เ่ิูเดินตามหลังหลิวจงหยวนไปพร้อมกับคำถาม
พอเดินลงบันไดไปก็พบกับทางอีกสาย
มีองครักษ์ชุดเกราะอารักขาอยู่สองข้างทาง
เมื่อมาถึงห้องๆ หนึ่ง หลิวจงหยวนก็หันหลังกลับมาผายมือเชื้อเชิญ
เ่ิูผลักประตูแล้วเดินเข้าไปอย่างเดียวดาย
ภายในห้องนั้น พื้นที่กว้างขวางเหมือนห้องสงบห้องหนึ่ง โครงสร้างและรูปแบบตระการตา กรุ่นกลิ่นชามาก่อนรำไร
ท่านชายหลิวในชุดสีน้ำเงินนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะหญ้าถัก ด้านหน้ามีโต๊ะหญ้าเช่นเดียวกันตั้งอยู่ บนนั้นมีกาน้ำชาสีม่วง เตาไฟด้านข้างต้มน้ำกำลังเดือดได้ที่ ซิ่งเอ๋อร์สวมอาภรณ์ขาว ผูกผมหางม้าและกำลังนั่งคุกเข่าต้มน้ำสำหรับต้มชาอยู่ฝั่งขวา ท่าทางคล่องแคล่ว สง่าและอ่อนโยนมาก เห็นได้ชัดว่าเรียนรู้วิธีการต้มชามานานพอดูแล้ว
ทั้งห้องอบอวลด้วยกลิ่นหอมอ่อนจางของชา เงียบงันและสงบ
“แม่ทัพเย่ พวกเราเจอกันอีกแล้ว” ท่านชายหลิวยิ้ม ก่อนชี้เบาะหญ้าถักตรงหน้า “หลายวันมานี้น่าเบื่อจริงแท้ เชิญนั่ง”
เ่ิูครุ่นคิด ก่อนนั่งลงบนเบาะอย่างสงบไม่ไหวติง เขามองสำรวจสี่ทิศทางแล้วจึงว่า “ไม่ทราบว่าท่านเรียกข้ามาด้วยเหตุอันใด?”
“รัตติกาลยาวนานน่าเบื่อนัก ดังนั้นข้าจึงเชื้อเชิญแม่ทัพเย่มาดื่มชาคุยกันเสียหน่อย” ท่านชายหลิวตอบแต้มรอยยิ้ม
“ที่แท้ก็เช่นนี้เอง ขอบคุณท่านมาก ข้ากำลังกระหายอยู่พอดี” เ่ิูรู้ว่าที่ท่านชายหลิวเรียกเขามาต้องมีอะไรในกอไผ่ เพียงแต่ไม่ได้โพล่งออกมา เขาตัดสินใจจะดูสถานการณ์อย่างเงียบๆ ลองดูว่าสมองอันปรีชาของคนแห่งสำนักเ้าด่านคนนี้จะมีลวดลายอะไรให้เล่น
ซิ่งเอ๋อร์เด็กหนังสือที่ครึกครื้นโลดโผนยิ่งกว่าอะไรดีในวันนั้น กลับมานั่งเงียบนิ่งอย่างกับผู้หญิง
เขาต้มน้ำเสร็จก็เทใส่ชา วางตรงหน้าท่านชายหลิวหนึ่งถ้วย จากนั้นก็ให้เ่ิูอีกหนึ่งถ้วย
กลิ่นหอมฟุ้งของชาแล่นมาตามไออ่อนจาง พวยพุ่งอยู่ตรงหน้าเ่ิู
“เชิญ” ท่านชายหลิวยิ้มพลางยกถ้วยขึ้นเชิญ
เ่ิูอ้าปากดูดคราเดียว กำลังภายในก็สูบเอาน้ำชาสีมรกตเข้าปากทีเดียวไม่มีเหลือ
“ฮ่าๆๆ” ท่านชายหลิวหัวเราะ เขาจิบชาในถ้วยตัวเองอึกหนึ่ง แล้วว่า “แม่ทัพเย่ ชาน่ะ ไม่ได้ดื่มแบบนี้หรอก”
เ่ิูหัวเราะตอบ “ไม่ต้องพิธีรีตอง แค่ดับกระหายได้ก็พอ”
“นิสัยใจคออย่างคนหนุ่มจริงอย่างที่ข้าคิด” ท่านชายหลิวตัดสินเอาทั้งทอดถอนใจ “ความจริงแล้วข้าก็ไม่คิดปิดบัง เื่ของแม่ทัพเย่ทำให้ข้านึกถึงคนคนหนึ่ง สิบปีก่อนหน้านี้ เขาก็ดื่มชาเช่นนี้ต่อหน้าข้าเช่นกัน อายุยังเยาว์ รูปโฉมหล่อเหลา มีจิติญญาแห่งวีรบุรุษ เป็ัในหมู่มนุษย์ ผลงานในศึกลือลั่น เรียกได้ว่าอนาคตไกลหาที่สุดไม่เจอ แทบจะทั้งด่านโยวเยี่ยนที่คิดว่าเขาจะกลายเป็เทพเ้าาคนต่อไปในอนาคต เป็ผู้สืบทอดของเ้าแห่งแดนเหนือเพื่อขับไล่เผ่าปีศาจ เสียดาย เสียดายจริง...”
