“มีอยู่สามส่วนจริงๆ โดยเฉพาะท่าทางและบรรยากาศรอบกาย” จวินเหยียนพูดอมยิ้มด้วยเื่นี้ถือเป็เื่จริง โดยเฉพาะในยามที่พวกนางช่วยเหลือคน อากัปกิริยาท่าทางต่างๆนับว่ายิ่งเหมือน “นี่คงเป็เหตุผลที่ว่า เหตุใดหลิ่วเซิงถึงได้เชื่อใจเ้าั้แ่แรกนั่นก็เพราะเ้าคล้ายสตรีที่เขารัก”
“จริงสิ แล้วเหตุใดตอนนี้ข้าถึงไม่เห็นอาจารย์อารองของท่านเลย? ” เมื่อคืนวานนางถูกคนตามติดด้วยอยากจะกินเค้กเอาเถอะ วันนี้นางจึงลงมือทำเค้กให้ ทว่า เมื่ออาจารย์อารองกินเค้กเสร็จแล้ว นางก็ไม่เห็นเขาอีกเลย
จวินเหยียนยิ้ม “คาดว่าคงเพราะรู้ว่าอาจารย์อาน้อยมาแล้ว คนจึงได้หนีไป”
“จริงๆ แล้วสำนักของอาจารย์ท่านคืออันใดกันแน่? เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินท่านพูดถึงเลย? ” นางรู้สึกว่าเื่นี้ช่างแปลกประหลาดมาก
เขาเล่นนิ้วของนางเบาๆ “ไร้พรรคไร้สำนัก ในสำนักของอาจารย์มีแค่ อาจารย์อาจารย์อารอง และอาจารย์อาน้อย แต่ว่า ข้ารู้ พวกเขาล้วนมิใช่คนธรรมดา แท้จริงแล้วอาจารย์ข้าวรยุทธ์สูงส่งลึกลับซับซ้อนแต่กลับเป็ตาเฒ่าที่ชื่นชอบการดื่มสุราเป็ที่สุด หากวันใดเ้าเห็นใครบางคนที่เตร็ดเตร่ตามท้องถนนสวมอาภรณ์ที่สกปรกมอมแมมไม่ปะชุนไม่ซ่อมแซม อีกทั้งที่ข้างเอวยังแขวนน้ำเต้าใส่สุราไว้อยู่ก็ให้สันนิษฐานไว้เลยว่า คนผู้นั้นไม่แน่อาจเป็อาจารย์ข้า ส่วนอาจารย์อารองความสามารถด้านวิชาพิษถือว่าร้ายกาจที่สุด เพียงคนในยุทธภพได้ยินชื่อก็เป็ต้องหวาดกลัวและอาจารย์อาน้อยผู้อ่อนโยนจิตใจดี วิชาแพทย์ของนางล้ำเลิศ ไม่ว่านางจะทำเื่ใดก็ล้วนเด็ดขาดยกเว้นเื่ที่ชอบอาจารย์อารองนี้ที่ทำให้นางออกจะหัวรั้นมากไปหน่อย อย่างไรก็ตามอาจารย์ข้ามีข้าเป็ศิษย์ ส่วนหลิ่วเซิงก็นับว่าเป็ผู้สืบทอดของอาจารย์อาน้อยดังนั้น ตอนนี้ก็มีแค่อาจารย์อารองเท่านั้นที่ยังไม่มีศิษย์สืบทอด เขาถึงได้ร้อนใจหลายปีมานี้ก็เอาแต่ขึ้นเหนือล่องใต้ เพื่อเสาะหาผู้สืบทอดที่ถูกใจ”
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็มองไปยังอวิ๋นซี “หากเ้าชอบศึกษาเื่พิษจริงๆเช่นนั้นก็กราบอาจารย์อารองเป็อาจารย์ จะดีหรือไม่? ”
หากนางทำเช่นนั้น พวกเขาก็จะนับว่าเป็ศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน
อวิ๋นซีส่ายศีรษะ “ไม่เอาหรอกลูกสาวข้ายังไม่เห็นอาจารย์ผู้นี้อยู่ในสายตาสายตาข้าคงไม่อาจเทียบไม่ได้แม้แต่กับสายตาของเด็กน้อยอายุหกขวบหรอกกระมัง”ตาเฒ่านั่นมีฝีมือในการกลั่นพิษสูงส่งมาก แต่น่าเสียดายที่นางเป็ผู้มีใจฏมาแต่กำเนิดเื่มากมาย้าทำด้วยตนเอง
