หลายเดือนผ่านไป ~~
และแล้ววันเวลาก็ได้ผ่านไปจวบจนจะครบปี กระทั่งวันนี้ก็ได้มาถึงวันที่ฉันกำลังจะเรียนจบการศึกษา แม้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทุกอย่างจะดูราบรื่นไม่มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับฉันก็ตาม แต่มันก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่าไอ้ชู้รักคู่ขาของอดีตแม่เลี้ยงของฉัน ที่ผ่านมามีหลายครั้งที่มันมักจะพยายามหาโอกาสเข้ามาใกล้ฉัน มาพูดจาแทะโลม กะลิ้มกะเหลี่ยใส่ฉัน ด้วยทั้งคำพูดและสายตาอยู่เสมอ และด้วยพฤติกรรมเ่าั้ของมันก็ทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยงเต็มทน...
แต่สุดท้ายแล้ววันนี้ก็ได้มาถึง วันนี้ที่ฉันอยู่ในชุดจบการศึกษาและยังได้มีรอยยิ้มที่สดใสที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา แต่ถึงแม้ว่าวันนี้มันจะเป็วันที่ฉันมีความสุขมากเพียงใดก็ตาม แต่ทว่า...มันก็เป็อีกวันที่ฉันรู้สึกวูบโหวงในใจขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ นั่นก็เพราะว่าวันนี้มันเป็วันเดียวกันกับที่ฉันต้องเสียบ้านของพ่อแม่ไปให้กับผู้หญิงที่น่ารังเกียจคนนั้น
และถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกเศร้าใจที่จะต้องเสียบ้านอันเป็สถานที่แห่งความทรงจำหลังนั้นไปให้กับคนที่ฉันไม่ชอบหน้า แต่ก็น่าแปลกตรงที่ว่าฉันเองกลับไม่มีความรู้สึกอยากจะอยู่บ้านหลังนั้นแม้แต่น้อย คงเป็ความรู้สึกที่ว่าไม่อยากให้แต่ก็ไม่อยากอยู่ในคราวเดียวกัน และอีกความรู้สึกหนึ่งที่สำคัญนั่นก็คือฉันไม่ได้เหลือความผูกพันให้กับบ้านนั้นอีกต่อไปแล้ว
น่าแปลกที่ความรู้สึกเ่าั้กลับทำให้ฉันรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด มันเป็ความรู้สึกที่เหมือนกับตัวเองได้หลุดพ้นจากบ่วงความทุกข์ที่สั่งสมมานานจนกัดกินความสุขฉันจนแทบไม่เหลือ เหมือนกับตัวเองได้หลุดพ้นจากสิ่งที่ตรึงฉันเอาไว้ให้ทรมาน มันเหมือนกับฉันได้หลุดพ้นไปจากบ้านที่ควรจะมีแต่ความทรงจำที่มีความสุข แต่กลับถูกความทรงจำที่ระทมทุกข์กลบเสียจนไม่เหลือส่วนไหนให้น่าจดจำ
ใช่...!! นับั้แ่นี้ฉันควรหลุดพ้นจากสิ่งที่จองจำความสุขของฉันได้แล้ว...ฉันไม่ควรมีความอาลัยอาวรณ์ต่อบ้านนั้นอีกต่อไปแล้ว...
หลังจากที่ฉันนั่งตกตะกอนความคิดถึงเหตุผลที่ทำไมพ่อของฉันท่านถึงให้ฉันทนอยู่ในบ้านที่ไม่ใช่ของฉันจนกว่าฉันจะเรียนจบอยู่หลายครั้งหลายครา เหตุผลเดียวที่พอจะเป็ไปได้ก็คงจะเป็เพราะว่า พ่อคงอยากให้ฉันเกลียดบ้านหลังนั้น เกลียดความรู้สึกตอนที่อยู่บ้านหลังนั้น แล้วคงอยากให้ฉันได้เริ่มต้นชีวิตใหม่และมีความสุขจริง ๆ สักที ท่านคงอยากให้ฉันลืมทุกอย่างที่มันทำให้ฉันไม่เป็ฉัน ลืมความทรงจำร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นที่บ้านหลังนั้น และลืมว่ามันเคยทำให้ฉันทุกข์มากเท่าไร...ฉันคิดว่าพ่อคงอยากให้ฉันลืมแล้วก้าวเดินต่อไปในเส้นทางที่เป็ตัวของฉันเอง
จากความคิดในหลายวันที่ผ่านมาก่อนจะถึงวันรับปริญญา ฉันที่เหมือนกับได้คำตอบที่ทำให้ตัวเองสบายใจพร้อมกับนึกไปถึงสิ่งที่คิดเองเออเองเพื่อปลอบโยนความรู้สึก คำตอบเ่าั้มันก็ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นจริง ๆ
จากนั้นใบหน้าสวยหวานก็ค่อย ๆ เผยยิ้มกว้างขึ้นแล้วมองขึ้นไปบนฟ้า ก่อนจะเอ่ยกล่าวขอบคุณและขอโทษที่เคยคิดไม่ดีกับคนบนนั้นตลอดมา ทั้งเื่ที่เคยน้อยใจในเื่บ้านที่ยกให้คนอื่น แม้ในวันนั้นจะยังไม่รู้ชัดถึงเจตนาของผู้เป็บิดา แต่เมื่อได้มาตกตะกอนในวันที่เติบโตขึ้น ได้มาเข้าใจในวันที่ดวงตาไม่ได้มืดบอดไปด้วยความทุกข์ และได้รู้จักมองกลับอีกด้าน มองไปในอีกมุมที่คนบนฟ้าคงอยากจะให้เห็นได้ด้วยตัวเอง จนรู้ซึ้งและเข้าใจได้ว่าทุกการกระทำที่เกิดขึ้นนั้น...ย่อมมีเหตุผลของมันเสมอ...
