แต่ไหนแต่ไรมาเยว่เฟิงเกอเป็คนที่คิดได้แล้วก็จะลงมือทำเลย คิดจะทำสิ่งใดก็ทำเลย
ตอนนี้นางรู้แล้วว่าต่อจากนี้จะทำสิ่งใด จึงะโลงจากเตียง เดินออกจากเรือนเยว่เหยา
ชิงจื่อที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเห็นว่าเยว่เฟิงเกอเดินออกมาแล้ว อีกทั้งสีหน้ายังไม่เหม่อลอยเหมือนเมื่อครู่ กลับกันใบหน้านี้กลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
แสงอาทิตย์สาดส่องกระทบร่างของเยว่เฟิงเกอ ทำให้ทั้งร่างนางเปล่งประกายด้วยแสงทองที่ห้อมล้อม ไม่อาจไม่กล่าวได้ว่าเพียงพิศมองก็ให้รู้สึกราวกับเทพธิดามาจุติ
ชิงจื่อมองผู้เป็นายด้วยความอึ้งค้างเล็กน้อย พระชายาของนางช่างงดงามเหลือเกิน แต่เหตุใดท่านอ๋องถึงได้มองไม่เห็นความงามนี้กันนะ
“ไป พวกเราไปเดินเล่นให้ทั่วจวนอ๋องกัน” เยว่เฟิงเกอจับจูงชิงจื่อที่ยังมองค้างอยู่ มุ่งหน้าออกไปด้านนอก
คนทั้งสองเพิ่งเดินมาถึงประตูเรือน เยว่เฟิงเกอถึงได้รู้สึกถึงเงาร่างร่างหนึ่งทำลับๆ ล่อๆ อยู่หลังต้นไม้
“ใครอยู่นั่น ออกมา” เยว่เฟิงเกอะโไปทางเงานั่น
เฉี่ยวอวี้ถูกเสียงของเยว่เฟิงเกอทำให้ใเข้า นางก้มหน้าลงแล้วเดินออกมา
เยว่เฟิงเกอคิดไม่ถึงว่าเฉี่ยวอวี้จะอยู่ที่นี่ นางอดขมวดคิ้วไม่ได้
ขณะเดียวกันทางด้านเฉี่ยวอวี้ มือทั้งคู่ของนางกำลังบิดชายเสื้อไปมา นางไม่กล้าเงยหน้ามองเยว่เฟิงเกอ จึงได้แต่ก้มหน้าอ้ำอึ้งอยู่นาน
ทว่า ในตอนที่ความอดทนของเยว่เฟิงเกอกำลังจะหมดลง นางถึงได้กล่าวขึ้น “พระชายา บ่าว...ต่อแต่นี้ไปบ่าวอยากจะติดตามอยู่ข้างกายพระองค์ เป็สาวใช้ประจำกายของพระองค์เพคะ”
เมื่อชิงจื่อได้ยินคำของเฉี่ยวอวี้ก็ถึงกับอดเบิกตาโตไม่ได้
เมื่อครู่นางได้ยินอันใดไป เฉี่ยวอวี้อยากเป็สาวใช้ประจำกายของพระชายานาง?
