ม้ายี่สิบกว่าตัวห้อตะบึงออกจากป่าละเมาะ นำหน้าด้วยหัวหน้าหอแซ่จงที่ควบม้ามุ่งหน้าสู่หมู่บ้าน
หลังจากเลี้ยวโค้งออกมาพวกมันก็มองเห็นหมู่บ้านเล็กๆอยู่ไกลออกไปเบื้องหน้า นี่สมควรเป็เวลาอาหารเช้าแต่กลับไร้ควันไฟลอยจากเตาในครัว อีกทั้ง’กองซากศพ’ที่เห็นเลือนรางอยู่ด้านหน้ายังทำให้ความสงบเงียบของหมู่บ้านแปลกพิกลไปบ้าง
หัวหน้าหอแซ่จงชูมือขึ้นและกล่าวกับพวกโจรด้านหลัง"ชะลอม้าลง ระมัดระวังให้มากยามมุ่งหน้าไป อาจถูกซุ่ม..."
กระนั้นก่อนที่มันจะกล่าวจบเชือกเส้นหนาพลันโผล่ขึ้นจากพื้นขึงตึงขวางทางไว้ ม้าหลายตัวที่ห้อตะบึงไม่ทันมีปฏิกิริยาใดจึงปะทะล้มลง ส่งโจรบนหลังม้าร่วงสู่พื้น พวกโจรท้ายขบวนรั้งบังเหียนฉับพลัน แต่ยังคงมีโจรน่าเวทนาถูกม้าที่ยั้งไม่ทันเหยียบที่หน้าอก มันแค่นหายใจคราหนึ่งก็ไม่ขยับตัวอีก
ยามที่ม้าด้านหน้าล้มลง ปรากฏเงาร่างสองเงาพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วจากข้างถนนด้านซ้ายและขวาเข่นฆ่าเข้าไปยังกลุ่มคนที่สับสนวุ่นวาย
หัวหน้าหอแซ่จงตบอานะโขึ้นทันทีที่ม้ามันล้มลง มันกลิ้งตัวหลายรอบสลายแรงกระชาก ทันทีที่มันหันไปมองรอบกายก็ได้ยินเสียงร่ำร้องอย่างน่าเวทนาจากด้านหลัง
มันเห็นคนสองคนพุ่งเข้าไปเข่นฆ่าอยู่ท่ามกลางกลุ่มโจรที่สับสนราวกับพยัคฆ์ท่ามกลางฝูงแกะ --- สองคนที่พุ่งเข้าไปนี้เป็ไป๋หยุนเฟยกับหลี่เฉิงเฟิงนั่นเอง
ด้วยมีดในมือทั้งสองข้างหลี่เฉิงเฟิงทั้งตัด ทั้งเฉือน ทั้งแทง ก่อนที่ผู้คนรอบกายมันจะตอบโต้ทันก็าเ็ไปเกือบหมดสิ้น กระทั่งยังมีสองคนล้มลงขาดใจหลังจากถูกแทงเข้าที่อก
ไป๋หยุนเฟยใช้เพียงมือเปล่า แต่เสียงกระดูกหักดังออกมาทุกคราที่มันเตะต่อย แทบทุกคนถูกมันทุบตีล้มลงจนไม่อาจคืบคลานขึ้นมาได้
หัวหน้าหอแซ่จงงุนงงไปวูบ แต่คนของมันก็ล้มลงไปห้าหกคนแล้ว!
ทั้งร่างมันสั่นระริก เบิ่งตาแทบฉีกขาด มันชูดาบใหญ่ในมือขึ้นและพุ่งเข้าไปพร้อมเสียงคำราม
เมื่อแลเห็นหัวหน้าหอแซ่จงพุ่งเข้ามา ดวงตาไป๋หยุนเฟยก็ทอประกายมุ่งร้าย มันเบี่ยงกายไปด้านข้างหลบดาบที่เข้ามาแล้วคว้าจับโจรข้างกายโยนโดยแรงไปเบื้องหน้ากระแทกเข้ากลางกลุ่มโจรเพื่อเปิดช่อง จากนั้นกระโจนออกจากวงพุ่งเข้าหาหัวหน้าหอแซ่จง!
