สวีซื่อคิดว่า หลินมามาเพียงปลอบใจตนเท่านั้น เพราะ่นี้ นางมักจะฝันเห็นหนีเจียเอ๋อร์แทบทุกคืน เมื่อสะดุ้งตื่นขึ้นมา กลับรู้สึกว่ามันเหมือนจริงยิ่งนัก
สวีซื่อพยายามปลุกปลอบหัวใจที่เต้นแรง ให้กลับมาเป็ปกติอีกครั้ง จากนั้น ก็อ้างว่าอยากจะไปที่วิหารเพื่อขอพรให้เด็กในท้อง จึงขอตัวกับนายท่านหนี แล้วเดินแยกไปที่สวนด้านหลังวิหาร ตามที่ได้นัดหมายกับหัวหน้ามือสังหารตามลำพัง
เมื่อหนีเจียเอ๋อร์ออกมาจากที่ซ่อน แล้วสังเกตเห็นสวีซื่อแยกตัวไปที่สวนด้านหลังคนเดียว นางจึงบอกให้คนของจวนสกุลโจว หลอกล่อให้นายท่านหนีเดินไปยังบริเวณนั้น
นายท่านหนีที่แยกตัวผละมา จึงบังเอิญเหลือบไปเห็นสวีซื่อ ยืนอยู่กับบุรุษหน้าตาหยาบกระด้างผู้หนึ่ง แม้จะพยายามเงี่ยหูฟังว่าทั้งสองกำลังพูดคุยอะไรกัน แต่ก็ไม่ได้ยิน ด้วยเสียงสนทนาของพวกเขาเบาเกินไป
ต่อมา สวีซื่อก็มอบเงินถุงใหญ่ให้ ชายผู้นั้นก็รับมาไว้ในมือ พลางมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง ก่อนจะเดินจากไป
เมื่อสวีซื่อได้รับรายงานว่าหนีเจียเอ๋อร์ตายไปแล้วจริงๆ จึงหายใจได้อย่างโล่งอก รู้สึกดีจนต้องฮัมเพลงออกมา แต่พอหันหลังกลับ ก็พบว่านายท่านหนีอยู่ห่างออกไปไม่ถึงสองจั้ง อารมณ์อันปลอดโปร่งจึงเหือดหาย กลายเป็ความลนลาน
รอยยิ้มแห่งชัยชนะสลายหายไปจากใบหน้า เสียงของนางสั่นพร่า ขณะถามอย่างร้อนรน “นายท่าน มาั้แ่เมื่อใดเ้าคะ?”
ใบหน้าของอีกฝ่ายปรากฏความสงสัย พลางถามอย่างไม่พอใจ “บุรุษผู้นั้นคือใคร?”
สวีซื่อก้มหน้าลงเพื่อซ่อนความตื่นตระหนกในแววตา พอเงยหน้าขึ้น ก็วางมือลงบนหน้าท้องเบาๆ พร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน “นายท่าน เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วนัก ข้าตั้งครรภ์ลูกของเรามาได้สามเดือนแล้ว”
การเปลี่ยนเื่อย่างฉับพลันเช่นนั้น ทำให้นายท่านหนียิ่งกังขา “เ้ายังมิได้ตอบคำถามของข้า”
สวืซื่อมองไปที่หน้าท้องของตน แล้วกล่าวว่า “ั้แ่ลูกของเราพ้นเคราะห์ครั้งใหญ่มาได้ ์คงจะอวยพรให้เขาปลอดภัย และข้าก็ได้คิดทบทวนอะไรหลายอย่าง ก่อนหน้านี้ อาจเป็เพราะข้าทำสิ่งใดผิด ์จึงส่งสัญญาณเตือน ดังนั้นข้าไม่โทษเสี่ยวเอ๋อร์ มันเป็ความผิดพลาดของข้าเอง หากนางโชคดีกลับบ้านมาได้ เื่ในอดีตที่ผ่านมา ก็ถือว่าให้เลิกแล้วต่อกันเถิด”
