หลี่ฮุยและภรรยาหลี่ฮุยมองดูแล้วถอนใจในใจ เรือนที่สองมีหลี่ลั่วออกมาอีกคนนั้นไม่ธรรมดาแล้ว สามารถไม่สนใจคำว่ากตัญญู กระทำการข่มขู่หลี่เหล่าไท่ไท่อย่างชัดเจนต่อหน้า ทั้งจวนโหวคงมีเพียงเขาเท่านั้นที่กล้าทำเช่นนี้
“ในเมื่อเ้าไม่ชอบดื่มน้ำชาร้อนๆ เช่นนั้นก็เปลี่ยนเป็น้ำชาเย็นๆ ให้เถิด” หลี่เหล่าไท่เหฺยเอ่ยปากแล้ว “ใครก็ได้ รินน้ำชาเย็นๆ มาให้นายหญิงรองคารวะเหล่าไท่ไท่ที” (ตามลำดับผังสกุลแล้วหลี่หงอยู่ลำดับที่สอง เรียกคุณชายรอง ดังนั้นภรรยาของเขาจึงเรียกนายหญิงรอง)
“เ้าค่ะ”
“ไม่ต้องแล้ว” หลี่เหล่าไท่ไท่หน้าดำทะมึนลง ดื่มน้ำชาที่ภรรยาหลี่หงยกให้ แม้แต่ของขวัญก็ไม่ให้แล้ว
ภรรยาหลี่ฮุยคิด ท่านป้าผู้นี้ของนางเมื่อก่อนไม่ได้เป็คนเช่นนี้ เวลานี้ยิ่งมายิ่งไม่เป็ระเบียบแล้ว นี่้าทำอันใด? ฉีกหน้าหรือ มีแต่ผลเสียต่อนาง ไม่มีผลดี
หลี่หงจูงมือภรรยาเชิญหลี่ฮุย ภรรยาหลี่ฮุย และภรรยาหลี่ฮ่าวดื่มน้ำชา ขั้นตอนนี้รวดเร็วยิ่งนัก ทั้งสามคนดื่มน้ำชาแล้วให้อั่งเปา ต่อมาภรรยาหลี่หงนำของขวัญออกมา ตามธรรมเนียมแล้วผู้าุโต้องให้รองเท้า ญาติผู้หญิงให้ถุงเงิน ในถุงเงินจะใส่ปิ่นปักผมทองหนึ่งอัน ญาติผู้ชายก็ให้ถุงเงินเช่นกัน แต่ในถุงเงินใส่ปิ่นหยกสำหรับรัดผมไว้ ถุงเงินนั้นล้วนเป็สาวใช้ที่ช่วยกันปัก ดังนั้นต่อให้หลุดรอดออกไปนอกจวนก็ไม่เป็อันใด แต่ของขวัญที่ให้หลี่หลินและหลี่ลั่วนั้นเป็ของมีราคาค่างวดต่างออกไป
ของขวัญที่ให้หลี่หลินคือเครื่องประดับหนึ่งชุด สกุลหลี่มีของดีไม่น้อย ท่านยายของนางกับจงกั๋วกงเหล่าฮูหยินเป็พี่น้องแท้ๆ ล้วนเป็คุณหนูจากภรรยาเอกของสกุลหลิน นางผู้เป็หลานยายนั้นเป็ที่โปรดปรานของท่านยายยิ่งนัก ดังนั้นของดีที่อยู่ในมือนางมีหรือจะน้อยชิ้น? และมารดาของนางมีนางเป็บุตรสาวเพียงคนเดียว ความรักและเอ็นดูนั้นไม่ต้องกล่าวถึง
หากจะเปลี่ยนคำพูดก็คือ หากไม่ใช่เป็เพราะสองครั้งก่อนหน้านี้ว่าที่สามีได้ตายลง จึงมีชื่อเสียงว่ามีดวงกินสามี มารดาของนางไฉนเลยจะยินยอมให้นางแต่งกับหลี่หง? แต่เมื่อได้พบหลี่หง หลังจากได้ไปมาหาสู่กัน นางเริ่มชมชอบในตัวของชายหนุ่มสุภาพอ่อนโยนผู้นี้ อาจจะไม่ได้เป็ความรักที่ร้อนแรงอันใด แต่ความขัดเขินของบุตรสาวนางนั้นมีให้เห็นอยู่ หลี่หงมีความรู้และสติปัญญา นอกจากาเ็ที่ขาแล้วไม่มีอะไรที่ไม่ดี ครอบครัวขุนนางดี มารดาในเรือนดี น้องสาวและน้องชายในเรือนยิ่งดี ภรรยาหลี่หงรู้สึกว่าคนเรามีชีวิตอยู่ชาติหนึ่ง แต่งออกไปดีไม่สู้อยู่อย่างดี อยู่ในครอบครัวนี้นางสามารถมีชีวิตอยู่อย่างดีได้
