บทที่ 4 ขุดหลุมฝัง
โดยปกติแล้วบริเวณทางฝั่งตะวันตกของหอศิษย์รับใช้บนยอดเขาชิงจู๋ ใกล้กับผาตัด มักจะไม่มีคน ดังนั้นฉินชูจึงใช้ที่นั่นเป็สถานที่ฝึกกระบี่
วิชากระบี่พื้นฐานเป็วิชาระดับล่าง แต่ฉินชูคิดว่าในเมื่อขึ้นชื่อว่าตำรายุทธ์ แสดงว่าต้องมีข้อดีของมันอยู่ และถึงต่อให้เป็ตำรายุทธ์ระดับล่าง แต่สิ่งสำคัญของมันก็คือใครเป็ผู้ใช้
เมื่อมาถึงผาตัด ฉินชูก็ชักกระบี่ออกมาและเริ่มฝึกวิชากระบี่พื้นฐานตามที่ตำราบันทึกเอาไว้ เขากวัดแกว่งกระบี่ทั้งผ่า ฟัน ปาด เฉือน ทั้งหมดล้วนเป็กระบวนท่าพื้นฐาน
ครั้นเร่งฝึกก็กินเวลาไปแล้วสองชั่วยาม จนกระทั่งเอ้อพั่งนำข้าวมาส่ง
“เอ๊ะ ทำไมมีเนื้อด้วยล่ะ” ฉินชูแปลกใจ เพราะปกติกับข้าวที่หอศิษย์รับใช้ไม่ค่อยได้เื่และปกติก็ไม่ใส่เนื้อสัตว์
“พวกเราช่วยโรงครัวทำงาน พวกเขาเลยให้พวกเรากินดี ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยกินดี แต่ตอนนี้ของเหล่านี้ตกเป็ของลูกพี่แล้ว” เอ้อพั่งพูดขึ้นพลางยกยิ้ม ตอนไม่ยิ้มไม่เท่าไร แต่พอยิ้มที เนื้อบนใบหน้าก็กระจุกรวมกันจนแก้มตุ่ย
เมื่อเห็นก้อนไขมันบนใบหน้าของเอ้อพั่ง ฉินชูก็รู้ทันทีว่ามันมาจากไหน ดูเหมือนเ้าหมอนี่จะกินดีอยู่ดีกว่าศิษย์รับใช้คนอื่น
“ถือว่าเ้ารู้งาน ตอนนี้เ้ากลับไปได้แล้ว แล้วรอบหน้าก็ส่งข้าวให้ข้าตรงเวลาด้วย” ฉินชูกำชับเอ้อพั่ง
หลังจากกินข้าวเสร็จ ฉินชูก็ฝึกกระบี่ต่อ ใต้หล้านี้ไม่มีตำรายุทธ์ที่ไร้ประโยชน์ มีเพียงแต่คนไม่เอาไหนเท่านั้น ขอเพียงตั้งใจฝึกต่อไปเรื่อยๆ สักวันจะต้องเห็นผลแน่นอน
หลังจากนั้น ฉินชูก็ฝึกวิชากระบี่ใน่กลางวัน พอตกดึกก็ฝึกตำรายุทธ์ไร้นามที่ผู้เฒ่ามอบให้เขา
แม้ตำรายุทธ์ไร้นามเล่มนี้จะไม่อาจฝึกพลังปราณได้ แต่มันก็ทำให้ฉินชูมีร่างกายที่แข็งแกร่ง หุ่นเขาไม่หนาแน่นกำยำมากนัก แต่ภายในร่างกายกลับเปี่ยมแน่นไปด้วยพละกำลัง เขาสามารถฆ่าเสือโคร่งดุร้ายได้ภายในหมัดเดียว แล้วจะให้คิดว่าพละกำลังพวกนี้มาจากไหน แน่นอนว่าต้องมาจากการฝึกตนตามตำรายุทธ์ไร้นามเล่มนี้
ครึ่งเดือนผ่านไป วิชากระบี่พื้นฐานของฉินชูก็ได้ถูกขัดเกลามาจนถึงจุดอิ่มตัว และวันนี้เอ้อพั่งก็มาเหมือนเช่นเคย ทว่าฉินชูกลับพบว่าเอ้อพั่งตาเขียวช้ำมาหนึ่งข้าง