นายท่านหนีเหลือบตามองด้วยความไม่เชื่อ
สวีซื่อจึงเอ่ยอีกครั้ง “คนที่ข้าเพิ่งให้เงินไปเมื่อครู่ เป็เพียงคนแปลกหน้าที่เข้ามาแจ้งข่าวโดยบังเอิญเท่านั้น เขาเห็นเสี่ยวเอ๋อร์ตอนเดินทางไปต่างแคว้น ข้าจึงตกรางวัลให้เป็การตอบแทน โดยใช้เงินที่เตรียมมาบริจาคให้วัด นี่ก็เพื่อช่วยเว่ยอี๋เหนียงตามหาเสี่ยวเอ๋อร์อีกแรง ทั้งยังสร้างกุศลให้ลูกของเราด้วย เขาจะได้เกิดมาอย่างปลอดภัย”
เมื่อเห็นสามีมิได้พูดอันใดอีก สวีซื่อก็เริ่มใจชื้น คิดว่าอีกฝ่ายคงจะหายข้องใจแล้ว นางจึงกลับมามีความสุขกับข่าวของหนีเจียเอ๋อร์ได้อีกครั้ง โดยมิได้สนใจเขา
...
หลังกลับไปถึงจวน สวีซื่อก็แทบไม่อาจระงับความสุขที่ทะลักทลายออกจากอกได้ เมื่อผ่านเื่ร้ายๆ มาได้อย่างราบรื่น นางจึงอยากจะจัดงานเลี้ยง โดยเชิญทั้งบุตรีและฮูหยินของบุคคลสำคัญทั่วทั้งเมืองหลวงมาร่วมงาน เพื่อเฉลิมฉลองให้กับครอบครัวตน และหวังว่าทุกอย่างในอนาคตจะราบรื่น
เื่ของเสี่ยวเอ๋อร์ยังไม่ทันคลี่คลาย แต่นางกลับ้าจะจัดงานเลี้ยงอย่างนั้นหรือ?
แต่เพราะตอนนี้สวีซื่อกำลังตั้งครรภ์ จำต้องให้ความสำคัญกับอารมณ์ของมารดา ซึ่งอาจส่งผลต่อบุตรในท้อง นายท่านหนีจึงได้แต่ระงับความไม่พอใจ แล้วปล่อยนางไป
...
อีกด้านหนึ่ง
โจวชิงหวาพาหนีเจียเอ๋อร์และคนของตน ไปอำลาเ้าอาวาส ก่อนเดินทางกลับจวนสกุลโจว
หนีเจียเอ๋อร์รู้สึกว่าบุรุษสวมหน้ากากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง จึงขอให้สือหวู่พาไปยังห้องโถง เพื่อสอบปากคำอีกฝ่ายเป็การส่วนตัว
หัวหน้ามือสังหารที่ได้รับาเ็จากการทรมาน ถูกลากตัวมาคุกเข่าตรงหน้าพวกเขาอีกครั้ง
แม้จะหวาดกลัว แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ แล้วโพล่งถาม “ข้าทำตามที่เ้าพูดแล้ว ยัง้าอะไรอีก?”
โจวชิงหวายังคงดื่มชา โดยไม่ใส่ใจเสียงประท้วงของบุรุษตรงหน้า
หนีเจียเอ๋อร์ลุกขึ้น เดินเข้าไปหา พลางดึงมืดที่แขนเสื้อของตนออกมา ก่อนพูดเสียงแ่เบา “เ้าเคยได้ยินวิธีการปะาแบบหลิงฉือ[1]หรือไม่?”
ว่าแล้ว ก็หันมาจ่อมีดเข้าที่คออีกฝ่าย “เท่าที่ข้ารู้ นักโทษจะถูกแล่เนื้อเถือหนังทั้งเป็ ทุกส่วนในร่างกายถูกเฉือนเป็หลายร้อยหลายพันชิ้น โดยใช้มีดเพียงเล่มเดียว...”