ยามที่เคลื่อนกายไปได้ไม่กี่ก้าว หัวหน้าหอแซ่จงก็เห็นคนผู้หนึ่งพุ่งเข้าหา มันแสยะยิ้มอำมหิตเงื้อดาบขึ้นหมายฟาดฟัน แต่คนผู้นั้นพลันะโลอยขึ้นไปสิบกว่าเชียะกลางอากาศ ยามที่มันอยู่ในอากาศก็สะบัดมือขวา มิคาดดาบเล่มใหญ่ยาวสามเชียะก็ปรากฏขึ้นในชั่วพริบตา จากนั้นมันอาศัยสภาวะร่วงหล่นฟันดาบลงมาอย่างดุดัน!
“แหวนช่องมิติ? ผู้ฝึกปรือิญญา!” หัวหน้าหอแซ่จงหน้าแปรเปลี่ยนทันที มันยกดาบในขึ้นปะทะการจู่โจมของศัตรู
“เคร้ง!”
เสียงของโลหะปะทะกันดังก้อง ไป๋หยุนเฟยอาศัยสภาวะร่วงหล่น่ชิงความมีเปรียบจึงกระแทกคู่ต่อสู้ถอยไปหลายก้าว กระนั้นหลังจากทิ้งตัวลงพื้นมั่นคงมันกลับไม่ชิงจู่โจมก่อนเป็คำรบสอง มันยังไม่มีประสบการณ์ต่อสู้มากพอ หากจู่โจมอย่างหุนหันรังแต่จะเผยจุดอ่อนแก่ศัตรู
“ระดับปลายด่านนวกะิญญา! บัดซบ! ไฉนพวกเรามาเผชิญหน้าผู้ฝึกปรือิญญาในสถานที่เยี่ยงนี้ได้? มิหนำซ้ำยังเป็ผู้ฝึกปรือิญญาที่มีแหวนช่องมิติ!” หัวหน้าหอแซ่จงล่าถอยไปหลายก้าวอย่างต่อเนื่อง มันเพียงรู้สึกแขนชาด้านและสั่นสะท้านภายในใจ ก่อนนี้มันคาดเดาว่าคู่ต่อสู้สมควรเป็ผู้ฝึกปรือิญญาระดับไล่เลี่ยกับมันซึ่งไม่เป็ที่น่าวิตก มิคาดคู่ต่อสู้มันกลับมีแหวนช่องมิติ! เป็ที่รู้กันว่าทั้งค่ายไม้ดำมีเพียงหัวหน้าค่ายที่แหวนช่องมิติ แม้แต่รองหัวหน้าค่ายยังไม่มีใน!
มันก้มลงมองดาบใหญ่ในมืออีกคราและต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าการปะทะเมื่อครู่ทิ้งรอยบิ่นเอาไว้!
“บัดซบ! บัดซบ! มันเป็ใครกันแน่? ดาบใหญ่ของข้าเล่มนี้ทำจากวัตถุดิบชั้นยอด หรือดาบของมันจะเป็วัตถุิญญา? เป็ไปไม่ได้ หากเป็วัตถุิญญาต้องไม่ทิ้งรอยบิ่นไว้เพียงเท่านี้ แต่ดาบนั้นต้องเหนือกว่าของข้าเป็แน่!”
