เขาได้รับความช่วยเหลือจากอี้จื่ออีซึ่งคิดวิธีโดยให้เข้าไปรวมในจวนอัครเสนาบดีอีกครั้ง แม้ว่าจะใช้สถานะของคนรับใช้ชั่วคราว แต่รูปลักษณ์ในปัจจุบันของเขาเคยถูกเปิดเผยมาก่อน พลังิญญาของฉิงชางจวินในฐานะาาผีก็ถูกตี้จวินริบไปจนเกลี้ยง ไม่สามารถกลับไปยังปรโลกและไม่อาจฝึกฝนกลับมาได้อีก เพียงฝึกฝนได้แบบมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น แม้ว่าจะผ่านไปกว่าร้อยห้าสิบปีแล้ว แต่ใน่ปีแรกเพียงบ่มเพาะิญญาของตนเองก็ใช้เวลาไปไม่น้อย อีกทั้งหลี่อวิ๋นเฉินเป็ผู้ที่ไม่มีรากฐาน เวลานี้ การฝึกฝนทางิญญาจึงธรรมดา ไม่สามารถทำเื่อย่างการเปลี่ยนรูปลักษณ์ด้วยความองอาจได้ ทางเลือกสุดท้าย...จึงทำได้เพียงปลอมตัว
ส่วนวิธีการปลอมตัวอย่างไรนั้นช่างน่าปวดหัว ใบหน้าขององค์ชายเฉินสง่างามและสูงส่ง ดูสะดุดตาท่ามกลางฝูงชน การติดเคราและรอยแผลเป็อาจเป็การดึงดูดความสนใจ สุดท้ายแล้วเขาอยู่ในจวนอัครเสนาบดีมาสองสามวันแล้ว มีคนมากมายจึงกลัวว่าอาจมีใครที่สายตาแหลมคมมองทะลุ ดังนั้น อี้จื่ออีจึงแนะนำว่าควรแต่งกายเป็สตรี!
อาจเป็เพราะการเจ็บป่วยขององค์ชายเฉินใน่ปีแรก เขาไม่สูงนัก ร่างเพรียวบาง มีผิวพรรณขาว การปลอมเป็สตรีจึงดูไม่ขัดตา นอกจากนี้คาดว่าเหล่าคนในสำนักเต๋า ต่อให้คิดจนสมองทำงานหนักอาจคาดไม่ถึงว่าฉิงชางจวินผู้ยิ่งใหญ่เป็ที่น่าเกรงขามไปทั่วทั้งสามโลกจะเปิดกว้าง คงไม่สงสัยมาจนถึงตรงนี้
เมื่อเจียงเฉิงเยว่มาถึง อี้จื่ออีแต่งหน้าให้เขาด้วยตนเอง มีการแต่งหน้าทาแป้ง เขียนทั้งคิ้วและดวงตา การแต่งหน้าช่างหยาบนัก แต่กลับสามารถปกปิดใบหน้าดั้งเดิมของเขาได้บางส่วน อีกทั้งการออกแรงแต่งหน้าหยาบเช่นนี้ก็สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เป็ ‘สาวใช้หยาบกระด้างหลอกเข้าตระกูลร่ำรวย’ ได้อย่างสมเหตุสมผล
เป็ไปดังคาด คนรับใช้ชราไม่ได้สงสัย เจียงเฉิงเยว่จึงรีบกล่าว “ลุงจาง ข้าไปส่งแทนท่านเอง” ลุงจางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ฉิงชางจวินรีบยิ้มให้อย่างโปรยเสน่ห์พลางเกลี้ยกล่อม “ท่านวางใจเถิด หากส่งถึงที่แล้วข้าจะไป จะไม่ให้มีอะไรผิดพลาด”
คนรับใช้ชรายังคงแคลงใจ แต่เมื่อเห็นเครื่องสำอางหนาเตอะบนหน้าเขา พลันมีรัศมีสว่างวาบอย่างเข้าใจในทันที โดยคิดว่านี่คือมารยาที่อาศัยผิวพรรณและรูปร่างเพื่อให้อยู่ดีกินดี ้าเทียวไปเทียวมาต่อหน้าเ้านายเพื่อกอบโกยความมั่งคั่ง ทันใดนั้น คนรับใช้ชรายิ้มคลุมเครืออย่างมุ่งร้ายเล็กน้อย เพียงบอก “ไม่ใช่ว่าไม่ได้...แต่เ้าต้องเว้นระยะสักหน่อย หากส่งของแล้วก็ไปเสีย อย่าทำให้ข้าลำบาก”
