู ในวันนี้ที่เจิ้นเรียกเ้าเข้ามาเป็เพราะจะมอบรางวัลให้เ้า เ้าคือผู้ที่มีคุณูปการในคดีย่าวซ่าน ฟูเหรินของแม่ทัพมีเกียรติยศมากกว่าหญิงรับใช้ของจิ้งหวางฝู่เยอะมาก เ้าคิดให้ดี เจิ้นให้เวลาเ้าหนึ่งถ้วยน้ำชา”
หลังจากที่เทียนอู่ฮ่องเต้เอ่ยจบสายตาคมกริบราวนกอินทรีคู่นั้นก็จ้องมองไปที่กูเฟยเยี่ยนราวกับรอคอยจับเบาะแสร่องรอยในดวงตาของนาง
ทันทีที่กูเฟยเยี่ยนได้ยินคำพูดนี้นางก็เกิดความดีอกดีใจจนก้มลงคุกเข่าอย่างตื่นเต้น “ขอบพระทัยที่ฝ่าาทรงพระราชทานรางวัลเพคะ นู๋ปี้ไม่อาจเอื้อมท่านแม่ทัพเฉิงได้! นู๋ปี้เต็มใจอยู่ที่จิ้งหวางฝู่ไปตลอดชีวิตเพื่อคอยรับใช้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย! นู๋ปี้จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรับรองความปลอดภัยของศิลาโอสถในจิ้งหวางฝู่และจะไม่อนุญาตให้เกิดเื่ราวไม่คาดฝันขึ้น…”
เมื่อกูเฟยเยี่ยนดีอกดีใจนางก็จะพูดไม่หยุด สิ่งที่นางพูดออกมาทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับศิลาโอสถ แน่นอนว่านางยังคงมีความเฉลียวฉลาดที่ไม่เปิดเผยเื่ราวการแช่สมุนไพรของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยออกมา นางล้วนพูดถึงความปลอดภัยในการใช้ยา
อย่าว่าแต่เทียนอู่ฮ่องเต้เลย แม้เเต่เหมยกงกงที่อยู่ด้านข้างยังตกตะลึงตาค้าง พวกเขาคิดไม่ถึงว่ากูเฟยเยี่ยนจะตรงไปตรงมาเช่นนี้! และแน่นอนว่าพวกเขาก็คาดไม่ถึงว่านังหนูที่ดูค่อนข้างเก็บตัวและพูดน้อยเมื่อดีอกดีใจขึ้นมาจะพูดไม่หยุดถึงเพียงนี้ ท้ายที่สุดเทียนอู่ฮ่องเต้ก็ทนไม่ไหวจนต้องขัดจังหวะกูเฟยเยี่ยน “พอได้แล้ว”
กูเฟยเยี่ยนดีใจมากจริงๆ นางยังแอบดีใจอีกว่าเมื่อมีรางวัลของฝ่าาแล้วต่อให้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่ประสงค์ให้นางอยู่ต่อก็ต้องให้นางอยู่ต่อ สำหรับคุณหนูสามตระกูลหานนั้นเป็เื่ที่อีกยาวไกล!
เทียนอู่ฮ่องเต้เกรงว่าจะไตร่ตรองจนสมองะเิก็คิดไม่ถึงว่าบุตรชายของตนเองมีใจให้กับนังหนูคนนี้ ทว่านังหนูคนนี้ยังคงไม่รับรู้เื่ราวจนกระทั่งบัดนี้
เขาทอดมองไปที่ใบหน้าที่มีความสุขของกูเฟยเยี่ยน จิตใจที่เป็กังวลก็สงบลงในที่สุด
แต่อย่างไรก็ตามสำหรับนังหนูที่หาเื่ใส่ตัวและก่อให้เกิดข่าวลือเช่นนาง เขาจะไม่อนุญาตให้นางอยู่ที่จิ้งหวางฝู่ตลอดกาล
เขาหัวเราะเสียงดังลั่นและเตรียมจะให้รางวัลเป็ของอย่างอื่น แต่ในขณะเดียวกันด้านนอกประตูก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นมา
“ให้ข้าเข้าไปนะ! ไฟด้านในยังสว่างอยู่ เห็นได้ชัดว่าฝ่าายังไม่เข้าบรรทม! ”
“อวิ้นกุ้ยเฟย ฝ่าาทรงกำชับเอาไว้ว่าไม่อนุญาตให้รบกวนพ่ะย่ะค่ะ”
“มีใครอยู่ด้านใน? ”
“อวิ้นกุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ พระองค์โปรดอย่าทำให้นู๋ไฉลำบากใจเลย นู๋ไฉ…”
อวิ้นกุ้ยเฟย?
