ทุกคนในสนามประลองต่างมองตรงมาทางฉินอวี่ด้วยความประหลาดใจ
“พฤติกรรม? หมาจนตรอกที่ทำอะไรก็ได้?”
ทุกคนต่างมองไปทางถงอวิ๋นเฟยที่กำลังสั่นสะท้านไปทั้งตัว ใบหน้าเคร่งเครียด จนแต่ละคนต่างมีสีหน้าที่แตกต่างกัน
หลังจากนั้นไม่นาน ลานประลองที่เงียบลงไปก็เกิดเสียงพูดคุยที่น่าใดังขึ้น
“นี่มันเป็การรนหาที่ตายชัดๆ ในฐานะเผ่าเล็กๆ ของเผ่ายุทธ์ทองคำ การมาอยู่ในสนามประลองต่อหน้าผู้ชมนับหมื่นที่คอยจับตามอง แม้จะมีพฤติกรรมไม่ดีบ้าง แต่ถงอวิ๋นเฟยจะกล้าฝ่าฝืนกฎหรือ?”
“เอ่อ... นี่เป็การจงใจยั่วยุให้ถงอวิ๋นเฟยโมโห เขาอยากจะตายเร็วขึ้นหรืออย่างไรกัน?”
“หมาจนตรอกที่ทำอะไรก็ได้ ฮ่าๆ นี่เขากำลังด่าถงอวิ๋นเฟย?”
...
ทุกคนต่างจ้องมองมาทางฉินอวี่ด้วยสายตาที่เย้ยหยัน จากมุมมองของพวกเขาแล้ว การกระทำของฉินอวี่ดูเหมือนจะเป็ความวิตกกังวลในเื่ที่ไม่ควรกังวล เื่ที่ว่าจะมีการใช้กลโกงใดในการต่อสู้ที่เอาเป็เอาตายครั้งนี้หรือไม่ ก็ไม่อาจมีใครรับรองได้ แต่ในตอนนี้เมื่อมีคนคอยชมการต่อสู้จำนวนมากขนาดนี้ ถงอวิ๋นเฟยจะกล้าละเมิดกฎหรือ? และหากเป็เช่นนั้น มันก็จะกลายเป็ตราบาปที่ติดตัวถงอวิ๋นเฟยไปตลอดชีวิต
“ใช่แล้ว สุนัขจนตรอกมักจะทำอะไรก็ได้ให้มันรอด ใครจะกล้ารับรองได้บ้างว่าเขาจะไม่ทำเช่นนั้น? ใครรับประกันได้บ้าง!” ในเวลานี้ สยงท่าเทียนลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว และะโเสียงดังออกไป ด้วยท่าทีราวกับว่าใครกล้ารับประกัน เขาจะฆ่าทิ้งทันที
ร่างกายของถงอวิ๋นเฟยสั่นสะท้านอย่างรุนแรง นี่มันเป็การยั่วโมโห!
อี้จ้านเทียนขมวดคิ้วแน่น และหันไปมองฉินอวี่ เขานึกไม่ถึงเลยว่าฉินอวี่จะทำอะไรเช่นนี้ ครั้งนี้ นอกจากจักรพรรดิแห่งแคว้นอู่ที่เก็บตัวบำเพ็ญตนตลอดทั้งปีแล้ว เขาคือผู้มีสถานะสูงที่สุดของเมือง ดังนั้น เขาจึงกลายเป็ประธานในการประลองครั้งนี้ไปโดยปริยาย เพียงแต่ เขายังคงมีความเห็นแก่ตัวอยู่เล็กน้อย ว่าหากไม่มีใครสักคนตายในการประลองครั้งนี้ เขาจะไม่ยอมถอนม่านพลังออกเป็อันขาด
ในใจของอี้จ้านเทียนนั้น มั่นใจว่าฉินอวี่คงจะต้องตายในวันนี้เป็แน่ แต่ในตอนนี้ ฉินอวี่กำลังยืนกรานว่าเขาไม่เชื่อในตัวถงอวิ๋นเฟย และดูเหมือนจะเป็การบอกว่า หากไม่ระงับระดับฝึกฝนของถงอวิ๋นเฟย ไม่ยึดวงแหวนมิติของถงอวิ๋นเฟยไว้ เขาก็จะไม่ยอมเข้าร่วมการประลอง สิ่งนี้ทำให้อี้จ้านเทียนต้องปวดหัวเป็อย่างมาก นี่เป็การดิ้นรนก่อนตายหรือไม่?
