ตอนที่ 3 จุดจบที่กลายเป็จุดเริ่มต้น
ความเ็ปแสนสาหัสแล่นพล่านไปทั่วร่างก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง ถังหว่านอี้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอยอยู่ในความมืดอันไร้ที่สิ้นสุด ความแค้นยังคงแผดเผาอยู่ในอกแม้ไร้ซึ่งลมหายใจก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง เวลาผ่านไปนาน...นานจนเธอไม่รู้ว่านานแค่ไหน
...กลิ่น...ไม่ใช่กลิ่นคาวเื แต่เป็กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อจางๆ ผสมกับกลิ่นหอมของดอกลิลลี่ที่เธอเกลียดชัง
เสียง...ไม่ใช่เสียงกรีดร้องของผู้คน แต่เป็เสียงแหลมสูงน่ารำคาญของผู้หญิงคนหนึ่ง
"เสี่ยวอี้! ตื่นได้แล้วนะ! นี่มันจะเก้าโมงแล้ว อยากจะให้คุณพ่อของลูกต้องรอไปถึงเมื่อไหร่กัน!"
เปลือกตาที่หนักอึ้งของถังหว่านอี้ค่อยๆ ขยับเปิดขึ้นอย่างยากเย็น ภาพแรกที่เห็นคือเพดานห้องนอนที่คุ้นเคย วอลเปเปอร์ลายดอกไม้สีอ่อน โคมไฟระย้าคริสตัลที่เธอเคยอ้อนวอนขอพ่อซื้อให้ในวันเกิดครบรอบ 18 ปี ทุกอย่างเหมือนเดิม...เหมือนเดิมจนน่าใจหาย
ร่างของเธอขยับได้ ความเ็ปจากการถูกรถชนไม่มีอยู่เลยแม้แต่น้อย เธอยกมือขึ้นมาดู...เป็มือเรียวสวยของหญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ ไร้ริ้วรอยกร้านจากการคุ้ยขยะ ไร้รอยแผลจากการหักจนพิการจากการถูกทำร้าย
"มัวแต่นั่งเหม่ออะไรอยู่!" ถังเม่ยซิน แม่เลี้ยงของเธอเดินเข้ามาในห้องด้วยชุดเดรสผ้าไหมราคาแพง ใบหน้าที่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างดีนั้นฉาบไว้ด้วยความไม่พอใจ
"วันนี้อี้เฟิงจะมารับไปเดทไม่ใช่เหรอจ๊ะ ลูกรีบไปอาบน้ำแต่งตัวซะสิ อย่าให้เขาต้องรอนาน"
อี้เฟิง...
ชื่อนั้นเหมือนสายฟ้าที่ฟาดลงมากลางสมอง ถังหว่านอี้ หันขวับไปมองปฏิทินดิจิทัลบนโต๊ะข้างเตียง ตัวเลขสีแดงสดฉายชัดเจนจนแทบจะเผาไหม้ดวงตาของเธอ
[21 สิงหาคม 2019]
หัวใจของเธอหยุดเต้นไปชั่วขณะ โลกทั้งใบหมุนคว้าง เวลา...ย้อนกลับมางั้นหรือ? ย้อนกลับมา 6 ปีเต็ม ก่อนที่ทุกอย่างจะพังทลาย ก่อนที่หน้ากากของทุกคนจะถูกฉีกกระชากออก นี่ไม่ใช่นรก ไม่ใช่์ แต่มันคือสนามรบที่เธอได้รับโอกาสให้กลับมาสู้อีกครั้งอย่างนั้นรึ!!