ั้แ่ที่พระชายาของนางแต่งมาอยู่ที่นี่ ก็ถูกเฉี่ยวอวี้และฉินหว่านรังแกไม่น้อย
ชิงจื่อเองก็ได้ยินมาจากข้ารับใช้คนอื่นว่า ส่วนใหญ่วิธีการที่ฉินหว่านนำมารังแกพระชายาเ่าั้มักเป็แผนการที่มาจากเฉี่ยวอวี้
คิดถึงตรงนี้ ชิงจื่อก็ดึงชายเสื้อของเยว่เฟิงเกอด้วยอยากจะบอกอีกฝ่ายว่า อย่าได้ให้เฉี่ยวอวี้มาติดตามอยู่ข้างกายเป็เด็ดขาด
เยว่เฟิงเกอตบหลังมือเฉี่ยวอวี้เบาๆ เพื่อบอกให้คนไม่ต้องกังวล
เมื่อเยว่เฟิงเกอหันศีรษะกลับไปมองเฉี่ยวอวี้ นางก็แค่นเสียงเ็า “ทำไมเล่า เ้าอยู่กับฉินหว่านต่อไปไม่ได้แล้ว ถึงได้คิดจะมาเป็สาวใช้ของเปิ่นกง? เ้าคิดว่าเรือนของเปิ่นกงเป็สถานที่ใด สถานพักพิงหรือ? ไม่ว่าใครมาขออยู่ ที่นี่ก็จะรับไว้? ”
“บ่าว บ่าว...” เฉี่ยวอวี้อ้ำอึ้งอยู่นาน แต่จะอย่างไรก็ไม่อาจบรรยายออกมาแบบครบประโยคได้
อย่างไรเสีย สิ่งที่เยว่เฟิงเกอพูดมาก็ถูกต้อง ยามนี้นางอยู่กับฉินหว่านต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ
ฉินหว่านไม่เห็นนางเป็คนคนหนึ่งด้วยซ้ำ ตานางาเ็ถึงเพียงนี้ ฉินหว่านกลับไม่เคยคิดส่งคนไปเรียกหมอประจำจวนมาช่วยตรวจดูและรักษาให้
มิหนำซ้ำฉินหว่านยังชอบระบายอารมณ์ลงกับนาง คล้ายว่าการที่อีกฝ่ายไม่ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องล้วนมีสาเหตุทั้งหมดมาจากนางอย่างไรอย่างนั้น
เ้านายเช่นนี้ นางไม่อาจรับใช้ได้อีกต่อไป
เพราะต่อให้นางจะรับใช้อีกฝ่ายดีแค่ไหน ก็ไม่ได้ความชอบใดอยู่ดี แต่หากรับใช้ไม่ดีนี่สิ นางย่อมจะถูกดุด่าตบตี
ในเมื่อฉินหว่านไม่เห็นนางเป็คนถึงเพียงนี้ แล้วเหตุใดนางยังต้องติดตามอยู่ข้างกายคอยรับใช้อีกฝ่ายต่อไปด้วยเล่า
คิดถึงตรงนี้ ในที่สุดเฉี่ยวอวี้ก็เงยหน้าขึ้น กล่าวกับเยว่เฟิงเกอ “บ่าวขอร้องพระชายา ได้โปรดรับบ่าวมาอยู่ที่เรือนเยว่เหยาด้วยเถิดเพคะ ในวันหน้าพระชายาจะให้บ่าวเป็วัวเป็ม้า บ่าวก็ยินดีเพคะ”
เฉี่ยวอวี้มองออกว่า เยว่เฟิงเกอไม่เหมือนก่อนอีกแล้ว
เยว่เฟิงเกอในตอนนี้นับวันยิ่งมีทีท่าเหมือนพระชายามากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งกว่านั้น คนยังดีต่อสาวใช้ข้างกายของตนเป็อย่างมาก ด้วยเื่นี้จะไม่ให้เฉี่ยวอวี้อิจฉาตาร้อนได้อย่างไร
เยว่เฟิงเกอหัวเราะเ็าออกมาเสียงหนึ่ง “น่าขำยิ่งนัก เ้าอยู่กับฉินหว่านมาได้ตั้งหลายปี ช่วยออกอุบายให้นางตั้งมากมาย หากอาศัยแค่สติปัญญาของฉินหว่าน วิธีสกปรกมากมายเ่าั้มิอาจนำมาใช้รังแกเปิ่นกงได้หรอก เอาละ เ้ากลับไปอยู่ข้างกายฉินหว่าน เป็สาวใช้ให้นางต่อไปเถอะ เปิ่นกงยังมีธุระให้ต้องไปทำ ไม่รั้งเ้าไว้แล้ว”
เยว่เฟิงเกอพูดจบก็เดินผ่านเฉี่ยวอวี้ออกไปด้านนอก
ชิงจื่อถลึงตามองเฉี่ยวอวี้อย่างดุร้ายแล้วรีบเร่งฝีเท้าไล่ตามเยว่เฟิงเกอไป
เฉี่ยวอวี้ขบริมฝีปากล่าง มองเงาหลังของเยว่เฟิงเกอด้วยสีหน้าดุร้าย
“เยว่เฟิงเกอ เ้าไม่ให้ข้าอยู่ข้างกาย สักวันเ้าจะต้องเสียใจ” เมื่อเฉี่ยวอวี้สบถจบก็จากไปด้วยใจเคียดแค้น...