ในอดีตที่เลือกเรียนวิชาแพทย์ก็ล้วนเป็ไปตามที่ใจตนคิดตนหวังและเพราะ้าที่จะผลักดันให้เกิดสิ่งใหม่ๆ จึงทำให้ครูอาจารย์ใอยู่หลายครั้ง
จวินเหยียนได้แต่หัวเราะหึหึ ไม่คิดบังคับภรรยา อย่างไรเสียเื่เช่นนี้ก็จำต้องให้คนยินยอมพร้อมใจจริงๆ อีกประการ สถานะที่แท้จริงของอาจารย์อารองนั้นก็ยังลึกลับอยู่นิดหน่อยแม้แต่อาจารย์ของเขาเองก็ยังไม่ทราบชาติกำเนิดของอีกฝ่าย กระทั่งตอนนี้ พวกเขาล้วนรู้เพียงว่าคนคืออาจารย์อารองไม่รู้ชื่อ ไม่รู้แห่งหนที่มา
................................................................................................
ณ ตำหนักเฟิ่งอี้ วังหลวง
สตรีผู้หนึ่งที่สวมอาภรณ์ลายร้อยวิหคคำนับพญาหงส์กำลังเอนกายอยู่บนตั่งกุ้ยเฟยดวงตาราวนกการเวกหลับพริ้ม ขณะที่มือยังคงลูบไล้ไปบนลำตัวของแมวน้อยที่อิงแอบอยู่แนบอกอย่างเบามือที่พื้นด้านล่างยังมีนางกำนัลในชุดกงจวงสีชมพูนั่งอยู่อย่างเรียบร้อย ดูแล้วคนน่าจะมีอายุราวๆสามสิบกว่าปี คิ้วตามีความคล้ายคลึงกับฮองเฮาแห่งหนานเย่าผู้กำลังเอนกายอยู่บนตั่งกุ้ยเฟยอยู่สองสามส่วน“พี่หญิง เขากลับมาแล้ว”
“เปิ่นกงรู้แล้ว” ฮองเฮาเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ พูดเรียบๆ
เื่ที่ลูกชายคนนั้นของตนกลับมาแล้ว แน่นอนว่านางย่อมต้องรู้ แม้จะออกไปจากตำหนักเฟิ่งอี้น้อยครั้งก็ตามแต่จะทำอย่างไรได้ เพราะหลังจากที่ลูกชายสุดที่รักกลับมาก็พาภรรยาที่ว่ามาพบนาง
เต๋อเฟยมีท่าทีอย่างยากจะสงบนิ่ง “พี่หญิง หากเขากลับมาแล้วพวกท่านก็จะเปลี่ยนความคิดแล้วใช่หรือไม่? ”
“เข้าวังมาก็ยี่สิบกว่าปีแล้ว เ้ายังไม่ได้เรียนรู้อีกหรือว่า สิ่งใดที่เรียกว่าการจัดการอย่างสงบนิ่งการจะอยู่ในวังหลวง นี่เป็สิ่งแรกที่ควรต้องรู้เพื่อการคงอยู่ ตัวเ้าลืมเลือนไปหมดสิ้นแล้วหรือ?จวินเหยียนน่ะเป็ลูกชายของเปิ่นกง การที่เขากลับมาได้ก็ถือเป็เื่ดีฝ่าาเองก็มิใช่คนเขลา พระองค์ต้องรู้แน่ว่ายามนี้ควรต้องทำอันใด ดังนั้น การเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆ ของเ้า จะให้ดีที่สุดก็หยุดเสีย อย่าได้ไปท้าทายอำนาจของฮ่องเต้ในยามนี้เป็อันขาด”
เมื่อฮองเฮาพูดจบก็มองน้องสาวตนด้วยสายตาเ็าไปทีหนึ่งน้องสาวคนนี้ดีทุกอย่าง เสียแต่ว่าเป็คนใจร้อน อยากเห็นความสำเร็จมากไปหน่อย ทว่าเื่บางเื่มองแต่ภายนอกไม่ได้ ต้องตั้งใจมองถึงสิ่งที่อยู่ภายใน
หลังจากที่พูดคุยกับเต๋อเฟยได้ครู่หนึ่ง ฮองเฮาก็ให้คนกลับไปก่อน และรอจนกระทั่งเต๋อเฟยจากไปแล้วฮองเฮาจึงถามหมัวมัวที่อยู่ข้างกาย “หนิงชินอ๋องปิดประตูจวนไม่รับแขกหรือ? ” นี่ก็เข้าวันที่สองแล้ว เ้าเด็กนี่ คิดจะทำอันใดกันแน่?