“เ้าคนนี้ อย่าได้พูดเหลวไหล” ชายหนุ่มชุดขาวที่นั่งอยู่ข้างอี้จ้านเทียนพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
อี้จ้านเทียนใเล็กน้อย จากนั้นค่อยๆ หันไปมองชายหนุ่มชุดขาว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ฉินอวี่ทำให้คนผู้นี้ชื่นชมหรือ?
“เสี่ยวอวี่พยายามทำให้ถงอวิ๋นเฟยโกรธ” ผู้าุโโม่ที่อยู่ท่ามกลางผู้คนมองฉินอวี่อย่างชื่นชม และพูดขึ้นเบาๆ
ในความเห็นของผู้าุโโม่ เขาคิดว่าการกระทำของฉินอวี่นั้นเป็สิ่งที่ถูกต้องแล้ว ไม่เพียงแต่ทำให้ถงอวิ๋นเฟยหงุดหงิดเท่านั้น แต่ยังขจัดปัญหาที่จะตามมาภายหลังด้วย อย่างไรก็ตาม หากเป็่เวลาของความเป็ความตาย ก็ไม่มีผู้ใดที่จะรับรองได้ว่าถงอวิ๋นเฟยจะฝ่าฝืนกฎหรือไม่ และด้วยคำพูดของฉินอวี่จึงเป็การตัดเส้นทางล่าถอยของถงอวิ๋นเฟยเสียแล้ว
เพียงแต่ว่า สิ่งที่ทำให้ผู้าุโโม่สงสัยมากขึ้นคือ ฉินอวี่จะสามารถเอาชนะถงอวิ๋นเฟยได้จริงหรือ?
หวังผิงแทบจะยกนิ้วให้ฉินอวี่ ก่อนหน้านี้เขายังเป็กังวลว่าฉินอวี่อาจจะถูกถงอวิ๋นเฟยสังหารได้ แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้ อันตรายของฉินอวี่ก็จะลดลงไปอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะเป็การไปยั่วยุถงอวิ๋นเฟย เขาคงจะพูดเื่นี้ออกไปแทนฉินอวี่แล้ว
จื่อซวินเอ๋อจ้องไปทางฉินอวี่ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสง่างามและการชื่นชม แม้ว่ากฎจะเป็กฎ แต่เมื่อถึงเวลาวิกฤติก็ไม่มีใครรับประกันไหวแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นวิชาหรือฝีมือแบบใดก็อาจถูกใช้ได้ทั้งหมด เพื่อความอยู่รอด
องค์หญิงสิบสามหลงอวี่กำหมัดแน่น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตึงเครียด
...