นี่ไม่ใช่มารดาขององค์หญิงหวายหนิง สนมที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานมากที่สุดหรือ? ในวันนี้องค์หญิงหวายหนิงแต่งงานออกไป นางน่าจะอยู่ที่ด้านนอกพระราชวังสิ เหตุใดจึงกลับมากัน? ”
กูเฟยเยี่ยนเกิดความสงสัย ทว่าอวิ้นกุ้ยเฟยกลับพุ่งถลันเข้ามาแล้ว
อวิ้นกุ้ยเฟยสวมใส่อาภรณ์สำนักพระราชวังอันสง่างาม บนใบหน้าเต็มไปด้วยดอกสาลี่ต้องหยาดฝน [1] ที่มีความนุ่มนวลละมุนละไมสามส่วนและความชัดเจนเจ็ดส่วน ภายในมือของนางถือถ้วยชาร้อนไว้หนึ่งถ้วย แม้ว่าจะพุ่งถลันเข้ามาแต่ก็ไม่ได้ทำให้น้ำชากระฉอดออกไปแม้แต่น้อย
รอยยิ้มที่ไร้ซึ่งความจริงใจของเทียนอู่ฮ่องเต้ได้อันตรธานหายไปหมดสิ้น เขาทำหน้าบึ้งพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า “ออกไป! ”
อวิ้นกุ้ยเฟยชำเลืองตามองกูเฟยเยี่ยนแวบหนึ่ง โดยที่มองตัวตนของกูเฟยเยี่ยนไม่ออก
นางไม่สนใจไฟโทสะของเทียนอู่ฮ่องเต้ หญิงสาวประคองชาร้อนด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นจึงก้าวเดินไปด้านหน้าทีละก้าวแล้วคุกเข่าลงต่อหน้าเทียนอู่ฮ่องเต้ “ฝ่าาเพคะ หม่อมฉันมายกน้ำชาพิธีสมรสแด่พระองค์แทนหวายหนิงเพคะ หวายหนิงพูดไว้ว่าฝ่าาคือกษัตริย์และนางไม่ใช่บุตรสาวขุนนาง ทว่าฝ่าาก็คือบิดา นางก็คือบุตรสาวของบิดาตลอดกาล! ฝ่าาเพคะ ในวันนี้บุตรสาวของพวกเราได้แต่งงานออกไปแล้ว ชาถ้วยนี้นาง้ามอบให้พระองค์เพื่อตอบแทนพระคุณที่เลี้ยงดูมาตลอดสิบแปดปี! ในวันนี้ต่อให้หม่อมฉันเสี่ยงที่จะได้รับโทษปะา แต่ก็ต้องนำชานี้มาถวายให้ได้! ”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้กูเฟยเยี่ยนที่เป็ศัตรูยังแทบจะเกิดความตื้นตันใจ นับประสาอะไรกับเทียนอู่ฮ่องเต้ที่มีศักดิ์เป็บิดา กูเฟยเยี่ยนลอบชมอวิ้นกุ้ยเฟยในใจว่าอวิ้นกุ้ยเฟยสมกับเป็ผู้ที่ได้รับความโปรดปรานเป็อันดับหนึ่ง!
ความโกรธของเทียนอู่ฮ่องเต้ได้สลายหายไป ภายในดวงตาของเขาปรากฏถึงหยาดน้ำตา เขาถอนหายใจราวกับ้าพูดอะไรออกมาแต่ก็ไม่พูดเพราะพะว้าพะวังที่กูเฟยเยี่ยนอยู่ด้วย
เขารับถ้วยน้ำชามาแล้วดื่มเข้าไปช้าๆ จนหมด
อวิ้นกุ้ยเฟยดีใจเป็อย่างยิ่ง “ขอบพระทัยฝ่าา หวายหนิงยังบอกว่า…”
แต่อย่างไรก็ตามอวิ้นกุ้ยเฟยยังพูดไม่ทันจบจู่ๆ เทียนอู่ฮ่องเต้ก็กุมไปที่หน้าอกพลางพ่นเืสีดำออกมาเป็จำนวนมาก…
————————-
เชิงอรรถ
[1] ดอกสาลี่ต้องหยาดฝน หมายถึง ร้องไห้เศร้าโศกทว่ายังคงงดงาม