เอ่ยถึงตรงนี้ ท่านชายหลิวก็ถอนหายใจพรืดยาว
เ่ิูคลี่ยิ้มแล้วตอบไป “เอ่ยถึงตรงนี้ เพื่อให้เหมาะสมกับประเด็นของท่าน เช่นนั้นข้าควรถามคำถามนี้หรือไม่ ท่านเสียดายอะไร?”
ท่านหลิวชะงัก แล้วหัวเราะอีก “ทำไม แม่ทัพเย่ไม่สนใจประเด็นนี้ของข้าอย่างนั้นใช่ไหม”
“มิใช่” เ่ิูตอบตรงไปตรงมา “ข้าแปลกใจยิ่ง อยากฟังเื่ราวต่อจากนั้น ขอท่านโปรดชี้แนะเถิดว่าต่อจากนั้นเกิดอะไรขึ้น”
“ต่อจากนั้นใช่ไหม...” ท่านชายหลิวนิ่งไป เขาละเลียดจิบชาในถ้วย หลุบเปลือกตาลงเชื่องช้า ราวกับเข้าสู่ห้วงเื่ราวอันยาวนาน ใบหน้ามีแววย้อนอดีต ครู่ต่อมาถึงถอนหายใจก่อนตอบ “คนคนนั้นต่อมาได้เข้าวิถีมาร กลายเป็พวกปีศาจ”
“อะไร? กลายเป็ปีศาจหรือ?”
เ่ิูใ
เดิมทีเขาคิดว่า ที่ท่านชายหลิวขุดเื่เก่ามาเล่าคราวนี้ คนคนนั้นน่าจะตายั้แ่ยังอ่อนเยาว์
แต่ไม่นึกเลย ว่าผลจะกลายเป็เช่นนี้ไปได้
ท่านชายหลิวลืมตา เขาส่งถ้วยชาว่างเปล่าในมือแก่ซิ่งเอ๋อร์ ตอนนี้เองที่เพิ่งพยักหน้า “ถูกต้อง คนคนนั้นทั้งรูปโฉมและวรยุทธ์เป็เอกไม่มีสอง พร์เฉียบขาดนัก เป็คนที่กองทัพแห่งด่านโยวเยี่ยนอบรมเลี้ยงดูเป็พิเศษ จากแม่ทัพกองโจรยศเล็กๆ กลายเป็รองผู้บัญชาการแห่งค่ายทัพหน้า ในเวลาสามปีกว่า หากทุกอย่างเป็ไปตามที่ผู้คนคาดหวังและแผนการที่วางเอาไว้ เขาจะกลายเป็วีรบุรุษคนใหม่ของด่านโยวเยี่ยน เสียดายที่ตอนยุทธการเผชิญหน้ากับกองพลสู่ทักษิณครั้งนั้น คนคนนั้นมั่นใจตัวเองเกินไปจึงลุยเดี่ยวฝ่าเข้าไปในทัพปีศาจ ติดกับแผนชั่วของแม่ทัพปีศาจเชาเสวี่ย โดนโอบล้อมจู่โจมอย่างหนัก สุดท้ายก็จมหายไปกับทหารปีศาจ คนคนนั้นถูกเผ่าปีศาจจับกุมไว้ได้ เขากลัวตายขึ้นสมอง จึงยอมตามพวกปีศาจกลับไปกองพลสู่ทักษิณ กลายเป็เขี้ยวเล็บให้เผ่าปีศาจไป”
เ่ิูได้ฟังถึงตรงนี้ก็ตระหนกอย่างหนัก
“มีเื่เช่นนี้ด้วยหรือ?” เขาถามอย่างนึกไม่ถึง “เผ่ามนุษย์ไปเข้ากับเผ่าปีศาจ นี่มันคือ...คือหักหลังบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองนี่”
ท่านชายหลิวพยักหน้า สีหน้าเสียดายอย่างสุดซึ้ง “ใช่แล้ว แรกทีเดียวทุกคนก็คิดว่าคนคนนั้นตายไปในการศึก แต่ไม่มีใครคิดเลยวว่าเขาจะเลือกเส้นทางอัปรีย์เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อ ตอนได้ข่าวมา ด่านโยวเยี่ยนก็สั่นะเื อาณาจักรเสวี่ยสั่นะเื คนมากมายไม่เชื่อข่าวนี้ สงสัยว่าเื่นี้อาจเป็แผนของเผ่าปีศาจ ไม่เชื่อว่าชายคนนั้นจะยอมยกธงขาว...องค์จักรพรรดิสั่งสืบสวนให้ถึงที่สุด สั่งการให้กำลังทหารไปเค้นหาความจริงถึงทุ่งน้ำแข็งทลายหิมะ เสียดายที่ไม่ได้อะไรกลับมา จนวันนั้น...”
