เซินสือเย่กลับเคาะศีรษะของเขาหนึ่งครั้งพร้อมกล่าวอย่างระอา
“สาวงามอันดับหนึ่งในใต้หล้าเสียที่ไหนนางมีเป้าหมายอยู่ที่กงอี่โม่ ดังนั้นขอแค่กงอี่โม่อยู่จิงอวิ๋นผู้นี้จะต้องหาข้ออ้างต่างๆ นานาดึงนางขึ้นเวทีเ้าก็เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว”
คำพูดของเซินสือเย่ราวกับน้ำเย็นที่สาดลงมาเป็การดับความกระตือรือร้นของเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ในห้องพิเศษจนไม่เหลือ
“ลองดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน สตรีนางนี้เหมือนไม่ได้มีเจตนาร้าย” หลี่เคอตีหน้าขรึมพร้อมกล่าวขึ้น
เซินสือเย่พยักหน้า ดวงตาเป็ประกายของเขาจับจ้องไปที่ชั้นล่างเป็จุดเดียวยิ่งมองเขาก็ยิ่งไม่ยอมแพ้
สาวงามอันดับหนึ่งในใต้หล้าเสียที่ไหนว่ากันตามจริงแล้วนางก็แค่หญิงคณิกา อีกอย่างกงอี่โม่เป็สาวน้อยคนหนึ่งแล้วนางจะจ้องอีกฝ่ายไปเพื่ออะไร? ถึงจะมองแค่ไหนนางก็ยังเป็สตรีไม่ใช่หรือ?
ต่อมาเขาลูบใบหน้าของตน ั้แ่เล็กจนโตทุกคนที่เคยพบเขาต่างบอกว่าเขาหน้าตาดี มีคำชมมากมายถาโถมใส่เขา แต่ถึงเป็เช่นนี้แล้วเพราะเหตุใดจึงไม่เห็นยายเด็กบ้านางนั้นมองเขาด้วยสายตาเช่นนี้บ้างล่ะ?
“แต่ข้าไม่เป็อะไรสักอย่าง” ดูเหมือนว่ากงอี่โม่จะมองรูปลักษณ์ภายนอกอย่างเหม่อลอยเมื่อนางได้สติกลับคืนมาจึงแบมือออกพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา
“ไม่ว่าจะเป็เครื่องดนตรีประเภทไหน บทเพลงเช่นไร ข้าสามารถหาเครื่องดนตรีหรือการเต้นระบำที่เหมาะสมร่วมแสดงบนเวทีกับคุณชายคุณชายไม่จำเป็ต้องถ่อมตัว ใครๆต่างทราบกันดีว่าผู้มากความสามารถในเมืองหลวงมีมากมายยิ่งนัก” จิงอวิ๋นชะงักไปชั่วครู่จากนั้นจึงคลี่ยิ้มพร้อมกล่าวขึ้น
“ข้าไม่เป็อะไรเลยจริงๆ แบบนี้ดีไหม? ให้นักดนตรีบรรเลงเพลง ส่วนเ้าก็เต้นระบำให้ข้าชม” กงอี่โม่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่สุดท้ายนางจึงกล่าวอย่างอ่อนใจ
นางไม่ยอมใจอ่อน ไม่รู้สึกสงสารสาวงามเบื้องหน้าแม้แต่น้อยทำให้ผู้คนด้านล่างเวทีตบอกกระทืบเท้า หากคนที่อยู่บนเวทีเป็พวกเขาก็คงจะดีผู้มีความสามารถควงคู่สาวงาม บรรเลงพิณเต้นระบำหากกล่าวออกไปคงเป็เื่ที่น่ายินดี
เมื่อได้ยินคำพูดของกงอี่โม่เสียงร้องะโให้เปลี่ยนคนจากด้านล่างเวทีจึงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจิงอวิ๋นกัดฟัน สีหน้าแสดงความเสียใจ
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าจึงได้แต่ยอมรับเท่านั้น”
ขณะที่กล่าวออกมา นางทิ้งสายตาน่าสงสารใส่กงอี่โม่เมื่อเสียงกู่เจิงดังรัวขึ้นครั้งหนึ่ง นางพลันยกร่างท่าทางของนางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจากนั้นจึงเริ่มเต้นระบำจิงหงซึ่งเป็ระบำที่เป็ที่นิยมที่สุดของเมืองหลวงในเวลานี้
เมื่อการเต้นก้าวแรกของนางเริ่มขึ้นสาวงามร่างอรชรในชุดผ้าโปร่งสีม่วงอีกแปดนางก็ได้ปรากฏตัวขึ้นบนเวทีเวลานี้บนเวทีจึงกลายเป็ความละลานตา
