“แกอย่ามาทำตัวเสแสร้งอยู่ตรงนี้” หวังซิ่วหลิงรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว
ถึงจะเห็นแล้วมันจะทำไม?
“ฉันไม่อยู่บ้านแล้วจะไปอยู่ที่ไหน?” หวังซิ่วหลิงพูดเสียงเ็า “อย่าคิดว่าแกพูดจาไร้สาระ แล้วจะขู่ฉันได้นะ เงินค่าสินสอดน่ะ อย่าหวังเลย”
“งั้นก็แล้วไป” สวี่จือจือตบมือเบาๆ แล้วเดินไปยังห้องของตัวเอง “ป้าสะใภ้ใหญ่ พี่ป้าน้าอาทุกท่านกลับไปพักผ่อนกันเถอะค่ะ รีบมาช่วยงานแต่เช้า ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ แต่ว่าตอนกลางคืนก็อย่าหลับให้ลึกเกินไปนะคะ ไม่อย่างนั้นสามีที่อยู่ข้างกายของตัวเองหายไปไหนก็ไม่รู้..."
ในหมู่บ้านมีข่าวลือกันว่าหวังซิ่วหลิงไม่ซื่อสัตย์กับสามี คบชู้หลายคน สวมหมวกเขียวให้สวี่จงโฮ่วไปหลายหน แต่ไม่เคยมีใครรู้ว่าชู้คนนั้นเป็ใคร
เมื่อสวี่จือจือพูดแบบนี้ ความสงสัยก็เริ่มแพร่กระจายไปในหมู่บ้าน
“ฉันจะตีแกให้ตาย นังตัวซวย” หวังซิ่วหลิงคิดได้ก็หน้าดำคล้ำ รีบพุ่งตัวเข้าไปทุบตีสวี่จือจือ “นังคนปากไม่ดี ชอบใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น...อ๊ะ...”
โครม!
พลาดท่าล้มคว่ำลงไปเหมือนหมากินอาจม
จุ๊ๆ...สวี่จือจือรู้สึกเจ็บแทนอีกฝ่ายเลย
“หน้าฉัน” หวังซิ่วหลิงกุมใบหน้าด้วยความเ็ป ล้มได้น่าอนาถเกินไป แค่ขยับก็ปวดแล้ว
“เฮ้อ” สวี่จือจือทำท่าทาง ‘ลำบากใจเหลือเกิน’
“หนูยังไม่ได้พูดอะไรเลย ทำไมแม่ต้องเริ่มด่าคนอีกแล้วล่ะเนี่ย? ทำไมถึงมีคนชอบด่าตัวเองขนาดนี้กันนะ?”
“แม่จะแกล้งล้มก็ไม่ได้ผลหรอก ถ้าไม่ได้เงินค่าสินสอด หนูไม่มีทางแต่งงานแน่นอน ถ้าเลยฤกษ์งามยามดีก็ให้คนจากตระกูลลู่รอกันไปแล้วกัน ยังไงซะลู่จิ่งซานก็ยังไม่กลับมาอยู่ดี รอเขากลับมาแล้วหนูค่อยแต่งงาน”
แกล้งล้มกับผีสิ!
ใบหน้าของเธอเป็แบบนี้แล้วจะเป็การแกล้งล้มได้ยังไง?
“ทำทุกวิถีทางก็ไม่ได้ผล” สวี่จือจือพูด
หวังซิ่วหลิงอยากจะะเิอยู่ที่เดิม
“แก...แกเป็ปีศาจมาจากไหน” เธอมองสวี่จือจือด้วยความโกรธแค้น “แกไม่ใช่ลูกของฉัน”
ถ้าเปลี่ยนคนคงไม่มีทางพูดจาฉะฉานแบบนี้ได้หรอก
“ใช่แล้ว” สวี่เจวียนเจวียนช่วยพยุงหวังซิ่วหลิง “แกไม่ใช่น้องสาวของฉัน ต้องมีปีศาจมาสิงแกแน่ๆ”
สวี่จือจือมองทั้งคู่อย่างเย้ยหยัน “คนที่เคยเดินเฉียดประตูผีมาแล้ว จะมีอะไรที่มองไม่เห็นอีก? สังคมใหม่แล้ว จะใส่ร้ายกันก็ให้มีเหตุผลหน่อย” สวี่จือจือพูดเสียงเ็า “ฉันเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันจะไม่ยอมตายโง่ๆ อีกครั้งแน่นอน”
“นังลูกเวร ถ้ารู้อย่างนี้ ตอนที่คลอดแกมา ฉันน่าจะเอาแกไปทิ้งในกระโถนให้ตายๆ ไปซะ” หวังซิ่วหลิงจ้องเธอด้วยสายตาอาฆาต
“นี่มัน...เกิดอะไรขึ้น?”
