สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าอวี๋สั่นสะท้านเล็กน้อยนางยิ้มเยาะแล้วเอ่ยว่า“ในเมื่อเ้าบอกว่าสกุลหลิวของพวกเ้ามาถอนหมั้นด้วยความจริงใจแล้วเหตุใดยังไม่ทันเข้าประตูใหญ่สกุลอวี๋ของข้าก็ทำให้ทุกคนในหมู่บ้านรู้กันจนทั่วมิหนำซ้ำยังทะเลาะกันอยู่ในลานบ้านสกุลอวี๋ของพวกเราเช่นนี้? สกุลอวี๋ของพวกเราไม่ใช่คนไร้เหตุผลสกุลหลิวของพวกเ้ามาถอนหมั้นย่อมเป็ฝ่ายผิดั้แ่แรกทว่ายังกระทำตัวโอหังถึงเพียงนี้ เหยียบย่ำเกียรติสกุลอวี๋ของข้าลงกับพื้นพูดจาปรักปรำว่าสกุลอวี๋ของข้าบีบบังคับกดขี่ผู้อื่นถึงไม่มีการแต่งงานครั้งนี้ก็ช่างปะไร! เพียงแต่คนสกุลหลิวเ้าจำไว้ว่าการหมั้นหมายในครั้งนี้ไม่ใช่พวกเ้าเป็ฝ่ายถอนหมั้นแต่เป็เพราะยามนี้สกุลอวี๋ของข้าไม่พอใจสกุลหลิวของเ้า!”
คำกล่าวของฮูหยินผู้เฒ่าอวี๋ทำให้สตรีสกุลหลิวเสียหน้าสตรีแซ่หลิวจางคิดไม่ถึงว่าฮูหยินผู้เฒ่าสกุลอวี๋จะวาจาคล่องแคล่วถึงเพียงนี้คำพูดมีระเบียบแบบแผนและชัดเจนจนนางไม่กล้าเถียงอีกต่อไปทำได้เพียงยิ้มเจื่อนออกมา "ชอบไม่ชอบอะไรกันเ้าคะเป็เพราะแม่นางของพวกเราไม่มีวาสนานี้ต่างหาก!"
ฮูหยินผู้เฒ่าอวี๋ไม่แม้แต่จะแย้มยิ้มส่งให้นางสตรีแซ่จ้าวแค่นเสียงเ็าแล้วกล่าววาจาเย้ยหยันว่า "ทำไมถึงไม่มีวาสนาเล่าสกุลถัดไปก็ยังหาเอาไว้เรียบร้อย อีกไม่นานจะได้เป็ภรรยาของซิวไฉแล้ววาสนากำลังรออยู่เสียด้วยซ้ำ!"
ก่อนหน้านี้สตรีแซ่จ้าวได้ยินคนบอกว่าจวี่เหรินแซ่หลิวต้อนรับขับสู้ชายหนุ่มผู้หนึ่งที่มีรายชื่อติดประกาศในการสอบขุนนางขั้นต้นคราแรกคิดไม่ถึงว่าเื่ราวจะมาถึงขั้นนี้คิดเพียงว่าจวี่เหรินแซ่หลิวชื่นชมปัญญาชน แต่เวลานี้สกุลหลิวมาถอนหมั้นยังมีอะไรให้ไม่เข้าใจอีก
สตรีแซ่หลิวจางไม่ยอมรับวาจาของสตรีแซ่จ้าวก่อนหน้านี้ไม่เคยไปมาหาสู่กับฮูหยินผู้เฒ่ามาก่อนนึกไม่ถึงว่าจะเป็ผู้ที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้นางเองก็ไม่อยากให้มีอุปสรรคใหม่เข้ามาขวางเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการแต่งงานของบุตรสาว นางจึงเก็บใบบันทึกวันเดือนปีเกิดคู่หมายแล้วพาคนสกุลหลิวจากไป
ชาวบ้านที่มุงดูอยู่ด้านนอกเห็นคนสกุลหลิวจากไปจึงพากันแยกย้ายแต่แค่เื่ที่สกุลอวี๋ถูกถอนหมั้นก็เพียงพอให้เอาไปพูดคุยหลังมื้ออาหารได้อีกเป็เวลานาน