ส่วนจิงอวิ๋นเป็ผู้ที่งดงามโดดเด่นที่สุดนางร่ายรำเตะขาโอบไหล่อยู่รอบตัวกงอี่โม่ วนไปมาจนกงอี่โม่รู้สึกเวียนศีรษะ
เวลานี้นางยืนอยู่ท่ามกลางสาวงาม ได้ยินเสียงไพเราะเสนาะหูถูกสาวงามใช้ความยั่วยวน ความบริสุทธิ์และความเ็ารายล้อม หากเป็บุรุษทั่วๆ ไปเวลานี้คงไม่รู้ว่าเป็เวลาไหนตั้งนานแล้ว ทว่ากงอี่โม่เป็เพียงบุรุษตัวปลอมการทิ้งสายตายั่วยวนของพวกนางจึงกลายเป็การทิ้งสายตาให้กับคนตาบอด
เวลานี้ผู้นำอย่างแม่นางจิงอวิ๋นพลันคลี่ยิ้มอย่างสวยงาม จากนั้นท่ามกลางเสียงสับสนวุ่นวายด้านล่างเวทีแม่นางทั้งแปดค่อยๆ ปลดผ้าโปร่งที่อยู่ชั้นนอกสุดออกเป็การอวดชุดเกาะอกสั้นและกางเกงขายาวผ้าโปร่งพลิ้วไหวนี่ถือว่าเป็ความเปิดกว้างในสมัยโบราณแล้ว ความวับๆ แวมๆที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่มีโอกาสเห็นได้บ่อยครั้ง
ทว่ากงอี่โม่กลับมองอย่างเต็มตา นางผิวปากเบาๆ ครั้งหนึ่งดูแม่นางผู้นี้สิ เอวช่างคอดนัก แล้วยังแม่นางผู้นั้น ช่างมีเรียวขางดงามจริงๆ เลย
ขณะที่กงอี่โม่กำลังมองโดยไม่ละสายตานั้นจิงอวิ๋นพลันหมุนตัวต่อเนื่อง ผ้าโปร่งสีขาวบนร่างของนางพลิ้วไหวผู้คนทั้งหลายต่างปรารถนาให้ดวงตาของตนติดอยู่ใต้ผ้าโปร่งบางของนาง
ถอดเลย ถอดเลย
นี่เป็เสียงร้องะโอยู่ในใจของผู้เข้าชมทั้งหมด
ราวกับเป็การตอบรับเสียงร้องเ่าั้จิงอวิ๋นเอนตัวลงในอ้อมกอดของกงอี่โม่ ชั่ววินาทีที่ัักันมือของนางจับมือของกงอี่โม่พร้อมจับของสิ่งหนึ่งไว้ในมือของอีกฝ่ายที่แท้ขอแค่กงอี่โม่ดึงชายผ้าโปร่งบนร่างแม่นางจิงอวิ๋นเพียงมุมหนึ่งร่างภายใต้ผ้าโปร่งของแม่นางจะปรากฏอยู่ต่อหน้าสายตาของผู้คน
เวลานี้นางทิ้งสายตายั่วยวนใส่กงอี่โม่ ดูเหมือนว่ากำลังบอกกงอี่โม่ให้ทำเช่นนี้
“ดึงเลย รีบดึงสิ”
ผู้คนทางด้านล่างต่างร้องะโเสียงแหบแห้ง ดวงตาแดงก่ำต่างปรารถนาปีนขึ้นมาดึงแทนนาง
กงอี่โม่ถอนหายใจอย่างอ่อนใจ จากนั้นนางจึงขยับนิ้วผ้าโปร่งสีขาวบนร่างของจิงอวิ๋นค่อยๆ ปลิวออก ผู้คนด้านล่างต่างตื่นเต้น
สาวงาม! สาวงามอย่างแท้จริงนางหนึ่งไม่ได้มีเพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้นความงามได้ปรากฏทั้งภายนอกภายในและซึมลึกถึงไขกระดูก
บางทีอาจเป็เพราะแม่นางจิงอวิ๋นฝึกเต้นระบำมาเป็เวลานานนางมีท่วงท่าสง่างาม รูปร่างสะโอดสะอง แต่ละส่วนล้วนเต็มไปด้วยเสน่ห์
เอวคอดขาเรียวยาวจนไม่มีไขมันส่วนเกินแม้แต่น้อยกงอี่โม่ชื่นชมจนแทบน้ำลายไหลย้อย เมื่อเสียงดนตรีสิ้นสุดลง ร่างของนางจึงกลับมาซบกงอี่โม่อีกครั้งดวงตาคู่สวยพูดได้ของนางมองไปที่กงอี่โม่ราวกับมีหยดน้ำไหลออกมา
“คุณชายน้อย” นางเรียกกงอี่โม่อย่างอ้อมๆ นิ้วมือััปลายคางของอีกฝ่ายกลิ่นกายหอมกรุ่น
“คุณชายน้อยมีอายุน้อยเช่นนี้ยังมาเที่ยวหอนางโลมข้ารู้สึกสนใจท่านยิ่งนักไม่ทราบว่าอีกสักครู่คุณชายน้อยจะยินดีเข้าไปพูดคุยกับข้าด้านในไหม?”
