หนึ่งคืนผ่านไป
ขณะไป๋เซี่ยเหอกินอาหารเช้า นางก็ถามฝูเอ๋อร์ถึงสถานการณ์ทางฝั่งของไป๋หว่านหนิง
เมื่อคืนหลังจากไป๋หว่านหนิงกล่าวประโยคนั้นจบก็ไล่นางออกมา นางจึงรู้สึกแปลกใจยิ่งนัก
“ฝั่งของคุณหนูรองเป็ปกติทุกอย่างเ้าค่ะ หลังรับประทานอาหารเช้าก็ฝึกเขียนพู่กันอยู่ในเรือน”
“นางดูผ่อนคลายยิ่งนัก” ไป๋เซี่ยเหอกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน พลางกินโจ๊กมันม่วงจนหมด
“ไปกันเถิด ตามข้าเข้าวัง คิดว่ายาของฮองเฮาน่าจะใกล้หมดแล้วกระมัง”
“เ้าค่ะ”
ตอนนี้ฝูเอ๋อร์นับถือไป๋เซี่ยเหอมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่เพียงแต่ไป๋เซี่ยเหอสามารถช่วยชีวิตฮ่องเต้และสนทนาอย่างผ่อนคลายเบื้องหน้าพระพักตร์ของฮองเฮาแล้ว ตอนนี้ฮองเฮายังขอร้องให้นางเข้าวังอีกด้วย
“คุณหนูจะสวมชุดเช่นไรหรือเ้าคะ?”
ไป๋เซี่ยเหอดีดหน้าผากฝูเอ๋อร์ “พวกเราเข้าวังไปตรวจชีพจรให้ฮองเฮา ไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยง จะแต่งตัวไปให้ใครดูเล่า?”
ณ วังหลวง
ฮองเฮาในชุดกระโปรงยาวปักลายพญาหงส์สีเหลืองสว่างนั่งอยู่บนเก้าอี้ในตำหนักด้านหน้า ในมือถือแท่งเงินคอยเขี่ยถ่านให้กับโถน้ำร้อน
ส่วนข้อมือขาวอีกข้างมีผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมสีผลซิ่งวางเอาไว้ โดยมีหมอหลวงฉินกำลังคุกเข่าถวายการตรวจชีพจรอยู่แทบเท้า
“เป็อย่างไรบ้าง?”
ฮองเฮาวางแท่งเงินลงอย่างส่งๆ ใบหน้าดูปราศจากอารมณ์ความรู้สึก ก่อนจะขยับนิ้วมือที่วางอยู่บนเข่าเล็กน้อย
หมอหลวงฉินขมวดคิ้วมุ่น เขาไม่ค่อยแน่ใจนัก จึงวางนิ้วลงที่จุดชีพจรของฮองเฮาอีกครา ก่อนจะพึมพำ “แปลก แปลกจริงๆ”
“เป็อย่างไรกันแน่? ท่านหมอหลวงบอกมาเถิด”
หมอหลวงฉินลูบเครา ก่อนจะเอ่ยอย่างเหลือเชื่อ “กระหม่อมขอบังอาจถามฮองเฮา ่นี้ได้เสวยโอสถอะไรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ฮองเฮารู้สึกกังวลขึ้นมาทันที “เหตุใดถึงถามเช่นนี้? โอสถที่ข้าเสวยมีปัญหาหรือ?”
นางไม่ได้คิดว่าไป๋เซี่ยเหอทำร้ายนาง ทว่าถึงอย่างไรเด็กสาวผู้นั้นอายุยังน้อย
“มิใช่พ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงฉินประสานมือตอบ “กระหม่อมเพียงอยากทราบว่าผู้วิเศษท่านใดที่จ่ายโอสถให้ฮองเฮาเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ เพราะก่อนหน้านี้กระหม่อมถวายการรักษาพระวรกายของฮองเฮามานาน ยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย”
“แม้ว่าตอนนี้จะยังมีปัญหาเื่ทรงพระครรภ์ได้ยาก แต่ก็ดีขึ้นมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
การเปลี่ยนจากตั้งครรภ์ไม่ได้ไปเป็ตั้งครรภ์ได้ยาก ก็เพียงพอให้ฮองเฮาตื่นเต้นจนหลั่งน้ำตาออกมาแล้ว
“เ้าพูดจริงหรือ?”
หมอหลวงฉินพยักหน้า “พระวรกายของฮองเฮานั้นไม่อาจทรงพระครรภ์ได้ั้แ่พระประสูติกาล กระหม่อมเคยลองรักษามาหลายวิธีก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่เมื่อตรวจชีพจรในวันนี้ กลับพบว่าดีขึ้นมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ดียิ่งนักเพคะฮองเฮา ดีเหลือเกินเพคะ!”
แม่นมชิวน้ำตาไหลริน แม้ว่าฮ่องเต้จะโปรดปรานฮองเฮาโดยไม่ได้สนใจเื่นี้ ทว่าคำพูดคนนั้นน่ากลัว แม้ว่าฮ่องเต้จะไม่ถือสา ทว่าลับหลังฮองเฮากลับต้องเช็ดน้ำตาอยู่บ่อยครั้ง
“ตบรางวัล!”