เสียงร้องคร่ำครวญที่ดังต่อเนื่องปลุกหัวหน้าหอแซ่จงจากความตื่นตะลึง มันเงยหน้าขึ้นก็เห็นกลุ่มโจรกว่าครึ่งถูกสยบล้มลง แม้ว่าแขนข้างหนึ่งของหลี่เฉิงเฟิงจะาเ็แต่ก็ไม่สาหัสเท่าใด มันอาศัยการเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วในการปัดป้องและหลบหลีกโดยไม่ได้ใช้วิทยายุทธ์ที่ร้ายกาจอันใด เพียงแค่หลบเลี่ยงการจู่โจมที่เข้ามาและสวนกลับด้วยมีดสั้นก็ล้มพวกโจรลงทีละคน
“มันก็เป็ผู้ฝึกปรือิญญาเช่นกัน! แย่แล้ว!” หัวหน้าหอแซ่จงมีปฏิกิริยาทันใด มันพุ่งตรงเข้าหาไป๋หยุนเฟยโดยปราศจากความลังเล
แผนการต่อสู้ของไป๋หยุนเฟยกลับเรียบง่ายยิ่ง กล่าวคือ ยามที่ศัตรูยังไม่ทันได้เตรียมตัวมันจะถ่วงหัวหน้าหอแซ่จงเอาไว้ ขณะที่หลี่เฉิงเฟิงจัดการกับพวกโจรธรรมดา จากนั้นพวกมันจะร่วมมือกันเพื่อฆ่าหัวหน้าหอแซ่จง!
พวกโจรธรรมดามีทั้งสิ้นยี่สิบสองคน เริ่มแรกพวกมันถูกไป๋หยุนเฟยกับหลี่เฉิงเฟิงจัดการไปหกคนทั้งยังมีบางคนเคราะห์ร้ายถูกม้าเหยียบ ยามที่ไป๋หยุนเฟยเข้าไปขัดขวางหัวหน้าหอจงก็เหลือพวกโจรอยู่เพียงสิบห้าคน อาศัยความพยายามและความคับแค้นทั้งมวลของมัน หลี่เฉิงเฟิงยังรับมือพวกมันได้อย่างราบรื่น
อีกทั้งพวกโจรถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวและสหายพวกมันหลายคนล้มลงในทันใด ยิ่งทำให้พวกมันว้าวุ่น ความสูญเสียของผู้หนึ่งย่อมเป็ประโยชน์แก่ผู้อื่น ภายใต้สภาวะเช่นนี้หลี่เฉิงเฟิงจึงสามารถล้มพวกโจรทั้งหมดลงได้ภายในเวลาเพียงชั่วน้ำเดือด
เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าหอแซ่จงนั้นทราบสถานการณ์แล้ว มันไม่กล้าชักช้ารีบจู่โจมสุดกำลัง แต่ไป๋หยุนเฟยก็เพียงต้านรับไว้ มันอาศัยความคมกล้าของดาบในมือเข้าปะทะซึ่งหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่นานดาบของหัวหน้าหอแซ่จงก็เต็มไปด้วยรอยบิ่นราวกับฟันเลื่อย
ไป๋หยุนเฟยยกดาบขึ้นปัดป้องดาบหัวหน้าหอแซ่จงอีกครา ทันใดมันรู้สึกถึงพลังกล้าแข็งพุ่งกระแทกช่องท้อง เป็หัวหน้าหอแซ่จงถีบมันเท้าหนึ่ง ที่แท้มันยังคงด้อยประสบการณ์ เพียงมุ่งความสนใจปัดป้องอาวุธของคู่ต่อสู้ละเลยการป้องกันร่างกายส่วนล่าง สุดท้ายก็ถูกถีบกระเด็นออกไปหลายก้าว
ก่อนที่มันจะตั้งหลักได้ก็รู้สึกถึงบางอย่างด้านหลัง จึงหันไปพบเห็นโจรผู้หนึ่งลอบออกจากกลุ่มที่ต่อสู้กับหลี่เฉิงเฟิง เข้ามาที่ด้านหลังของมันแล้วตวัดดาบฟันลง