“เกิดอะไรขึ้น ใครกล้าต่อยเ้า เขาไม่รู้ว่าข้าคุ้มกะลาหัวเ้าอยู่งั้นหรือ” ฉินชูขมวดคิ้ว
“ที่หอศิษย์รับใช้ของพวกเรามีศิษย์รับใช้มาใหม่หนึ่งคน เขาไม่เชื่อฟังใครเลย พอข้าสั่งงานเขา เขาก็ต่อยสวนกลับมาทันที” เอ้อพั่งพูดขึ้นอย่างห่อเหี่ยว ครั้งนี้เขารู้ซึ้งถึงผลกรรมตามสนองเข้าแล้ว เพราะตอนที่ตัวเองเป็หัวหน้าที่นี่ก็เคยทำเื่เช่นนี้มาเหมือนกัน
หลังจากฉินชูกินเสร็จก็ลุกขึ้นตบท้องตัวเอง “ไปกันเถอะ ข้าจะไปดูว่าใครกันที่กล้าทำเ้า ใครที่ริอาจไม่เชื่อฟัง ก็ให้มันเตรียมขุดหลุมฝังตัวเองได้เลย”
ขณะเดินกลับ เอ้อพั่งก็เล่าให้ฉินชูฟังไปพลางๆ ว่าศิษย์รับใช้ที่มาใหม่มีนามว่า ‘ไป๋อวี้’ เป็คนที่เข้ามากลางคันเช่นกัน เดิมทีเขา้ามาเข้าร่วมพิธีคัดเลือกศิษย์ แต่มาสาย จึงถูกจับยัดมาที่หอศิษย์รับใช้เพื่อหาข้าวกิน
“เ้าหมอนั่นประกาศลั่นว่าเขามาอยู่กินเท่านั้น ใครเรียกใช้งานเขา จะต้องถูกต่อย” เอ้อพั่งเล่าให้ฉินชูฟัง
เมื่อกลับมาถึงหอศิษย์รับใช้ ฉินชูก็ได้ยินเสียงพูดคุยกัน จับใจความได้ประมาณว่าศิษย์รับใช้ภายในห้องห้องหนึ่งถูกไล่ออกมาจนหมด เพราะถูกศิษย์รับใช้หน้าใหม่ผู้นี้ยึดห้องไป
เหล่าศิษย์รับใช้ยังซุบซิบกันอีกว่าก่อนหน้านี้มีฉินชูที่เปรียบเหมือนัอยู่แล้ว และตอนนี้ดันมีไป๋อวี้ที่เปรียบเหมือนพยัคฆ์ขาวเพิ่มมาอีกคน ต่อจากนี้ไป ไม่รู้ว่าใครจะได้ขึ้นเป็หัวหน้าที่หอศิษย์รับใช้ แต่ว่าเอ้อพั่งได้เปลี่ยนชื่อเป็ซานพั่งแน่นอน
“ใครแซ่ไป๋ จงไสหัวออกมา” ฉินชูะโเรียกอยู่หน้าโรงเรือนที่ศิษย์รับใช้โดนไล่ออก
ทันใดนั้น ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินออกมามองหน้าฉินชู “เ้าคือฉินชู เป็ลูกพี่ใหญ่ของที่นี่สินะ คิดจะสั่งข้ารึ อย่าคิดว่าตัวเองเป็ถึงลูกพี่ใหญ่แล้วจะมาสั่งข้าได้ ระวังจะเป็ได้ไม่นาน”
ฉินชูสะบัดคอยืดเส้นไปมา “มาสู้กัน หากเ้าชนะ เ้ากลายเป็หัวหน้าที่นี่ แต่ถ้าแพ้ก็จงฟังคำสั่งข้า”
“ได้” ชายหนุ่มนามไป๋อวี้เดินตามฉินชูมาที่ลานกว้างของหอศิษย์รับใช้ จากนั้นก็ชักกระบี่ยาวออกมาจากเอว
