เยี่ยอ๋อง
นางหวงปิดปากแน่นสนิท
คนใหญ่คนโตผู้มีอำนาจล้นเหลือแห่งราชวงศ์เว่ย ไม่ใช้ผู้ที่สตรีในห้องหออย่างนางจะวิพากษ์วิจารณ์ตามอำเภอใจได้
แคว้นเว่ยก่อตั้งมากี่ปีแล้ว ราชทินนาม ‘เยี่ยอ๋อง’ ก็ดำรงอยู่ตามระยะเวลานั้น เป็บรรดาศักดิ์ที่สืบสายชั่วนิรันดร์[1]ซึ่งสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ทั้งยังมีที่ดินศักดินาทางเหนือผืนใหญ่อีกหนึ่งผืน!
‘เยี่ยอ๋อง’ มีสายเืเดียวกับเชื้อพระวงศ์ตระกูลเซียว ปีนั้นปฐมกษัตริย์เซียวนำคนตระกูลเดียวกันก่อฏ หลังจากยึดใต้หล้าได้แล้วก็พระราชทานรางวัลแต่งตั้งน้องชายแท้ๆ เป็เยี่ยอ๋องคนแรกพิทักษ์แคว้นเว่ยจากคนเถื่อนทางเหนือ เวลาผ่านไปอำนาจเปลี่ยนแปลง ขุนนางผู้ที่ช่วยสถาปนาอาณาจักรในครานั้นมีมากมายที่สูญเสียบรรดาศักดิ์และล่มจม มีเพียงจวนเยี่ยอ๋องเจริญรุ่งเรืองมิมีเสื่อมถอย
เยี่ยอ๋องเองก็คู่ควรกับความเชื่อใจอันล้นพ้นของโอรส์ในแต่ละรุ่น เพื่อป้องกันไม่ให้คนเถื่อนทางเหนือลงใต้ สายเืของเยี่ยอ๋องล้วนต้องแลกมาด้วยราคาที่ต้องจ่าย ทุกรุ่นมีทายาทสายตรงสละชีวิตในสนามรบ…ใต้หล้าสงบสุขยาวนาน คนเถื่อนทางเหนือก็ถูกเยี่ยอ๋องตีจนหวาดกลัว จากการบุกรุกครั้งยิ่งใหญ่ในคราแรกเมื่อมาถึงใน่หลายปีนี้ทำได้เพียงกล้าก่อกวนอยู่แถบชายแดนเป็ครั้งคราวเท่านั้น ผู้ใดไม่รู้บ้างว่านี้คือความดีความชอบของเยี่ยอ๋องที่สืบต่อกันมาหลายรุ่น!
“เหตุใดจึงเกี่ยวพันไปถึงเยี่ยอ๋องได้?”
นางหวงพึมพำเสียงเบา รู้สึกประหลาดใจอย่างแท้จริง ตำแหน่งของเฉิงจือหย่วนในเมืองเหอไถอยู่ทางตะวันออกของแคว้นเว่ย ที่ดินศักดินาของเยี่ยอ๋องอยู่ทางเหนือสุดเป็พื้นที่ที่หนาวเหน็บ ดูจากสภาพภูมิศาสตร์แล้วไม่ควรมีความเกี่ยวข้องกันสิ
เฉิงจือซู่เองก็รู้เพียงเล็กน้อย จากจดหมายของพี่รองเฉิงจือซวี่ แต่ต่อหน้านางหวงจะเอ่ยว่าตนไม่รู้ได้อย่างไร กล่าวตำหนินางหวงไปส่งๆ ให้นางสอบถามน้อยหน่อย
“สรุปว่าคดีนี้พัวพันถึงเยี่ยอ๋องจึงไม่อาจปิดคดีได้ โอรส์เชื่อถือเยี่ยอ๋องอย่างมาก ย่อมไม่อาจให้ชื่อเสียงของเยี่ยอ๋องเสียหาย นำเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติที่ถูกยักยอกไปกลับมาเป็ดีที่สุด หากนำกลับมาไม่ได้ก็ทำได้เพียงลงโทษสถานหนักแก่ขุนนางที่เกี่ยวข้องในคดีหาใช่การสืบสาวราวเื่ เ้าแค่ต้องรู้ว่าหมดหวังที่จะพลิกคดีเพื่อพี่ใหญ่แล้ว เ้าเดรัจฉานน้อยนั่นจะมีความสามารถขึ้นอีกแล้วอย่างไรเล่า ในเมื่อผลสุดท้ายแล้วแม้แต่จะสอบระดับอำเภอหนานอี๋ยังไม่ได้เลย…เ้าอย่าได้ไปเสียพลังงานไปกับคนที่ไร้ความสำคัญ หากว่างขนาดนั้น ไม่สู้ไปกตัญญูต่อหน้าท่านแม่มากหน่อย ดูแลเฉิงกุยให้มาก ไม่แน่ว่าพี่รองอาจจะเลื่อนตำแหน่งอีก!”