มันเพิ่งเรียนรู้จากหัวหน้าหอแซ่จงจึงยกดาบต้านรับและยกเท้าขึ้นถีบโจรนั้นกระเด็นออกไปทางหลี่เฉิงเฟิงและถูกมีดสั้นแทงทะลุอกอย่างอำมหิต
ยามยกเท้าขึ้นไป๋หยุนเฟยก็ลอบตั้งเกร็งกำลังรอรับการโจมตีอีกระลอก เพราะก่อนที่จะหันกายไปหางตามันแลเห็นประกายดาบที่ฟันมายังเอวด้านขวา
เนื่องเพราะไม่อาจใช้ดาบต้านรับได้ทัน มันจึงทำได้เพียงเอนกายไปด้านซ้ายหลบดาบนี้ได้อย่างเฉียดฉิวพร้อมะโขึ้นในทันใด กระนั้นขณะที่มันยังไม่ทันหลบเลี่ยงอีกคราก็รู้สึกเ็ปแสบร้อนที่เอว ไป๋หยุนเฟยรีบเคลื่อนกายห่างออกมาหนึ่งวาแล้วหันกายมาเผชิญหน้ากับหัวหน้าหอแซ่จงพลางยื่นมือลูบคลำเอวของตน จึงััถูกความเย็นเฉียบแต่ก็ปราศจากาแใด
หัวหน้าหอแซ่จงมองสีหน้ายินดีของไป๋หยุนเฟยอย่างุนงง ด้วยดาบที่ฟันถูกหว่างเอวนี้สมควรแยกร่างมันออกเป็สองส่วน ทว่า... นอกจากเ็ปอยู่บ้างมันยังคงไม่หลั่งโลหิตแม้แต่หยดเดียว!
เสื้อของไป๋หยุนเฟยถูกฟันเป็รูโหว่ขนาดใหญ่ที่ข้างเอว เผยให้เห็นเกราะสีเทาที่สวมไว้ใต้เสื้อผ้า บนเกราะนั้นปรากฏร่องรอยสีขาวจากการถูกฟันด้วยดาบเมื่อครู่
ไป๋หยุนเฟยลูบคลำเกราะอ่อนบนร่างด้วยท่าทีตื่นเต้นยินดี “ไม่คิดว่าพลังป้องกันของเกราะอ่อนระดับ +10 จะสูงถึงเพียงนี้ ช่างอันตรายนักข้าแทบถูกฟันขาดเป็สองท่อน...”
(คุณสมบัติของเกราะอ่อน)
“ระดับไอเทม: ธรรมดา”
“ระดับการอัพเกรด: +10”
“พลังป้องกัน: 31”
“พลังป้องกันเพิ่มเติม: 43”
“ผลกระทบเพิ่มเติมระดับ +10 : เมื่อถูกจู่โจม มีโอกาส2% ที่จะสะท้อนการโจมตีบางส่วนกลับไป
“เป็ไปได้อย่างไร?... เป็ไปได้อย่างไร?! หรือเกราะอ่อนนั้นจะเป็วัตถุิญญา? มันเป็ผู้ใดกันแน่?!” ขณะที่คำรามในใจหัวหน้าหอแซ่จงก็พุ่งเข้ามาอีกครา
หลังจากทราบพลังป้องกันของเกราะอ่อนแล้ว ไป๋หยุนเฟยก็คลายความระวัง ขอเพียงการจู่โจมมุ่งเป้าที่ลำตัว มันแค่ฝืนรับความเ็ปบ้างก็จะสวนดาบใส่คู่ต่อสู้ได้
แม้หัวหน้าหอแซ่จงจะสวมใส่เกราะอ่อนที่ต้านทานอาวุธธรรมดาได้เช่นกัน แต่ก็ราวกับเป็เศษกระดาษเมื่ออยู่ต่อหน้าอาวุธไป๋หยุนเฟย หว่างเอวมันก็ถูกดาบฟันเข้าใส่แต่กลับไม่โชคดีเช่นไป๋หยุนเฟย มันถูกฟันเป็แผลยาวโลหิตทะลักออกมาไม่หยุด
เมื่อเผชิญดาบที่ฟันขวางเข้ามา ไป๋หยุนเฟยหมุนตัวใช้หลังเข้าปะทะอย่างหักโหม กระนั้นยามที่ดาบกระทบถูกมันกลับไม่รู้สึกเ็ปร้อนลวกเช่นก่อนหน้า กลับกันมันเพียงต้องสืบเท้าไปเบื้องหน้าเพื่อสลายแรงกระแทกจากนั้นรู้สึกว่าพลังิญญาพลันถูกสูบออกไปเล็กน้อยราวกับถูกเกราะอ่อนซึมซับเอาไว้