ช่างน่าสงสารฉิงชางจวินที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ หากรู้เข้าคาดว่าอาจต้องกระอักเื หลังจากนั้นเขารีบกล่าวขอบคุณด้วยแววตาเป็ประกาย ยกถังทั้งสองใบอย่างสบายๆ เดินไปในสวนชิงหลานอย่างกระฉับกระเฉงและร่าเริง
เมื่อเห็นว่าผลแห่งชัยชนะอยู่ตรงหน้าแล้ว ขอเพียงััถึงห้องนอนของอัครเสนาบดีหลิวและติดยันต์เนตรพันลี้เพื่อสอดส่องในห้องอาบน้ำ ก็จะสามารถเห็นอัครเสนาบดีหลิวกำลังอาบน้ำ หลังจากนั้นเข้าไปตรวจสอบว่ามีตราคำสาปร้อยผีกลืนใจบนร่างของอีกฝ่ายหรือไม่ เจียงเฉิงเยว่รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น กำลังจะเดินผ่านนอกชานพักที่ห้องนอนของอัครเสนาบดี ทันใดนั้นอีกด้านหนึ่งกลับมีนางข้าหลวงในจวนที่อายุพอๆ กันที่ดูดุร้ายเดินมาจากอีกด้านหนึ่ง
เมื่อนางข้าหลวงคนนั้นเห็นเขาเดินผ่านกลับพูดเสียงดัง “เ้า! สาวใช้ร่างใหญ่คนนั้น!”
เจียงเฉิงเยว่ทำเป็ไม่ยิน เร่งความเร็วฝีเท้า
“เ้าหยุดเดี๋ยวนี้!!!” อีกฝ่ายะโเสียงดัง
ฉิงชางจวินทอดถอนใจภายในใจ จำเป็ต้องหยุดเดิน หันกลับมาแล้ววางถังลง เขายิ้มเลียนแบบสตรีแล้วย่อตัวลงอย่างสง่า
อีกฝ่ายตวาดถาม “ทำอะไรน่ะ?”
เจียงเฉิงเยว่ตอบ “เอาน้ำร้อนไปส่ง”
นางแค่นเสียงอย่างเ็า “ไม่ใช่ว่าลุงจางมาส่งตลอดหรือ? ข้างในน้ำเต็มแล้ว ไม่จำเป็ต้องส่งอีก เ้าเอาน้ำสองถังนี้ไปที่เรือนโยวเหอเสีย”
หัวใจของเจียงเฉิงเยว่พลันหนาวเหน็บ
เขาอยู่ในคฤหาสน์มาสองวันแล้ว จึงรู้โดยธรรมชาติว่า ‘เรือนโยวเหอ’ เป็สถานที่เช่นไร ที่แห่งนั้นเป็เรือนโยวเหอที่ฮูหยินชี ภริยาอันเป็ที่รักของอัครเสนาบดีอาศัยอยู่ในจวน เจียงเฉิงเยว่พลันรู้ตัวตนของอีกฝ่าย นางต้องเป็สาวใช้ที่ได้รับความโปรดปรานอยู่ข้างกายฮูหยินชี ไม่เช่นนั้นจะกล้าเอะอะโวยวายนอกประตูห้องนอนของอัครเสนาบดีได้อย่างไร
“นี่...ลุงจางสั่งให้ข้าไปส่งที่ห้องนอนของอัครเสนาบดี” เจียงเฉิงเยว่บอกอย่างไม่เต็มใจ
ใบหน้าของสาวใช้ผู้นั้นมืดลงเมื่อได้ยินถ้อยคำ นางยังคงแค่นเสียงเ็า “ช่างมารยายิ่งนัก อย่าคิดว่าพี่สาวไม่รู้ว่าแผนของเ้าคืออะไร! ข้าบอกให้เ้าไปเรือนโยวเหอก็ต้องไปเรือนโยวเหอ! หากกล้าฝ่าฝืนจงระวังชีวิตเืเนื้อของเ้าไว้ให้ดี เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะเปิดโปงเ้าเสีย!”
