คำพูดของเจิ้งซวี่เหยา ทำให้กลุ่มหนุ่มสาวมองหน้ากัน ก่อนจะเกิดความภาคภูมิใจที่บอกไม่ถูกขึ้นในใจ ใช่สิ พวกเรายังหนุ่มยังสาว อนาคตสิบปีข้างหน้า พวกเราจะสร้างเนื้อสร้างตัวได้ขนาดไหนกันนะ ช่างเป็ความคาดหวังที่น่าตื่นเต้นอย่างประหลาด
"อาจารย์เจิ้งก็ยังหนุ่มแน่นนะคะ อายุยังไม่ถึงสามสิบ ถือเป็่เวลาที่ดีที่สุดในการสร้างเนื้อสร้างตัว แถมยังเป็ผู้ใหญ่แล้วด้วย ไม่เหมือนพวกเราที่ยังอ่อนประสบการณ์ ต้องฝึกฝนอีกเยอะเลย"
หมี่หลันเยว่ไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนหลันหยางและคนอื่นๆ เพราะภายในของเธอไม่ใช่เด็กน้อยวัยรุ่นเสียหน่อย
"อืม เธอก็พูดถูก ประสบการณ์สิบปีก็ถือเป็ต้นทุนที่ไม่น้อย แล้วอย่างนั้นเอาอย่างนี้ไหม เรามาแข่งกัน เธอใช้ความหนุ่มสาว ส่วนฉันใช้ประสบการณ์ เรามาแข่งกันสักตั้ง สี่ปีให้หลังพวกเธอเรียนจบมหาวิทยาลัย มาดูกันว่าใครประสบความสำเร็จมากกว่ากัน หรือใครจะไปได้ไกลกว่ากัน"
คำพูดของเจิ้งซวี่เหยา กระตุ้นความทะเยอทะยานในใจของเหล่าหนุ่มสาว
"ตกลงค่ะ อาจารย์เจิ้ง เรามาแข่งกัน ดูสิว่าสี่ปีข้างหน้า พวกเราจะเป็ยังไง อาจารย์ต้องระวังตัวให้ดีนะคะ พวกเราอาจจะไม่แพ้ก็ได้นะคะ"
"ฉันรู้ว่าพวกเธอจะไม่ยอมแพ้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะชนะเสมอไปนี่นา หลันเยว่พูดถูก ฉันมีประสบการณ์มากกว่าพวกเธอสิบปี แถมยังมีประสบการณ์ทำงานในต่างประเทศ ใครแพ้ใครชนะ ก็ให้รอดูกันไป"
ความมุ่งมั่นของกลุ่มหนุ่มสาว จุดประกายความฮึกเหิมในตัวเจิ้งซวี่เหยา
หมี่หลันเยว่กลับใจเย็นอย่างมาก เธอ้าเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ ก็ต้องก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง แผนกระตุ้นต่างๆ เหล่านี้ ไม่มีผลอะไรต่อเธอมากนัก ในใจของเธอมีแผนการทำธุรกิจที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว และการจะทำให้มันสำเร็จได้ก็คือ การเหยียบย่ำทุกก้าวให้หนักแน่น
การพัฒนาในเมืองซวงเฉิงเป็ไปอย่างรวดเร็วมาก โชคดีที่นั่นเป็ฐานที่มั่น เป็บ้านเกิดของเธอ เธอจึงยังมีกำลังใจอยู่บ้าง ถึงแม้จะก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็ยังมีโอกาสที่จะสร้างความมั่นคง ไม่ได้ทำให้ธุรกิจล้มครืนเพราะการขยายตัวที่รวดเร็วเกินไป
