เป้าหมายของเซวียเสี่ยวหรั่นคือต้นไม้ใหญ่ที่อยู่เยื้องไปทางขวา แค่ปีนขึ้นไปได้ก็ไม่ต้องกลัวหมูป่าแล้ว
แต่เสียงคำรามฟืดฟาดที่ไล่มาจากด้านหลังก็น่ากลัวเหลือเกิน เซวียเสี่ยวหรั่นอดเหลียวกลับไปมองไม่ได้
หมูป่าตัวล่ำบึ้กราวกับรถถัง ตะบึงเข้าหานางอย่างเกรี้ยวกราด ความเร็วย่อมสูงกว่าสองเท้าที่ทั้งสั้นและเล็กของเธออยู่แล้ว
พ่อแก้วแม่แก้ว ไม่ทันแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นใจเต้นโครมครามตลอดเวลา
เธอกัดฟันวิ่งสุดแรงเกิด มุ่งหน้าไปยังโขดหินใหญ่ที่ใกล้ที่สุด พอเข้าไปใกล้เธอก็ราวกับแปลงร่างเป็ลิงออกแรงใต้ฝ่าเท้าปีนขึ้นไปบนโขดหินอย่างรวดเร็ว
"ไอ้หยา บ้าฉิบ เกือบตายแล้วมั้ยล่ะ แฮ่กๆ"
หัวเข่าครูดถูกหินเจ็บจนแทบน้ำตาเล็ด เซวียเสี่ยวหรั่นหมอบอยู่บนโขดหินชื้นแฉะขนาดใหญ่ พลางหอบหายใจอย่างหนัก "เคราะห์ดีที่ผอมลงมาหลายกิโล ไม่อย่างนั้นโขดหินสูงขนาดนี้ ด้วยน้ำหนักอย่างเมื่อก่อนคงปีนไม่ขึ้นแน่ๆ
เวลาเพียงชั่วพริบตา หมูป่าก็วิ่งมาถึงด้านล่างของโขดหิน
"อู๊ด!" เ้าหมูป่ากำยำล่ำสันตัวนั้นอ้าปากคำราม ไอน้ำสีขาวพ่นออกมาทางปาก เผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคมแลดูน่าสะพรึง
บ้าเอ๊ย ขโมยกินเฝิ่นเฮ่อของผู้อื่นแล้วยังมาทำกร่างอาละวาดใส่อีกหรือ เซวียเสี่ยวหรั่นถลึงตาใส่มันอย่างดุดัน
หมูป่ารู้สึกได้ถึงความเป็ศัตรูของเธอ จึงคำรามใส่เธออีกครั้ง เซวียเสี่ยวหรั่นใจนต้องซุกไปด้านหลัง
เคราะห์ดีที่โขดหินค่อนข้างสูง หมูป่าไม่อาจะโขึ้นมาได้
เซวียเสี่ยวหรั่นพรูลมหายใจอย่างโล่งอก ลุกขึ้นแล้วถอดกระเป๋าเป้ออกมารื้อค้น
หมูป่าด้านล่างฉุนเฉียวไม่เบา ขนสีดำชี้ฟูทั้งตัวราวกับถูกะเิ มันถอยไปด้านหลังสองสามเมตร ก่อนวิ่งพุ่งเข้าหาอีกครั้ง
"บ้าบอไปใหญ่แล้ว มันรู้จักวิธีวิ่งส่งตัวะโด้วยหรือนี่"
เซวียเสี่ยวหรั่นเปิดฝาสเปรย์พริก แล้วเอามืออีกข้างอุดปากและจมูกไว้ ก่อนพ่นสเปรย์ไปด้านหน้า
ของเหลวกลายเป็ไอสีแดงจางๆ ฟุ้งกระจายในจังหวะที่หมูป่าวิ่งเข้ามาในอาณาเขตพอดี
"อู๊ดๆๆ"
มันหยุดเท้าทันทีแล้วเปล่งเสียงครวญครางไม่หยุด เสียงโหยหวนกึกก้องไปทั่วพงไพร มันลงไปกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้น ดิ้นพราดๆ สะเปะสะปะไปทั่ว เดี๋ยวพุ่งเข้าชนต้นไม้ เดี๋ยวก็หันไปชนถูกก้อนหินใหญ่ ร้องด้วยความเ็ปเจียนใจจะขาด
ไม่ช้ามันก็วิ่งมุ่งไปยังลำธาร "ตูม" เสียงน้ำแตกกระจาย
ลำธารไม่ลึก นับว่าหมูป่ายังโชคดีอยู่ ที่สามารถชะล้างความแสบร้อนจากพริกออกไปได้บ้าง หลังจากวิ่งขึ้นมาบนฝั่ง มันก็ร้องเสียงดังก่อนวิ่งผลุนผลันเข้าป่าไป