ขณะที่ดาบใหญ่ฟันถูกแผ่นหลังไป๋หยุนเฟย หัวหน้าหอแซ่จงพลันรู้สึกถึงแรงสะท้อนอันหนักหน่วง ง่ามมือมันฉีกขาดจนแทบกุมดาบไว้ไม่อยู่ มันรีบล่าถอยด้วยความตระหนก เมื่อมองฝ่ามือที่โลหิตทะลักออกมาไม่หยุดก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ
ผลกระทบเพิ่มเติมของเกราะอ่อน: สะท้อนความเสียหาย!
ชั่วพริบตาไป๋หยุนเฟยก็ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น มันย่อมไม่ยินยอมปล่อยโอกาสอันดีนี้ผ่านไปจึงหมุนกายตวัดดาบใหญ่ในมือใส่หว่างเอวคู่ต่อสู้ หัวหน้าหอแซ่จงหวาดกลัวยิ่งรีบยกดาบขึ้นต้านรับ แม้ว่าจะรับดาบนี้ไว้ได้แต่ดาบในมือก็หลุดกระเด็นเพราะไม่อาจกุมดาบมั่น
หัวหน้าหอแซ่จงถอยกายต่อเนื่องอย่างแตกตื่น ยามที่ถอยห่างไปหกเจ็ดวาก็มองไป๋หยุนเฟยอย่างหวาดหวั่น
ไป๋หยุนเฟยก็ไม่ไล่ตามไปรุกจู่โจม เพราะมันมองเห็นการต่อสู้ด้านหลังสิ้นสุดแล้ว โจรทั้ง 22 คนล้วนไม่อาจยืนหยัดอยู่ได้ อีกทั้งส่วนมากก็ทอดร่างเป็ศพ ที่เหลืออยู่ก็ร้องคร่ำครวญอยู่บนพื้นไม่อาจต่อสู้ได้อีก
ปรากฏรอยแผลมากมายบนแขนขาของหลี่เฉิงเฟิง แต่โชคดีที่ลำตัวมันยังคงปราศจากาแ ภายใต้เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งเผยให้เห็นเกราะอ่อนสีเทา แม้จะเป็เพียงเครื่องป้องกันระดับ +9 ทั้งยังไม่มีผลเพิ่มเติม ก็ยังเพียงพอที่จะป้องกันการจู่โจมของโจรธรรมดาได้
หลี่เฉิงเฟิงไม่ได้รีบร้อนจัดการพวกโจรที่ยังมีชีวิตอยู่ กลับชูมีดสั้นที่มีโลหิตหยาดหยดทั้งคู่ขึ้นและเดินไปข้างกายไป๋หยุนเฟยทีละก้าว ทั้งร่างมันชุ่มโชกไปด้วยโลหิต --- ซึ่งส่วนมากเป็ของพวกโจร ดวงตาที่แดงฉานด้วยสายเืของมันสาดประกายความเกลียดชังจ้องเขม็งไปยังหัวหน้าหอแซ่จง แม้หัวหน้าหอแซ่จงจะฆ่าคนมานับไม่ถ้วนยังใจสั่นสะท้านไม่กล้าสบตากับมัน
หัวหน้าหอแซ่จงสูดลมหายใจลึกๆและสงบใจลง มันไม่กล้าละสายตาจากไป๋หยุนเฟยและหลี่เฉิงเฟิงแม้เพียงชั่วครู่ เพราะมันเกรงจะถูกทั้งคู่จู่โจมกะทันหัน มือขวามันดึงกล่องไม้แคบยาวออกมาจากอกเสื้อ จากนั้นเปิดเอาอาวุธสีครามที่ดูเหมือนตะปูน้ำแข็งออกมา
“แม้ข้ายังไม่คู่ควรใช้อาวุธเช่นนี้ แต่มันเป็ถึงวัตถุิญญา สมควรทะลวงเกราะอ่อนนั้นได้ มาถึงขั้นนี้ข้าไม่มีทางเลือกอีกแล้วได้แต่ทุ่มเททุกสิ่งออกไป!”