ขบวนรับตัวเ้าสาวของตระกูลลู่มาถึงแล้ว คนนำขบวนที่เป็ชายวัยกลางคนใกับสายตาโเี้ของหวังซิ่วหลิง เขารีบถาม “นี่ใช่บ้านตระกูลสวี่หรือเปล่า? พวกเราไม่ได้มาผิดบ้านใช่ไหม?”
ทำไมดูไม่เหมือนมีบรรยากาศของการแต่งงานเลยสักนิด?
ต่อให้เป็สังคมใหม่ แต่ก็ควรมีตัวอักษรมงคลอยู่หน้าบ้านบ้างไม่ใช่หรือไง?
ในลานบ้านก็ไม่เห็นมีสินเดิมที่ฝ่ายหญิงเตรียมไว้วางอยู่เลย
“ไม่ผิด ไม่ผิด” สวี่ฉางไห่รีบตอบทันที แล้วยิ้มต้อนรับ “พี่ลู่ มาที่นี่ถูกแล้ว” จากนั้นก็ส่งสายตาให้ภรรยาตัวเอง “รีบไปช่วยจือจือเก็บของเร็วเข้า”
“จือจือ” โจวกุ้ยอิงพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “เด็กดี เชื่อป้าสะใภ้เถอะ เมื่อคนจากตระกูลลู่มาแล้ว ก็รีบตามพวกเขาไปเถอะ อย่าให้เสียฤกษ์งามยามดี”
“ป้าสะใภ้คะ ตอนนี้มันเป็สังคมใหม่แล้ว ตอนไหนก็เป็ฤกษ์งามยามดีได้” สวี่จือจือพูดจบก็เหลือบมองไปยังโจวเป่าเฉิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก “ฉันจะรอให้ลู่จิ่งซานกลับมาก่อนถึงจะแต่งงาน”
“ผู้หญิงแต่งงาน สินเดิมก็เหมือนเกราะป้องกันตัวเธอ” เธอพูดเสียงแ่เบา “ถ้าไม่ให้สินเดิม ก็ควรต้องมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล”
“เอ่อ...คุณหนูสวี่” ชายวัยกลางคนพูดด้วยความรู้สึกผิด “จิ่งซานกำลังปฏิบัติภารกิจของชาติ เลยกลับมาไม่ได้”
“นี่คือพี่ชายของจิ่งซาน เขาก็มีความสามารถเหมือนกัน” ชายวัยกลางคนพูดพลางดึงโจวเป่าเฉิงเข้ามา “ให้เขามาเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินแทนจิ่งซานก็เหมือนกันนั่นแหละ”
“คุณลุงลู่” สวี่จือจือส่ายหน้า “เขาแซ่โจว มันไม่เหมือนกันนะคะ”
“อีกอย่าง บ้านเดิมของฉันไม่ให้สินเดิม” สวี่จือจือพูดด้วยความเศร้า “ถ้าสามีไม่มารับตัว ฉันจะใช้ชีวิตต่อไปยังไงกัน?”
ในชาติที่แล้ว เ้าของร่างเดิมก็ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะไปทั้งชีวิต แถมยังถูกโจวเป่าเฉิงคุกคามอยู่ตลอดเวลา ทำให้เธอมืดมนลงเรื่อยๆ
“หรือว่าฉันจะไปถามที่ประชาคมดู ตอนนี้เป็สังคมใหม่แล้ว ยังมีคนที่ขายลูกสาวตัวเองได้อีกเหรอ?” เธอหัวเราะเล็กน้อย
ถึงแม้จะดูผอมแห้ง แต่รอยยิ้มของเธอกลับทำให้คนที่อยู่ในลานบ้านรู้สึกเหมือนมีสายลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่าน ถ้าเลี้ยงดูดีๆ เธอต้องเป็คนสวยคนหนึ่งเลย
“เอ่อ...” ชายวัยกลางคนรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ มองไปยังสวี่ฉางไห่อย่างไม่เห็นด้วย “เหล่าสวี่ บ้านของพวกนาย นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?”
คนที่มาก็คือลู่หรงฟา หัวหน้ากองงานแห่งหมู่บ้านผานสือ แต่ฐานะของลู่หรงฟานั้นสูงกว่าสวี่ฉางไห่มากนัก มีอิทธิพลต่อประชาคมชีหลี่ทั้งหมด
อย่างแรกหมู่บ้านผานสือเป็หมู่บ้านที่มีประชากรมากที่สุดในประชาคมชีหลี่ มีขนาดใหญ่เท่ากับสามหมู่บ้านซ่างสุ่ยรวมกัน อย่างที่สองลู่หรงฟาเป็หลานชายของคุณนายลู่
“พี่ชายอย่าโกรธไปเลย” สวี่ฉางไห่รีบยิ้มประจบประแจง “ทำให้พี่เห็นเื่ตลกแล้ว เดี๋ยวผมจะจัดการให้เอง”
“ฉันไม่ได้อยากจะพูดแบบนี้หรอกนะ” ลู่หรงฟาพูดเสียงต่ำ “ถ้าเด็กคนนี้ไปร้องเรียนที่ประชาคม... ทางบ้านตระกูลลู่คงไม่เป็อะไร แต่ตำแหน่งหัวหน้าหน่วยของนาย หัวหน้ากองงานของพวกนายกำลังจะเกษียณแล้ว อย่าทำเื่เล็กให้เป็เื่ใหญ่เลย!”