ส่วนหญิงชราเช่นหลี่เหล่าไท่ไท่ นางไม่เห็นอยู่ในสายตา
สกุลหลี่ว์และสกุลหลินล้วนถือกำเนิดจากครอบครัวขุนนาง นางเป็คุณหนูใหญ่จากครอบครัวใหญ่มีชื่อเสียง วิธีการที่จะรับมือหญิงชราประเภทนี้มีถมถืดไป เพียงแต่วันนี้เพิ่งจะแต่งเข้ามา จึงไม่อยากจะแสดงตน
แต่ทว่า เมื่อสักครู่นางรู้สึกคาดไม่ถึงเล็กน้อย ท่านอาผู้นี้...ร้ายกาจจริงๆ
ของขวัญที่ให้หลี่ลั่ว นางตระเตรียมด้วยตนเอง เป็หยกสำหรับรัดผมที่นางหามาด้วยตนเอง เสื้อผ้า รองเท้า รวมไปถึงเสื้อตัวใน ล้วนเป็นางที่เย็บปักให้ทีละฝีเข็ม ก่อนที่นางจะแต่งเข้ามา จงกั๋วกงเหล่าฮูหยินซึ่งก็คือท่านยายใหญ่[1]ของนางได้เคยพูดไว้ จงหย่งโหวหลี่ลั่วผู้นี้ไม่ง่ายดาย ให้นางปฏิบัติต่อเขาให้ดี
ต่อให้ท่านยายใหญ่ไม่พูด นางเองก็จะปฏิบัติต่อหลี่ลั่วอย่างดี เื่แรกก็คือเขาเป็เ้าของจวนโหวที่แท้จริง เื่ที่สองคือเมื่อเขาสั่งทำกำไลข้อมือไข่มุกบูรพายังมีใจคิดถึงนาง ดังนั้นตนก็ต้องมีน้ำใจตอบจึงจะถูกต้อง
และกำไลข้อมืออันนั้น ั้แ่นางได้รับมาก็สวมไว้บนข้อมือไม่เคยถอดออก วันนี้เมื่อยกน้ำชา ชายแขนเสื้อม้วนขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้เห็นว่าบนแขนที่ขาวราวกับหยกนั้นมีกำไลข้อมือเรียบๆ อยู่
หลี่ลั่วยกยิ้มมุมปาก พี่สะใภ้ใหญ่ท่านนี้ ช่างเป็คนที่มีความคิดดีแท้ เกรงว่าจะเก่งกาจกว่ามารดาใหญ่ของเขามากนัก
หลังจากคารวะแล้ว ก็เป็การกราบไหว้บรรพบุรุษ แต่ป้ายบรรพชนของสกุลหลี่อยู่ที่จวนจงกั๋วกง และเมื่อคืนทั้งสองเพิ่งจะผ่านการเข้าหอจึงเหน็ดเหนื่อย ดังนั้นการกราบไหว้บรรพชนต้องรอถึงตอนกลับไปเยี่ยมบ้านค่อยไปแล้ว
“ท่านแม่ เครื่องประดับที่พี่สะใภ้รองมองให้พี่ใหญ่ช่างงดงามจริงๆ” หลี่หม่านกล่าวอย่างน้อยอกน้อยใจ “พี่สะใภ้รองลำเอียงเกินไปแล้ว ต่างก็เป็ท่านอาเหมือนกัน”
สำหรับบุตรสาวที่คิดอะไรง่ายๆ ของนางแล้ว ภรรยาหลี่ฮุยได้แต่ทอดถอนใจ “จะเหมือนกันได้อย่างไร? พวกเขาเป็ท่านอาที่เป็น้องสาวแท้ๆ แต่เ้าเป็ท่านอาจากอีกเรือนหนึ่ง ครั้งนั้นเมื่อพี่สะใภ้ใหญ่ของเ้าแต่งเข้ามา ของขวัญที่มอบให้เ้ากับที่มอบให้พวกเขานำมาเปรียบเทียบกันได้หรือไม่เล่า?”