ไป๋หยุนเฟยไม่จู่โจมเข้าไปทันทีเพราะมัน้าให้หลี่เฉิงเฟิงได้ฟื้นฟูสักครู่ ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันพวกมันล้วนมีเปรียบทุกด้าน ตราบที่พวกมันไม่ประมาทย่อมสามารถคว้าชัยได้
ยามนี้ฝ่ายตรงข้ามหยิบอาวุธที่ดูเหมือนตะปูน้ำแข็งขนาดเท่ามีดสั้นออกมา ดูจากท่าทางของมันไป๋หยุนเฟยก็ทราบว่านั่นไม่ใช่อาวุธธรรมดา เมื่อเห็นมันพุ่งเข้ามาจึงหันไปกล่าวกับหลี่เฉิงเฟิงด้านข้าง “ระวังอาวุธของมัน ข้าจะเข้าไปพัวพันมันไว้ เ้าหาโอกาสเข้าจู่โจม!”
ขณะเผชิญหน้ากับหัวหน้าหอแซ่จงที่พุ่งเข้ามา ไป๋หยุนเฟยฟันดาบลงอย่างมุ่งหมาย มิคาดศัตรูกลับขวางหนามธารน้ำแข็งขนานพื้น อาศัยหนามที่สั้นเล็กเข้าต้านรับ มิคาดยามที่ปะทะกันคมดาบกลับปรากฏรอยบิ่นขึ้น!
หลังจากปัดป้องไป๋หยุนเฟยได้ หัวหน้าหอจงก็ใช้กลยุทธ์เดิม มันยกเท้าขึ้นถีบ จะให้ไป๋หยุนเฟยตกหลุมพรางเดิมอีกคราได้อย่างไร? มันก็ถีบเท้าออกเช่นกัน หลังจากเท้าสองข้างปะทะกัน ทั้งคู่ก็ถอยกายไปคนละครึ่งก้าว
กระนั้นหัวหน้าหอจงกลับปฏิกิริยาว่องไวกว่าไป๋หยุนเฟย หลังจากทรงตัวได้มันก็สืบเท้าไปเบื้องหน้าจากนั้นยกหนามธารน้ำแข็งในมือทะลวงเข้าหาหัวใจของไป๋หยุนเฟย!