หมอหลวงฉินโบกมือ “กระหม่อมไม่้ารางวัลพ่ะย่ะค่ะ เพียงอยากขอให้ฮองเฮาทรงบอกกระหม่อมว่าใครเป็ผู้จ่ายโอสถให้พระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
ฮองเฮาเม้มปากไม่ตอบ ถึงอย่างไรเมื่อเื่นี้แพร่งพรายออกไปจะส่งทั้งผลดีและผลเสียต่อแม่นางเซี่ยเหอ หากแม่นางเซี่ยเหอไม่คิดจะแพร่งพรายออกไปด้วยตัวเอง นางก็ไม่อาจตัดสินใจแทนอีกฝ่ายได้
“คุณหนูไป๋มาถึงแล้ว”
แม่นมชิวออกไปต้อนรับแล้วจูงมือของไป๋เซี่ยเหอเดินเข้ามา ตอนนี้ไป๋เซี่ยเหอคือแหล่งทองคำในสายตาของนาง
หมอหลวงฉินมองไป๋เซี่ยเหออย่างครุ่นคิด “เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอเดินเข้ามาถวายบังคมอย่างมีมารยาท
“รีบมานั่งข้างข้าเร็ว”
ความปีติยินดีบนใบหน้าของฮองเฮานั้นปิดไม่มิด
ความจริงแล้วไป๋เซี่ยเหอได้ยินถ้อยคำของหมอหลวงฉินั้แ่ตอนที่นางยืนอยู่หน้าประตูแล้ว ทว่าเพื่อความปลอดภัย นางจึงขอตรวจชีพจรของฮองเฮาด้วยตนเอง
ผ่านไปนาน ไป๋เซี่ยเหอก็คลี่ยิ้ม “ยินดีด้วยเพคะฮองเฮา หากเป็เช่นนี้ต่อไป อีกครึ่งเดือนก็จะทรงพระครรภ์ได้เหมือนคนปกติเลยเพคะ”
“จริงหรือ? เช่นนั้นก็ดีจริงๆ!”
์รู้ดีว่านางดื่มยารสขมปร่ามากเพียงใดเพื่อบำรุงร่างกายตลอดหลายปีมานี้ ทว่าอาการก็ยังไม่ดีขึ้น
แม้ว่านางจะได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ ทว่าท้ายที่สุดแล้วนางก็ยังโดดเดี่ยว แม้ว่าจะรับเลี้ยงฮั่วอวิ๋นเยียน ทว่าถึงอย่างไรนางก็ไม่ได้เป็ผู้ให้กำเนิดเขา ในใจจึงยังรู้สึกเสียดาย
“แม่หนูเซี่ยเหอ ขอบใจเ้านะ” ฮองเฮากล่าวขณะที่ไป๋เซี่ยเหอกำลังเตรียมยาชุดใหม่ให้ฮองเฮา ทั้งคู่อยู่ห่างเพียงฉากกันลมกั้นเท่านั้น
ฮองเฮาเปรียบเทียบแผนภาพที่กรมวังส่งมา ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “แม่หนูเซี่ยเหอ งานสมรสของเ้ากับไท่จื่อจะมีขึ้นในปลายเดือนนี้แล้วกระมัง”
ทัน่หลังปีใหม่พอดิบพอดี
มือที่กำลังถือมีดเงินของไป๋เซี่ยเหอหยุดชะงักทันทีจนแทบจะบาดนิ้วนาง
“กราบทูลฮองเฮา ใช่แล้วเพคะ”
งานสมรสระหว่างนางกับฮั่วิเชินใกล้เข้ามาแล้ว นางต้องวางแผนให้ดีว่าจะล้มเลิกงานสมรสนี้อย่างไร
“แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจความรู้สึกของเ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ข้ากลับรู้สึกว่าเ้ากับไท่จื่อไม่เหมาะสมกันเอาเสียเลย”
ไป๋เซี่ยเหอชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามอย่างเป็ธรรมชาติ “เหตุใดฮองเฮาถึงทรงคิดเช่นนี้เพคะ?”
“แม้ว่าพระราชวังต้องห้ามนี้จะรุ่งโรจน์เจิดจรัส แต่กลับเป็เพียงกรงทองเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบเ้ากับนกขมิ้นแล้ว ข้ารู้สึกว่าเ้าเหมือนอินทรีมากกว่า เมื่อพบคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งก็จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เ้าทรหดมากแต่ก็กล้าหาญเช่นเดียวกัน”
ไม่มีใครเคยกล่าวถ้อยคำเช่นนี้กับไป๋เซี่ยเหอนับั้แ่นางทะลุมิติมา
น้ำเสียงของฮองเฮาอ่อนโยนละมุนละไม ราวกับมารดาที่เปิดอกคุยกับบุตรก็ไม่ปาน
ไป๋เซี่ยเหอเริ่มจัดเตรียมยา นางยิ้มบาง “จริงหรือเพคะ? หม่อมฉันขอบพระทัยสำหรับคำชมเชยของฮองเฮาเพคะ”
ฮองเฮาเงียบไป ทว่าท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ถึงอย่างไรสตรีในยุคนี้ก็มีสถานะต่ำต้อย แม้ว่าจะได้สามีที่ไม่ใช่คนดี สตรีก็ทำได้เพียงกัดฟันและกล้ำกลืนเืลงท้องไปเท่านั้น!
