รถม้าที่วิ่งห่างออกมาจากจวนฉินอ๋องได้ไม่ไกลก็หยุดลง
พิษบนใบหน้าขององค์หญิงฉางผิงได้ลามขึ้นมาแล้ว และตอนนี้มันก็คันจนทนไม่ไหว แค่ออกจากจวนฉินอ๋องก็พอแล้ว แม้ว่าจะอยู่ข้างทาง นางก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้ว
มือข้างหนึ่งถือโคมไฟ มืออีกข้างจับชายกระโปรง รีบเข้าไปในรถม้าของหานอวิ๋นซี หานอวิ๋นซีที่กำลังจะงีบหลับ เมื่อเห็นนางเข้ามาก็ยื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัวเพื่อบังแสงที่ส่องเข้ามา
“องค์หญิง นี่ท่าน...”
ยังไม่ทันที่นางจะพูดจบ องค์หญิงฉางผิงก็ดึงหมวกผ้าโปร่งสีขาวออกอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นตุ่มพิษทั่วใบหน้า และด้วยเพราะใบหน้าของนางซีดเซียว จึงดูน่ากลัวอย่างยิ่งภายใต้แสงโคมไฟ
“ผี!”
หานอวิ๋นซีโพล่งออกมา ครึ่งหนึ่งเสแสร้งและอีกครึ่งหนึ่งเป็ความจริง นางรู้เกี่ยวกับพิษนี้เป็อย่างดี แต่ก็ไม่เคยเห็นอาการจริงๆ เช่นนี้มาก่อน
“หานอวิ๋นซี เ้ากล้าด่าข้าว่าเป็ผีหรือ?” องค์หญิงฉางผิงโกรธเกรี้ยวอย่างมาก นางดูเหมือนผีจริงๆ หรือ?
แต่บรรดาหมอหลวงที่รักษานาง ทุกคนต่างใ จนตอนนี้นางไม่กล้าส่องกระจกอีกต่อไป
“ไม่ใช่...ไม่ใช่นะ...” หานอวิ๋นซีที่อ่อนแอมากจนไม่สามารถแม้แต่จะส่ายหัวได้ นอนนิ่งเป็อัมพาต
ในความเป็จริง หลังจากกินยา ดื่มโจ๊กลูกเดือย แล้วก็โสมฝานแล้ว หานอวิ๋นซีก็ไม่ได้ไม่มีแรงขนาดนั้น แต่นางต้องทำเป็ “อ่อนแอ” ต่อหน้าองค์หญิงฉางผิงผู้แข็งแกร่ง
“หานอวิ๋นซี เ้าลุกขึ้นมานะ หมอหลวงกู้บอกว่าเ้าล้างพิษเก่งมาก รีบล้างพิษให้ข้าเสีย! ข้าคันจะตายอยู่แล้ว!” องค์หญิงฉางผิงออกคำสั่งอย่างไม่เกรงใจ
องค์หญิงฉางผิงเป็รุ่นน้องของนาง และขนาดตอนนี้ที่มาขอความช่วยเหลือ นางก็ไม่ควรตะคอกและบังคับแบบนี้
หากไม่ให้บทเรียนที่แท้จริงกับนาง แน่นอนว่านางก็จะไม่เรียนรู้
“องค์…หญิง...องค์หญิง ขะ...ข้า...”
หานอวิ๋นซีที่พูดอยู่นาน ทว่าก็ไม่ได้พูดให้จบประโยค องค์หญิงฉางผิงที่กระวนกระวายสุดๆ ก็ยกมือทั้งสองขึ้นมาบนใบหน้าหลายครั้ง แทบจะอดไม่ได้ที่จะเกา
“เ้าเป็อะไร รีบช่วยข้าดูหน่อยสิ!”
ขณะที่นางพูด นางก็เข้ามาใกล้จนเกือบเอาหน้าแนบกับหานอวิ๋นซี กลับกันถ้าเป็คนอื่นคงอาเจียนไปนานแล้ว อย่างไรก็ตาม หานอวิ๋นซีเคยเห็นพิษที่แย่กว่านี้มาก่อน นางจึงมีภูมิคุ้มกันมานานแล้ว
“องค์หญิง...องค์หญิง...ขะ...ข้าไม่มี...ไม่มีแรง!” ในที่สุดนางก็พูดจนจบประโยค
“เ้าก็แค่ดู! แค่ดูเท่านั้น! การดูมันต้องใช้แรงมากมายขนาดนั้นเลยหรือไร? ไม่ใช่ว่าเ้าเก่งกาจนักหรือไร? ทำไมตอนนี้ถึงทำไม่ได้ล่ะ?”