เยว่เฟิงเกอเดินเล่นในจวนไปรอบหนึ่ง ยามเดินผ่านบรรดาสาวใช้ ใบหน้าปราศจากเครื่องสำอางหนาหนักของนางต่างชวนให้คนที่พบเห็นเป็ต้องตกตะลึงเมื่อได้เห็นความงามล้ำที่จริงแท้ของนาง
พวกนางยังไม่เคยพบพระชายาในสภาพที่ไม่มีแป้งปกปิดผิวมาก่อน จึงคิดไม่ถึงว่าพระชายาของพวกตนจะงดงามถึงเพียงนี้
เมื่อเยว่เฟิงเกอเดินผ่านไป บรรดาสาวใช้ต่างก็เริ่มจับกลุ่มคุยกัน
“เมื่อครู่คนที่เดินผ่านไปคือพระชายาของเราใช่หรือไม่? ไม่น่าเชื่อว่าจะหน้าตางดงามเพียงนี้”
“นี่เป็ครั้งแรกที่ข้าได้เห็นผิวหน้าของพระชายาที่ไร้แป้งประทินผิวเช่นกัน ไม่น่าเชื่อเลยว่าพระนางจะทรงงดงามถึงเพียงนี้ ไม่รู้เหตุใดเมื่อก่อนถึงต้องพอกแป้งหนาหนักปกปิดใบหน้าของตนอยู่ตลอด”
“เฮ้อ พวกเ้าหนอพวกเ้า ไม่รู้ว่าหากท่านอ๋องของเราได้เห็นพระชายาที่งดงามเพียงนี้จะทรงหวั่นไหวพระทัยบ้างหรือไม่”
“ก็ไม่แน่นักหรอก แต่ไหนแต่ไรมาท่านอ๋องของเราไม่ชมชอบการเข้าใกล้สตรีนางใด เ้าไม่เห็นหรือว่าพระองค์ไม่เคยเข้าใกล้พระชายาหรือว่าชายารองมาก่อนเลย ข้าว่านะ เป็ไปได้แปดส่วนที่ท่านอ๋องของเราจะ...” คนรับใช้คนนั้นพูดยังไม่ทันจบก็ก้มหน้ามองพื้น
สองสาวใช้ที่ได้ฟังคำพูดของเด็กรับใช้คนนั้นก็ถึงกับใจนหน้าแดงก่ำ
ในตอนนั้นเด็กรับใช้อีกคนรีบใช้ศอกกระทุ้งผู้พูดแทบจะในทันที กล่าวเสียงเบาว่า “เ้าจะพูดจะจาอะไรก็ระวังหน่อย หากคำพูดเมื่อครู่ของเ้าไปเข้าหูท่านอ๋องเข้า ระวังหัวจะหลุดจากบ่า”
ขณะที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรสอยู่นั้น ก็มีเสียงเข้มงวดสายหนึ่งดังขึ้น
“พวกเ้ากำลังทำอันใดอยู่ ยังไม่รีบกลับไปทำงานอีก”
ทุกคนพากันใ เมื่อรีบเงยหน้าไปมองก็เห็นว่าผู้พูดคือคนสนิทของม่อหลิงหาน ถานอี้
คนทั้งกลุ่มไม่กล้าพูดอะไรอีก รีบวิ่งหนีไปด้วยสีหน้าตื่นใ
ก่อนหน้านี้ตอนที่ม่อหลิงหานกลับไปถึงเรือนอิ่งเซวียน เขาได้เรียกถานอี้ไปพบ “เ้า ลอบจับตาดูพระชายาอย่างลับๆ หากฝั่งนั้นมีความเคลื่อนไหวใดแม้เพียงนิด ให้รีบมารายงานเปิ่นหวางทันที”