เอ่ยถึงตรงนี้ ท่านชายหลิวก็สีหน้าขื่นขม
เงียบไปครู่หนึ่งแล้วเขาจึงเอ่ยต่อ “จนวันนั้น ที่คนคนนั้นเป็แม่ทัพใหญ่นำทัพเผ่าปีศาจบุกโจมตี ทำลายแนวป้องกันยี่สิบสายนอกด่านโยวเยี่ยนจนราบคาบ ฆ่ามนุษย์ร่วมเผ่าพันธุ์เดียวกันนับหมื่นคน ด่านโยวเยี่ยนรวมทั้งท่านเ้าด่านลู่เห็นมากับตาตัวเอง ชายคนนั้นนำพวกองครักษ์ส่วนตััวของแม่ทัพปีศาจเชาเสวี่ย มือหิ้วหัวของสหายร่วมรบด้วยกันในวันเก่ามาด้วย เืสดอาบเคลือบเมืองน้ำแข็ง...สหายร่วมรบ ตอนนั้นเองที่ทุกคนกล้าเชื่อ ว่าดวงดาวแม่ทัพในวันเก่า เกลือกกลั้วกับวิถีแห่งมารจนกู่ไม่กลับ”
เ่ิูเงียบ
ตอนแรกเขากะจะไว้ท่ายั่วโมโหคู่สนทนาอยู่หรอก แต่พอความลับอันขื่นขมนี้ถูกเอ่ยออกมา เ่ิูก็ะเืใจอย่างไม่อาจห้าม
ไม่นึกเลยว่าในด่านโยวเยี่ยนจะเคยเกิดเื่เช่นนี้ขึ้น
จินตนาการได้เลยว่าจะะเืขนาดไหนในตอนนั้น
แล้วก็จินตนาการได้อีกว่า ทั้งอาณาจักรในตอนนั้นจะโกรธเกรี้ยวขนาดไหน
ข่าวไม่น่าอภิรมย์นี้อาณาจักรปิดผนึกไว้ตลอดมา ตัวเขาถึงไม่เคยรู้ มีเพียงคนที่เห็นมากับตาเช่นท่านหลิวเท่านั้นจึงจักเข้าใจดีถึงเกลียวคลื่นน่ากลัวที่ราวกับพายุฝนพัดกระหน่ำในครานั้นกระมัง?
“อาณาจักรโกรธาเป็อย่างมาก ส่งมือดีระดับพระกาฬไปฆ่าคนคนนั้นที่ทุ่งน้ำแข็งทลายหิมะ เสียดายที่พ่ายแพ้ทั้งสิ้น ได้ยินมาว่าหลังจากที่คนคนนั้นกลับไปกับพวกปีศาจ ได้วิชาลับต้องห้ามของเผ่าปีศาจ ปลูกกระดูกปีศาจไว้ในกาย พลังจึงเพิ่มพูนทบทวี...” ท่านหลิวกล่าวรำลึกความหลังต่อ “คนคนนั้นเดิมทีก็เป็พวกโเี้อำมหิตที่มีพร์เหนืุ์อยู่แล้ว ร่างกายเหนือกว่ารุ่นเดียวกัน เคยรับการโจมตีจากใต้เท้าลู่สิบครั้งโดยไม่พ่าย หลังปลูกกระดูกปีศาจไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะน่ากลัวถึงเพียงไหน อาณาจักรส่งคนไปสังหารหรือปฏิบัติการเก็บกวาดกี่รอบต่อกี่รอบไม่พ่ายก็ล้มตายทั้งสิ้น!”