ตอนนั้นคุณชายห้าสกุลอวี๋ได้ตำแหน่งจอหงวนน้อยสามสนามทำให้สกุลอวี๋พลอยได้ดีไปด้วย มีหน้ามีตาทั้งนอกและในหมู่บ้านยิ่งนักแม้แต่ท่านนายอำเภอยังมาเยี่ยมเยียนด้วยตนเอง คนในหมู่บ้านมีแต่ความอิจฉาแต่ตอนนี้มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าคุณชายห้าของสกุลอวี๋ป่วยหนักจนสถานการณ์คับขันพี่น้องสกุลอวี๋คนอื่นๆ ล้วนมีความสามารถปานกลางอวี๋จิ่นซูลงสนามสอบสองถึงสามปีติดต่อกัน แต่กลับสอบไม่ผ่านแม้แต่ขุนนางขั้นต้นอีกทั้งผลสอบขุนนางขั้นต้นในปีนี้ของอวี๋จิ่นเหยียนยังไม่เป็ที่เชิดหน้าชูตาต่อผู้คนเช่นกันสกุลอวี๋ต้องยัดเงินให้ เขาถึงได้เข้าไปในสำนักศึกษาระดับอำเภอ[1] สกุลอวี๋ถึงคราวตกอับแล้วจริงๆ
ครั้นเข้ามาในห้องโถงนายท่านอวี๋เปิดเปลือกตาเอ่ยถาม “ถอนหมั้นแล้ว?”
ก่อนหน้านี้ฮูหยินผู้เฒ่าอวี๋ระงับความโกรธต่อหน้าคนนอกเอาไว้โดยตลอดตอนนี้เหลือเพียงคนในครอบครัว สีหน้าของนางพลันไม่น่ามองอย่างยิ่ง"ถ้าไม่ถอนหมั้นแล้วจะทำอย่างไรเ้าคะ? สกุลหลิวรังแกผู้อื่นเกินไปแล้ว!"
สตรีแซ่จ้าวเปี่ยมด้วยความขุ่นเคืองเช่นกัน"สตรีแซ่หลิวจางดูถูกผู้อื่นเกินไปแล้วรังเกียจที่จิ่นซูของพวกเราไม่มีความสามารถนางคิดว่าขุนนางซิ่วไฉสอบง่ายถึงเพียงนั้นหรืออย่างไรไฉนถึงไม่เห็นสกุลหลิวของนางมีขุนนางซิ่วไฉสักคน?"
ฮูหยินผู้เฒ่าอวี๋ชำเลืองมองสตรีแซ่จ้าวชั่วครู่คิดว่านางพูดผ่านปากไม่ผ่านสมอง แม้การสอบขุนนางซิ่วไฉจะเป็เื่ยากแต่สกุลอวี๋กลับมีจอหงวนน้อยสามสนามอยู่ผู้หนึ่ง เช่นนี้จะมิทำให้นายท่านให้ความสำคัญกับบุตรครอบครัวรองมากกว่างั้นรึ!
เป็ดังคาดนายท่านอวี๋ถอนหายใจ "หากเ้าห้ามีร่างกายแข็งแรงสกุลอวี๋ของข้าคงจะมีขุนนางซิ่วไฉไปแล้วสกุลหลิวคงไม่กล้ามาขอถอนหมั้นถึงหน้าประตู..."
ฮูหยินผู้เฒ่าอวี๋รินน้ำชาให้นายท่านหนึ่งถ้วยกล่าวด้วยท่าทางเป็กังวลว่า"แต่ร่างกายของเ้าห้าจะทนเหน็ดเหนื่อยได้อย่างไรกันเ้าคะ?"
ผู้เฒ่าอวี๋นิ่งเงียบอยู่นานก่อนจะพึมพำว่า"หรือว่าลูกหลานสกุลอวี๋ของข้าจะไม่สามารถเชิดชูเกียรติบรรพบุรุษสกุลอวี๋ได้แล้วจริงๆ?"
ฮูหยินผู้เฒ่าอวี๋เอ่ยปลอบใจเสียงเบา"จิ่นซูกับจิ่นเหยียนยังเยาว์วัย วันนี้ไม่ได้ ต่อไปยังมีโอกาสเ้าค่ะ!"