ชายคนนั้นตะลึงงัน ใบหน้าซีดเผือดไม่ต่างจากคนตาย สตรีนางนี้ คงจะทำเื่ที่น่ากลัวเช่นนั้นได้อย่างแน่นอนโดยไม่ต้องสงสัย ดังนั้นไม่ว่านางจะถามสิ่งใด เขาจึงตอบแบบไม่เก็บงำแม้แต่น้อย
พอรู้ว่าก่อนหน้านี้ สวีซื่อสั่งให้เขาไปลักพาตัวน้องชายของเสี่ยวเสวียนมา หนีเจียเอ๋อร์ก็รู้ทันที ว่าเหตุใดสาวใช้คนสนิทถึงต้องทรยศตนเช่นนั้น
หนีเจียเอ๋อร์มองมือสังหารด้วยสายตามืดมิด ขยับมีดไปประชิดลำคอเขายิ่งขึ้น “สารภาพมา ว่าเ้าซ่อนน้องชายของเสี่ยวเสวียนไว้ที่ไหน!”
คนผู้นั้นจึงโพล่งตอบด้วยความพรั่นพรึง “หลังเสี่ยวเสวียนตาย เขาก็กลายเป็เด็กกำพร้า ไม่มีคนดูแล ตอนนี้ถูกนำตัวไปปล่อยทิ้งไว้ที่ทางตอนใต้ของเมืองแล้ว”
โจวชิงหวาวางถ้วยชาลง และลุกขึ้น “มาเถอะ! ข้าจะไปกับเ้าเอง พอรับกลับมาแล้ว ก็ให้อยู่ที่นี่เสีย จากนี้ไป จวนสกุลโจวจะเป็บ้านของเขา”
หนีเจียเอ๋อร์พยักหน้า วางมีดลง เมื่อหวนนึกถึงความเ็ปของเสี่ยวเสวียน การตายของสาวใช้คนสนิท ทำให้นางรู้สึกหนักอึ้งด้วยความเ็ป ราวกับถูกเข็มนับพันทิ่มแทงใจ
ทั้งสองเดินทางไปยังตอนใต้ของเมือง พอไปถึง ก็พบว่ามีเด็กชายสามคนกำลังรับก้อนหินที่บ่าวรับใช้ยื่นให้ แล้วขว้างไปทางเด็กชายตัวผอม ผู้สวมเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมต่อหน้าต่อตา
เด็กชายที่สวมชุดหรูหรา ยกมือขึ้นโห่ร้อง “โอ้… อีกครั้งสิ ขว้างใส่เขาอีก!”
เด็กชายร่างอวบอ้วนอีกคน พลันพูดขึ้นว่า “ฮึ่ม... ข้าขว้างเอง!”
เด็กชายอีกคนชำเลืองมอง ก่อนปล่อยให้เ้าอ้วนปาหินออกไปก่อน แล้วจึงค่อยขว้างบ้าง
บรรดาเด็กยากไร้ ล้วนถูกกลั่นแกล้งรังแกจากผู้ที่มีฐานะสูงกว่า ท่ามกลางเสียงหัวเราะ เด็กน้อยร่างผอมได้แต่กำหมัดแน่น ดวงตาของเขาฉายแววดื้อรั้นไม่ยอมคน ขณะจับจ้องเด็กชายทั้งสามด้วยสายตาแข็งกร้าว
นี่คือชะตากรรมที่ต้องเผชิญ ด้วยไร้ครอบครัวคอยปกป้อง เขาจึงไม่มีอำนาจพอที่จะต่อสู้ ต่างจากเด็กเ่าั้...