การสนทนาจำนวนมากค่อยๆ เงียบลงไป ทุกคนต่างส่งสายตาไปยังถงอวิ๋นเฟย และกำลังรอคำตอบจากเขา
“เ้าคงไม่ได้คิดจะทำอะไรที่ไม่ตรงไปตรงมาหรอกใช่หรือไม่?” เมื่อเห็นถงอวิ๋นเฟยจ้องมองมาอย่างดุเดือด ฉินอวี่ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่คล้ายทำอะไรไม่ถูก
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของถงอวิ๋นเฟยกระตุกขึ้นอย่างรุนแรง สายตาของเขาเพ่งตรงมาอย่างดุร้ายและเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ก่อนจะพูดกลับไปอย่างเคร่งขรึม “ได้ วันนี้พวกเราสองคนไม่ตายไม่เลิกรา!” จากนั้น ถงอวิ๋นเฟยก็หันไปมองยังที่นั่งที่เขานั่งทำสมาธิอยู่ก่อนหน้านี้อย่างโมโห และพูดเสียงดัง “ผู้าุโจาง ช่วยข้าระงับระดับการฝึกฝนหน่อยได้หรือไม่”
ด้านข้างของที่นั่งซึ่งถงอวิ๋นเฟยนั่งทำสมาธิอยู่ก่อนหน้านี้นั้น มีผู้าุโในชุดคลุมสีดำอยู่คนหนึ่ง ใบหน้าของเขาดูแก่ชรามาก ดูแล้วเหมือนกับเทียนที่มีแสงริบหรี่ หลังจากเขาชำเลืองมองฉินอวี่ ก็ฟาดฝ่ามือหนึ่งออกไปเข้าสู่ร่างของถงอวิ๋นเฟยทันที
ทันใดนั้น ระดับการฝึกฝนของถงอวิ๋นเฟยก็เหลืออยู่เพียงขั้นปราณเสถียรระดับต้น จากนั้นถงอวิ๋นเฟยก็โยนวงแหวนมิติไปให้ผู้าุโชุดดำ และมองไปทางฉินอวี่อีกครั้ง ก่อนจะพูดพลางแสยะยิ้ม “เริ่มกันได้หรือยัง?”
ฉินอวี่ไม่ได้พูดอะไรออกไปว่าเขาเชื่อคำพูดของผู้าุโคนนั้นหรือไม่ เพราะท้ายที่สุด หากยั่วโทสะผู้แข็งแกร่งคนนั้นขึ้นมา จะต้องเกิดเื่ยุ่งยากตามมาอย่างแน่นอน เขามองไปยังถงอวิ๋นเฟยอย่างระมัดระวังด้วยท่าทีที่ไม่เชื่อมั่นในตัวถงอวิ๋นเฟย และด้วยการกระทำเช่นนี้ทำให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าของถงอวิ๋นเฟยกระตุกขึ้นอีกครั้ง
ฉินอวี่มองดูอยู่เป็เวลานาน และในขณะที่ถงอวิ๋นเฟยกำลังจะทำตามใจตนเอง เขาก็รีบละสายตากลับมา และพูดขึ้นว่า “เริ่มได้เลย”
“เปิดม่านพลังเวท! เริ่มการประลอง!” อี้จ้านเทียนเอ่ยปากขึ้นทันที เมื่อพูดจบ ม่านแสงพลังเวทก็ปกคลุมไปทั่วบริเวณสนามประลอง
ในขณะที่ม่านแสงกำลังก่อตัวขึ้น ถงอวิ๋นเฟยก็กระโจนเข้าใส่ฉินอวี่ทันทีราวกับสิงโตที่กำลังโกรธเกรี้ยว ในตอนนี้ถงอวิ๋นเฟยเกลียดชังฉินอวี่จนแทบจะฉีกร่างของเขาออกเป็ชิ้นๆ
ฉินอวี่ยังไม่เคลื่อนไหว พลังปราณในร่างกายของเขาเอ่อล้นออกมากลายเป็เกราะป้องกันที่ปกคลุมไปทั่วทั้งตัว แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปจากเกราะป้องกันของผู้อื่นก็คือ ภายในเกราะป้องกันนี้ปรากฏสายฟ้ากำลังเคลื่อนไหวอยู่ด้วย หากไม่ทันสังเกตให้ละเอียดก็ยากที่จะตรวจพบ
เมื่อรู้สึกได้ถึงความรุนแรงจากการโจมตีของถงอวิ๋นเฟย ฉินอวี่ก็ก้าวเท้าขวาถอยหลังไปก้าวหนึ่ง จากนั้นก็กำหมัดในมือซ้ายไว้แน่น ทันทีที่ถงอวิ๋นเฟยเข้ามาใกล้ เขาจึงชกสวนออกไปทันทีกว่าห้าหมัด
หมัดะเิฟ้า!
“ตูม!”