เมื่อเห็นกระบี่ยาวในมือของชายหนุ่ม ฉินชูก็ถึงกับส่ายหน้า ตัวเขาเองเพิ่งฝึกวิชากระบี่มาหมาดๆ ไม่เช่นนั้นเขาก็คงเหมือนกับศิษย์รับใช้คนอื่นๆ ที่พ่ายแพ้ให้กับไป๋อวี้ไปแล้ว แต่อันที่จริง ตอนนี้เขาก็ยังเป็ศิษย์รับใช้อยู่
ไป๋อวี้เองก็ไม่เกรงใจฉินชู พอชักกระบี่ออกมาก็พุ่งเข้าฟาดฟันทันที
ฉินชูชักกระบี่ออกมาก่อนจะวาดกระบวนท่าวิชากระบี่พื้นฐานเพื่อมาใช้ต่อสู้กับไป๋อวี้
เมื่อเริ่มสู้กัน ต่างคนต่างดุดัน ฉินชูจึงพบว่าฝีมือของไป๋อวี้ไม่ธรรมดาเลย ดีที่กระบวนท่ากระบี่ที่เขาฝึกฝนมาตลอดครึ่งเดือนก็รุนแรงเช่นกัน ไม่เช่นนั้นเขาคงรับมือกับไป๋อวี้ไม่ไหว
ต่อสู้กันได้สักพัก พละกำลังในร่างกายของฉินชูก็ถูกรีดเค้นจนจะะเิออกมาเต็มที่ ในเมื่อทักษะกระบี่ของเ้าเป็เลิศนัก เช่นนั้นข้าจะเล่นกับเ้าเอง
เมื่อกระบี่ทั้งสองเล่มปะทะกันอีกครั้ง กระบี่ยาวในมือของไป๋อวี้ก็ถูกฉินชูฟันเข้าใส่จนลอยกระเด็น
ครั้นปลดอาวุธของอีกฝ่ายได้แล้ว ฉินชูก็ชักกระบี่เก็บ ก่อนพุ่งเข้าไปต่อสู้กับไป๋อวี้ในระยะประชิด
ตอนนี้ไป๋อวี้ตกเป็ฝ่ายถูกไล่ต้อน เขาต้านฉินชูไม่ไหวแล้ว เริ่มจากถูกต่อยเข้าที่ท้องหนึ่งหมัดจนตัวงอเป็กุ้ง จากนั้นก็ถูกต่อยเสยคางจนล้มหงายหลัง
ฉินชูะโขึ้นไปขี่บนตัวไป๋อวี้ แล้วซัดเข้าที่เบ้าตาไป๋อวี้ข้างหนึ่งทำเอาเขาแทบลืมตาไม่ขึ้น
จัดการไป๋อวี้เสร็จ ฉินชูก็ลุกขึ้นปัดเสื้อผ้า “ทุกคน แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน ที่เหลือก็คอยฟังคำสั่งเอ้อพั่ง”
เหล่าศิษย์รับใช้พากันแยกย้ายไปทำกิจของตัวเองก็เพราะเกรงกลัวรังสีดุดันที่แผ่ออกมาจากตัวของฉินชู
ไป๋อวี้ลุกขึ้นมานั่งคลำเบ้าตาตัวเอง กลับพบว่าดวงตาข้างหนึ่งถูกฉินชูต่อยจนลืมไม่ขึ้นแล้ว
“ฝีมือเ้าไม่เลวเลย หลังจากนี้มาอยู่เล่นกับข้าเสีย ถ้าไม่ทำตาม ข้าจะขุดหลุมไว้ให้เ้าฝังตัวเอง” เมื่อเห็นไป๋อวี้ ฉินชูก็เอ่ยปากชวน
“ข้าจะอยู่กับเ้าแค่ชั่วคราวเท่านั้น อย่าปล่อยให้ข้าสู้ชนะเ้าล่ะ” ไป๋อวี้มองฉินชูครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าอย่างหมดปัญญา เพราะตอนนี้เขาสู้ฉินชูไม่ได้จริงๆ
“เ้ามาท้าสู้กับข้าได้ตลอดเวลา...เ้าต่อสู้เป็ ทำไมถึงได้มาเป็ศิษย์รับใช้ได้” ฉินชูถามไป๋อวี้