เจียงเฉิงเยว่ะโอยู่ในใจว่าช่างโชคร้าย เขาทำได้เพียงกัดฟันยกน้ำร้อนสองถังเดินตามหลังสาวใช้ไปยังเรือนโยวเหอ
เมื่อไปถึงเรือนโยวเหอกลับเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในลาน สาวใช้พาเจียงเฉิงเยว่ตรงเข้าไปในห้องด้านในก่อนสั่งให้เขาเทน้ำร้อนลงในอ่างอาบน้ำ
ทันทีที่เข้าประตู ฉิงชางจวินตกตะลึงจนอ้าปากค้าง สิ่งที่ตกตะลึงไม่ใช่เพราะอ่างอาบน้ำ แต่เป็ฮูหยินชีที่กำลังอาบน้ำอยู่ในอ่างเวลานี้ ภายใต้ไอน้ำที่หนาแน่น ร่างหยกของสาวงามที่มองเห็นเพียงเลือนราง ทำให้ใบหน้าของฉิงชางจวินขึ้นสีแดงเล็กน้อย เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ หลุบตามองที่ปลายเท้าของตนเอง เพราะอย่างนั้นจึงมองเห็นเพียงขอบอ่างจากหางตา แล้วถึงเริ่มเทน้ำร้อนลงไปทั้งหมด
ภายในห้องเต็มไปด้วยความร้อนชื้นและกลิ่นหอม บรรยากาศคลุมเครืออย่างยิ่ง
เมื่อเทน้ำเสร็จเขากำลังจะกล่าวลา ทว่าสาวงามในอ่างอาบน้ำกลับพูดด้วยเสียงหยาดเยิ้ม “ช้าก่อน”
เจียงเฉิงเยว่ก้มศีรษะลง จ้องปลายเท้ายืนอยู่ที่เดิม เฝ้ารอคำสั่งอย่างเงียบงัน
ฮูหยินชีหยุดเป็เวลานานก่อนถามด้วยรอยยิ้ม “เ้าเข้าจวนมาใหม่ใช่หรือไม่?”
เจียงเฉิงเยว่ตอบด้วยความซื่อสัตย์อย่างสุภาพ “เรียนฮูหยิน เพิ่งได้รับคัดเลือกเข้ามาเมื่อไม่กี่วันก่อน”
สาวงามไม่ออกความเห็นใด ยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ส่งน้ำหอมกลีบดอกไม้ที่วางอยู่ตรงนั้นให้ข้าที”
เจียงเฉิงเยว่เหลือบไปมองบนม้านั่ง บริเวณด้านข้างของฉากกั้นมีถาดวางไว้อยู่จริง ตะกร้าบนถาดมีกลีบดอกไม้สีชมพูจำนวนมาก แม้ไม่รู้ว่าเป็ดอกไม้ชนิดใด แต่บนถาดมีขวดโหลวางไว้อยู่จึงคิดว่าเป็อันนั้น เขาก้มศีรษะเดินไปยกถาดมาส่งให้
เจียงเฉิงเยว่ไม่กล้าเงยหน้ามอง แต่กลับเห็นมือเปียกซึ่งทาด้วยน้ำมันทาเล็บสีแดงสดบนนิ้วยื่นออกมารับ แล้วฉวยโอกาสนั้นัับนฝ่ามือเขาอย่างมีความหมาย เจียงเฉิงเยว่ตกตะลึง ทันใดนั้น เขารับรู้ถึงความผิดปกติ หลังจากหันกลับไปมองกลับพบว่าสาวใช้ที่พาเขาเข้ามาเมื่อครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว เขาขมวดคิ้วขึ้นมา ไม่สนใจการป้องกันระหว่างบุรุษกับสตรีอีก จ้องมองสาวงามตรงหน้าอย่างเฉียบขาด ราวกับ้ามองทะลุผ่านใบหน้าล่อลวงจิติญญาของนาง
ฮูหยินชียังคงยิ้มให้เขาอย่างน่าหลงใหล
เจียงเฉิงเยว่หรี่ตาพร้อมตวาดด้วยน้ำเสียงเ็า “นางปีศาจ มาล้อเล่นกับข้าเช่นนี้ ไม่กลัวว่าข้าจะทำให้เ้าหายไปอย่างนั้นหรือ?”