ถึงแม้ถานอี้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านอ๋องต้องทำเช่นนี้ แต่เขาก็ยังตอบกลับไปอย่างนอบน้อม “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
ถานอี้ติดตามเยว่เฟิงเกอมาตลอดทาง ไม่ว่าจะเดินผ่านไปที่ใด เขาก็ล้วนได้ยินบรรดาคนรับใช้วิพากษ์วิจารณ์
จวนอ๋องที่เดิมเคยเงียบเชียบ ยามนี้การเดินชมบรรยากาศในจวนอย่างเอิกเกริกของเยว่เฟิงเกอทำเอาผู้คนคึกคักขึ้นมา ซึ่งคำวิจารณ์ของบรรดาคนรับใช้เมื่อครู่ ถานอี้ล้วนได้ยินทั้งหมด
แต่เมื่อฟังจนถึงตอนสุดท้าย ถานอี้กลับทนฟังต่อไปอีกไม่ไหว จึงได้ปรากฏกายเพื่อตำหนิคนเ่าั้ด้วย้าให้เอาเวลาไปทำงานดีกว่ามาพูดมากอยู่ที่นี่
ส่วนเยว่เฟิงเกอ ตลอดทางมานี้นางรู้ตัวอยู่แล้วว่าถานอี้คอยสะกดรอยตามนางอยู่ และนี่แหละคือผลลัพธ์ที่นาง้า
บรรดาคนรับใช้ที่ไม่เคยได้เห็นใบหน้าเปลือยเปล่าของนาง ตอนนี้กลับถูกความงามของนางทำให้ตกตะลึงจนมองค้าง ส่วนคำวิจารณ์ของคนเ่าั้ แน่นอนว่าต้องไปถึงหูม่อหลิงหานผ่านทางถานอี้
นาง้าให้ม่อหลิงหานได้รู้ว่าภรรยาของเขานั้นงดงามแค่ไหน
หากเป็เช่นนี้แล้ว ม่อหลิงหานยังทำเป็ไม่สนใจนางได้อีก เขาก็ตาบอดแล้วล่ะ
เยว่เฟิงเกอนำชิงจื่อเดินเล่นไปรอบหนึ่งก็เตรียมจะเดินกลับเรือนเยว่เหยา
เพียงแต่ เมื่อคนทั้งสองเดินผ่านเรือนอิ่งเซวียน ก็บังเอิญได้ยินเสียงแหบแห้งของฉินหว่านดังลอดออกมา
“ท่านอ๋อง ตอนนี้หม่อมฉันเจ็บคอมาก เมื่อครู่เกือบต้องตายอยู่ที่ห้องอาหาร ทั้งหมดนี้เป็เพราะพระชายา ท่านอ๋อง ขอพระองค์มอบความยุติธรรมให้หม่อมฉันด้วยเพคะ” ฉินหว่านพูดจบก็สะอึกสะอื้น
เยว่เฟิงเกอหยุดฝีเท้า นางรู้อยู่แล้วว่าฉินหว่านต้องนำเื่ที่เกิดขึ้นไปฟ้องเขาแน่ ดังนั้น เื่ที่ฉินหว่านมาปรากฏตัวที่เรือนอิ่งเซวียนแห่งนี้ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกแปลกประหลาดใจนัก จึงได้ไม่คิดหลบเลี่ยง และเลือกยืนรออยู่หน้าเรือนอิ่งเซวียนอย่างผ่าเผย เฝ้าชมท่าทางเสแสร้งน่าสงสารของฉินหว่านต่อไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้