แต่ปักกิ่งไม่เหมือนกัน ที่นี่คือเมืองหลวงของประเทศ คือหัวใจของแผ่นดิน การพัฒนาที่นี่เทียบไม่ได้กับเมืองเล็กๆ ของเธอ การแข่งขันก็จะต้องดุเดือดอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน ดังนั้น ความฮึกเหิมต่างๆ ก็เก็บไว้ก่อนเถอะ เหยียบย่ำทุกก้าวให้มั่นคง สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งก่อนดีกว่า
"หลันเยว่ ทำไมไม่พูดไม่จาแล้วล่ะ"
เมื่อเห็นว่าหมี่หลันเยว่ไม่ได้มีท่าทีฮึกเหิมเหมือนหนุ่มๆ เจิ้งซวี่เหยาเริ่มสนใจเด็กสาวคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ช่างลึกล้ำ และเก็บงำความสามารถไว้มิดชิดเสียจริง
"อ๋อ เปล่าค่ะ ฉันแค่คิดว่าจะหาที่พักที่เหมาะสมได้ยังไง พวกเขาคุยกับอาจารย์เื่อนาคต แต่ฉันขอคิดถึงเื่ที่เป็จริงดีกว่า ไม่อย่างนั้นลงจากรถไฟไป พวกเราคงต้องนอนข้างถนนแน่ๆ"
หมี่หลันเยว่พูดติดตลก
คำพูดนี้ทำให้หนุ่มๆ หน้าแดงกันเป็แถบ ใช่สิ คิดไปไกลขนาดนั้นจะมีประโยชน์อะไร ตอนนี้ยังไม่มีที่ซุกหัวนอนกันเลย พี่ๆ น้องๆ ปล่อยให้น้องสาวต้องมาคิดเื่พวกนี้ ช่างเป็คนที่ไม่มีหัวใจเสียจริง
"อย่างนั้นเธอมาบอกฉันดีกว่า ว่าอยากจะเช่าบ้านเป็หลังเล็กๆ หรือว่าจะพักที่โรงแรม รู้ไหมว่าพวกเธอเข้าเรียนไปแล้ว ทางมหาวิทยาลัยก็มีหอพักให้ เธอหาที่พักตอนนี้ก็แค่พักชั่วคราวเท่านั้น แต่ฉันอยากจะแนะนำให้เช่าบ้านเป็หลังเล็กๆ มากกว่า"
"บ้านเป็หลังเล็กๆ จะปลอดภัยกว่าห้องเช่าแบบนั้น แล้วก็เช่าระยะสั้นก็ได้ ปลอดภัยและสะดวกดี เช่าสักเดือน พอเปิดเทอมก็เข้าไปอยู่ในมหาวิทยาลัยได้ ถึงแม้จะเหลืออีกหลายวันกว่าจะเปิดเทอม แต่ฉันจะช่วยพวกเธอเอง ให้เข้าไปอยู่ก่อนได้"
เฉียนหย่งจิ้นและหมี่หลันหยางพยักหน้า อาจารย์เจิ้งช่วยเหลือพวกเขาขนาดนี้ พวกเขารู้สึกขอบคุณมาก ถึงแม้จะเป็แค่การเข้าไปอยู่ก่อนไม่กี่วัน ถ้าไม่มีอาจารย์เจิ้งอยู่ที่นี่ ก็คงเป็ไปไม่ได้ แต่คำพูดของหมี่หลันเยว่ ทำให้พวกเขางุนงงเล็กน้อย ไม่คิดว่าความคิดของหมี่หลันเยว่จะไม่เหมือนกับพวกเขา
"อาจารย์เจิ้งคะ ฉันว่าอาจารย์ช่วยหาโรงแรมที่ปลอดภัยให้พวกเราพักชั่วคราวก่อนดีกว่าค่ะ เพราะฉันอยากจะซื้อบ้านสี่ประสานเล็กๆ สักหลัง การเรียนมหาวิทยาลัยครั้งนี้ต้องใช้เวลาถึงสี่ปี ในสี่ปีนี้พวกเรายังต้องทำธุรกิจด้วย นั่นก็หมายความว่าใน่วันหยุด พวกเราก็ต้องอยู่ที่ปักกิ่ง กลับบ้านไม่ได้"