เฉิงจือซู่เอ่ยมากมายเช่นนี้ นางหวงก็จับใจความได้สองจุด
ประการแรก เฉิงชิงจะมีความสามารถหรือไม่ก็ไร้ประโยชน์ เมื่อถูกพัวพันกับเฉิงจือหย่วนไปด้วยก็จะหมดคุณสมบัติในการสอบเข้ารับราชการ ไม่มีอะไรให้กังวล
ประการที่สอง บิดาของเฉิงกุยเฉิงจือซวี่จะเลื่อนตำแหน่งอีกแล้ว บัดนี้เฉิงจือซวี่เป็ผู้ว่าการเขตพิเศษขั้นห้ารอง หากเลื่อนขึ้นไปอีกครึ่งขั้นก็จะเป็ขั้นห้าเต็มขั้น หากะโไปขั้นใหญ่กว่านั้นจะไม่กลายเป็ขุนนางขั้นสี่หรอกหรือ?
นางหวงฟังแล้วก็รู้สึกร้อนรุ่มในใจ
เ้าเมืองอวี๋เป็ขุนนางขั้นสี่ แม้ไม่อาจจะซื้อที่ดินในเมืองเซวียนตูได้ แต่คนในครอบครัวที่ติดตามเ้าเมืองอวี๋มารับตำแหน่งก็ทำการค้าภายในเมืองไม่เล็กเลย นี่ถือเป็กติกาซ่อนเร้นที่ไม่จำเป็ต้องเอ่ยออกมาอย่างชัดเจน
หากเฉิงจือซวี่สามารถเป็เ้าเมืองผู้มีอำนาจได้ สามีของนางเฉิงจือซู่ก็ไม่จำเป็ต้องอยู่แต่ภายในบ้านคอยจัดการทรัพย์สินของบรรพบุรุษ สามารถติดตามไปรับตำแหน่งทำการค้าได้ ปีหนึ่งอย่างน้อยก็ต้องได้สักหลายพันตำลึงเงิน!
นางหวงเลียริมฝีปาก “นั่นไม่ต้องให้ท่านกล่าวหรอก พวกพี่รองสองสามีภรรยาให้กุยเกอเอ๋อร์อยู่ร่ำเรียนที่บ้านเดิมก็เพราะเชื่อใจในพวกเรา ข้าจะปล่อยปละละเลยกุยเกอได้อย่างไร เด็กคนนั้นสอบครั้งนี้ทำได้ไม่ค่อยดีย่อมเป็เพราะได้รับความกระทบกระเทือนทางอารมณ์ เดี๋ยวข้าจะคิดหาวิธีปลดปล่อยความกังวลให้กับเขา”
มโนธรรมเมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์ก็เบาดุจขนห่าน[2] มโนธรรมของนางหวงนั้นบอบบางมาก เมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์จึงไม่ควรค่าที่จะกล่าวถึง
นางไม่มีเวลาไปสงสารเฉิงชิง ใครให้อีกฝ่ายโชคร้ายเกิดเป็บุตรชายของเฉิงจือหย่วนเองล่ะ!
ผ่านไปเจ็ดวันเต็ม
เฉิงชิงขังตนเองไว้ภายในห้องด้านข้าง จัดการสมุดบัญชีทั้งห้องจนหมด
พอตรวจสอบถึงขั้นสุดท้ายแล้วก็รู้สึกว่าตัวชาไปทั่วทั้งร่าง สีหน้าหมองคล้ำ นำบัญชีที่ชำระใหม่แล้วส่งให้เมิ่งไหวจิ่น
“ศิษย์พี่เมิ่งขอรับ รายการบัญชีทั้งหมดนี้ข้าได้ทำการชำระหมดแล้ว บัญชีทั้งหมดนี้ได้มอบไว้ให้ท่านแล้ว”
นางไม่อาจตัวชาได้ด้วยหรือ?
ติดลบไปทั้งหมดสองแสนหกหมื่นตำลึงเงิน!