เซวียเสี่ยวหรั่นหรี่ตาลง ค่อยกล้าสูดอากาศเข้าปอดหลังจากที่กลั้นหายใจอยู่เป็เวลานาน
"น่าเสียดายชะมัด" เซวียเสี่ยวหรั่นเบะปาก "ตอนชนก้อนหินนั่น ทำไมถึงไม่ชนให้สลบไปเลยนะ เนื้อมาถึงปากแล้วแท้ๆ ยังบินหนีไปได้"
เซวียเสี่ยวหรั่นยู่ปากลุกขึ้นมา พลางลูบหัวเข่าที่ถลอก จนกระทั่งแน่ใจแล้วว่าหมูป่าวิ่งไปไกลแล้ว เธอถึงค่อยๆ ปีนลงมาจากโขดหิน
"เฮ่อ กางเกงเพิ่งซักหมาดๆ กลายเป็กางเกงเปื้อนโคลนไปอีกแล้ว" เธอดึงขอบกางเกงทั้งเปียกชื้นและสกปรกขึ้น แล้วเดินไปยังเขตที่มีเถาเฮ่อ
ฉวยโอกาส่ที่หมูป่าได้รับาเ็ รีบชิงเข้าไปเก็บทั้งเถาเฮ่อและเฝิ่นเฮ่อกลับไป
เธอลงมือรวดเร็วฉับไว เริ่มจากตัดเถาเฮ่อกองใหญ่มัดรวมกันไว้ก่อน จากนั้นค่อยหากิ่งไม้แหลมคมขุดหัวเฝิ่นเฮ่อขึ้นมา
หมูป่าเป็สัตว์ที่อยู่รวมกันเป็ฝูง ที่นี่อันตรายเกินไป ไม่อาจทิ้งหัวเฝิ่นเฮ่อไว้ได้
ระหว่างที่ขุดก็คอยสังเกตความเคลื่อนไหวจากรอบด้าน เมื่อครู่หมูป่าตัวนั้นถูกสเปรย์พริกฉีดเข้าตา ไม่อาจแยกแยะทิศทางชัดเจนได้ในเวลาสั้นๆ เซวียเสี่ยวหรั่นจึงไม่หวั่นใจว่ามันจะพาฝูงกลับมาแก้แค้น เธอกลัวหมูป่าตัวอื่นจะได้ยินเสียงแล้วตามมาต่างหาก
ทว่ามีสเปรย์พริกป้องกันตัว พอให้อุ่นใจได้บ้าง
แต่เถาเฮ่อกับหัวเฝิ่นเฮ่อเหล่านี้ไม่อาจขนกลับไปในรอบเดียว แต่ถ้าทิ้งไว้ เกิดหมูป่ามาอีกก็จบเห่
เซวียเสี่ยวหรั่นเริ่มปวดหัว
อายุของหัวเฝิ่นเฮ่อยังนับว่ายังไม่มาก เถาก็ไม่หนา มีบางส่วนเท่านั้นที่ค่อนข้างแก่ หัวที่แก่แล้วแข็งเหมือนท่อนไม้กัดไม่เข้า ย่อมกินไม่ได้
เซวียเสี่ยวหรั่นเลือกก่อนที่จะขุดหัวเฝิ่นเฮ่อที่สามารถกินได้จำนวนหนึ่ง
"พวกหัวที่แก่ๆ เหล่านี้ก็เสร็จหมูป่าไป ชาวบ้านฟันแข็งแรง พวกเราเทียบไม่ติด"
หัวของเฝิ่นเฮ่อไม่เล็ก เซวียเสี่ยวหรั่นมัดพวกมันไว้กับเถาเฮ่อ แล้วค่อยๆ ลากกลับไป
"ปัดโธ่เอ๊ย ทำไมถึงหนักอย่างนี้"
เซวียเสี่ยวหรั่นค่อยๆ ลากของเดินไปทีละก้าว ปริมาณของวันนี้มากกว่าเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด มีน้ำหนักของส่วนหัวเข้ามาเพิ่ม จนเธอแทบจะลากไม่ไหว
ตอนมาวิ่งตัวปลิวราวกับเหาะเหิน แต่ขากลับ ความเร็วไม่ต่างกับหอยทาก
โชคดีที่ฝนหยุดแล้ว อากาศก็เปลี่ยนเป็หนาวเย็น สัตว์ส่วนใหญ่จำศีลหน้าหนาว ริมฝั่งแม่น้ำกว้างใหญ่ จึงมีแต่เธอกับเสียงลากของหนักดังมาเป็ระยะ
เหลียนเซวียนมายืนรออยู่ปากถ้ำครู่ใหญ่แล้ว ได้ยินเสียงลากครืดๆ ดังมาแต่ไกล
ในที่สุดนางก็กลับมาแล้ว
บอกว่าไปตัดเถาเฮ่อ แต่ออกไปตั้งหนึ่งชั่วยาม นางแล่นไปถึงกลางหุบกลางเขาหรือไร เหลียนเซวียนมุ่นคิ้วอย่างกังขา
"ฮึ้บ... เอ้า... ฮึ้บ... โอ๊ย..."
