ม่อหรานแนะนำให้นางเพียงแนวทางพื้นฐานที่สุดในการชักนำสิ่งที่เรียกว่า พลังลมปราณ มาใช้งานเขาไม่กล้าสอนล้ำลึกเกินไป เพราะเกรงว่านางจะฝืนร่างกายแต่เพียงแค่พื้นฐานนั้น…ก็เพียงพอแล้วสำหรับเสวียนหนิงทุกค่ำคืน หลังจากนางดูแลให้สามีหลับสนิทหลังจากแสงตะเกียงในบ้านไม้ดับลงจนเหลือเพียงเงาจันทร์สาดเข้าสู่ลานดินด้านหลังนางจึงเริ่มการฝึกฝนที่แท้จริงของตน ลมหายใจเข้าปราณฟ้าดินหลั่งไหล ลมหายใจออกปราณหมุนเวียนไปทั่วร่าง
ทักษะการลอบสังหารจากชีวิตก่อนเมื่อหลอมรวมเข้ากับพลังลมปราณกลับก่อเกิดเป็สิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าเดิมหลายเท่าร่างบางพุ่งตัวขึ้นจากพื้นปลายเท้าเพียงแตะต้องกิ่งไม้ร่างก็ลอยขึ้นสูงราวกับไร้น้ำหนักวิชาตัวเบา เกิดขึ้นอย่างเป็ธรรมชาติ ราวกับนางเคยใช้มันมาแล้วนับพันครั้ง
เงาร่างของนางเคลื่อนไหวกลางความมืดรวดเร็ว เงียบเชียบ และแม่นยำทุกท่วงท่าการต่อสู้ทุกการเหวี่ยงแขน ถีบเท้าล้วนแฝงพลังลมปราณที่เสริมความรุนแรงและความเร็วขึ้นหลายเท่าตัวเสวียนหนิงหยุดยืนอยู่กลางลานดิน เหงื่อบางๆ เกาะบนหน้าผากลมหายใจยังคงสม่ำเสมอดวงตานางส่องประกายคมกล้า
“ร่างกายของข้า…สามารถเคลื่อนไหวได้ดั่งใจจริงๆ”นางเอ่ยกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่แฝงความพึงพอใจอย่างยิ่งแม้นางจะไม่ปรารถนาการฆ่าอีกต่อไปแม้มือคู่นี้จะไม่อยากเปื้อนเืดังเช่นในอดีตแต่นางก็รู้ดีว่าในโลกที่ล้าหลังและโหดร้ายเช่นนี้พลัง คือสิ่งจำเป็ไม่ใช่เพื่อสังหารแต่เพื่อป้องกัน
ปกป้องตนเอง ปกป้องชายผู้เป็สามี ปกป้องชีวิตเรียบง่ายที่นางเพิ่งได้มา
ใต้แสงจันทร์ซีดจางเสวียนหนิงกำหมัดแน่นพลังลมปราณในกายไหลเวียนอย่างมั่นคงยิ่งกว่าวันแรกและเป็ครั้งแรก…นางไม่รู้สึกหวาดกลัวต่อพลังของตนเองอีกแล้วเพราะพลังนี้มิได้ถือกำเนิดมาเพื่อ พรากชีวิตแต่เพื่อ รักษาชีวิตที่นางรักไว้ให้มั่นคง
ยามแสงอรุณของเช้าวันใหม่สาดส่องเข้ามาในบ้านไม้หลังเล็ก เสวียนหนิงก็กลับมาสวมบท แม่บ้าน อย่างสมบูรณ์แบบอีกครั้ง ราวกับในยามค่ำคืนที่นางเหาะเหินใต้แสงจันทร์นั้นเป็เพียงภาพลวงตา งานบ้านงานเรือนทุกอย่างถูกจัดการอย่างเรียบร้อย ไม่ขาดตกบกพร่องแม้เพียงเล็กน้อย
ในห้องครัวเล็กๆ นางกำลังเตรียมอาหารให้สามีพลังปราณไหลเวียนอยู่ในร่างอย่างแเี ผสานกับทักษะการใช้มีดที่แม่นยำจนแทบมองไม่เห็นคมมีด ผักถูกหั่นเป็ชิ้นบางสม่ำเสมอในพริบตาเดียว เสียง “ฉับ ฉับ” ดังขึ้นต่อเนื่องราวกับดนตรีที่มีจังหวะเฉพาะตัวม่อหรานที่นั่งมองอยู่ใกล้ๆ ถึงกับสะท้านในใจสตรีคนรักของเขา…กลับใช้ทักษะที่ลึกซึ้งถึงเพียงนี้มา ทำกับข้าวให้เขากิน
“ข้ารู้สึกอุ่นใจยิ่งนัก ที่มีเ้าเป็ภรรยา”เขากล่าวด้วยน้ำเสียงติดตลก กลบเกลื่อนความตื่นตะลึงที่เอ่อล้นอยู่ในอกเพราะแม้ในยามนี้ นางยังดูเหมือนจะ กักฝีมือเอาไว้ ไม่ได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่ด้วยซ้ำเสวียนหนิงหันมายิ้มอ่อน“ท่านพี่โปรดรอสักครู่นะเ้าคะ อีกไม่นานก็จะเสร็จแล้ว”
เสียงของนางนุ่มนวล อ่อนโยนแตกต่างจากความเฉียบคมของท่วงท่าการใช้มีดราวกับเป็คนละคนไม่นานนัก อาหารร้อนๆ ก็ถูกจัดวางลงตรงหน้าของทั้งสองกลิ่นหอมอุ่นของอาหารเรียบง่ายอบอวลไปทั่วบ้านทั้งคู่รับประทานร่วมกันอย่างสงบ