"เพราะงั้น พวกเราจึงจำเป็ต้องหาที่อยู่ระยะยาว ไม่ใช่แค่ชั่วคราว วันหยุดต่างๆ และ่ปิดเทอมฤดูร้อนฤดูหนาว พวกเราก็ต้องมีที่อยู่ แล้วทำไมพวกเราไม่หาที่อยู่ถาวรไปเลยล่ะ จะได้ไม่ต้องวุ่นวาย"
จริงๆ แล้วความคิดที่จะซื้อบ้านสี่ประสาน หมี่หลันเยว่มีมานานแล้ว ั้แ่ตอนที่เธอเกิดใหม่ เธอก็เตรียมการเื่นี้แล้ว
ในชาติที่แล้ว ในยุคหลังๆ บ้านสี่ประสาน มีค่าจนประเมินไม่ได้แล้ว ตอนที่ยังสามารถหาซื้อได้อยู่ ราคาเหมาะสม หมี่หลันเยว่้าที่จะซื้อบ้านบ้านสี่ประสานหลายๆ หลัง เก็บไว้ให้พี่ชาย น้องชาย เป็ทุนสำรอง ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ ต่อไปก็จะกลายเป็ทรัพย์สินจำนวนมหาศาล เป็หลักประกันในการใช้ชีวิตในอนาคต
เพียงแต่ว่าตอนนี้เงินสดในมือเธอมีไม่มากนัก ดังนั้นจึงทำได้แค่ซื้อบ้านบ้านสี่ประสานหลังเล็กๆ สักหลัง เพื่อปลอบใจความฝันของตัวเอง ส่วนเงินทุนที่เหลือ เธอจะต้องลงทุนในธุรกิจของตัวเอง จะไม่ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายอีกต่อไป เพราะเธอไม่มีคนที่สามารถพึ่งพาได้ ทุกอย่างต้องพึ่งตัวเอง
เจิ้งซวี่เหยาไม่คิดว่าเด็กสาวคนนี้ จะมีความกล้าหาญขนาดนี้ เปิดปากออกมาก็อยากจะซื้อบ้านบ้านสี่ประสานสักหลังในปักกิ่ง เธอจะรู้ไหมว่าราคาบ้านในปักกิ่งเทียบไม่ได้กับราคาบ้านในเมืองเล็กๆ ที่ห่างไกล บางเมือง บ้านเรือนทั่วไปราคาแค่ร้อยสองร้อยหยวนก็ซื้อได้แล้ว แต่ในปักกิ่งเป็ไปไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น หมี่หลันเยว่้าที่จะซื้อบ้านบ้านสี่ประสาน ถึงแม้จะเล็กที่สุด ก็ต้องมีห้องสี่ห้องขึ้นไป มีลานอยู่ด้านนอก ราคารวมทั้งหมดก็ต้องเกินพันหยวน ่หลายปีมานี้เขาไม่ได้อยู่ที่บ้าน ไม่ค่อยรู้เื่ราคา แต่คิดว่าราคาน่าจะสูงขึ้นแล้ว
"หลันเยว่ การซื้อบ้านบ้านสี่ประสานสักหลัง ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ อาจจะต้องใช้เงินหลายพันหยวน เธอยังต้องทำธุรกิจอีก ฉันว่าพวกเธอเช่าบ้านไปก่อนดีกว่า รอให้ธุรกิจมีขนาดใหญ่ขึ้น มีเงินเหลือค่อยปรึกษาเื่ซื้อบ้านก็ยังไม่สาย ถึงแม้ถึงตอนนั้นราคาบ้านจะสูงขึ้น แต่ก็ถือว่ามีรากฐานทางธุรกิจแล้ว"