ได้ยินนางบ่นงึมงำมาตลอดทาง พลางลากเถาเฮ่อด้านหลังมาอย่างยากเย็น นี่นางลากมาเท่าไรกันแน่?
หัวคิ้วของเหลียนเซวียนขมวดแน่น ถือไม้เท้าค่อยๆ เดินเข้ามารับ
"เหลียนเซวียน ท่านอย่าเข้ามา แฮ่กๆ " เซวียเสี่ยวหรั่นกระหืดกระหอบ "ขะ... ข้าจะไปหาเอง"
แต่เหลียนเซวียนกลับไม่ยอมหยุด ค่อยๆ เดินอย่างมั่นคงจนมาถึงหน้าเธอ
"ฮิๆ วันนี้ตัดมาค่อนข้างเยอะ ก็เลยหนักหน่อย" เซวียเสี่ยวหรั่นลากเถาเฮ่อกลับมา ร้อนจนเหงื่อชุ่มศีรษะ เธอเหลือบมองเขาปราดหนึ่ง ััได้ถึงความเคร่งขรึมที่กำจายมาจากตัวเขา
แล้วทำไมต้องตัดมาเยอะขนาดนั้นเล่า นกน้อยทำรังแต่พอตัว เข้าใจหรือไม่? เหลียนเซวียนทำสีหน้าเคร่งขรึม ความน่าเกรงขามอันไร้รูปลักษณ์แผ่ซ่านออกมา
เซวียเสี่ยวหรั่นทำตาปริบๆ เวลาหมอนี่ทำหน้าบึ้งตึงก็ทำให้เธอรู้สึกเสียวสันหลังอยู่เหมือนกัน
เธอกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น พลางฉีกยิ้ม "มีเหตุผลอยู่น่า เดี๋ยวกลับไปข้าจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเลย"
เหลียนเซวียน 'จ้อง' นางอยู่ครู่ใหญ่ ค่อยถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
เซวียเสี่ยวหรั่นถูกจ้องจนขนลุก รีบลากเถาเฮ่อมาถึงปากถ้ำ
"โอย... ไม่ไหวแล้ว ข้าต้องดื่มน้ำให้หนำใจสักหน่อย"
หลังใช้แรงจนเกินกำลัง แขนทั้งสองของเซวียเสี่ยวหรั่นก็แทบยกไม่ขึ้น
"อาเหลย พี่สาวเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว"
พอเห็นหญิงสาวเข้ามาในถ้ำ อาเหลยซึ่งกำลังแทะเกาลัดดิบก็ร้องเจี๊ยกทักขึ้น
"หิวแล้วใช่ไหมล่ะ เฮ่อ พี่สาวก็หิวเหมือนกัน รอเดี๋ยวนะ พี่สาวจะไปตุ๋นเนื้อมาให้กิน"
เลยมื้อเที่ยงมานานแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นทำสีหน้ากระฉับกระเฉง เริ่มจากล้างมือให้สะอาด หลังจากนั้นก็ตั้งน้ำบนเตาหิน หยิบเนื้องูบนชั้นชิ้นหนึ่งลงมาดู หลังเลาะกระดูกแล้ว ก็โยนลงไปในหม้อ
ตักน้ำถ้วยหนึ่งให้ตัวเอง แล้วดื่มอึกๆ ลงไปโดยไม่รังเกียจว่าเป็น้ำเย็น
แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่ใบหน้าและลำคอ
"โอ๊ย ไม่ไหวแล้ว ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่กลิ่นเหงื่อ หากไม่อาบน้ำสักหน่อยได้เหม็นตัวเองตายแน่"
เซวียเสี่ยวหรั่นทั้งเมื่อยเอว ทั้งปวดหลัง แขนขาก็ไร้เรี่ยวแรง ทั้งยังมีแต่กลิ่นเหงื่อเหม็นเปรี้ยวไปทั้งตัวยิ่งสุดจะรับไหวจริงๆ
เหลียนเซวียนเพิ่งเดินเข้ามา ก็ต้องหยุดชะงักเพราะวาจาของนาง
แม่นาง... ช่วยพูดอ้อมค้อมสักหน่อยไม่ได้เลยหรือ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้