หนีเจียเอ๋อร์เคยเห็นน้องชายของเสี่ยวเสวียน ผ่านมาครึ่งปีแล้ว แต่นางก็ยังจำได้ ว่าเด็กชายที่ถูกรังแกอยู่นั้น คือหยวนเสี่ยวหลี น้องชายของสาวใช้คนสนิท
หญิงสาวจึงตวาดลั่น “หยุดนะ!”
เด็กร่างอ้วนเหลือบมองนางอย่างรังเกียจ แล้วขว้างหินไปทางหยวนเสี่ยวหลีอีกครั้ง
โจวชิงหวารีบร่อนพัดออกไปกระแทกหิน จากนั้น พัดก็วนกลับเข้ามาอยู่ในมือ
เ้าอ้วนโกรธจนหน้าดำหน้าแดง ขณะเอ่ยเสียงยโส “เ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็ใคร?”
เด็กอีกสองคน ก็พากันจับจ้องมาที่พวกเขาด้วยท่าทางอวดดีเช่นกัน
แต่บ่าวรับใช้ตาไว สังเกตเห็นโจวชิงหวาเข้าเสียก่อน และจำได้ว่าบุรุษผู้นี้สนิทสนมกับคนในราชสำนัก จึงไม่เหมาะที่จะหาเื่ เขาจึงพยายามเกลี้ยกล่อมเ้านายตัวน้อยทั้งหลาย ให้ล่าถอยไปทันที
หนีเจียเอ๋อร์วิ่งเข้าไปแตะแก้มมอมแมมของเด็กชาย น้ำตาเริ่มเอ่อคลอ “ข้าขอโทษ เป็ความผิดของข้าเอง ที่มารับเ้าช้าเกินไป”
หลังลิ้มรสความหนาวเหน็บและขมขื่นของชีวิต กลายเป็ขอทานมาหนึ่งเดือนเต็มๆ หยวนเสี่ยวหลีที่กำลังรู้สึกเคว้งคว้าง ก็ได้ััความอบอุ่นเป็ครั้งแรก น้ำตาของเขาจึงไหลพรั่งพรู เด็กชายพลันโผเข้ากอดหนีเจียเอ๋อร์เอาไว้อย่างแแ่
หญิงสาวกอดตอบ และปล่อยให้เขาได้ระบายความเ็ปทั้งหมดออกมา
กว่าหยวนเสี่ยวหลีจะหยุดร้องได้ ก็ผ่านไปนานเลยทีเดียว “คุณหนูอย่าได้ตำหนิพี่สาวข้าเลยขอรับ บ่าวรับใช้ของนายหญิงใช้ข้าเป็ตัวประกัน บีบบังคับให้นางต้องทำเช่นนั้น พี่สาวข้าจึงไม่มีทางเลือก...”
บ่าวรับใช้ของสวีซื่อ? จะเป็ใครไปได้อีก นอกจากหลินมามา!
หนีเจียเอ๋อร์และโจวชิงหวาหน้าเปลี่ยนสี ตอนนี้พวกเขาพอจะประติดประต่อได้แล้ว ว่าแผนการของสวีซื่อนั้น ดำเนินมาอย่างไร...
ทั้งสองจึงพาหยวนเสี่ยวหลีกลับไปยังจวนสกุลโจว และมอบหมายให้บ่าวดูแลเด็กชายเป็อย่างดี ก่อนมุ่งหน้าตรงไปที่ตลาดมืด
-------------------------------------------------
[1] หลิงฉือ (凌遲) หรือการแล่เนื้อเถือหนังทั้งเป็ ด้วยการเฉือนเนื้อเป็พันๆ ครั้งจนกว่าจะตาย
โดยเริ่มจากการจับตัวนักโทษมามัดติดกับเสา แล้วค่อยๆ ใช้มีดเฉือนเนื้อั้แ่ส่วนราวนม หน้าอก น่อง แขนขา หู จมูก อวัยวะเพศ ก่อนคว้านเครื่องใน ควักหัวใจ และส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งจำนวนครั้งที่เฉือนจะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับโทษทัณฑ์ที่ได้รับ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้