ฮูหยินชีระบายยิ้มอย่างมีนัย “ฉิงชางจวินช่างไร้เดียงสาในเื่หนุ่มสาวจริงเชียว!”
เจียงเฉิงเยว่หัวเราะอย่างเ็า ไม่พูดมากความ จากนั้นชูมือขึ้นในอากาศเรียกม่อหลงออกมาให้พุ่งไปหาสาวงามในอ่างอาบน้ำ ฮูหยินชีลุกขึ้นหลบจนเกิดเสียงน้ำกระเซ็น ร่างกายของหญิงสาวเปลือยเปล่าแล้วนิ่งค้างอยู่ในอากาศ จากนั้นหัวเราะแ่เบา “ไอ้หยา ฉิงชางจวินช่างไร้รสนิยม ไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผา1 เสียเลย”
เจียงเฉิงเยว่ยกยิ้มเย็น ม่อหลงพลันกลายร่างเป็สีควันดำจำนวนนับไม่ถ้วนในทันที ราวกับปลาหลีฮื้อในแม่น้ำที่แหวกว่ายอยู่ในห้องนอนเล็ก ฮูหยินชีหลบไปซ้ายทีขวาที เมื่อถูกม่อหลงโจมตีเป็ครั้งคราวจึงกลายร่างเป็เงาลวง จากนั้นควบแน่นอีกครั้งในอากาศ
เจียงเฉิงเยว่ขมวดคิ้ว หรือว่าจะเป็ภาพมายากัน?
เขายังไม่ทันได้โต้ตอบกลับมีเสียงของน้ำในอ่างที่เขาเติมจนเต็มแล้วดังขึ้น เขาหันศีรษะกลับไปมองก่อนเบิกตากว้าง มองเห็นเถาวัลย์ดอกไม้ที่เหมือนกับหนวดจำนวนนับไม่ถ้วนยื่นออกมาจากในน้ำ กำลังมาถึงตรงหน้าเพียงชั่วพริบตา เจียงเฉิงเยว่รีบเรียกม่อหลงกลับมาเป็รูปทรงดาบเหล็กเล่มหนึ่งที่ฝ่ามือ ยังไม่ทันได้ฟาดมันลงไป หนวดเ่าั้กลับมัดเขากับดาบในมืออย่างแ่าจนไม่อาจเคลื่อนไหวได้ หลังจากนั้นเถาวัลย์หนาพันรอบเอว ก่อนลากเขาตกลงไปในอ่างอาบน้ำโดยที่เขาไม่ทันได้อุทานออกมา
‘ซ่า’
เจียงเฉิงเยว่กลับรู้สึกราวกับว่าตนเองได้ตกลงไปในก้นบึ้งของทะเลสาบลึกที่กว้างและลึกอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่อาจสลัดเถาวัลย์ดอกไม้เ่าั้ออกไป บริเวณหูกับจมูกเกิดฟองน้ำเป็เสียง ‘บุ๋ง’ เขาดิ้นรนที่จะลืมตาอย่างสุดชีวิตแต่กลับเห็นเพียงเงามืดอยู่โดยรอบ หน้าอกราวกับถูกทุบด้วยค้อนเหล็กหนักพันจวินเพราะการจมน้ำ เขาดิ้นรนอย่างสุดชีวิต อดไม่ได้ที่จะเผยความกลัวจากหายนะร้ายแรงภายในใจ
เขารู้ว่าตนเองติดกับดักเข้าเสียแล้ว
เดิมทีพวกของอีกฝ่ายคงคาดเดามาแล้วว่าฉิงชางจวินจะไม่ยอมรามือและหวนกลับมาอีกครั้ง ดังนั้น จึงวางค่ายกลไปทั่วทั้งจวนอัครเสนาบดี