เมื่อฮองเฮาเห็นไป๋เซี่ยเหอไม่พูดไม่จา ก็นึกว่าไป๋เซี่ยเหอทุกข์ใจ จึงไม่กล้าพูดอะไรมาก มีเพียงความรู้สึกปวดใจเท่านั้น
ทว่าไหนเลยนางจะรู้ว่าภายในใจของไป๋เซี่ยเหอนั้นกลับเป็อีกโลกหนึ่ง
ในฐานะที่เป็จิ้งจอกน้อยและทหารรับจ้างที่มาจากยุคปัจจุบัน ไป๋เซี่ยเหอจะยอมปล่อยให้ผู้คนบงการชีวิตของตนได้อย่างไร?
เมื่อไป๋เซี่ยเหอเดินออกมาจากตำหนักของฮองเฮา นางก็เห็นฝูเอ๋อร์ยืนรออยู่หน้าประตู
ส่วนข้างกายฝูเอ๋อร์...
“หมอหลวงฉิน” ไป๋เซี่ยเหอกล่าวพลางคารวะ
ถือว่าเป็คนรู้จักเช่นกัน ถึงอย่างไรยามที่นางเป็จิ้งจอกที่ทั้งป่วยทั้งาเ็ ก็ได้หมอหลวงฉินช่วยรักษาให้
“คุณหนูใหญ่สกุลไป๋”
หมอหลวงฉินไม่ได้วางมาดเหนือกว่า เขาคารวะตอบในแบบเดียวกัน
“ท่านรอข้าอยู่หรือ?”
ไป๋เซี่ยเหอยกมุมปากขึ้น นางยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบนิ่ง
ใบหน้าชราของหมอหลวงฉินขึ้นสีแดงเรื่อเล็กน้อย เขาตัดสินใจครั้งสำคัญได้แล้ว ทันใดนั้นเขาก็คำนับไป๋เซี่ยเหอ “คุณหนูใหญ่สกุลไป๋ ชายชราอยากจะขอโทษท่านสำหรับความบุ่มบ่ามเมื่อครั้งก่อน”
ไป๋เซี่ยเหอเบี่ยงกายหลบเล็กน้อย
“ครั้งไหนหรือ?”
ไป๋เซี่ยเหอไม่ได้ตั้งใจทำให้เขาลำบาก เพียงแต่นางนึกไม่ออกว่าตนเองกับเขาเคยมีปฏิสัมพันธ์อะไรกันมาก่อน
ใบหน้าของหมอหลวงฉินเปลี่ยนเป็สีแดงจัดทันที “ครั้งที่ฝ่าาทรงถูกพิษ”
ไป๋เซี่ยเหอพยายามย้อนความทรงจำ จากนั้นนางก็นึกออกว่ามีเื่เช่นนี้เกิดขึ้นด้วย
“ที่ท่านบอกว่าหากข้าช่วยชีวิตฝ่าาได้ จะเอียงศีรษะให้ข้าเตะอย่างนั้นหรือ?”
“แค่กๆ” หมอหลวงฉินไอก่อนจะยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน เขามองไม่เห็นความดูแคลนและเย่อหยิ่งในแววตาของอีกฝ่าย จึงรู้สึกชื่นชมสตรีที่อยู่ตรงหน้าเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน
“วิสัยทัศน์ของชายชราคับแคบเกินไป ข้าไม่ทันตระหนักว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า คุณหนูไป๋ได้โปรดให้อภัยในความไร้มารยาทของชายชราด้วยเถิด”
ไป๋เซี่ยเหอยิ้มน้อยๆ นางรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยกับหมอหลวงฉินที่มีความสามารถสูงส่งทั้งยังมีความยืดหยุ่น “ข้าลืมเื่เ่าั้ไปนานแล้ว”
หมอหลวงฉินยิ้มอย่างเข้าอกเข้าใจ พลางทำท่าเชื้อเชิญ “ข้าขอเชิญคุณหนูไป๋ไปสนทนากันที่สำนักแพทย์หลวงได้หรือไม่?”
ใบหน้าของไป๋เซี่ยเหอประดับไปด้วยรอยยิ้มที่ดูเชื่อฟังและอ่อนโยน นางไม่ปฏิเสธ “ย่อมเป็เกียรติอย่างยิ่ง”
ตลอดทางที่มายังสำนักแพทย์หลวง มีผู้คนทักทายหมอหลวงฉินจำนวนไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าเขามีบารมีสูงส่ง
“คุณหนูไป๋ ชายชราขอละลาบละล้วงถามสักประโยคได้หรือไม่? ข้าอยากรู้ว่าเ้าเป็คนจ่ายยาให้ฮองเฮาหรือ?”
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้