ปลูกกระดูกปีศาจ?
เ่ิูอึ้งเล็กน้อย
ปลูกกระดูกปีศาจในตัวมนุษย์แล้วเพิ่มพูนความแกร่งได้กระนั้นหรือ?
ไม่เคยได้ยินวิธีการเช่นนี้มาก่อนเลย
เขาฟังท่านชายหลิวพูดประโยคต่อมา “สำหรับอาณาจักรกับทหารประจำการด่านโยวเยี่ยนแล้ว การที่คนคนนั้นหักหลังไม่เพียงเป็ฝันร้ายเท่านั้น คนคนนั้นคุ้นเคยกับงานอาณาจักร และยิ่งคุ้นเคยยิ่งกว่ากับป้อมปราการที่จัดวางเอาไว้ของด่านโยวเยี่ยน คุ้นเคยกับแนวป้องกันทั้งในทั้งนอกของเผ่ามนุษย์ถึงที่สุด จดจำจนขึ้นใจ หลายปีต่อจากนั้น โดยการนำทัพของมนุษย์ หน่วยองครักษ์ประจำตัวแม่ทัพปีศาจเชาเสวี่ยกลายเป็ผีร้ายของด่านโยวเยี่ยน พวกมันบุกรุกและหวนกลับไร้ร่องรอย ทำลายกองทหารด่านโยวเยี่ยนทั้งขึ้นทั้งล่อง ทำให้อาณาจักรสูญเสียแสนสาหัส แม้แต่ใต้เท้าลู่เ้าแห่งแดนเหนือยังเคยเกือบหลงกลแผนการร้ายนั่น ความรุนแรง แข็งกร้าวและน่าครั่นคร้ามในวิกฤติการณ์คราวนั้น ได้ชื่อว่าเป็หนึ่งในครั้งที่รุนแรงที่สุดของประวัติศาสตร์นับแต่ตั้งราชวงศ์มา”
เ่ิูฟังถึงตรงนี้ก็สูดเอาอากาศเย็นเยือกเข้าปอด
ถูกต้อง คนที่ถูกอบรมสั่งสอนมาทั้งชีวิตจิตใจเพื่อจะกลายเป็ผู้บัญชาการในอนาคต เมื่อเลือกทางที่จะหักหลัง หันไปพึ่งพาศัตรู เช่นนั้นอนาคตจะนำพาผลอันน่ากลัวมาเช่นไร ต่อให้เป็คนโง่งมเอาเท้าเกาหัวก็ยังนึกออก
“ั้แ่ตอนนั้นจนถึงสองสามปีหลังนี้ เหล่าทหารโยวเยี่ยนพยายามอย่างหนักและเลิศเลอถึงค่อยๆ ลบเลือนผลกระทบที่คนคนนั้นหักหลังได้ ค่อยๆ พลิกสถานการณ์กลับมา ด่านโยวเยี่ยนไม่เสียเปรียบอีกต่อไป ทว่ายังอยากถือไพ่เหนือกว่าในการปะทะกับกองพลสู่ทักษิณอยู่ดี น่ากลัวว่าคงต้องทุ่มเทเืตากระเด็นอีกสิบปีกระมังถึงจะฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ในอดีตได้”
น้ำเสียงของท่านชายหลิวไม่รู้ว่าดีใจหรือเจ็บช้ำกันแน่
ระหว่างทอดถอนใจ เขาก็กระดกชาที่ซิ่งเอ๋อร์ยกมาให้อีกหน
เ่ิูไม่รู้ว่าควรพูดอะไรถึงจะดี
เด็กหนุ่มมองท่านชายหลิวอย่างเงียบเชียบ รู้ว่าที่เขาตามตัวตนมากะทันหันเพื่อจะพูดเื่นี้ให้ฟัง
หรือว่าเป็เพราะตัวเขาเหมือนกับคนคนนั้น?
หรือไม่ก็...ท่านชายหลิวหยิบยืมเื่นี้มาแสดงลับลมคมในอะไรบางอย่างกับเขา?