"ได้ยินที่แม่พูดไหม!" ถังเม่ยซินขึ้นเสียงเล็กน้อยและทำให้มันดูมีความเอ็นดูอยู่เต็มเปี่ยม
ถังหว่านอี้ค่อยๆ หันกลับไปมองผู้หญิงที่เบื้องหน้า รอยยิ้มจอมปลอม ความห่วงใยเสแสร้ง...ในชาติที่แล้วเธอโง่เขลาเกินกว่าจะมองเห็น แต่ตอนนี้ ในดวงตาของเธอ...ทุกอย่างชัดเจนดุจภาพถ่ายความละเอียดสูง
เธอไม่ตอบ แต่ลุกขึ้นจากเตียง เดินตรงไปยังกระจกเงาบานใหญ่ ภาพที่สะท้อนกลับมาคือตัวเธอในวัย 22 ปี ใบหน้ายังคงเจือความไร้เดียงสา ดวงตาเป็ประกายสดใสเต็มไปด้วยความฝันและความรัก...แต่แววตาที่จ้องมองกลับมานั้น ไม่ใช่แววตาของเด็กสาวคนนั้นอีกต่อไปมันคือแววตาของพญามัจจุราชที่คลานกลับมาจากขุมนรก แววตาที่อาบไว้ด้วยความตาย ความแค้น และคำสาบานที่ตีตราด้วยเื
"มองอะไรของลูก?" ถังเม่ยซินเริ่มหงุดหงิด
ถังหว่านอี้ยกมุมปากขึ้นเป็รอยยิ้มบางเบา เป็รอยยิ้มที่เย็นเยียบจนทำให้อากาศในห้องอุ่นๆ หนาวสะท้านขึ้นมาทันที
"เปล่าค่ะ...คุณน้า" เธอจงใจใช้คำว่า คุณน้าแทนคำว่าแม่ อย่างที่เคยเรียกมาตลอด
"ฉันแค่กำลังคิดว่า...กระจกเงาบานนี้ บางทีมันก็ไม่ได้สะท้อนความจริงเสมอไป"
เธอยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าของตัวเองในกระจกแ่เบา ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับแม่เลี้ยง ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย
"บางครั้ง...สิ่งที่น่าเกลียดที่สุด ก็ซ่อนอยู่หลังภาพลักษณ์ที่สวยงามที่สุด จริงไหมคะ..คุณน้า?"
ถังเม่ยซินชะงักไป คำพูดและแววตาที่เปลี่ยนไปของถังหว่านอี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกงูพิษจ้องมอง แต่ก่อนที่เธอจะได้เอ่ยปากพูดอะไร เด็กสาวก็เดินผ่านเธอไปยังห้องน้ำ พร้อมทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
"เดี๋ยวฉันลงไปค่ะ...บอกคุณพ่อด้วยว่า วันนี้มีเื่สำคัญต้องคุยกัน"
เสียงปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น ทิ้งให้ถังเม่ยซินยืนงุนงงกับความรู้สึกขนลุกที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ภายในห้องน้ำ ถังหว่านอี้เปิดฝักบัวให้น้ำเย็นเฉียบราดรดลงมาทั่วร่าง เธอไม่ได้สะท้านกับความหนาว แต่กลับปล่อยให้มันชะล้างความอ่อนแอในอดีตออกไปจนหมดสิ้น เธอกำหมัดแน่นจนเส้นเืปูดโปน จ้องมองเงาสะท้อนของตัวเองในผนังกระเบื้องเปียกน้ำ
์ไม่ได้แค่ให้โอกาสฉันเริ่มต้นใหม่... เธอยิ้มหยันให้กับความคิดนั้น ...แต่ให้โอกาสฉันเป็คนเขียนตอนจบของพวกมันต่างหาก
รุ่งอรุณสีชาดของเธอ...ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเช้ามื้อนั้นหนักอึ้งราวกับมีเมฆพายุก่อตัวขึ้น ถังเจี้ยนกั๋ว นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ อ่านข่าวธุรกิจจากแท็บเล็ตด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ถังเม่ยซินคอยปรนนิบัติสามีอย่างเอาใจ ส่วนถังเสี่ยวหยูในชุดเดรสสีชมพูหวานแหวว กำลังเล่าเื่ตลกไร้สาระเพื่อสร้างบรรยากาศ
มีเพียงถังหว่านอี้ ที่นั่งเงียบสงบ เธอกินซุปอย่างเชื่องช้า สง่างามทุกกระเบียดนิ้ว แต่สายตากลับสังเกตทุกคนบนโต๊ะราวกับนักล่าที่กำลังประเมินเหยื่อ