ไป๋หยุนเฟยแตกตื่นยิ่ง มันไม่กล้าใช้เกราะอ่อนบนร่างเข้ารับการจู่โจมนี้โดยตรง จึงขวางดาบในมือปิดบังทรวงอกอย่างเร่งร้อน จากนั้นได้ยินเสียงปะทะชนดังเบาๆและไป๋หยุนเฟยล่าถอยออกไปหลายก้าวไม่หยุดยั้ง
ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามจะไล่ตามไปจู่โจมไป๋หยุนเฟย สีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยนและหันกายกลับ มันยกหนามธารน้ำแข็งขึ้นปัดป้องมีดสั้นที่แทงเข้ามาอย่างลอบเร้น ทว่ามันยังคงรู้สึกเ็ปที่แขน แม้มันจะสกัดมีดได้เล่มหนึ่งแต่กลับเหลือมีดอีกเล่มที่มันไม่อาจปัดป้อง
เป็หลี่เฉิงเฟิงฉวยโอกาสทิ้งาแไว้บนแขนของศัตรูก่อนที่จะถูกถีบกระเด็นออกไป
ไป๋หยุนเฟยทรงกายได้จึงก้มศีรษะลงมอง มันหลั่งเหงื่อเย็นเยียบทันทีที่ได้เห็นกลางตัวดาบถูกทะลวงเป็รูเล็กกลมทะลุทั้งสองด้าน แม้แต่เกราะอ่อนที่ปกป้องทรวงอกมันยังถูกทะลวงลึกกว่าครึ่ง! มิหนำซ้ำยังรู้สึกเย็นเยียบบริเวณรอยถูกทะลวงที่ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดน้ำแข็งราวกับถูกแช่แข็ง
“นี่เป็อาวุธอะไร?!” ไป๋หยุนเฟยสั่นระริกอย่างหวาดหวั่น ยามที่มองอาวุธในมือหัวหน้าหอแซ่จงมันรู้สึกเพียงเย็นะเืจับใจ
มิคาดแลเห็นหัวหน้าหอแซ่จงเริ่มรุกไล่หลี่เฉิงเฟิง มันก็ตระหนกยิ่ง รีบสงบใจพุ่งเข้าไปพร้อมเงื้ออาวุธขึ้น
เนื่องเพราะหนามธารน้ำแข็งในมือหัวหน้าหอแซ่จงทรงพลังเกินไป ไป๋หยุนเฟยและหลี่เฉิงเฟิงล้วนหวาดหวั่นทั้งยามรับและยามรุก แต่หัวหน้าหอผู้นี้ก็หวาดหวั่นอาวุธในมือศัตรูทั้งคู่ของมันเช่นกัน พวกมันทั้งสามคนจึงต่อสู้อย่างลำบากกินแรง
เพียงไม่นานร่างกายพวกมันก็ปรากฏรอยแผลเกลื่อนกลาด
ไป๋หยุนเฟยรู้สึกหนาวเย็นบริเวณที่ถูกคู่ต่อสู้ทิ่มแทงตามร่างกาย ราวกับมวลอากาศที่หนาวเหน็บวิ่งพล่านในร่างกาย ทั้งกำลังและความเร็วของมันลดทอนลงไม่น้อย เช่นเดียวกับหลี่เฉิงเฟิงที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
กระนั้นสถานการณ์ของหัวหน้าหอแซ่จงก็ไม่ดีกว่ากันเท่าใด ปรากฏาแเกลื่อนกลาดทั่วร่างมันซึ่งส่วนใหญ่เป็แผลถูกหลี่เฉิงเฟิงใช้มีดเฉือน มิหนำซ้ำแผลเหล่านี้กลับมีโลหิตหลั่งไหลไม่หยุดอีกทั้งยังฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า --- จะเป็อะไรหากไม่ใช่เพราะผลกระทบเพิ่มเติมของมีดสั้นหนึ่งในสองเล่ม “ชะลอการฟื้นตัวของาแที่เกิดจากอาวุธนี้”
หัวหน้าหอแซ่จงกระวนกระวายใจยิ่ง หากเป็เช่นต่อไปสุดท้ายมันคงต้องหลั่งโลหิตจนตาย!!