ทันทีที่ปล่อยหมัดะเิฟ้าออกไป เกราะป้องกันของเขาก็ะเิออก เกิดแรงกระแทกปะทะเข้าใส่หน้าอกของถงอวิ๋นเฟยทันที จนร่างกายเขากระเด็นถอยออกไปเป็สายราวกับดาวตก
หลังจากถงอวิ๋นเฟยที่ถูกหมัดะเิฟ้าจู่โจมเขาก็ถอยหลังออกไปสองสามก้าวเช่นกัน เขาจ้องมองฉินอวี่พร้อมแสยะยิ้ม และพูดขึ้น “นี่คือพละกำลังของเ้าหรือ? นี่คือต้นทุนที่เ้ากล้ายั่วยุข้าหรือ?” พูดจบก็ขยับร่างไปในอากาศ เท้าข้างหนึ่งรวมเป็พลังที่มหาศาล มุ่งหน้าเข้าไปทางศีรษะของฉินอวี่
ฉินอวี่ที่กำลังตีลังกาลอยอยู่กลางอากาศได้กลับลงมาบนพื้นดิน เท้าทั้งสองข้างของเขาสร้างรอยลึกลงไปบนพื้น และในขณะที่เท้าข้างหนึ่งของถงอวิ๋นเฟยกำลังพุ่งมา พลังของสายฟ้าทั้งห้าสายที่เคลื่อนผ่านเส้นลมปราณก็ได้หลั่งไหลตรงเข้าไปนิ้วทั้งห้าทางมือข้างขวาของเขา จากนั้นเขากำหมัดข้างขวาไว้แน่นก่อนจะชกตรงไปยังเท้าขวาถงอวิ๋นเฟยโดยตรง
หมัดะเิฟ้า
เขายังคงปล่อยหมัดะเิฟ้าออกไปเช่นเดิม แต่ก่อนหน้านี้ฉินอวี่ได้ใช้มือข้างซ้ายในการโจมตี เพื่อทดสอบและหลอกล่อถงอวิ๋นเฟย
ต้องบอกเลยว่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับถงอวิ๋นเฟย ฉินอวี่ไม่กล้าประมาทเลยแม้แต่น้อย ชุยซั่วและถงอวิ๋นเฟยนับว่าเป็คนละชั้นกันเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าถงอวิ๋นเฟยจะระงับระดับฝึกฝนไว้แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่อาจระงับพลังในร่างกายของเขาได้มากนัก
“ตูม ปัง ปัง!”
เสียงอึกทึกดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว เท้าข้างหนึ่งของถงอวิ๋นเฟยกดทับเข้ามาเหนือศีรษะของฉินอวี่ด้วยพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุด แต่ขณะที่พลังของเขาปะทะเข้ากับหมัดของฉินอวี่ ถงอวิ๋นเฟยก็รู้สึกถึงความเ็ปที่ขาข้างขวา คลื่นพลังที่แข็งแกร่งดั่งขุนเขาได้ถาโถมเข้ามา จากนั้น พลังของสายฟ้าที่แข็งแกร่งก็พุ่งเข้าสู่ร่างกายของถงอวิ๋นเฟยทันที
“อ๊าก!” ถงอวิ๋นเฟยส่งเสียงกรีดร้อง ร่างของเขาทะยานขึ้นตรงไปกลางอากาศเป็ระยะทางหลายจ้าง หลังจากนั้นจึงร่วงลงมาอย่างรุนแรง หลังจากตกลงมาอย่างแรง ถงอวิ๋นเฟยก็รีบพลิกตัวขึ้น แต่กลับพบกับใบหน้าอันเยือกเย็นของฉินอวี่
“ม่านทองคุ้มกาย!” ถงอวิ๋นเฟยยังไม่ทันได้ใ ระหว่างคิ้วของเขาก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้น รวมกันกลายเป็ม่านแสงสีทองปกคลุมไปทั่วร่างกาย
“ปัง ปัง ปัง!”