ผู้เฒ่าอวี๋พยักหน้ามองไปทางสตรีแซ่จ้าว "หากจิ่นซูกลับมาจากสถานศึกษาจะต้องปลอบใจเขาให้ดีเื่ที่สกุลหลิวถอนหมั้น"
สตรีแซ่จ้าวรับคำ ตอนนี้ทั้งอวี๋จิ่นซูและอวี๋จิ่นเหยียนยังอยู่ที่สถานศึกษายังไม่รู้เื่การถอนหมั้นของสกุลหลิว อวี๋จิ่นซูเป็คนใจร้อนมาแต่ไหนแต่ไรหากรู้ว่าสกุลหลิวฉีกหน้าเขาเช่นนี้ ภายในใจคงไม่สบอารมณ์เป็แน่
อีกทั้งความหมายในคำกล่าวของสกุลหลิวคือเหตุที่ตอนนั้นจิ่นซูได้หมั้นหมายกับสกุลหลิวล้วนเป็เพราะพึ่งวาสนาของอวี๋ฉี่เจ๋อสตรีแซ่จ้าวยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกโมโหและอับอายมากขึ้นครั้งนี้ครอบครัวสามของพวกนางเสียหน้าไปจนหมดสิ้นแล้ว
แต่นางไม่สามารถเอาครอบครัวรองมาเป็เครื่องระบายโทสะสตรีแซ่จ้าวนึกถึงเมิ่งอวี๋เจียวที่ยังนอนอยู่ในห้องเก็บฟืนความโกรธแค้นอันเต็มเปี่ยมถูกเอาไปลงกับนางจนหมดสิ้น กล่าวอย่างแค้นเคืองว่า"ท่านพ่อ ท่านแม่ ล้วนเป็เพราะตัวหายนะจากสกุลเมิ่ง!ั้แ่นางมาถึงจวนของเราก็ทำให้ครอบครัวสามของพวกเราไม่อาจสงบสุขไม่ต้องเอ่ยถึงเื่ที่เกือบจะทำร้ายจิ่นเหยียน จิ่นซูยังมาถูกถอนหมั้นเช่นนี้นี่นับเป็การเสริมมงคลอะไรกัน เห็นกันอยู่ทนโท่ว่ามีแต่โชคร้ายเข้ามา!นางก็คือตัวหายนะ!"
สตรีแซ่ซ่งคิดไม่ถึงว่าเื่ถอนหมั้นยังจะหล่นใส่หัวของเมิ่งอวี๋เจียวอีกนางกำลังจะพูดแทนเมิ่งอวี๋เจียว แต่ฮูหยินผู้เฒ่าที่อยู่ข้างๆ พลันเอ่ยขึ้นว่า"คนสกุลเมิ่งผู้นั้นเป็ตัวหายนะจริงๆ จะเก็บเอาไว้ไม่ได้ครอบครัวรองปล่อยให้นางรอดเพราะไม่อาจหักใจ เช่นนั้นก็หาคนค้ามนุษย์ขายนางออกไปเถิด อย่างน้อยก็ยังได้เงินมาบ้างสกุลอวี๋ของพวกเราไม่อาจเลี้ยงนางโดยเปล่าประโยชน์ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าในภายหน้าจะเกิดเื่ร้ายแรงอะไรขึ้นอีกเ้าค่ะ"
อวี๋ฉี่เจ๋ออ่านตำราอยู่ในห้องไม่ได้มาร่วมชมความสนุกเื่ครอบครัวสามถูกถอนหมั้น ครั้นยามนี้เขาไม่อยู่คำพูดของสตรีแซ่ซ่งจึงยิ่งไม่มีน้ำหนัก
ผู้เฒ่าอวี๋ลูบเคราหลังจากได้ฟังคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าอวี๋เขาคิดใคร่ครวญอย่างรอบคอบไม่น้อย "สามารถขายให้คนค้ามนุษย์อย่างนั้นหรือ?"