ม่อหรานวางตะเกียบลงเบาๆแววตานิ่งลึกปนละอาย“ต้องลำบากเ้าแล้วจริงๆ… ข้าที่เป็บุรุษกลับทำตัวเป็ตัวถ่วงเ้าเช่นนี้”
แม้เสวียนหนิงจะดูแข็งแรง แข็งแกร่งกว่าสตรีทั่วไปแต่เขาก็รู้ดีว่านางยังต้องออกไปทำงาน หาเงิน เลี้ยงดูครอบครัวในขณะที่เขา…ได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเสวียนหนิงส่ายหน้าเบาๆ ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน“ถ้าหากมีวันใดวันหนึ่ง ท่านพี่หายดีแล้ว…ท่านพี่ก็ค่อยชดเชยให้น้องก็พอแล้วเ้าค่ะ”
ม่อหรานเงยหน้ามองนางอย่างจริงจังแววตาของเขามั่นคงอย่างที่ไม่เคยสั่นคลอน“ได้… หากวันหนึ่งข้าสามารถทวงทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนมาได้ข้าจะเป็บุรุษที่คู่ควรต่อเ้าจะไม่ทำตัวมักมากและจะไม่เหลวไหลเป็อันขาด”
ในยุคสมัยที่บุรุษสามารถมีสตรีอยู่เคียงข้างได้มากมายคำสัญญาเช่นนี้…หนักแน่นยิ่งกว่าสิ่งใดเสวียนหนิงนิ่งมองเขานางไม่ได้้าทรัพย์สมบัติ นาง้าเพียงบุรุษเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความจริงใจเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว
ในขณะที่บรรยากาศภายในบ้านไม้เก่าโทรมอบอวลไปด้วยความรักและความอบอุ่นเสียงหนึ่งกลับดังแทรกขึ้นมาจากภายนอก
“เสวียนหนิงเ้าอยู่หรือไม่?”
น้ำเสียงของสตรีวัยกลางคนดังชัดเจน ไม่อ่อนโยน ไม่เร่งร้อนเพียงแค่เรียบเฉย…ดุจเป็เื่ปกติในทุกเดือนเสวียนหนิงสะดุ้งเล็กน้อย ถึงเวลาค่าเช่าแล้วสินะ…
เสียงนั้นเป็เสียงของ อันเหนียง เ้าของบ้านไม้หลังนี้ นางเป็สตรีวัยกลางคนผู้มีนิสัยตรงไปตรงมา แต่สายตากลับเคยชินกับการมองผู้อื่นจาก ประโยชน์และค่าเงิน
“ท่านป้า โปรดรอสักครู่นะเ้าคะ ข้ากำลังออกไป”เสวียนหนิงขานตอบ พร้อมกับจำเสียงนั้นได้ในทันทีจากความทรงจำของเ้าของร่างเดิมนางหยิบถุงเงินที่เตรียมไว้ก่อนหน้าเดินไปเปิดประตูบ้านทันทีที่บานประตูเปิดออกเสวียนหนิงก็ก้มศีรษะเล็กน้อย ก่อนยื่นเงินให้
“ท่านป้า นี่เป็ค่าเช่าสำหรับเดือนนี้และส่วนที่ค้างไว้ก่อนหน้าเ้าค่ะ”
อันเหนียงรับถุงเงินไปอย่างรวดเร็วชั่งน้ำหนักครู่หนึ่งในมือ สีหน้าจึงคลายลงเล็กน้อยแต่ในวินาถัดมา…สายตาของนางกลับมองผ่านไหล่เสวียนหนิงเข้าไปภายในบ้านอย่างไม่ปิดบังอย่างไร้มารยาทดวงตานั้นชำเลืองไปหยุดที่ร่างของม่อหรานชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนรถเข็น ใบหน้าซีดจาง ร่างกายอ่อนแรงมุมปากของอันเหนียงกระตุกขึ้นเล็กน้อย“ช่างน่าเสียดายนัก…สตรีงดงามเช่นเ้าไม่จำเป็ต้องมาจมปลักอยู่กับชายพิการเช่นนี้”
เพียงคำพูดเดียว…อากาศรอบตัวเสวียนหนิงก็เย็นลงในทันใดแววตาของนางเปลี่ยนจากสุภาพอ่อนโยนเป็ เ็าและคมกริบ
“เมื่อท่านได้สิ่งที่้าแล้ว…” น้ำเสียงของเสวียนหนิงเรียบเฉยไร้อารมณ์ “ถ้าเช่นนั้น ข้าขอตัว”
บานประตูถูกปิดลงในทันทีภายในบ้านม่อหรานเงยหน้าขึ้นมามองเขาไม่ได้พูดอะไรแต่มองเห็นชัดเจน…ว่าเสวียนหนิงโกรธ
เสวียนหนิงหันกลับมาเมื่อสบตาเขา…ความเ็าในแววตาก็สลายหายไปเหลือเพียงความอ่อนโยนเดิมดังเช่นเคย
“ท่านพี่ อย่าคิดมากนะเ้าคะ” นางกล่าวเสียงแ่ “สำหรับน้อง…ท่านพี่มีค่ากว่าสิ่งใดทั้งสิ้น”
และในวินาทีนั้น ม่อหรานก็แน่ใจ ไม่ว่าโลกภายนอกจะมองเขาเป็เช่นไรในสายตาของสตรีผู้นี้เขาคือ ทุกอย่าง
