จนกระทั่งเธอสานรองเท้าฟางคู่เล็กเสร็จเรียบร้อย หนังเลียงผาก็รมควันได้ที่แล้ว
"ฮิๆ ความเคยชินคือบ่อเกิดของความชำนาญ รองเท้าฟางคู่ที่สองค่อยดูได้หน่อย" เซวียเสี่ยวหรั่นสวมรองเท้าฟางเดินไปเดินมาสองรอบ "อูย... ตำเท้าเหมือนกันแฮะ"
รองเท้าฟางจะสวยได้สักแค่ไหนกัน เหลียนเซวียนลุกขึ้นมาจากพื้น รองเท้าฟางที่มีเสี้ยนตำฝ่าเท้า เขาสวมเดินแค่รอบเดียวเท้าก็แดงเป็ปื้นแล้ว
"เฮ่อ หญ้านี้แข็งไปหน่อย ควรเปลี่ยนเอาที่นุ่มกว่านี้มาสานแทน สงสัยเป็เพราะตากยังไม่แห้งพอ"
เธอสวมถุงเท้ายังรู้สึกกระด้างเท้า เซวียเสี่ยวหรั่นกลัดกลุ้มเล็กน้อย หันมามองเหลียนเซวียน
"เหลียนเซวียน ตอนเย็นข้าจะถักถุงเท้าให้ท่านหนึ่งคู่ เท้าจะได้ไม่เสียดสีมากนัก"
เหลียนเซวียนซึ่งกำลังแกะเชือกที่ผูกหนังเลียงผา ได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้า อากาศเย็นลงแล้ว ควรรีบทำอาภรณ์ของนางก่อนดีกว่า
"ท่านอย่าส่ายหน้าปฏิเสธ ถุงเท้าเร่งทำคืนเดียวก็เสร็จ แต่เสื้อผ้าไม่ได้ ต้องลงแรงเยอะกว่า"
ที่สำคัญก็คือเธอไม่ได้ถักเสื้อนานแล้ว ลืมขั้นตอนการถักไปบ้าง เธอต้องนึกให้ถี่ถ้วนก่อน ถักถุงเท้าง่ายหน่อย เซวียเสี่ยวหรั่นแก้เชือกจากด้านหนึ่ง พลางคิดถึงอีกเื่หนึ่ง
"เหลียนเซวียน อีกประเดี๋ยวท่านปั้นหมอใบใหญ่เสร็จ ช่วยข้าเหลาเข็มอีกเล่มเถอะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นอธิบายลักษณะของสิ่งที่ตนเอง้าให้เขาฟังรอบหนึ่ง
เหลียนเซวียนผงกศีรษะ ล้วนเป็เื่เล็กทั้งนั้น
เขาเอาหนังเลียงผาที่รมควันแล้วไปวางบนแผ่นหิน แล้วโรยขี้เถ้าลงไป้า ก่อนเริ่มขัดถูเป็ครั้งที่สอง
"เฮ่อ ทำหนังสักผืนยุ่งยากขนาดนี้เลยหรือ"
หนังผืนไม่เล็ก เซวียเสี่ยวหรั่นต้องออกแรงขัดถูไม่น้อย
แต่พอนึกถึงว่าเป็ของที่ใช้สวมใส่บนร่างกาย นางก็ไม่กล้าทำแบบขอไปที หนังชนิดนี้หากไม่กำจัดขนออกให้หมดจะสวมใส่ได้อย่างไร
เห็นนางยังดันทุรังเสียเวลาต่อ เหลียนเซวียนก็ดึงกิ่งไม้ไม่หนาไม่บางออกจากกองไฟ ก่อนนั่งลงเริ่มเหลาเข็มตามแบบที่นางอธิบายให้ฟัง
รอเซวียเสี่ยวหรั่นขัดหนังเสร็จเรียบร้อย เข็มถักก็เหลาเสร็จเรียบร้อย
"ว้าว ไม่เลวเลย เหลาได้เหมือนมาก" เซวียเสี่ยวหรั่นย่อตัวข้างกายเขาพลางชะโงกศีรษะเข้ามาใกล้
เหลียนเซวียนมือชะงักไปชั่วขณะ
"ด้านล่างเหลาบางลงกว่านี้อีกหน่อย ้าหนาจับกระชับมือ แต่ตรงตะขอเกี่ยวด้านล่างเรียวสักหน่อยจะสะดวกกว่า" เซวียเสี่ยวหรั่นชี้ส่วนที่มีปัญหาเล็กน้อย "ตะขอเกี่ยวไม่ต้องเหลาให้แหลมมาก เอาแค่กลมมนก็พอ"
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยาแเรียบเฉยไร้อารมณ์ แต่ผงกศีรษะน้อยๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นพาดหนังเลียงผาขึ้นไปบนราวแขวน ขณะกำลังคิดจะนวดดิน
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยกลับร้องเรียกขึ้นมา