"เสี่ยวอี้ วันนี้ลูกดูเงียบไปนะ ไม่สบายหรือเปล่า?" ถังเจี้ยนกั๋วเอ่ยขึ้นโดยไม่ละสายตาจากจอ
"ฉันสบายดีค่ะ...คุณพ่อ" เธอตอบเสียงเรียบ
"พี่เสี่ยวอี้คงจะตื่นเต้นที่จะได้ไปเดทกับพี่อี้เฟิงสิคะ" ถังเสี่ยวหยูพูดแทรกขึ้นมาด้วยรอยยิ้มสดใส
"พี่อี้เฟิงเป็คนดี หล่อเหลา แถมยังเก่งมากๆ ด้วย พี่เสี่ยวอี้โชคดีจริงๆ เลยนะคะ"
ในชาติที่แล้ว คำพูดนี้คงทำให้เธอเขินอายและมีความสุข แต่ในชาตินี้...มันคือยาพิษที่เคลือบด้วยน้ำผึ้ง
ถังหว่านอี้ วางช้อนลงช้าๆ เสียงกระทบกันของโลหะกับพอร์ซเลนดังกังวานแ่เบาในความเงียบ ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอ
"พูดถึงเฉินอี้เฟิง...ฉันก็มีเื่อยากจะบอกพอดี" เธอมองหน้าหลิงเสี่ยวหยูตรงๆ รอยยิ้มบางเบาปรากฏบนริมฝีปาก
"ฉันตัดสินใจแล้ว ว่าจะเลิกกับเขา"
เปรี้ยง!
เหมือนะเิเวลาถูกจุดขึ้นกลางโต๊ะอาหาร
"ว่าอะไรนะ!" ถังเจี้ยนกั๋วตวาดลั่น เขาลดแท็บเล็ตลง จ้องเธอเขม็ง
"นี่ลูกเล่นตลกอะไร! อี้เฟิงคืออนาคตของลูก คือคนที่เหมาะสมกับลูกที่สุด!"
"เหมาะสมเหรอคะ?" ถังหว่านอี้เลิกคิ้ว...
"คุณพ่อดูจากอะไรที่บอกว่าเขาเหมาะสมกับฉันมากที่สุด"
คำพูดที่หลุดออกมาอย่างไม่คาดคิดทำให้ทุกคนตกตะลึง แม้แต่ถังเสี่ยวหยูยังแสร้งทำหน้าใไม่ทัน
"ลูกพูดจาเหลวไหลอะไร! ที่ผ่านมาเป็ลูกที่บอกว่ารักเขามากไม่ใช่หรือ!"
"เมื่อก่อนฉันคิดว่าฉันรักเขา แต่ตอนนี้ฉันไม่รักแล้ว และฉันคิดว่าการที่เฉินอี้เฟิงเข้าหาฉันนั้น น่าจะมีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่"
"ทำไมลูกพูดแบบนี้ เขาทำอะไรให้ลูกสงสัยหรือ?" คราวนี้เป็ถังเม่ยซินแม่เลี้ยงที่แสนดีเป็คนเอ่ย
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ?" เธอโต้กลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ไม่มีความโกรธเกรี้ยว มีเพียงความจริงที่คมกริบดุจมีดผ่าตัด
"ในโลกธุรกิจ...ความไว้ใจคือต้นทุนที่แพงที่สุด และความโง่เขลาคือหนี้สินที่ไม่มีวันชดใช้หมด ฉันแค่ตัดสินใจว่าจะไม่ลงทุนในโปรเจกต์ที่ขาดทุนอีกต่อไป"
"แก!" ถังเจี้ยนกั๋วหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธจนพูดไม่ออก
"พี่เสี่ยวอี้ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ พี่ต้องเข้าใจผิดอะไรแน่ๆ" ถังเสี่ยวหยู(นังดอกบัวขาว นังงูพิษ:ไรท์) รีบเข้ามาสวมบทนางฟ้าผู้ห่วงใย พยายามจะจับมือเธอ
ถังหว่านอี้ชักมือหลบราวกับััของน้องสาวเป็สิ่งสกปรก
"เธอไม่ต้องมาแสดงละครให้ฉันดูหรอก เสี่ยวหยู...บทนางเอกผู้แสนดีน่ะ มันไม่เหมาะกับคนอย่างเธอ"
แววตาของถังเสี่ยวหยูวูบไหวเป็ครั้งแรก เธอรู้สึกราวกับว่าพี่สาวที่เคยโง่เง่าคนนี้มองทะลุเข้าไปถึงจิตใจอันมืดดำของเธอหรือว่านังโง่นี้มันจะรู้อะไรเข้าหรือเปล่านะ!!! ถังหว่านอี้ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ปรายตามองทุกคนบนโต๊ะเป็ครั้งสุดท้าย
"และนั่นไม่ใช่การตัดสินใจเดียวของฉันในวันนี้" เธอประกาศอย่างชัดถ้อยชัดคำ
"ฉันจะย้ายออกจากบ้านหลังนี้...ในวันนี้ด้วย..."