“ทูลฮองเฮา จวนหนิงชินอ๋องยังคงปิดประตูจวนไม่รับแขกเช่นเดิม อีกทั้ง บ่าวรับใช้ในจวนก็ล้วนเป็คนที่ฝ่าาให้คนคัดเลือกมาเพคะ”หมัวมัวตอบ
ฮองเฮาถึงกับขมวดคิ้วมุ่น “คนของเรา ไม่สามารถแทรกเข้าไปได้เลยแม้แต่คนเดียว? ”
หมัวมัวส่ายหน้า “ไม่ได้แม้แต่คนเดียวเพคะ อย่าว่าแต่พวกเราเลยต่อให้จะเป็คนจากจวนอ๋องอื่นที่คิดอยากจะแทรกคนเข้าไปก็ยังยากเสียยิ่งกว่ายากยามนี้คนรับใช้ของจวนหนิงชินอ๋อง นอกจากจะเป็คนที่หนิงชินอ๋องและพระชายาพากลับมาจากหานโจวด้วยที่เหลือก็ล้วนเป็คนของฝ่าาเพคะ”
“พระชายา” ฮองเฮาแค่นเสียงเ็า “หมอหญิงที่เกิดในพื้นที่เล็กๆอย่างหานโจวจะคู่ควรเป็พระชายาชินอ๋องหรือ? หากให้พูดตามที่เปิ่นกงคิดต่อให้สตรีแซ่อวิ๋นนางนั้นจะมาเป็อนุให้ลูกชายของเปิ่นกงก็ยังถือว่าไม่คู่ควรเลยด้วยซ้ำ”
เมื่อหมัวมัวได้ยินก็เงียบ ไม่พูดจา ด้วยเื่นี้ต่อให้ฮองเฮาจะไม่ยินยอมพร้อมใจ ถึงอย่างไรก็นับว่าไร้หนทาง เพราะตอนนั้นเป็ฝ่าาที่แต่งตั้งอวิ๋นซีเป็พระชายาหานอ๋องด้วยพระองค์เองในท้องพระโรงทั้งยังเป็ฝ่าาที่มีรับสั่งให้คนไปสลักนามของอวิ๋นซีลงบนอวี้เตี๋ยของราชวงศ์
ยามนี้คนเป็พระชายาที่ถูกต้อง
ยิ่งกว่านั้น เมื่อสองวันก่อนก็เป็ฝ่าาที่แต่งตั้งอวิ๋นซีเป็รุ่ยิ่จวิ้นจู่ชายาหนิงชินอ๋องด้วยพระองค์เองอีกเช่นกัน การที่พระองค์แต่งตั้งคนเป็จวิ้นจู่ก่อนจากนั้นค่อยแต่งตั้งเป็ชายาหนิงชินอ๋อง นั่นก็เป็การแสดงออกว่า พระองค์ให้การยอมรับต่ออวิ๋นซีเช่นไร
ด้วยเื่นี้ ต่อให้ฮองเฮาจะไม่อยากยอมรับสักเพียงใดก็ทำได้แค่ขบฟันจนแตกแล้วกลืนลงท้องตัวเองไปก็เท่านั้น เพราะว่าพระราชอำนาจของฝ่าาถือเป็สิ่งที่ท้าทายไม่ได้นี่เป็สิ่งที่เมื่อครู่ฮองเฮาเพิ่งเอ่ยเตือนเต๋อเฟยไป