จากนั้นนางไม่ได้รอคำตอบจากกงอี่โม่ แต่กลับลุกขึ้นจากไปในชั่วพริบตานางก็ถูกขุนนางคุณชายทั้งหลายรายล้อมเช่นนี้กงอี่โม่จะแทรกเข้าไปได้อย่างไร?
“ดูท่าทางของเ้าสิ หากไม่รู้มาก่อนคงคิดว่าเ้าเป็บุรุษจริงๆ” เวลานี้เซินสือเย่วิ่งเข้ามาอย่างร้อนใจเขามองท่าทางตะลึงงันของกงอี่โม่ จากนั้นจึงกล่าวอย่างไม่พอใจ
“จิตใจรักสาวงามย่อมมีกันถ้วนหน้า ทำไมหรือ? สาวงามอันดับหนึ่งในใต้หล้ายังไม่เข้าตาท่านอีกหรือ?” กงอี่โม่หันศีรษะกลับไปพร้อมครุ่นคิด นางมองเขาพร้อมคลี่ยิ้ม
“นางหรือ? ธรรมดามากข้าไม่ชอบลักษณะเช่นนี้หรอก” เซินสือเย่เหลือบมองไปทางผู้คนเขากล่าวอย่างไม่แยแส
“ถ้าเช่นนั้นแล้วมีใครเข้าตาท่านบ้างล่ะ ท่านว่าข้าเป็อย่างไร?” กงอี่โม่ขยิบตาพร้อมหัวเราะ
“ออกไปเลย เ้าควรช่วยข้าถือรองเท้ามากกว่า” ใบหน้าของนางยื่นเข้าไปใกล้ ทำให้เซินสือเย่ตื่นเต้นอย่างประหลาดเขาผลักกงอี่โม่ออกทันทีพร้อมแสดงสีหน้ารำคาญ
“ธุระสำคัญในวันนี้ก็คุยกันจบแล้ว พวกท่านก็ควรกลับไปกันได้แล้วส่วนข้ายังมีธุระต้องทำอีกเื่ ข้าจะไม่กลับไปกับพวกท่านนะ” เวลานี้กงอี่โม่ก็ไม่ได้หยอกล้อเขาอีกต่อไปนางดึงเซินสือเย่ไว้พร้อมกล่าวขึ้น
“ได้อย่างไร?” เซินสือเย่ยังไม่ลืมว่ากงอี่โม่มีอายุเพียงสิบสองปีปล่อยนางไว้ในสถานที่เช่นนี้? นางไม่้ารักษาชื่อเสียงแล้วหรือ?
นางไม่มีชื่อเสียงให้รักษาตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ?
กงอี่โม่ไม่ได้กล่าวอะไร เซินสือเย่เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “อีกอย่างพวกเขาตั้งใจมาเที่ยวที่นี่ั้แ่แรกไม่ได้บอกว่าจะกลับไปั้แ่ตอนนี้”
กงอี่โม่มองเขาอย่างประหลาดใจ นางพลันส่งยิ้มอย่างมีเลศนัยอีกทั้งยังขยิบตาใส่เขา
“คาดไม่ถึงจริงๆ คุณชายอย่างพวกท่าน สวีหยวนเพิ่งสิบห้าเองใช่ไหม?”
“เ้าคิดไปถึงไหน เดี๋ยวข้าก็กลับแล้ว สายตาของเ้าคืออะไร? มองอะไรอีก?!” เซินสือเย่หน้าแดง เขากล่าวค้านเสียงแข็ง
“ก็ตามใจพวกท่านแต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ได้กลับพร้อมพวกท่านอยู่แล้ว ด้วยฝีมือของข้าไม่จำเป็ต้องกังวลอะไร” กงอี่โม่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
เมื่อนางกล่าวเช่นนี้ เซินสือเย่จึงวางใจ ทว่าเขายังคงไม่พอใจ“แล้วมีธุระอะไรหรือ?”
กงอี่โม่ส่งยิ้มอย่างมีเลศนัย
“มีนัดกับสาวงาม”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้