หากนำสองแสนหกหมื่นตำลึงเงินมากองรวมกันแล้ว จะต้องใช้คนกี่คนจึงจะสามารถขนย้ายได้
ที่ยิ่งทำให้เฉิงชิงหวาดกลัวคือที่มาของสมุดบัญชี การจัดสรรภาษีที่นา สิ้นเปลืองอาวุธยุทโธปกรณ์ นี่คือบัญชีในกองทัพ ที่ติดลบไปก็คือค่าใช้จ่ายในกองทัพและเบี้ยหวัดของทหาร ธุระนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว
ยามนี้เฉิงชิงทำหน้าที่เสร็จสิ้นแล้ว ไม่้าได้รับการชมเชยจากผู้ใดอย่างเอิกเกริก นางเพียงหวังจะได้เก็บซ่อนผลงานและชื่อเสียงอย่างมิดชิดพร้อมไปจากที่นี่อย่างไม่เป็จุดสนใจเท่านั้น นอกเหนือจากเมิ่งไหวจิ่นแล้วไม่มีผู้ใดรู้ว่านางเป็คนชำระบัญชีอีกเป็ดีที่สุด!
เฉิงชิงได้กลิ่นอันตรายจากเื่นี้
เมิ่งไหวจิ่นกล่าวว่าทุ่มเทไปจึงจะได้กลับคืนมา เฉิงชิงเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้ แต่นางไม่ค่อยเห็นด้วยกับการเสี่ยงอันตรายของเมิ่งไหวจิ่น
บัณฑิตเจี้ยหยวนของมณฑลมีอนาคตไร้ขีดจำกัด เมิ่งไหวจิ่นไขว่คว้าและเข้าร่วมเื่อันตรายใหญ่หลวงขนาดนี้ไปเพื่ออะไรกัน? ได้เพียงแต่กล่าวว่าภายใต้ิัอันงดงามเก็บซ่อนความทะเยอทะยานอันใหญ่หลวงเอาไว้ รังเกียจที่การสอบเข้ารับราชการแบบปกตินั้นช้าเกินไป จึง้าใช้ทางลัดปีนขึ้นไป
อันตรายเกินไปแล้ว!
หากเฉิงชิงตัวคนเดียวไร้พันธะบนโลกนี้นางคงยินยอมที่จะเสี่ยงอันตรายตามเมิ่งไหวจิ่นด้วย แต่เื้ัยังมีนางหลิ่วและพี่สาวทั้งสามอยู่ หากนางเกิดเื่ขึ้นมาอีก พวกนางหลิ่วที่ถูกทอดทิ้งไว้ก็คงจะถูกรังแกเยาะเย้ยอย่างแน่นอน
ความหงุดหงิดของนางไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเมิ่งไหวจิ่น เขาค่อยๆ พลิกดูรายการบัญชีทั้งหมดที่เฉิงชิงส่งให้ หลังจากวางสมุดบัญชีลงแล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้
“ศิษย์น้องเ้าทำได้ดีมาก ดีกว่าที่ข้าจินตนาการไว้เสียอีก ท่านอาเฉิงที่จากไปก็เป็บัณฑิตมีชื่อของหนานอี๋ ข้าเสียดายยิ่งนักที่ไร้วาสนาได้พบเจอ!”
เฉิงชิงอายุเพียงสิบสามปี ผู้ใดกันที่สอนทักษะการดูบัญชี ย่อมเป็เฉิงจือหย่วนที่เสียชีวิตไปอยู่แล้ว!
สี่ตำราห้าคัมภีร์สามารถค่อยๆ ศึกษาไปได้ ความสามารถของเฉิงชิงค่อนไปทางปฏิบัติ หากเฉิงชิงเก่งกาจขนาดนี้ ตัวเฉิงจือหย่วนเองย่อมไม่มีทางด้อยกว่า ขุนนางที่เก่งด้านการปฏิบัติผู้หนึ่งเสียชีวิตอย่างมีข้อกังขา เมิ่งไหวจิ่นจึงเสียดายเช่นนี้
เมิ่งไหวจิ่นเองก็หวาดกลัวกับความโเี้ของวงการขุนนาง เฉิงจือหย่วนที่เป็ผู้เก่งกาจล้มลุกคลุกคลานในราชการมาสิบกว่าปี ยังไม่ทันจะได้ลืมตาอ้าปากก็ตายแล้ว ช่างทำให้คนสะท้อนใจเสียจริง
เฉิงชิง้าเก็บซ่อนผลงานและชื่อเสียงอย่างมิดชิด แต่เมิ่งไหวจิ่นกลับมีความคิดอื่น ไม่ได้กล่าวถึงเื่ที่จะส่งเฉิงชิงกลับหนานอี๋ แต่กลับบอกให้เฉิงชิงพักผ่อนดีๆ
“ศิษย์น้องฉลาดปราดเปรื่อง สมุดบัญชีที่ติดลบมากมายเช่นนี้ย่อมไม่ใช่ข้าที่้าตรวจสอบ เ้าพักผ่อนดีๆ สักรอบก็ไม่เสียหายอะไร รอข้านำสมุดบัญชีไปส่งมอบแล้ว ไม่แน่ว่าท่านผู้นั้นอาจประสงค์จะพบเ้าก็เป็ได้”
ไม่ ข้าไม่อยากพบ!