องค์หญิงฉางผิงกระวนกระวายเหมือนมดเกาะหม้อไฟ ในขณะที่สั่งก็สะบัดมือซ้ายขวาไปมาเพราะกลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้
“เช่น...เช่นนั้นองค์หญิง เอา...”
หานอวิ๋นซีราวกับคนที่กำลังจะขาดใจตาย องค์หญิงฉางผิงก็ทนฟังไม่ได้อีกต่อไปและตะคอกอีกครั้งว่า “เ้าจะพูดอะไรกันแน่?”
องค์หญิงฉางผิงไม่รู้ว่ายิ่งนางกระวนกระวายมากเท่าไร อะดรีนาลีนจะพุ่งปรี๊ดและฮอร์โมนนี้จะเร่งให้พิษบนใบหน้าปะทุขึ้นมาอีก
“เอาโคมไฟ...เข้ามาใกล้อีกหน่อย ข้าจะได้เห็นได้ชัดๆ” หานอวิ๋นซีพูดอย่างช้าๆ
ต่อให้จะโกรธอยู่ แต่เวลาเช่นนี้หากหานอวิ๋นซีขอให้องค์หญิงฉางผิงทำอะไร นางต้องทำอย่างแน่นอน นางที่เชื่อฟังอย่างมาก ก็นำโคมไฟเข้ามาใกล้ทันที
แต่ใครจะรู้ว่า ทันทีที่แสงส่องมา หานอวิ๋นซีไม่แม้แต่จะมองหน้าองค์หญิงฉางผิง จู่ๆ นางก็หลับตาลงและสลบไป
“อ๊าย…”
องค์หญิงฉางผิงโกรธจัดและกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ทำไมถึงเป็เช่นนี้?
นางยกโคมไฟขึ้นและกำลังจะขว้างใส่หานอวิ๋นซี แต่สุดท้ายก็รั้งมือไว้ ราวกับกำลังอดทนกับอาการคัน
หานอวิ๋นซีคือความหวังสุดท้ายของนาง!
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้อง ฮองเฮาที่รออยู่ข้างนอกก็รีบถาม “ฉางผิง เ้าเป็อะไรไป?”
องค์หญิงฉางผิงลงจากรถม้า ขว้างโคมไฟลงบนพื้น ในที่สุดน้ำตาก็ไหลออกมาพร้อมกับเสียงร้องไห้ “นางเป็ลมไปแล้ว! ฮือฮือ นังนั่นจู่ๆ ก็เป็ลมไป! ไร้ประโยชน์จริงๆ!”
นางที่กำลังร้องไห้ มือทั้งสองก็จับใบหน้าโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นเช่นนี้ ฮองเฮาก็ใกลัวและรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับมือของนาง “อย่าจับมัน! มันจะเสียโฉม!”
สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ รีบช่วยนางสวมหมวกผ้าโปร่งสีขาว แต่ใครจะรู้ว่าจู่ๆ องค์หญิงฉางผิงก็ปัดมือของฮองเฮาออก ถอดหมวกผ้าโปร่งสีขาวแล้วจับใบหน้าอย่างแรงด้วยมือทั้งสองข้าง
พระเ้ารู้ดีว่านางคันแค่ไหน เกาแรงแค่ไหน? เกาได้แค่ครู่เดียว แก้มทั้งสองก็มีเืไหลออกมา! องค์หญิงฉางผิงไม่มีทีท่ารู้สึกเจ็บและยังคงเกาต่อไป
“อ๊าย…”
สีหน้าของฮองเฮาซีดเผือดด้วยความตื่นตระหนก “ใครก็ได้ เร็วเข้า...รีบหยุดนาง จับมือนางไว้!”
องครักษ์รีบก้าวไปข้างหน้าทันทีและคว้ามือขององค์หญิงฉางผิงไว้
“ปล่อยข้านะ! พวกเ้านี่มันบังอาจเหลือเกิน! ปล่อย!”
“คันจะตายอยู่แล้ว ปล่อย! ข้าสั่งให้ปล่อยไง ไม่งั้นข้าจะฆ่าพวกเ้า!”