ยามที่เร่งร้อนมันก็ทำผิดพลาด หลังจากบีบบังคับไป๋หยุนเฟยล่าถอยอีกครา แต่เพราะมันไม่มีเวลาพอจะหลบเลี่ยงจึงถูกมีดสั้นหลี่เฉิงเฟิงทะลวงหัวไหล่อีกแผล และยามที่ถูกมีดสั้นทะลวงมันก็พลันสั่นระริกไปทั้งร่าง ความรู้สึกประหลาดพิกลปรากฏบนร่างมันแต่ก็ไม่อาจบอกกล่าวได้ชัดเจนว่าคืออะไร
ยามที่มันแทงกลับหลังไปยังหลี่เฉิงเฟิงที่อยู่ด้านข้าง ศัตรูเพิ่งจะหลบการจู่โจมของมันไปได้ ในที่สุดมันก็พบปัญหา: ศัตรูไม่สมควรหลบหลีกท่าจู่โจมของมันได้อย่างแน่นอน แต่มิคาดกลับถูกหลบหลีกได้ เนื่องเพราะ --- ตัวมันเองเชื่องช้าลง!
ตามปกติ ด้วยประสบการณ์ของมันท่านี้สมควรจู่โจมถูกไปแล้ว ที่แท้ร่างกายมันกลับเชื่องช้าลงไม่น้อย!
นี่เป็ความรู้สึกขัดแย้งอันผิดปกติที่มันไม่เคยประสบมาก่อน จึงรู้สึกมือไม้ปั่นป่วนอยู่บ้าง
ดวงตาไป๋หยุนเฟยทอประกายหลักแหลม เพียงไม่ถึงอึดใจมันก็ยืนยันได้ว่าบังเกิดผลเพิ่มเติมของมีดอีกเล่มแล้ว
“เมื่อจู่โจมมีโอกาส 2% ที่จะทำให้เป้าหมายเชื่องช้าลงเป็เวลา 10 วินาที”
การกระตุ้นสัมฤทธิ์ผล!
ไป๋หยุนเฟยย่อมไม่ปล่อยโอกาสอันหายากยิ่งนี้ผ่านไป มันคำรามเตือนให้หลี่เฉิงเฟิงมุ่งจู่โจม จากนั้นกวัดแกว่งดาบใหญ่เข้าโจมตีศัตรูอย่างบ้าคลั่ง
ไป๋หยุนเฟยฟาดฟันครั้งแล้วครั้งเล่าไม่หยุดยั้งด้วย หัวหน้าหอแซ่จงงงงันสุดขีด มันไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วเกิดอันใดขึ้นกับร่างกายมัน ความเร็วที่ลดลงทำให้มันไม่อาจจู่โจมโต้ตอบจึงทำได้เพียงปัดป้องการโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าของไป๋หยุนเฟยอย่างน่าเวทนา
ทันใดยามที่มันใช้หนามสั้นปัดป้องดาบที่ฟันเข้ามาก็รู้สึกถึงพลังมหาศาลที่ส่งมากับดาบ เป็พลังที่ไม่อาจต้านทานได้ส่งมันก้าวถอยหลังอย่างหนักหน่วงไปสามก้าว กระทั่งร่างมันยังเสียสมดุลต้องเอนไปด้านหลัง
เมื่อไป๋หยุนเฟยรู้สึกถึงกระแสพลังิญญาที่พุ่งเข้าสู่ดาบใหญ่ในมือ ก็รับรู้ได้ทันทีว่ากระตุ้นผลกระทบเพิ่มเติมสำเร็จแล้ว!
(คุณสมบัติของดาบใหญ่)
“ระดับไอเทม: ธรรมดา”
“ระดับการอัพเกรด: +10”
“พลังโจมตี: 33”
“พลังโจมตีเพิ่มเติม: 39”
“ผลเพิ่มเติมระดับ +10 : เมื่อจู่โจมมีโอกาส 3% ที่จะทำกระแทกเป้าหมายถอยหลัง
“ถึงเวลาแล้ว!!!”
ยามที่ไป๋หยุนเฟยะโก้อง หลี่เฉิงเฟิงก็พุ่งเข้ามาถึงเบื้องหน้าหัวหน้าหอแซ่จงแล้ว มันยกมีดสั้นทั้งคู่ขึ้นจ้วงแทงใส่ทรวงอกของศัตรู
จนทะลุหัวใจ!