“เช่นนั้นก็ให้พี่ฉือรีบแต่งภรรยาสิเ้าคะ รอให้พี่สะใภ้เข้าเรือนมาก็มอบให้ข้าชุดหนึ่งที่ดีกว่านั้น” หลี่หม่านกล่าว
“ฉือเกอของเ้ายังต้องรอสอบหน้าพระที่นั่งปีหน้าให้ผ่านเสียก่อนค่อยว่ากัน” ภรรยาหลี่ฮุยคิด หากบุตรชายสามารถสอบเข้าจิ้นซื่อได้ บอกว่าผู้อื่นจะดีขึ้น พูดไปแล้วก็คือถือกำเนิดจากจิ้นซื่อ หากหลี่ฉือสอบเข้าจิ้นซื่อได้ เช่นนั้นสกุลหลี่จะมีสามจิ้นซื่อจากหนึ่งครอบครัว ฐานะของเรือนใหญ่ของพวกเขาก็จะสูงขึ้นเล็กน้อย ต่อให้มีกำเนิดเป็ซู่แล้วอย่างไรเล่า? “กลับเป็เ้า หลินเจี่ยเอ๋อร์ได้กำหนดวันแต่งงานแล้ว ต่อมาก็ตาเ้า ปีหน้าเ้าอายุสิบหกปี”
“เช่นนั้นต้องเลือกคนดีๆ นะเ้าคะ” หลี่หม่านกล่าว “เหมือนว่าที่สามีของพี่หญิงใหญ่เช่นนั้น ข้าไม่เอานะเ้าคะ”
“จางเลี่ยนไป๋ไม่ดีตรงไหนกัน?” ภรรยาหลี่ฮุยได้แต่บ่นในใจว่าบุตรสาวของตนเลือกคนไม่เป็ “ในเรือนมีเพียงมารดาที่เจ็บป่วยอยู่คนหนึ่ง เมื่อแต่งเข้าไปก็เป็เ้าบ้านฝ่ายหญิง หากสอบผ่านจิ้นซื่อยิ่งดี สอบไม่ได้จิ้นซื่อก็เหมือนพี่ชายเ้าซื้อตำแหน่งขุนนางสักตำแหน่ง พวกเขามีฉีอ่องอยู่ จะซื้อตำแหน่งเล็กๆ อยู่ในเมืองหลวงย่อมทำได้ ถึงเวลานั้นมีจวนโหวสนับสนุน ชีวิตที่ดีของพี่หญิงใหญ่เ้ารออยู่ข้างหลังแล้ว” บุตรีภรรยาเอกแห่งจวนโหว ต่อให้ท่านอารองตายไปแล้วอย่างไรเล่า? เมื่อวานฝ่าาพระราชทานกับข้าว ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าฝ่าาเอ็นดูจวนจงหย่งโหว?
ชีวิตข้างหลังของหลินเจี่ยเอ๋อร์มีแต่จะดีขึ้น ไม่มีแย่ลง
แม้พี่ชายแท้ๆ ของนางจะไม่ได้มีฐานะอันใด แต่ครอบครัวฝั่งมารดาของพี่สะใภ้ใหญ่มี ซ้ำยังมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับจวนจงกั๋วกงเหล่าฮูหยิน อีกอย่าง น้องชายแท้ๆ ของผู้อื่นคือจงหย่งโหว ว่าที่พระชายาฉีอ๋อง ทั้งยังถูกอบรมสั่งสอนโดยฮ่องเต้ ต่อไปหากเปรียบเทียบกับคุณหนูในจวนอ๋อง นางต่างหากเล่าที่จะมีความสุขจริงๆ
“ครอบครัวยากไร้ มารดาจะหาหมอยังไม่มีเงินจ่ายน่ะสิเ้าคะ” หลี่หม่านกล่าว
“เ้ามันคนเปลือกตาบาง” ภรรยาหลี่ฮุยอยากจะเปิดสมองของนางออกมาดูนัก “จวนโหวยังจะให้หลินเจี่ยเอ๋อร์บกพร่องเงินทองอีกรึ? เ้าดูหงเกอเอ๋อร์แต่งงาน ลั่วเกอเอ๋อร์ออกเงินให้ห้าพันตำลึง ถึงเวลาหลินเจี่ยเอ๋อร์แต่งงาน ต่อให้ไม่ถึงห้าพันตำลึง ให้สักสามพันตำลึงบวกกับสินเ้าสาวเดิมและเงินในหีบของอาสะใภ้รองของเ้า หลินเจี่ยเอ๋อร์ยังจะขาดเงินทองในมืออีกหรือ?”
หลี่หม่านแบะปาก “น้องหกเอาเงินเหล่านี้มาจากที่ใดกัน? ฝ่าาไม่ใช่พระราชทานให้เขาเพียงแปดพันตำลึงหรือไร?