ฉินอวี่เข้าโจมตีถงอวิ๋นเฟยด้วยหมัดที่หนักอึ้ง แม้จะมีการคุ้มกันจากลำแสงสีทอง แต่พลังที่สะท้อนจากการกระแทกนั้นกลับทำให้ถงอวิ๋นเฟยถึงกับล้มลงกับพื้น
ขณะที่ถงอวิ๋นเฟยกำลังล้มลง ฉินอวี่ก็ก้าวออกมาอย่างดุเดือด และะโตรงไปทางด้านศีรษะของถงอวิ๋นเฟย
“ซึ้ด!”
ทุกคนที่อยู่ในสนามประลองต่างสูดลมหายใจเข้าลึก และจ้องไปทางฉินอวี่ทีละคน ไม่มีใครนึกมาก่อนว่าฉินอวี่จะบีบให้ถงอวิ๋นเฟยใช้พลังในชีพจรและสายเืออกมาในเวลาไม่ถึงสามสิบลมหายใจ
ถึงแม้พวกเขาจะได้แต่ดู แต่ก็รู้สึกได้ถึงหมัดของฉินอวี่ว่าทรงพลังเพียงใด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าถงอวิ๋นเฟยจะทำการระงับระดับการฝึกฝนไว้แล้ว แต่ร่างกายของเขาก็ยังแข็งแกร่งกว่าฉินอวี่อยู่มาก
“เป็พลังที่น่ากลัวจริงๆ แค่ขั้นปราณเสถียรระดับต้นยังมีพละกำลังถึงขนาดนี้ คนผู้นี้มาจากปุถุชนทางโลกจริงหรือ?” ชายหนุ่มชุดขาวที่อยู่ด้านข้างอี้จ้านเทียนจ้องตรงไปที่ฉินอวี่ จากนั้นก็หันกลับมามองอี้จ้านเทียนอีกครั้ง
ใบหน้าของอี้จ้านเทียนดูเคร่งขรึม ความแข็งแกร่งของฉินอวี่อยู่เหนือความคาดหมายไปมากจริงๆ ตอนชุยซั่วตายลงไปเมื่อก่อนหน้านี้ได้สร้างความสับสนให้กับพวกเขายิ่งนัก แต่ในตอนนี้เมื่อได้เห็นการประลองระหว่างฉินอวี่และถงอวิ๋นเฟย เขาจึงได้รู้ว่า ร่างกายของฉินอวี่ได้ก้าวเข้าสู่ขั้นความแข็งแกร่งในอีกระดับหนึ่งแล้ว
“นี่คงเป็สาเหตุของพัฒนาการเ่าั้สินะ!” ดวงตาของหวังผิงจ้องตรงไปที่ฉินอวี่ที่อยู่ด้านล่าง ในใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ในตอนนี้ เขาแทบจะทนไม่ไหวที่จะปล้นชิงทุกอย่างมาจากตัวฉินอวี่
“ตูม!”
ขณะที่ขาข้างหนึ่งของฉินอวี่กำลังกดลงมา ถงอวิ๋นเฟยก็บิดตัวอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองคว้าขาของฉินอวี่ไว้แล้วรัดจนแน่นราวกับงูพิษ ทันทีที่ลงมาถึงสู่พื้นดิน เขาก็พลิกตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อพยายามหักขาของฉินอวี่
ฉินอวี่นึกไม่ถึงว่าถงอวิ๋นเฟยจะโต้กลับด้วยวิธีเช่นนี้ พลังปราณในร่างกายของเขาหลั่งไหลเข้าสู่ภายในร่างกาย ขาข้างขวาจมลงไปอย่างรวดเร็ว และปล่อยหมัดขวาออกไปทางศีรษะของถงอวิ๋นเฟยราวกับพายุ
ถงอวิ๋นเฟยใ และละความคิดทั้งหมดที่มีอยู่ทันที เพื่อหลบเลี่ยงหมัดอันหนักอึ้งของฉินอวี่
“ฮู้ว! ฮู้ว!” ถงอวิ๋นเฟยลุกขึ้นยืนอีกครั้ง มองไปทางฉินอวี่พลางถอนหายใจ และพูดพึมพำ “เมื่อครู่นี้คือพลังอสุนีลึกลับหรือ?”