‘ขอบคุณค่ะพ่อ...’ (^-^) ฉันเงยหน้ามองขึ้นฟ้าแล้วเอ่ยขอบคุณคนบนนั้นด้วยน้ำเสียงอันแ่เบา...ก่อนที่เสียงบางอย่างจะเรียกฉันให้หลุดออกจากการเหม่อลอย
แชะ...!!
เสียงชัตเตอร์ที่ดังขึ้นเรียกฉันให้ออกจากภวังค์ความคิดถึงพ่อ โดยที่ดวงหน้าหวานได้หันไปมองยังต้นทางของเสียงที่ดังขึ้น
‘น้องลินครับ พี่ขอถ่ายรูปหน่อยนะครับ’ เสียงของผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งเอ่ยทักอีกทั้งยังส่งยิ้มหวานมาให้
ส่วนฉันก็ได้ยิ้มหวานเป็คำตอบพร้อมกับพยักหน้าน้อย ๆ กลับไป ก่อนจะยิ้มกว้างขึ้นและโพสต์ท่าอย่างมีความสุขให้กับตากล้องในงานรับปริญญาของมหาลัย
และภาพของหญิงสาวดาวคณะบริหารฯ ที่กำลังถูกรุมล้อมด้วยช่างภาพจากคณะอื่น ๆ มากมายที่ต่างพากันแห่แหนมาถ่ายรูปไปเป็ที่ระลึก จนคล้ายกับประหนึ่งว่าเป็งานรับปริญญาของคนดังยังไงยังงั้น และการที่ฉันเป็ที่รู้จักก็คงเป็เพราะนับั้แ่ฉันได้ละทิ้งความทุกข์และมุ่งที่จะหาความสุขให้กับตัวเอง ฉันก็กลายร่างจากยัยเฉิ่มที่ไม่เข้าสังคมเปลี่ยนตัวเองใหม่เป็สาวเฟรนด์ลี่ยิ้มง่าย และร่วมทำกิจกรรมกับทางมหาลัยทุกอย่าง และไม่ลืมที่จะทำตัวให้เป็มิตรมากขึ้น
และด้วยภาพลักษณ์ที่ฉันได้เปลี่ยนตัวเองใหม่ ก็ทำให้ความสวยที่เคยมีเปล่งประกายออกมาจนไปเข้าตาของใครหลาย ๆ คนในคณะ กระทั่งเมื่อการประกวดดาวเดือนคณะปีใหม่ได้มาถึง ฉันก็ถูกเสนอชื่อให้เข้าชิงตำแหน่งจนกลายเป็ม้ามืดได้ตำแหน่งในปีนี้มา แถมยังกลายเป็ดาวคณะที่อายุเยอะที่สุดในรุ่นอีกด้วย...
‘หนูลิน...ยินดีด้วยนะจ๊ะ’ (^-^) ป้านีหอบพวงเงินธนบัตรสีเทาพวงใหญ่มาคล้องคอให้กับฉัน พร้อมกับเอ่ยแสดงความยินดี ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความปีติ
‘พะ...พี่ยินดีด้วยนะครับ...น้องลิน’ ส่วนพี่รามที่หอบดอกไม้ช่อใหญ่มาร่วมแสดงความยินดีเช่นกัน เอ่ยพูดตะกุกตะกัก หน้าแดงจนฉันคิดว่าเขาจะเป็ลมแดดหรือเปล่า
‘ขอบคุณค่ะป้านี / ขอบคุณนะคะพี่ราม’ ฉันยิ้มกว้างสดใสให้กับคนทั้งสองด้วยความปลื้มใจที่วันนี้ได้มีคนที่ฉันเคารพรักทั้งสองมาอยู่เคียงข้างในวันที่ฉันประสบความสำเร็จไปอีกก้าวหนึ่ง และนอกจากนั้นอย่างน้อยวันนี้ฉันเองก็ไม่ต้องเหงาเดียวดายอีกต่อไปแล้ว
‘วันนี้น้องลินสวยมากเลยครับ’ (^//-//^) พี่รามเอ่ยชมก่อนจะเอามือเกาต้นคอด้วยความเขิน
‘ลินสวยทุกวันอยู่แล้วค่ะ คริคริ ใช่ไหมคะป้านี’ (^-^) ส่วนฉันที่แม้จะรู้สึกแปลกใจที่จู่ ๆ พี่รามชมฉันออกมาแบบนั้น ทั้งที่ปกติแล้วพี่รามมักจะไม่ค่อยพูดอะไรทำนองนี้ ก่อนจะหันไปถามความคิดเห็นผู้ใหญ่ที่รักยิ่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
‘จ้าาาา...หนูลินของป้าสวยทุกวันอยู่แล้ว ว่าแต่แกเถอะตารามเพิ่งเห็นว่าน้องสวยวันนี้หรือไงกัน...หืมมมมม ~~’ ป้านียิ้มละมุนรับคำของฉัน ก่อนจะหันไปทำทีเป็เอ็ดหลานชายตัวดีของตน โดยที่ฉันไม่รู้เลยว่าคำพูดของป้านีนั้นแฝงความหมายอย่างรู้ทันหลานชายคนโปรด
‘ก็ต้องเห็นมานานแล้วป่ะ...’
พี่รามก้มหน้างุดเพื่อหลบใบหน้าที่แดงก่ำ ก่อนจะตอบคำถามงึมงำคล้ายพูดกับตัวเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้