“เปิ่นกงอยากจะเจอหลานสาวคนนั้นของเปิ่นกงเสียหน่อยแล้ว เ้าให้คนไปที่จวนหนิงชินอ๋องและตามตัวหวานหว่านมาหาเปิ่นกง” ฮองเฮาตรัสเรียบๆเมื่อพูดจบนางก็โยนแมวในอ้อมแขนออกไปอย่างรุนแรง ชั่วขณะนั้นแมวที่จู่ๆ ก็ถูกโยนลงพื้นได้แต่นอนแดดิ้นอยู่สองสามทีก่อนจะแน่นิ่งไป
เมื่อหมัวมัวเห็นเช่นนั้นก็ยิ่งปิดปากเงียบ ไม่พูดไม่จานี่เป็แมวตัวที่สามที่่นี้ฮองเฮาโยนลงพื้นแล้วตาย ตัวนางเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันแมวที่มีฉายาว่าเก้าชีวิตไม่ตายง่ายๆ นั้นกลับถูกฮองเฮาโยนลงมาตายได้ง่ายๆ
เื่นี้ หากพูดออกไปก็มีแต่จะทำให้คนหวาดกลัว
ทางด้านของอวิ๋นซี เมื่อนางรู้ว่าฮองเฮา้าให้หวานหว่านเข้าวังไปพบตน หัวใจนางก็อดไม่ได้ให้เต้นตึกตักทั้งยังปรากฏร่องรอยความไม่สบายใจอันเข้มข้น ฮองเฮาแกล้งป่วยไปแล้วมิใช่หรือ เหตุใดจึงหายเร็วเพียงนี้?
คนคิดจะทำอันใดกันแน่?
จวินเหยียนมองหมัวมัวไปทีหนึ่ง ตอบเรียบๆ ว่า “เ้ากลับไปทูลเสด็จแม่เถิดบอกว่าหวานหว่าน...”
เขายังพูดไม่จบ เป็หวานหว่านที่พูดแทรกขึ้นมา “เสด็จพ่อหวานหว่านอยากจะเข้าวังไปเจอเสด็จย่า”
อวิ๋นซีและจวินเหยียนต่างคิดไม่ถึงว่า หวานหว่านจะพูดเช่นนี้ ตอนนี้หากพวกเขาจะใช้ข้ออ้างใด เพื่อรั้งตัวเด็กไว้ก็ล้วนไม่เหมาะสม เพียงแต่ หากจะให้หวานหว่านเข้าวังไปเพียงลำพังในใจเขาก็กังวลเป็อย่างยิ่ง “นับั้แ่ที่เปิ่นหวางและพระชายากลับมาถึงเมืองหลวงก็ยังไม่มีโอกาสได้พบเสด็จแม่เลยเช่นนั้นเปิ่นหวางจะพาหวานหว่านเข้าวังไปถวายบังคมเสด็จแม่เดี๋ยวนี้”
ทันทีที่หมัวมัวได้ยินก็รีบเอ่ยขัด “หนิงชินอ๋องเพคะ ฮองเฮาตรัสแล้วว่าจะพบแค่หวาหยางจวิ้นจู่”
จวินเหยียนขมวดคิ้ว คิดจะกริ้วโกรธ แต่หวานหว่านกลับเดินออกไปก่อนแล้ว“ไปเถอะ พวกเราอย่าให้เสด็จย่าต้องรอนานเลย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้