จากนั้นไป๋อวี้ก็เล่าเื่ของเขาให้ฟัง เขาก่อเื่ในตระกูลเอาไว้ เลยหนีออกมาหวังจะเข้าร่วมพิธีรับศิษย์สำนักชิงหยุน แต่สุดท้ายก็มาไม่ทัน เขาจึงได้แต่เสียเงินและขอเข้ามาเป็ศิษย์รับใช้
“ช่างน่าอาย เอาไว้ปีหน้าค่อยเข้าร่วมการคัดเลือกใหม่ก็แล้วกัน ถ้าทางตระกูลของข้ารู้ว่าข้ามาเป็ศิษย์รับใช้ที่สำนักชิงหยุน พวกเขาฆ่าข้าตายแน่ๆ” ไป๋อวี้ถอนหายใจ
ฉินชูตบท้ายทอยไป๋อวี้หนึ่งทีก่อนพูดขึ้น “เป็ศิษย์รับใช้แล้วมันเป็อะไร ศิษย์รับใช้แล้วไม่มีสิทธิ์ภาคภูมิใจในตัวเองหรือ อยู่กับข้าไม่ว่าจะเป็ศิษย์สายนอกหรือศิษย์สายใน สักวันหนึ่งพวกเขาจะต้องแหงนหน้ามองพวกเรา”
“เ้าแน่ใจหรือ?” ไป๋อวี้มองฉินชู
“ข้าแน่ใจ” ฉินชูพยักหน้า
ไป๋อวี้มองพินิจฉินชูครู่หนึ่ง “ตอนนี้ข้าจะเชื่อเ้าแล้วกัน ไหนว่ามาว่าพวกเราต้องทำอย่างไร”
“กินข้าวเที่ยงเสร็จ พวกเราจะออกเดินทางไปทำภารกิจ จากนั้นก็สะสมแต้มคุณูปการเอาไปแลกตำรายุทธ์ คนอื่นเริ่มต้นด้วยการเป็ลูกศิษย์ของสำนักอย่างเป็ทางการ แต่พวกเราจะลุกผงาดจากการเป็ศิษย์รับใช้” ฉินชูยืดอกพูดอย่างมั่นใจ
“ให้มันได้แบบนี้” ไป๋อวี้ตื่นเต้นยิ่งนัก แต่ว่าตาหนึ่งข้างบวมช้ำแบบนี้ มันดูเสียภาพลักษณ์ไปหน่อย
จากนั้นฉินชูก็ะโเรียกเอ้อพั่ง “เอ้อพั่ง เ้าไม่ต้องสนใจเื่ของไป๋อวี้แล้ว เก็บสัมภาระของเขาไปไว้ในเรือนของข้า แล้วพวกเ้าก็ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป”
หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฉินชูก็พาไป๋อวี้ออกไป เขา้าจะเก็บสะสมแต้มคุณูปการและนำกระบวนท่ากระบี่พื้นฐานที่ฝึกมาใช้ในสถานการณ์จริง
ไป๋อวี้รู้สึกอายดวงตาที่บวมช้ำหนึ่งข้างของตัวเอง เขาจึงนำผ้ามาปิดตาเอาไว้ ดูๆ ไปแล้วก็ช่างดูน่าเกรงขามราวกับัตาเดียว
เมื่อฉินชูกับไป๋อวี้มาถึงหอคุณูปการก็รับภารกิจมา ทั้งสองรับภารกิจเก็บสมุนไพรและผลึกพลังของสัตว์อสูรที่ต่ำกว่าขั้นที่สามมาทั้งหมด
ผู้ดูแลหอคุณูปการไม่ปริปากบ่นฉินชูแม้แต่น้อย ลูกศิษย์สำนักชิงหยุนคนอื่นๆ ก็ไม่ทัดทานถากถางเขาเช่นกัน พวกเขารู้แค่ว่าเ้าศิษย์รับใช้ที่ชื่อฉินชูคนนี้ไม่เหมือนก่อนหน้านี้แล้ว เพราะครั้งนี้เขาพกกระบี่มาด้วย ซ้ำยังมีลูกน้องที่พกกระบี่เพิ่มมาอีกหนึ่งคน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้