ทำให้สวี่ฉางไห่รู้สึกหนาวไปถึงสันหลังอีกครั้ง “พี่ชาย รอเดี๋ยวนะครับ ผมจะรีบจัดการให้เรียบร้อย”
แล้วก็หันไปหาหวังซิ่วหลิงด้วยสีหน้าถมึงทึง “รีบไปเอาเงินค่าสินสอดของตระกูลลู่มาให้จือจือเดี๋ยวนี้!”
“ฉันไม่...”
“ยังไม่รีบไปอีก” สวี่ฉางไห่ะโเสียงเ็า “ถ้าไม่อยากให้ฉันต้องเสียตำแหน่งหัวหน้าหน่วย ก็อย่ามาทำตัวน่ารำคาญตรงนี้!”
หวังซิ่วหลิงไม่เคยเห็นเขาเป็แบบนี้มาก่อนก็รู้สึกใ แล้วก็หันไปจ้องสวี่จือจือด้วยความอาฆาต “ร้อยหยวน” เธอกัดฟันพูดด้วยความโกรธแค้น “ไม่มีมากกว่านี้แล้ว”
“ก็ได้ค่ะ” สวี่จือจือเอียงคอมองสวี่ฉางไห่ “คุณลุง เวลาที่ลูกผู้หญิงในหมู่บ้านเราแต่งงาน จะต้องเลี้ยงแขกด้วยใช่ไหมคะ?”
“หนูจำได้ว่าตอนที่พี่สาวแต่งงาน จัดโต๊ะเลี้ยงถึงแปดโต๊ะแน่ะ หนูเป็น้องสาว จะให้เกินหน้าพี่สาวไปก็ไม่ได้ เอาเป็หกโต๊ะแล้วกัน” สวี่จือจือพูดด้วยรอยยิ้ม “หมูสองตัวที่อยู่หลังบ้าน เมื่อหนูแต่งงานไปแล้วก็คงไม่มีใครเลี้ยงมันแล้ว มอบให้รัฐบาลหนึ่งตัว อีกตัวก็ให้คุณลุงหาคนมาฆ่า แล้วพวกเราก็ทำอาหารกันเลย”
ยังไงซะก็ต้องรอให้ลู่จิ่งซานกลับมา ไม่ต้องรีบร้อน
“เหลวไหล” หวังซิ่วหลิงร้องด้วยความโกรธ “อย่าแม้แต่จะคิด”
จะใช้หมูหนึ่งตัวมาเลี้ยงแขก ช่างกล้าจริงๆ!
“โหวกเหวกโวยวายอะไรนักหนา น่ารำคาญ!” สวี่ฉางไห่จ้องเธอ จากนั้นก็หันไปยิ้มให้สวี่จือจือ “จือจือ วันนี้ก็สายมากแล้ว เื่ฆ่าหมูเอาไว้ก่อนเถอะ เอาแบบนี้แล้วกัน ลุงจะให้แม่เธอเอาเงินร้อยห้าสิบหยวนมาให้เธอเป็สินเดิม เธอคิดว่ายังไง?”
“ก็ได้ค่ะ” สวี่จือจือพูดด้วยรอยยิ้ม “แต่คุณลุงคะ ไก่พวกนั้นหนูเลี้ยงจนผูกพันแล้ว อยากจะเอาไปด้วย ถ้าไม่ได้เอาไปด้วย หนูจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ ถ้าหนูไม่สบายขึ้นมา อาจจะพูดอะไรแปลกๆ ออกไปก็ได้ ถ้าเกิดพลั้งปากพูดถึงคืนนั้นขึ้นมา...”
“ได้สิ” สวี่ฉางไห่พูดพลางกัดฟัน “ลุงจะจัดการให้”
“ขอบคุณค่ะคุณลุง” สวี่จือจือพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณลุงสมกับเป็หัวหน้าหน่วย มีวิสัยทัศน์ที่แตกต่างจากคนอื่นจริงๆ เมื่อเป็แบบนี้แล้วก็รอให้ลู่จิ่งซานกลับมาก่อน แล้วพวกเราค่อยแต่งงาน”
สวี่ฉางไห่ “...”
ที่พูดไปเยอะแยะก็ไม่มีประโยชน์เลยไม่ใช่เหรอ?!
ทำไมยังต้องรอให้ลู่จิ่งซานกลับมาอีก?
“เขาจะกลับมา” สวี่จือจือพูดเสริมอีกประโยค
พูดเหมือนเป็เื่จริงเลย
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้