หมัดะเิฟ้าที่ฉินอวี่ใช้ไปก่อนหน้านี้แฝงไปด้วยพลังของอสุนีลึกลับ และด้วยหมัดนี้เองที่ทำให้ถงอวิ๋นเฟยถึงกับไม่มีสติอยู่เป็เวลานาน จนถูกฉินอวี่โจมตีซ้ำ
ฉินอวี่ถอนหายใจ ร่างกายของถงอวิ๋นเฟยแข็งแกร่งกว่าชุยซั่วมาก ก่อนหน้านี้ฉินอวี่ใช้พลังของอสุนีลึกลับจำนวนสองสายเพื่อสังหารชุยซั่ว แต่ในตอนนี้ แม้จะใช้พลังอสุนีลึกลับถึงห้าสายกลับไม่สามารถทำให้ถงอวิ๋นเฟยได้รับาเ็อะไรมากนัก เห็นได้ว่าร่างกายของถงอวิ๋นเฟยนั้นมีความแข็งแกร่งที่ทรงพลังยิ่งนัก
“มิน่าล่ะ มิน่าล่ะเ้าถึงกล้าประลองกับข้า ที่แท้ก็มีมันให้พึ่งพา แต่เ้าคิดว่าจะใช้พลังอสุนีลึกลับสังหารข้าได้หรือ?” ถงอวิ๋นเฟยยิ้ม รอยตราสีทองกลางหน้าผากของเขาเปล่งลำแสงออกมาอีกครั้ง ลำแสงสีทองนี้เป็เหมือนดั่งเงาร่างทองคำที่กำลังมุ่งเข้าสู่ร่างของถงอวิ๋นเฟย เมื่อมองจากระยะไกล จะดูเหมือนถงอวิ๋นเฟยถูกโดยเทพยุทธ์ทองคำ
“ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าเ้าจะสามารถสู้กับข้ามาได้ถึงจุดนี้ แม้เ้าจะมีพลังของอสุนีลึกลับ แต่อย่างไรก็คงต้องตายอยู่ใต้อำนาจของร่างยุทธ์แห่งเผ่ายุทธ์ทองคำ ไปตายเสียเถอะ!” ถงอวิ๋นเฟยยิ้ม เปลี่ยนท่าทีเป็รุนแรงขึ้นทันที จากนั้นแสงสีทองก็พุ่งใส่ฉินอวี่อย่างโเี้
แม้ว่าภายนอกจะดูสดใสสว่างไสว แต่ในใจของถงอวิ๋นเฟยกลับว้าวุ่นยิ่งนัก เขานึกไม่ถึงเลยว่าฉินอวี่จะพลังของอสุนีลึกลับเอาไว้! พลังของอสุนีลึกลับนี้เป็ที่เลื่องลือกันว่าเป็พลังที่ทรงพลังที่สุดอย่างหนึ่ง ดังนั้นถงอวิ๋นเฟยจึงรีบเก็บคำดูถูกไว้ในใจทันที
ถงอวิ๋นเฟยถูกบีบให้ใช้วิชาของร่างยุทธ์ทองคำอย่างเลือกไม่ได้ เผื่อว่าฉินอวี่อาจจะยอมวางมือ เขาต้องทำเช่นนี้ เพราะเป็วิธีเดียวเท่านั้นที่จะต้านทานพลังของอสุนีลึกลับได้
การแสดงออกของฉินอวี่เริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย สิ่งที่เขาเป็กังวลมากที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว แม้ว่าถงอวิ๋นเฟยจะระงับระดับการฝึกฝนเอาไว้ แต่ร่างกายของคนเผ่ายุทธ์ทองคำนั้นก็ทรงพลังอย่างยิ่ง และยังสามารถโจมตีหรือป้องกันได้ ซึ่งได้สร้างความกดดันอย่างหนักให้ฉินอวี่ และเมื่อรู้สึกว่าถงอวิ๋นเฟยกำลังใกล้เข้ามา เขาจึงต้องกัดฟันต้านอย่างสุดกำลัง
บนที่นั่ง