…
องค์หญิงฉางผิงดิ้นสุดแรง ฮองเฮาเองก็ร้องด้วยความใ “เร็วเข้า รีบมัดมือ ปิดปากนางไว้!”
แม้ว่าจะเป็เวลากลางดึก แต่เวลานี้พวกเขาอยู่บนถนน หากผู้คนรอบๆ พวกเขาตื่นขึ้นมาและมีข่าวออกไป ในอนาคตองค์หญิงฉางผิงจะมองหน้าผู้คนได้อย่างไร!
ในไม่ช้า องค์หญิงฉางผิงก็ถูกมัดมือและปิดปาก
ฮองเฮามองไปที่รถม้าของหานอวิ๋นซี ความเกลียดชังฉายแววในดวงตาสีแดงของนาง หานอวิ๋นซีถ้าไม่ใช่เพราะเ้า ฉางผิงคงไม่ไปศาลต้าหลี่ แล้วก็จะไม่โดนพิษนี้ เ้าต้องรักษาจนแน่ใจว่าใบหน้าของฉางผิงจะไม่เป็อะไร มิฉะนั้นข้ากับไท่เฮาไม่มีวันปล่อยเ้าไปแน่นอน!
หลังจากพาองค์หญิงฉางผิงกลับไปที่รถม้าแล้ว พวกเขาก็รีบกลับไปที่วัง
ม้ากำลังแล่น ทว่าด้วยรถม้ามีขนาดใหญ่และสะดวกสบาย ทั้งถนนไม่เป็หลุมเป็บ่อ หานอวิ๋นซีจึงนอนอย่างเกียจคร้านโดยไม่ลืมตา แต่กลับมีรอยยิ้มที่มีความสุขปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของนาง
ทำอะไรไว้ ก็ต้องได้รับสิ่งนั้น ทำอะไรไว้ จะมากลัวทีหลังไม่ได้
เมื่อมาถึงวัง ทิศตะวันออกก็สว่างแล้ว
องค์หญิงฉางผิงหมดแรงไป พิษก็ดูเหมือนจะหายไป และนางเองก็สลบไปนานแล้วเช่นกัน
หานอวิ๋นซีถูกส่งไปยังตำหนักอันผิงขององค์หญิงฉางผิง นางที่กึ่งหลับกึ่งตื่นก็ถูกนางกำนัลวางลงบนเตียงอุ่น
ในไม่ช้า ฮองเฮาและหมอหลวงกู้ก็เข้ามา
“มีคนบอกว่านางป่วย ร่างกายอ่อนแอมาก ระหว่างทางเลยเป็ลมไป” ฮองเฮาอธิบายอาการของนางอย่างคร่าวๆ
กู้เป่ยเยวี่ยไม่พูดอะไร นั่งลงข้างเตียงและจับชีพจรของหานอวิ๋นซีผ่านม่านที่แขวนอยู่ กู้เป่ยเยวี่ยเป็ถึงปรมาจารย์ แค่จับชีพจรก็รู้ได้แล้วว่าอาการของหานอวิ๋นซีเป็อย่างไร
เป็อาการที่มาจากความหิว ไม่ได้ป่วยอะไรทั้งสิ้น ส่วนเื่ที่ร่างอ่อนแอ ไม่มีแรง ก็โชคดีที่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ปัญหาเลยไม่หนักหนา ตอนนี้อยู่ใน่พักฟื้น ไม่น่าที่จะอ่อนแอถึงขนาดนั้น
ดวงตาสีดำที่บริสุทธิ์ของกู้เป่ยเยวี่ยเป็ประกายด้วยความสนใจ จากนั้นก็ลุกขึ้น “ทูลฮองเฮา เป็เพราะลมหนาวเลยทำให้นางป่วย ร่างกายของหวังเฟยอ่อนแอมากและจำเป็ต้องได้รับการพักฟื้นอย่างเร่งด่วน หากบังคับให้ปลุกนางและปล่อยให้นางรักษาองค์หญิง กระหม่อมเกรงว่า...”