“เ้าถามข้า ข้าไหนเลยจะรู้ได้เล่า?” ภรรยาหลี่ฮุยตบหลังมือของนางพลางเอ่ย “เ้าก็ระวังตัวให้มากหน่อย รอจนถึงปีหน้าข้าจะทาบทามคู่ครองให้เ้าแล้ว”
“ข้า้าคนที่มีเงื่อนไขดีนะเ้าคะ ตำแหน่งขุนนางต้องไม่เล็กกว่าท่านพ่อ และต้องมีเงินด้วยเ้าค่ะ” หลี่หม่านกล่าว
“เ้าวาดฝันสวยงามเกินไปแล้ว” ภรรยาหลี่ฮุยไม่ได้บอกว่าบุตรสาวของตนไม่ดี แต่ด้วยสติปัญญาของบุตรสาวนางแล้ว ยังคงหาครอบครัวที่ธรรมดาสามัญให้จะดีกว่า
รอจนกระทั่งหลี่หงและภรรยาของเขากลับมาจากเยี่ยมบ้านเ้าสาว แล้วไปกราบไหว้ศาลบรรพชนที่จวนสกุลหลี่ หลี่หยางซื่อจึงได้นำกุญแจกองกลางของจวนโหวมอบให้กับนาง
“ท่านแม่ นี่มันเร็วเกินไปหรือไม่เ้าคะ? ข้ายังคิดว่ารอให้เข้ากับหงเกอมีลูกเสียก่อน” ภรรยาหลี่หงกล่าว
“กุญแจกองกลางของจวนโหวนี้ช้าเร็วต้องมอบให้เ้า เช่นนั้นไม่สู้มอบให้เ้าเร็วสักหน่อยเพื่อให้คุ้นเคย รอให้เ้าตั้งครรภ์ ข้าค่อยมาช่วยเ้าก็พอแล้ว เ้าอย่าได้ประวิงเวลา ข้าไม่ได้ลองใจเ้า ลั่วเกอเอ๋อร์ต่อไปเป็พระชายาฉีอ๋อง อย่างไรย่อมต้องไปจวนฉีอ๋อง ดังนั้นจวนโหวต่อไปยังคงเป็ของเ้าและหงเกอเอ๋อร์” หลี่หยางซื่อกล่าว นางไม่อยากดูแลกองกลางอีกต่อไปแล้วจริงๆ
“ในเมื่อท่านแม่พูดเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นสะใภ้ไม่ผัดผ่อนแล้วเ้าค่ะ” ภรรยาหลี่หงกำลังกังวลว่าหลี่หยางซื่อ้าลองใจนาง ดังนั้นเมื่อแรกเริ่มจึงไม่กล้ารับคำ แต่ในฐานะของสะใภ้ใหญ่ของบุตรชายคนโต ผู้ใดบ้างเล่าจะไม่ชอบดูแลกองกลาง? กองกลางเป็ตัวแทนฐานะสะใภ้ในครอบครัวของสามี
“นี่เป็กิจการทรัพย์สมบัติของครอบครัวเราทั้งหมด” หลี่หยางซื่อหยิบหีบออกมาใบหนึ่ง “กิจการของครอบครัวเราง่ายดายมาก โฉนดที่ดินของจวนโหวและที่นาพระราชทานอยู่ในมือลั่วเกอเอ๋อร์ ที่ข้ามีโฉนดที่นาหนึ่งพันสองร้อยหมู่ นี่เป็ที่นาที่พ่อสามีของเ้าเมื่อครั้งรั้งตำแหน่งโหว ขุนนางขั้นหนึ่ง ราชสำนักให้มา”
ขุนนางของราชสำนักมีการให้ที่นา
“ยังมีหมู่บ้านอีกสองแห่งและร้านค้าอีกสองแห่ง หมู่บ้านสองแห่งมีแห่งหนึ่งเป็ท่านย่าแท้ๆ ของหงเกอเอ๋อร์เมื่อแต่งออกมานำติดมาด้วย ข้าจะเหลือไว้ให้เ้า ยังมีอีกที่หนึ่งเป็สินเ้าสาวของข้าเมื่อข้าแต่งออกมา รอให้หลินเจี่ยเอ๋อร์ออกเรือนข้าจะมอบให้นาง” หลี่หยางซื่อกล่าวอีก
ภรรยาหลี่หงไม่มีความเห็นใดๆ การจัดการเช่นนั้นยุติธรรมยิ่งนัก