สำนักเต๋าทั่วไปเ่าั้เองหรือ เจียงเฉิงเยว่พลันเข้าใจอย่างถ่องแท้ ขอเพียงระวังไม่ไปััค่ายกลก็ไม่ต้องกังวลอะไร ยิ่งกว่านั้น ค่ายกลเ่าั้มุ่งเป้าไปที่พลังหยินชั่วร้ายเป็ส่วนใหญ่ แม้ว่าตนจะเป็ิญญา แต่สุดท้ายแล้วร่างที่อาศัยอยู่เป็มนุษย์ ดังนั้นโดยปกติจึงไม่ทำให้ค่ายกลตอบสนอง อย่างไรก็ตาม เขาจะไปคาดคิดได้อย่างไรว่าห้องนอนของภริยาคนโปรดที่ดูเหมือนไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดจะเป็กับดักที่จัดไว้เพื่อรอตนเองอยู่
เขาเป็ิญญาและาาผี เพราะอย่างนั้นจึงไม่กลัวน้ำ แต่ร่างที่มีชีวิตของหลี่อวิ๋นเฉินนี้ไม่ใช่ อีกฝ่ายยังคงเป็มนุษย์! หรือว่าร่างที่ตนเองอาศัยอยู่จะจมน้ำตายที่นี่ในวันนี้?! เมื่อร่างของหลี่อวิ๋นเฉินเสียชีวิต ิญญาาาผีของตนจะถูกขังอยู่อยู่ในศพของอีกฝ่ายตลอดไป ไม่ได้รับการปลดปล่อยตลอดกาล
หลังจากตื่นตระหนกในยามแรก เจียงเฉิงเยว่กลับสงบลงเล็กน้อย เขากำจัดความกลัวที่มีต่อหายนะเ่าั้ ดวงตาของเขาค่อยๆ ชัดเจนขึ้น อย่างแรกคือจับม่อหลงในมือ ม่อหลงลงไปในน้ำ จึงมีความหมาย ‘ราวกับปลาได้น้ำ’ อย่างแท้จริง เมื่อเกิดเสียง ‘ฟิ้ว’ พลันกลายเป็ปลาหลีฮื้อสีดำแหวกว่ายออกไปในชั่วพริบตา มันสลัดออกจากพันธนาการอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นเขารวบรวมสมาธิอีกครั้ง เทพลังิญญาทั้งหมดของตนเองไปบนม่อหลง ม่อหลงแบ่งปันพลังิญญากับเขา ทั้งยังอยู่ในน้ำ อานุภาพจึงเพิ่มขึ้นเป็อย่างมาก กลายเป็ดาบคมฟาดฟันเถาวัลย์ดอกไม้ที่พันธนาการเจียงเฉิงเยว่เอาไว้ไม่กี่ครั้ง ครู่ต่อมาเจียงเฉิงเยว่บังคับให้ม่อหลงเปลี่ยนเป็รูปร่างเดิม ก่อนพาร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงของตนเองว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำ
เมื่อเขาขึ้นถึงฝั่งอย่างยากลำบาก เขาไม่ทันมีเวลามองไปรอบๆ ว่าตนอยู่ที่ไหน รีบคลานขึ้นไปนอนลงบนฝั่ง โยนร่างหนักๆ ของตนเองไปบนพื้นหญ้า
เวลาต่อมา เขาค้นพบบางสิ่งที่น่าหวาดผวา ร่างกายของหลี่อวิ๋นเฉินนี้...ไม่หายใจแล้ว! เมื่อครู่ยามอยู่ในน้ำเขาก็พบความผิดปกติ มิน่าเล่า ที่แขนขาของตนเองหนักถึงเพียงนี้ ความจริงแล้วคือร่างของหลี่อวิ๋นเฉินจมน้ำและ ‘ตาย’ ไปแล้ว!!!