“ร่างยุทธ์ทองคำ! ฉินอวี่บีบให้ถงอวิ๋นเฟยใช้ร่างยุทธ์ทองคำหรือ?” ผู้มีพร์คนหนึ่งตกตะลึง เป็เพราะมีม่านพลังเวทปกคลุมอยู่ พวกเขาจึงไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน มิเช่นนั้นพวกเขาจะยิ่งใมากกว่านี้
ม่านตาของจื่อซวินเอ๋อหดลงเล็กน้อย จ้องตรงไปทางฉินอวี่ด้วยท่าทางที่เหลือเชื่อ แม้ว่าจะไม่ได้ยินอะไร แต่ก็สามารถอ่านปากของถงอวิ๋นเฟยได้ไม่กี่คำว่า “อสุนีลึกลับ”
“พลังอสุนีลึกลับ? เขามีพลังอสุนีลึกลับจริงหรือ?” จื่อซวินเอ๋อตกตะลึง
ขณะที่ทุกคนกำลังใ ถงอวิ๋นเฟยที่อยู่ด้านล่างก็โจมตีเข้ามาดั่งเทพยุทธ์ทองคำ ไม่รู้ว่าพลังของเขานั้นแข็งแกร่งเพียงใด ซึ่งฉินอวี่ไม่น่าจะต้านทานได้
“ตูม ตูม ตูม!”
เสียงของการโจมตีที่กระทบใส่ม่านแสงพลังเวทดังสนั่นหวั่นไหวอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นทุกคนที่จ้องตรงมายังฉินอวี่จึงต่างเผยสีหน้าของความเศร้าออกมาทันที
“ขั้นปราณเสถียรระดับต้นที่มีพละกำลังเช่นนี้ หากให้เวลามากกว่านี้ บางทีศักยภาพของอาจจะมากไปกว่านี้เป็แน่”
“น่าเสียดายที่เขาไปยั่วยุถงอวิ๋นเฟย เมื่อร่างยุทธ์ทองคำปรากฏขึ้น เ้าเด็กคนนี้จะต้องตายแน่นอน!”
...
เมื่อฉินอวี่ได้ยินเสียงถอนหายใจจากรอบตัว ใบหน้าของเขาก็ซีดลงทันที กำหมัดของตนเองไว้แน่น ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน ด้านสยงท่าเทียนที่สังเกตเห็นความวิตกกังวลของฉินเสวี่ย จึงพูดออกไปอย่างไม่ใส่ใจ “พี่สาว ท่านอย่าได้กังวลไปเลย พี่ใหญ่ยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดเลย... เ้าถงอวิ๋นเฟยผู้นี้... กล้าที่จะลดระดับพลังการฝึกฝนของตนเองมาประลองกับพี่ใหญ่ นั่นแสดงว่าเขา... จะต้องตายแน่แล้ว”
แต่ฉินเสวี่ยก็มิได้ตั้งใจฟัง? ในเวลานี้ฉินอวี่ถูกปรามโดยถงอวิ๋นเฟยอย่างสมบูรณ์แล้ว
“คุณชายสามตกอยู่ในอันตรายแล้วล่ะ” ท่ามกลางผู้คน ผู้าุโโม่พูดอย่างเคร่งขรึม
มีเพียงฉินจ้านเท่านั้นที่ยังคงนิ่งเงียบ แต่ความวิตกกังวลก็ยังปรากฏอยู่ระหว่างคิ้วของเขา หมัดที่กำเอาไว้เริ่มสั่นเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะโกรธ แต่ก็ดูเหมือนจะกระสับกระส่าย และลังเลใจ
“เอ๊ะ ลำแสงสีแดงบนร่างของคุณชายสามนั่นคืออะไร? หรือว่าเขากำลังเผาผลาญพลังปราณของตนเอง?” ผู้าุโโม่สงสัยขึ้นทันที