"ไม่มีทาง!" ถังเจี้ยนกั๋วทุบโต๊ะดังปัง "ถ้าแกกล้าก้าวขาออกจากบ้านนี้ไปแม้แต่ก้าวเดียว ก็ไม่ต้องเรียกฉันว่าพ่ออีก!"
"ฉันไม่ได้ขออนุญาตนะคะ ฉันแค่แจ้งให้ทราบ"
เธอหันหลังเดินออกจากห้องอาหารโดยไม่ลังเล ทิ้งให้ทุกคนเื้ัตกอยู่ในความโกลาหล
เธอเดินขึ้นไปบนห้องนอน คว้ากระเป๋าเดินทางใบเล็ก โยนเสื้อผ้าลงไปสองสามชุด พร้อมกับแล็ปท็อปคู่ใจและสมุดบันทึกที่เต็มไปด้วยไอเดียและโค้ดดิ้งที่ยังไม่เคยเปิดเผยให้ใครเห็น เธอเหลือบไปเห็นรูปคู่ของเธอกับเฉินอี้เฟิงบนโต๊ะ...รอยยิ้มใสซื่อของเธอในรูปช่างน่าสมเพชสิ้นดี เธอหยิบมันขึ้นมา หักกรอบรูปออกเป็สองท่อน แล้วโยนทิ้งลงถังขยะอย่างไม่ไยดี
ขณะที่เธอลากกระเป๋าเดินทางลงมาถึงชั้นล่าง ถังเสี่ยวหยูก็วิ่งเข้ามาขวางทางไว้ ดวงตากลมโตคลอหน่วยด้วยน้ำตาที่สั่งได้ดั่งใจ
"พี่เสี่ยวอี้..อย่าไปเลยนะคะ มีอะไรเราค่อยๆ คุยกันนะ" เธอยื่นมือมาจับแขนของถังหว่านอี้ไว้
เด็กสาวหยุดเดิน ก้มลงมองมือขาวผ่องที่จับแขนเธออยู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาน้องสาวงูพิษของเธอ ในระยะประชิดเช่นนี้ เธอเห็นความหวาดระแวงเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของดวงตาคู่นั้น
เธอโน้มตัวเข้าไปใกล้...ใกล้จนริมฝีปากแทบจะััใบหูของถังเสี่ยวหยู แล้วกระซิบด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบราวกับน้ำแข็งจากขั้วโลก มีเพียงพวกเธอสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน
"ปล่อยมือฉันซะ เสี่ยวหยู..."
ถังเสี่ยวหยูกลืนน้ำลายอย่างฝืดเฝื่อน กำลังจะเอ่ยปากแสดงละครต่อ แต่ประโยคถัดมาของพี่สาวกลับทำให้เืในกายเธอเย็นเฉียบ
"ฉันขยะแขยง!! "
" ..ฉันหมายถึงฉันรีบไปนะ.." เธอมองใบหน้าที่ซีดเผือดของนังงูพิษ ก่อนที่จะยกยิ้มมุมปากและเดินจากไป..
****