เจิ้งซวี่เหยาพูดอ้อมๆ เพื่อบอกหมี่หลันเยว่ ว่าราคาบ้านบ้านสี่ประสานเทียบไม่ได้กับบ้านเรือนในชนบท ต้องคำนึงถึงกำลังทรัพย์ของตัวเองด้วย แต่เขาก็กลัวว่าถ้าพูดตรงๆ เด็กสาวจะเสียหน้า จึงต้องพูดอย่างนุ่มนวล
หมี่หลันเยว่รู้ดีที่สุด ราคาบ้านบ้านสี่ประสานในปักกิ่งขึ้นเร็วมาก ถ้าเธอซื้อตอนนี้ สี่ปีข้างหน้าราคาไม่ใช่แค่หนึ่งเท่าสองเท่า อาจจะมากกว่านั้นอีก หลายปีต่อมาราคายิ่งสูงขึ้นหลายสิบเท่า ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้ไป
"อาจารย์เจิ้งคะ ฉันยังอยากจะซื้อบ้านบ้านสี่ประสานก่อนค่ะ เพราะว่าการมีที่อยู่ที่มั่นคงถึงจะสามารถตั้งหลักได้ ไม่อย่างนั้นในใจก็จะเหมือนไม่มีรากฐาน รอให้ที่อยู่เข้าที่เข้าทางแล้ว พวกเราค่อยเริ่มทำธุรกิจก็ยังไม่สาย เพราะพวกเราก็ไม่อยากจะทำธุรกิจให้ใหญ่โตอะไรมากนัก พวกเรายังไม่มีความสามารถขนาดนั้น"
"ดังนั้นการทำเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่ต้องใช้เงินทุนมากนัก ฉันจะจัดการให้เหมาะสม ขอบคุณอาจารย์เจิ้งที่เป็ห่วงพวกเรานะคะ"
นี่เป็การให้ความมั่นใจกับเจิ้งซวี่เหยา ว่าฉันมีเงิน ไม่ต้องกังวลเื่ไม่มีเงินทุนในการดำเนินธุรกิจ
คำพูดของหมี่หลันเยว่ ทำให้เจิ้งซวี่เหยาประทับใจเธอมากยิ่งขึ้น ภายใต้สภาพสังคมในปัจจุบัน เงินหนึ่งร้อยหยวนถือว่าเป็เงินจำนวนมาก สามารถทำให้ครอบครัวธรรมดาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้สองเดือนแล้ว ถ้าอยู่ในเมืองที่ห่างไกลกว่านั้น อาจจะใช้ชีวิตได้ถึงครึ่งปีด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับราคาบ้านที่เป็ไปได้ว่าอาจจะสูงถึงหลายพันหยวน เด็กสาวคนนี้กลับไม่มีท่าทีลำบากใจหรือลังเลเลย แสดงให้เห็นว่าเธอมีฐานะที่ดีจริงๆ เจิ้งซวี่เหยาไม่รู้จริงๆ ว่าครอบครัวของหมี่หลันเยว่มีภูมิหลังยังไง ถึงทำให้เธอมีความมั่นใจขนาดนี้
จนกระทั่งต่อมา เขารู้ว่าเด็กสาวคนนี้สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเองทีละเล็กทีละน้อย ความเคารพที่มีต่อหมี่หลันเยว่ก็ล้นเหลือจนไม่สามารถซ่อนความชื่นชมไว้ได้ การเริ่มต้นจากศูนย์ถือเป็ความท้าทายครั้งใหญ่สำหรับเจิ้งซวี่เหยา ครอบครัวของเขาก็ช่วยเหลือในการเริ่มต้นเช่นกัน