“จะเป็อย่างไรหรือ?” ฮองเฮาถามอย่างรวดเร็ว นางไม่สนใจสุขภาพของหานอวิ๋นซีว่าจะเป็อย่างไร หลังจากเข้าวังแล้ว ตราบใดที่นางสามารถรักษาฉางผิงได้ ต่อให้ต้องเจาะเืของหานอวิ๋นซี นางก็จะยินยอมให้ทำ
“กระหม่อมเกรงว่าหวังเฟยจะไม่เพียงดูอาการขององค์หญิงฉางผิงได้ แต่ชีวิตของตนเองก็จะตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน!” เห็นได้ชัดว่ากู้เป่ยเยวี่ยพูดเกินจริง
แต่ฮองเฮาจะไปเข้าใจขนาดนั้นเสียที่ไหนกัน? ทันทีที่ได้ยินสถานการณ์นี้ก็เกิดประหม่าขึ้นมา หากเป็อย่างนี้ละก็ ใบหน้าของฉางผิงก็คงไม่รอด ชีวิตของหานอวิ๋นซี นางเองก็คงชดใช้ไม่ได้เช่นกัน
หากรู้เื่เร็วกว่านี้ ก็คงเกลี้ยกล่อมให้ฉางผิงให้อยู่แต่ที่จวนฉินอ๋อง ต่อให้ถูกหัวเราะเยาะก็ถูกไปเถอะ ดีกว่ารับผิดชอบชีวิตของหานอวิ๋นซี
ฮองเฮาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “เช่นนั้นช่วยนางก่อนเถอะ นางจะต้องใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?”
“หนึ่งหรือสองวัน เพียงแต่องค์หญิงฉางผิงจะต้องทนทุกข์ทรมานมากขึ้นเท่านั้น” กู้เป่ยเยวี่ยตอบตามความเป็จริง
คิ้วของฮองเฮาขมวดแน่น รู้สึกหดหู่ใจจนพูดไม่ออก แต่นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากบอกกู้เป่ยเยวี่ยว่า “ใช้ยาที่ดีที่สุดและให้แน่ใจว่าฉินหวังเฟยจะฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด เข้าใจใช่หรือไม่?”
“กระหม่อมรับทราบพ่ะย่ะค่ะ” กู้เป่ยเยวี่ยพยักหน้า “กระหม่อมจะไปเขียนใบสั่งยา”
กู้เป่ยเยวี่ยเดินออกไปและฮองเฮาก็ออกไปหาองค์หญิงฉางผิงโดยปล่อยให้สาวใช้ตัวน้อยคอยดูแลนาง
หานอวิ๋นซีมีความสุขมากจนแอบหัวเราะออกมา พระเ้ารู้ดีว่ากู้เป่ยเยวี่ยจะใช้โอกาสนี้เพื่อที่จะหาอะไรมาบำรุงร่างกายของนางให้สินะ? ในหนึ่งหรือสองวัน แม้ว่าจะไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่ แต่การลงจากเตียงก็ไม่ใช่อะไรที่จะทำร้ายร่างกายของนาง
กู้เป่ยเยวี่ยเป็คนฉลาดที่ใจดีจริงๆ
ตามที่หานอวิ๋นซีคาดไว้ กู้เป่ยเยวี่ยเตรียมใบสั่งยาบำรุงร่างกายราคาแพงมากๆ ให้นาง ความจริงแล้วหานอวิ๋นซีอยากจะกินอาหารมื้อใหญ่มากๆ แต่คนที่หิวโหยไม่ควรกินมากเกินไป เพราะอาจจะมีอาการั้แ่อาหารไม่ย่อยไปจนถึงเสียชีวิตได้
กู้เป่ยเยวี่ยจัดเตรียมยาตามใบสั่งไว้ ไม่เพียงแต่ช่วยบำรุงร่างกายของนางด้วยวิธีที่อ่อนโยนที่สุด ทั้งยังช่วยลดความอยากอาหารที่รุนแรงของนางอีกด้วย
ด้วยยาของผู้ชายที่อบอุ่น ควบคู่ไปกับการนอนหลับอย่างเพียงพอ สองวันต่อมา หานอวิ๋นซีก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย
เพียงแต่...องค์หญิงฉางผิงกลับน่าสงสารอย่างมาก ในสองวันมานี้ พิษปะทุขึ้นมาถึงสามครั้ง แต่ละครั้งก็ทำให้ใจสลายไม่น้อย
หานอวิ๋นซีนอนอยู่บนเตียง ส่วนองค์หญิงฉางผิงก็นอนอยู่ มือและเท้าของนางถูกมัดไว้เพื่อป้องกันไม่ให้นางทำร้ายตัวเอง
ฮองเฮานั่งอยู่ข้างเตียงเพื่อเกลี้ยกล่อมนาง แต่องค์หญิงฉางผิงทนฟังไม่ไหวอีกต่อไปและพึมพำว่า “หานอวิ๋นซีล่ะ? นางจะช่วยข้าหรือไม่?”