“ร้านค้าที่เหลืออีกสองร้านเป็ของกองกลาง โฉนดอยู่ในมือลั่วเกอเอ๋อร์เช่นกัน ร้านค้านี้เขาจะนำมาทำบ้านเพื่อการกุศล...” หลี่หยางซื่ออธิบายถึงบ้านเพื่อการกุศลอย่างคร่าวๆ ภรรยาหลี่หงฟังแล้วในสมองสับสนวุ่นวายนัก เสี่ยวโหวเหฺยผู้นี้ช่างทำให้คนตกตะลึงพรึงเพริดยิ่งนัก
“ดังนั้นทรัพย์สมบัติจริงๆ ก็คือที่นาหนึ่งพันสองร้อยหมู่นี้ ที่นานี้จนถึงปีนี้ล้วนนำมาปล่อยเช่าปีละหนึ่งพันตำลึง และนำมาเป็ค่าใช้จ่ายภายในจวนโหว” หลี่หยางซื่อกล่าว “แต่ั้แ่ปีหน้าเป็ต้นไปที่นาหนึ่งพันสองร้อยหมู่นี้จะนำมาใช้ปลูกข้าว ถึงเวลาใช้ข้าวสารแลกเป็เงินจำนวนสองพันตำลึง นำมาเป็เงินค่าใช้จ่ายในจวน ข้าวสารที่เหลือนำมาบริจาคการกุศล แต่ข้าวสารมีสองครั้ง ดังนั้นรายได้ที่เข้ามาต่อปีจึงมีสี่พันตำลึง ถึงเวลานั้นจะนำเงินมาให้เ้า ที่จริงกิจการของจวนโหวทั้งหมดที่เ้าต้องดูแลจริงๆ มีเพียงที่นาที่ได้แบ่งให้หงเกอเอ๋อร์
บัญชีของจวนโหวช่างง่ายดายจริงๆ ภรรยาหลี่หงคิดในใจ มิน่าเล่าท่านแม่จึงไม่โลภในอำนาจ นี่ไม่มีอำนาจอะไรให้ต้องมาละโมบ แต่รายได้ต่อปีอยู่ที่สี่พันตำลึง จะพอค่าใช้จ่ายของจวนหรือไม่?
“แม้จวนโหวจะอาศัยอยู่ด้วยหลายเรือน แต่สกุลหลี่และจวนโหวได้แยกเรือนกันนานแล้ว ดังนั้นเรือนใหญ่และเรือนสามเป็เื่ของกองกลางสกุลหลี่เดิม ไม่เกี่ยวกับกองกลางของจวนโหว กองกลางจวนโหวของพวกเรารับผิดชอบเพียงคนในเรือนสองของพวกเรา ซึ่งรวมไปถึงเรือนของข้า เรือนของพวกเ้า เรือนของหลินเจี่ยเอ๋อร์ และเรือนของลั่วเกอเอ๋อร์ ในเรือนของลั่วเกอเอ๋อร์ยังมีองครักษ์อีกยี่สิบนาย เงินเดือนขององครักษ์ทั้งหมดเรือนโฉวงจี๋เป็ผู้ออกเอง ไม่ต้องใช้เงินกองกลางของจวนโหว” หลี่หยางซื่อกล่าว
ภรรยาหลี่หงกระจ่างแจ้งแล้ว นี่นับเป็บัญชีของจวนโหวที่ง่ายดายที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา แต่ทว่าเช่นนี้ก็ดี นางเพียงแต่ดูแลกองกลาง เื่ราวภายในครอบครัวก็ง่ายดาย
แม้ว่าคนของจวนสกุลหลี่จะอาศัยอยู่ในจวนโหว ขอเพียงไม่เข้ามาก้าวก่ายกองกลางก็ไม่มีเื่หนักใจอันใด
รายได้ต่อปีสี่พันตำลึง ค่าใช้จ่ายในจวนโหวสองพันตำลึงต่อปีก็เพียงพอแล้ว ที่เหลืออีกสองพันตำลึงเป็เงินเก็บ นับว่ามากแล้ว ภรรยาหลี่หงพอใจยิ่ง
“กองกลางเพิ่งจะจัดงานแต่งของเ้าและหงเกอเอ๋อร์ ยังมีเงินเหลืออยู่อีกหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึง” หลี่หยางซื่อกล่าวอีก “เงินจำนวนหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึงนี้ข้าจะมอบให้เ้าด้วย งานแต่งของหลินเจี่ยเอ๋อร์ปลายเดือนสามปีหน้าก็ยกให้เ้าไปจัดการเช่นกัน”
[1] ท่านยายใหญ่ (姨外祖母) พี่สาวแท้ๆ ของท่านยาย