บรรยากาศในห้องบนเรือเหาะช่างเงียบสงัด
ท่านชายหลิวดื่มชาสองถ้วยรวดถึงค่อยๆ ควบคุมอารมณ์ให้มั่นคงเยี่ยงเดิมได้ เขามองเ่ิูแล้วเผยยิ้ม “แม่ทัพเย่รู้หรือไม่ ว่ายุทธการเดินทัพวายุว่องครานี้มีไว้เพื่ออะไร?”
เ่ิูส่ายหน้า เดิมทีก็อยากเปิดปากบอกว่าไม่รู้ เพราะในหยกคำสั่งทหารนั้นไม่ได้บอกเป้าหมายของปฏิบัติการครานี้ไว้ชัดเจน
อีกทั้งจากประสบการณ์ทุนเดิมของเขา ฐานะและตำแหน่ง ไม่มีทางมีคุณสมบัติพอที่จะรู้เื่พวกนี้อยู่แล้ว
ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นมา เห็นใบหน้ายิ้มประหลาดของท่านหลิว เขาก็รู้ถึงอะไรบางอย่าง หัวใจพลันเต้นอย่างตระหนกยามเอ่ย “หรือว่า...หรือว่าเพื่อเผชิญหน้ากับเขาคนนั้น?”
ท่านชายหลิวหัวเราะร่า
“เ้าทายถูกแล้ว” เขาเผย
เ่ิูคิดตามแล้วจึงถามต่อ “คราวนี้...จะมีโอกาสหรือเปล่า?”
“แน่นอนว่ามี” ท่านหลิวยิ้มมั่นใจพลางเสริม “ยุทธการคราวนี้เหมือนเป็ยุทธวิธีาหน้าเหมันต์เล็กๆ แต่ความจริงแล้ว กองทัพโยวเยี่ยนได้ตระเตรียมการมานาน เนิ่นนานมาก คนคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ เท่ากับว่าเป็ความอัปยศครั้งใหญ่ที่สุดของด่านโยวเยี่ยน ชีวิตของเขาเหมือนเสียงเยาะเย้ยของกองทัพด่านโยวเยี่ยน ทั้งอาณาจักรไม่้าให้เขาลอยชายอยู่ต่อได้อีก คราวนี้ พวกเราไม่เพียงอ่านแผนการแนวรบมันออกเท่านั้น กระทั่งใต้เท้าลู่เ้าแห่งแดนเหนือยังจะออกโรงเองด้วย”
ลู่เฉาเกอออกโรงเอง?
เ่ิูฟังคำแล้ว ดวงใจพลันเต้นระทึก
เทพาแห่งด่านโยวเยี่ยนออกโรงด้วยตัวเองหรือ?
นี่คงเป็เื่ใหญ่ที่เมื่อแพร่ออกไปอาจสั่นะเืทั้งอาณาจักรได้
หนึ่งในสิบยอดแม่ทัพแห่งภพ เทพาแห่งด่านโยวเยี่ยน หลังรามือไปสิบปี ที่สุดก็ลงมือเองแล้วใช่ไหม?
นึกออกเลยว่า คราวนี้จะเป็ยุทธวิธีแบบใด
เ่ิูเข้าใจได้บัดดลว่าทำไมท่านชายหลิวถึงมั่นอกมั่นใจปานนี้
ถูกแล้ว หากเป็เทพเ้าาลู่ออกโรงด้วยตนเอง เช่นนั้นทุกอย่างก็แต้มจุด*ได้เลย
เชื่อว่าที่กองทัพด่านโยวเยี่ยนเตรียมตัวมานานขนาดนี้ ย่อมเป็แผนที่ใคร่ครวญมานานและพร้อมปฏิบัติการแล้ว อีกทั้งเมื่อได้ยินความหมายในสิ่งที่ท่านชายหลิวพูด เผ่ามนุษย์น่าจะได้แผนของคนคนนั้นมาผ่านช่องทางลับบางอย่าง เมื่อว่ากันตามนี้ คราวนี้ต้องตายอย่างไร้ข้อสงสัยเป็แน่
*แต้มจุด เหมือนแต้มจุดจบประโยคในภาษาอังกฤษค่ะ จีนก็มีเหมือนกัน หมายความว่าจบเื่ สื่อว่าลู่เฉาเกอเก่งมากแค่ออกโรงเื่ก็จบแล้วนั่นเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้