“เสด็จแม่ พานางเข้ามา นางต้องเสแสร้งแน่ๆ! นางต้องอยากเห็นข้าถูกวางยาพิษจนตายแน่!”
“ทั้งหมดเป็เพราะนาง! ทั้งหมดเป็เพราะนาง ถ้าไม่ใช่เพราะนาง ข้าคงไม่ไปที่คุกนั่น...ฮือฮือ เสด็จแม่ เป็นางที่ทำร้ายข้า! เสด็จแม่ ท่านปล่อยข้าเถอะ...ข้าจะไปหานาง!”
…
หานอวิ๋นซีเดินตามกู้เป่ยเยวี่ยและฟังอย่างเงียบๆ องค์หญิงฉางผิงไม่ได้คิดเกี่ยวกับสิ่งที่นางทำในคุกคืนนั้นเลยแม้แต่น้อย คิดไม่ถึงว่ายังจะกล้ามาโทษนางอีก
เดิมทีหลังจากฟังกู้เป่ยเยวี่ยเล่าอาการขององค์หญิงฉางผิงใน่สองสามวันที่ผ่านมา นางเองก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจเล็กน้อยและคิดที่จะกำจัดพิษให้ในวันนี้ แต่ตอนนี้หานอวิ๋นซีเปลี่ยนใจแล้ว คนน่าสงสารก็ต้องมีจุดที่น่าเกลียดชังบ้าง!
องค์หญิงฉางผิงไม่ใช่คนที่นาง้าช่วย ยิ่งไม่ต้องไปพูดกับนางถึงหลักการสำคัญอย่างเื่ความเมตตาของหมอเลย
“ถวายบังคมฮองเฮาเพคะ”
“ถวายบังคมฮองเฮา ถวายบังคมองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”
หานอวิ๋นซีและหมอหลวงกู้ทำความเคารพผ่านผ้าม่าน ฮองเฮารีบก้าวออกไปด้านข้าง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเป็มิตรว่า “อวิ๋นซี รีบเข้ามาสิ ฉางผิงรอเ้านานแล้ว”
องค์หญิงฉางผิงหยุดร้องไห้งอแง ดวงตาของนางจ้องมองหานอวิ๋นซีอย่างชั่วร้าย
หานอวิ๋นซีนั่งลงข้างเตียงและพูดอย่างใจเย็นว่า “มืดเกินไป เอาโคมตะเกียงมา”
สาวใช้ยกตะเกียงขึ้นอย่างรวดเร็ว แสงจ้าทำให้องค์หญิงฉางผิงกะพริบตาถี่ แต่นางก็ยังจ้องเขม็งไปที่หานอวิ๋นซี
หานอวิ๋นซีพูดอย่างใจเย็นว่า “ฉางผิง หลับตาเถอะ ข้าจะดูว่าเปลือกตาของเ้ามีตุ่มพิษหรือไม่?”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา องค์หญิงฉางผิงก็หลับตาลงทันที ท่าทางหวาดกลัวทำให้หานอวิ๋นซีรังเกียจไม่น้อย
ทำไมหญิงสาวผู้นี้ดื้อดึงขนาดนี้ ถ้ามีความสามารถก็จ้องนางต่อสิ
จากนั้นหานอวิ๋นซีก็มองหน้านางอย่างจริงจัง แอบเปิดใช้งานระบบสแกนเพื่อตรวจสอบการแพร่กระจายของพิษและดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงของพิษหรือไม่ จากนั้นจึงตรวจสอบสภาพของขาทั้งสองข้าง
องค์หญิงฉางผิงยังโชคดีที่พิษไม่แพร่กระจายมากและไม่กลายเป็พิษหนัก
เมื่อเห็นว่าหานอวิ๋นซีตรวจเสร็จแล้ว ฮองเฮาจึงรีบถามว่า “เป็อย่างไร มีพิษหรือไม่? แล้วมันเป็พิษแบบไหน? รักษาได้หรือไม่?”
องค์หญิงฉางผิงที่เพิ่งจะรู้ว่าการตรวจสิ้นสุดลงแล้ว นางจึงรีบลืมตาขึ้น แล้วพูดอย่างเ้ากี้เ้าการว่า “หานอวิ๋นซี เ้ามัวพะวงอะไรอยู่ รีบพูดมาสิ!”