หลังจากที่คนตายิญญาจะออกจากร่าง ร่างกายที่ปราศจากิญญาย่อมเป็เพียงกองเนื้อตาย ไม่เคลื่อนไหวอีก อีกทั้งยังไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทว่าหลี่อวิ๋นเฉินนั้นแตกต่างออกไป ิญญาของเขาตายไปหลายปีก่อนแล้วอย่างสงบ ซึ่งไปยังปรโลกเพื่อกลับชาติมาเกิดเรียบร้อย ส่วนิญญาของเจียงเฉิงเยว่ยังคงถูกตี้จวินกักไว้ในร่างกายของอีกฝ่าย เขาจึงสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วไม่ต่างจากคนทั่วไป อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ร่างของเขาจมน้ำตายไปแล้ว โดยที่ิญญาของเจียงเฉิงเยว่ไม่สามารถออกมาได้จึงยังสามารถเคลื่อนไหวร่างกายนี้ได้ แม้ร่างกายจะตายไปแล้วไม่แตกต่างจากศพอื่น ถึงอย่างนั้น ครู่ต่อมาคงส่งกลิ่นเหม็นไปจนถึงเน่าเปื่อยเหมือนกัน
เจียงเฉิงเยว่ร้อนใจ รีบชกหน้าอกตนเองอย่างรุนแรงหลายครั้ง ้าบังคับให้ร่างกายสำลักน้ำออกมา ทว่าร่างกายของหลี่อวิ๋นเฉินกลับส่งเสียงอู้อี้ไม่กี่ครั้ง ไม่มีการตอบสนอง ยังคงไม่มีลมหายใจ เจียงเฉิงเยว่ลุกขึ้นอย่างเต็มกำลังด้วยความตื่นตระหนก จากนั้นรีบพุ่งเข้าไปในป่าทึบริมฝั่งเพื่อหากิ่งไม้ที่เหมาะกับการปีน พยายามปีนขึ้นไปแบบ ‘เบ็ดทองคำกลับหัว2 ‘ พาตัวเองไปห้อยศีรษะและเอาขาชี้ฟ้าบนนั้น รออย่างเงียบงันสักพัก ร่างกายของหลี่อวิ๋นเฉินพลันรู้สึกคันในโพรงจมูกกับลำคอ หลังจากนั้นไออย่างรุนแรง สำลักน้ำที่สะสมอยู่ในปอดออกมา เริ่มหอบอย่างหนัก
เจียงเฉิงเยว่ถอนหายใจอย่างโล่งอก แขนขาเริ่มอ่อนแรงจนลื่นตกลงมาจากต้นไม้ รู้สึกเ็ปไปทั่วร่าง แขนกับขาอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง เขานอนอยู่ที่นั่นอย่างเหยียดหยามตนเอง โดยยกข้อมือเพื่อปิดตาพลางรู้สึกเ็ปกระบอกตาขึ้นมา
ใช้เวลากว่าร้อยปีในการบ่มเพาะอย่างเงียบเชียบในเขาฉู่อวิ๋น บ่มเพาะิญญาเกือบทั้งหมดที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดหลังจากการสังเวยและเผาิญญา ทว่าการบ่มเพาะพลังิญญากลับไม่สามารถฟื้นฟูได้ ยามอยู่ที่เขาฉู่อวิ๋นไม่ได้รู้สึกว่าสำคัญอะไรนัก แต่เมื่อออกมาแล้วจึงได้รู้ว่า าาผีผู้ยิ่งใหญ่ผู้ทำให้ทั้งสามโลกสั่นสะท้าน...ไม่มีอีกต่อไปแล้ว เด็กหนุ่มที่ทำตามอำเภอใจและไร้สาระในวัยเยาว์ตายไปนานแล้ว เหลือเพียงตนเองที่แตกสลายและไร้ความสามารถเช่นนี้ เขารู้สึกอับจนหนทางอยู่เต็มหัวใจ
เปลี่ยนไปแล้วจะยังมั่นคงได้อีกหรือ จะเป็ไปได้อย่างไรกัน?
------------------------
[1] รักหยกถนอมบุปผา เป็สำนวน หมายถึง การที่บุรุษเอาใจใส่ ทะนุถนอมสตรีอย่างอ่อนโยน
[2] เบ็ดทองคำกลับหัว หมายถึง ท่าเตะแบบลูกยิงกลางอากาศในวงการฟุตบอล