"ทำไมจะไม่ได้เล่าเ้าคะ? สกุลเมิ่งไม่ได้สนใจความเป็ความตายของนางสักนิดตอนซื้อตัวนาง พวกเรายังทำสัญญากับสกุลเมิ่ง ตอนนี้สัญญานั้นอยู่ในมือของพวกเราไม่ว่าจะเป็ตายหรือขายออกไปก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสกุลเมิ่งเ้าค่ะ" ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวอย่างมั่นใจ
ผู้เฒ่าอวี๋คิดไม่ถึงว่าเมิ่งอวี๋เจียวจะดวงแข็งถึงเพียงนี้หากนังเด็กนั่นรอดชีวิตจริงๆยากที่จะรับรองว่าวันหน้าจะไม่คิดอะไรกับจิ่นเหยียนอีกการปล่อยให้นางอยู่ในสกุลอวี๋ของพวกเขาเช่นนี้นับว่าไม่เหมาะสมมากแล้วการขายออกไปอาจไม่ใช่วิธีที่เลวร้าย
"เช่นนั้นก็หาคนค้ามนุษย์ที่ไว้ใจได้แล้วขายออกไปเถิด" ผู้เฒ่าอวี๋กล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่า
"ท่านพ่อ..." สตรีแซ่ซ่งเพิ่งอ้าปาก ฮูหยินผู้เฒ่าอวี๋พลันปรายตามองความกล้าของสตรีแซ่ซ่งถูกสั่นคลอนก่อนจะกลืนวาจาลงไป
เมื่อกลับถึงเรือนฝั่งตะวันออกสตรีแซ่ซ่งเล่าเื่ที่ฮูหยินผู้เฒ่าจะขายเมิ่งอวี๋เจียวให้กับคนค้ามนุษย์ให้อวี๋เมิ่งซานฟังนางจงใจเล่าเสียงดังสักหน่อยเพราะแท้จริงแล้วนางอยากบอกให้อวี๋ฉี่เจ๋อที่อยู่ในห้องได้ยิน
นางชำเลืองมองเข้าไปในห้องพบว่าอวี๋ฉี่เจ๋อกำลังก้มหน้าถือม้วนตำราและอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจสตรีแซ่ซ่งไม่รู้ว่าเขาฟังสิ่งที่ตนกำลังพูดอยู่หรือไม่จึงเอ่ยพลางถอนหายใจกับอวี๋เมิ่งซานว่า "เฮ้อข้าได้ยินผู้คนบอกว่าแม่ค้ามนุษย์เ่าั้มักจะซื้อตัวแม่นางไปยังซ่องโสเภณีอันเป็สถานที่สกปรกเ้าค่ะ"
อวี๋เมิ่งชานกล่าวอย่างเปี่ยมความตั้งใจแต่ไร้กำลัง"คงต้องดูวาสนาของแม่หนูเมิ่งผู้นั้นเสียแล้ว"
อวี๋ฉี่เจ๋อที่กำลังอ่านตำราอยู่ภายในห้องเหม่อลอยเล็กน้อยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเป็ประกายของอวี๋เจียวปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขาวางม้วนตำราในมือลง ค้นลิ้นชักแล้วหยิบถุงเงินเก่าออกมาหนึ่งใบเอาเหรียญทองแดงทั้งหมดในถุงเงินออกมานับ ทั้งหมดมีเพียงสี่สิบอีแปะเท่านั้นเงินทั้งหมดนี้คือเงินที่อวี๋ฉี่เจ๋อคัดตำราให้ผู้อื่นแล้วแอบเก็บออมเอาไว้
เขาเอาเหรียญทองแดงแต่ละเหรียญใส่ลงในถุงเงินดอกบัวอีกครั้ง
ในห้องเก็บฟืนอวี๋เจียวคาบฟางไว้ในปาก ผิวปากอย่างเบื่อหน่ายเหลือคณาประตูไม้ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด อวี๋เจียวเงยหน้าขึ้นมองเมื่อเห็นว่าเป็อวี๋ฉี่เจ๋อพลันคลี่ยิ้มออกมา "พี่ห้าเอาของกินมาส่งข้าอีกแล้วหรือ?"
เชิงอรรถ
[1] สำนักศึกษาระดับอำเภอคือสถานศึกษาสำหรับบัณฑิตที่สอบผ่านขุนนางระดับต้น