เฉิงชิงโกรธจนหัวจะะเิ อยากจะคำรามใส่เมิ่งไหวจิ่น
ได้ยินว่าเมิ่งไหวจิ่นได้รับบุญคุณยิ่งใหญ่จากตระกูลเฉิง นางก็นับว่าเป็บุตรหลานของตระกูลเฉิง เหตุใดเมิ่งไหวจิ่นจึงต้องหลอกลวงนางด้วยเช่นนี้?
คนอย่างนางก็ไม่ได้มีพื้นเพเป็คนตัวเล็กตัวน้อย มาพัวพันในเื่อันตรายเช่นนี้ รังเกียจที่ชีวิตในแต่ละวันสบายไปหรือ
เมิ่งไหวจิ่นรู้สึกว่าสีหน้าบนใบหน้าของนางมีชีวิตชีวาน่าสนใจจึงหัวเราะทันที
“ศิษย์น้องอย่าเพิ่งปฏิเสธเลย จำที่ข้าเคยกล่าวไว้ได้หรือไม่ ทุ่มเทไปก็จะได้กลับคืนมา เ้าได้ทุ่มเทไปมากถึงเพียงนี้ อย่าบอกนะว่าไม่้าสิ่งตอบแทนแล้ว?”
เฉิงชิงเอ่ยเสียงแหบแห้ง “สิ่งตอบแทนที่ศิษย์พี่พูดถึง หากเกี่ยวกับคดีของบิดาข้า เช่นนั้นก็ต้องลำบากศิษย์พี่ชี้แนะแล้ว!”
เมิ่งไหวจิ่นพยักหน้า
“ย่อมมีความเกี่ยวข้องกันแน่นอน บอกเ้าตามตรงเลยนะ คดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติเมืองเหอไถนั่นเกี่ยวพันใหญ่โตเกินไป หากเ้าเพียงฝากความหวังไว้กับตระกูลเฉิงเพียงอย่างเดียวย่อมหมดหวัง โอกาสครั้งนี้เป็ข้าที่นำมามอบให้กับเ้า จะสามารถคว้าได้หรือไม่ก็ต้องดูที่ความสามารถของเ้าแล้ว”
ความหงุดหงิดของเฉิงชิงฟีบลงแล้ว
นางได้รับการยอมรับจากนายท่านห้าเฉิง หวังให้ตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋สามารถวิ่งเต้นคดีของเฉิงจือหย่วนแทนได้
น่าเสียดายที่แม้นางจะได้รับความสนใจมากมายจากนายท่านห้าเฉิง แต่ความคืบหน้าก็ยังคงช้าเกินไป นายท่านห้ายังคงไม่เห็นนางเป็คนรุ่นหลังที่สามารถมอบความไว้วางใจทั้งหมดได้ เมื่อเป็เช่นนี้ แล้วเหตุใดนางจะไม่ลองไปทางอื่นดูเล่า?
ระหว่างที่เมิ่งไหวจิ่นให้นางเข้ามาพัวพันกับเื่ยุ่งยาก ในขณะเดียวกันก็ได้มอบโอกาสอันดียิ่งแก่นาง ให้นางได้ติดต่อกับคนใหญ่คนโตที่เดิมไม่อาจเอื้อม
——บุคคลแบบไหนกันที่สามารถสั่งบัณฑิตเจี้ยหยวนผู้ยิ่งใหญ่ให้ไปทำนู่นทำนี่ได้!
[1] หมายถึง บรรดาศักดิ์ที่สามารถสืบต่อให้ลูกหลานได้เรื่อยๆ โดยไม่มีการลดขั้น
[2] เบาดุจขนห่าน หมายถึงไร้ค่า