แต่เงินก้อนแรกของหมี่หลันเยว่ได้มาจากการทำงานของเธอเอง และตอนที่เธอหาเงินก้อนแรกได้นั้น อายุของเธอยังแค่หกขวบ หกขวบ…ตอนนั้นเขายังเล่นโคลนกับเพื่อนๆ ในซอย ยังไม่รู้เื่ความยากลำบากในการดำรงชีวิต แต่หมี่หลันเยว่แบกรับภาระของครอบครัวแล้ว
แน่นอนว่านี่เป็เื่ในภายหลัง แต่ตอนนี้การแสดงออกของหมี่หลันเยว่ก็ทำให้เจิ้งซวี่เหยาตกตะลึงมากแล้ว เพราะการที่เด็กสาววัยรุ่นพูดจาโอ้อวดขนาดนี้ เขาก็ชื่นชมมากจริงๆ
"ถ้าอย่างนั้น ไปพักที่บ้านฉันก่อนไหม"
เจิ้งซวี่เหยาเชิญหมี่หลันเยว่และคนอื่นๆ อย่างจริงใจ
"บ้านของฉันมีบริเวณกว้าง มีห้องพักเยอะ พวกเธอไปพักที่บ้านฉันก่อนก็ได้ ไหนๆ ก็อยากจะซื้อบ้านแล้ว การเช่าบ้านก็ไม่เหมาะสม ส่วนการพักโรงแรมก็ไม่รู้ว่าจะต้องพักนานแค่ไหน ก็ไม่สะดวกอีก"
"ไม่ต้องหรอกค่ะ อาจารย์เจิ้ง ช่วยแนะนำโรงแรมให้พวกเราก็พอ ไม่ต้องไปบ้านอาจารย์หรอกค่ะ ฉันเกรงใจ"
หมี่หลันเยว่และคนอื่นๆ ปฏิเสธพร้อมกัน พวกเขาไม่กล้าที่จะรบกวนอาจารย์ั้แ่ครั้งแรกที่เจอ
"จะมีอะไรต้องเกรงใจ บ้านมีไว้ให้คนอยู่ ถ้าพวกเธอไม่ไปอยู่ บ้านของพวกเราก็จะถูกปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ เอาล่ะ ตกลงตามนี้นะ พอลงจากรถไฟแล้ว พวกเราจะกลับบ้านไปด้วยกัน"
เจิ้งซวี่เหยาตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
นั่นทำให้หมี่หลันเยว่ทำอะไรไม่ถูก เพราะการช่วยหาที่พัก พาเที่ยวปักกิ่ง ความมีน้ำใจแบบนี้ยังพอที่จะตอบแทนได้ แต่ถ้าไปพักที่บ้านอาจารย์เจิ้ง น้ำใจก็จะใหญ่เกินไป ไม่คุ้นเคยกับสถานที่ แถมยังได้รับการดูแลอย่างดี ความรู้สึกขอบคุณมันมากเกินไป
"อาจารย์เจิ้งคะ พวกเราหาโรงแรมพักกันดีกว่าค่ะ ไหนๆ ก็อยากจะซื้อบ้านอยู่แล้ว จะได้ไม่รบกวนครอบครัวอาจารย์ เกรงใจเกินไป พวกเราเดินดูรอบๆ เมืองปักกิ่งอีกสองสามวัน เดี๋ยวก็คงเจอที่ที่เหมาะสมเอง"
หมี่หลันเยว่ยังคงตัดสินใจที่จะไม่รบกวนอาจารย์เจิ้ง เพราะบ้านของพวกเขา คงไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวอาศัยอยู่
"ฉันว่าสะดวกก็คือสะดวก พวกเธอยังจะมาเกรงใจกันอีก ลงจากรถแล้วก็กลับบ้านกับฉัน พวกเธอเป็นักเรียนของฉัน ต่อหน้าอาจารย์อย่างฉัน ก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งสิ"
เจิ้งซวี่เหยาแสดงท่าทีของอาจารย์ออกมา ความจริงใจก็มีให้เห็นอย่างเต็มที่ สุดท้ายหมี่หลันเยว่และคนอื่นๆ ก็รับน้ำใจไว้