มันอยากออกไปปล่อยเบา เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นอาเหลยชี้ไปที่ปากถ้ำ ก็ยิ้มไปถึงดวงตา
"ฮ่าๆ อาเหลยของพวกเราช่างแสนรู้ยิ่งนัก"
เซวียเสี่ยวหรั่นลูบหัวของมัน พลางกล่าวชื่นชม ก่อนอุ้มมันออกไปอย่างระมัดระวัง
ฝนซาลงแล้ว อากาศยังชื้นอยู่มาก ม่านหมอกหนาวเย็นปกคลุมไปทั่วทุกหนแห่ง
เซวียเสี่ยวหรั่นนึกยิ้มย่องในใจ อีกประเดี๋ยวกินมื้อเที่ยงแล้ว เธอจะไปข้างลำธารอีกสักรอบ
เธอปล่อยอาเหลยลง หลังจากมันฉี่เสร็จ แต่แขนกลับยังตะกายไม่หยุด
เซวียเสี่ยวหรั่นนึกกังขา เธอประคองใต้รักแร้แล้ววางมันลงอย่างระมัดระวัง
อาเหลยยืนด้วยสามขาอย่างมั่นคง หลังจากนั้นก็ออกแรงเบ่งอึจนหน้าแดง
เซวียเสี่ยวหรั่นหน้าเหวอทันใด
พอนางอุ้มอาเหลยขึ้นมาอีกครั้ง ก็พยายามเลี่ยงที่จะััก้นของมัน
"เฮ่อ เลี้ยงลิงนี่ลำบากกว่าเลี้ยงเด็กซะอีก"
หลังจากวางลิงน้อยลงแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็เบะปาก พลางตักน้ำมาล้างมือ
เหลียนเซวียนเงยหน้าขึ้นมองนางปราดหนึ่ง เมื่อครู่ยังชมลิงน้อยไม่ขาดปาก ไฉนออกไปเดี๋ยวเดียวท่าทีก็เปลี่ยนไปแล้ว
เขาส่งเข็มถักที่เหลาเสร็จแล้วให้ เซวียเสี่ยวหรั่นรับมาดู พลางแสดงสีหน้าตื่นเต้น "ยอดเยี่ยม เหลียนเซวียน ฝีมือท่านนี่สุดยอดไปเลย ไม่มีเสี้ยนแม้แต่นิดเดียว"
เหลียนเซวียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย เื่เล็กน้อยแค่นี้ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง
เซวียเสี่ยวหรั่นวางเข็มถักลง แล้วเริ่มนวดดินเหนียวให้เป็ก้อน หลังจากนั้นขนมากองบนแผ่นหินใกล้กับเหลียนเซวียน
"ข้าจะไปตัดเถาเฮ่อที่ริมธาร กลับมาค่อยทำมื้อเที่ยง ท่านกินกล้วยน้ำว้ารองท้องไปก่อนนะ"
นวดดินเสร็จเรียบร้อย เซวียเสี่ยวหรั่นก็ล้างมือ ก่อนเด็ดกล้วยน้ำว้าส่งให้เหลียนเซวียนสองลูก อาเหลยหนึ่งลูก จากนั้นก็หยิบมีดพับ สะพายเป้ขึ้นหลัง เปลี่ยนไปสวมรองเท้าขาวที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อน มือถือกล้วยกินแล้วเดินออกไปข้างนอก
ด้านนอกฝนยังตกปรอยๆ ตลอดทางเต็มไปด้วยหินกับพงหญ้ามากมาย พื้นดินอุ้มน้ำจนกลายเป็แอ่งโคลน
หลังกินกล้วยหมดไปสองลูก เซวียเสี่ยวหรั่นก็วิ่งออกไป
อากาศเย็น ต้องวิ่งด้วยความเร็วสูง ร่างกายถึงจะไม่รู้สึกหนาว
ระยะทางที่เมื่อวานเสียเวลาไปครึ่งชั่วโมง เธอใช้เวลาวิ่งแค่ยี่สิบกว่านาที
เธอวิ่งไปถึงริมธารอย่างกระหืดกระหอบ ที่นั่นยังคงเงียบเชียบ มีเพียงเสียงสายธารรินไหล
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ได้นำตาข่ายดักปลามาด้วย มีฝนตก ถึงเธอจะใจกล้าแค่ไหน ก็ไม่อาจไปจับปลาทั้งที่ฝนยังตกอยู่ ถ้าเกิดเป็หวัดไข้ขึ้น ก็จะยิ่งยุ่งยากไปกันใหญ่
เธอปาดน้ำฝนบนใบหน้า ล้วงมีดพับออกมาแล้วเดินไปที่เนินเถาเฮ่อแห่งนั้น
ภารกิจวันนี้คือรีบตัดเถาเฮ่อกลับไปให้ได้กองหนึ่ง
"เอ๋? ทำไมถึงเละเทะแบบนี้ล่ะ"
บนเนินดินที่เซวียเสี่ยวหรั่นตัดเถาเฮ่อไปไม่รู้ว่าทำไมถึงมีแต่ดินโคลน เถาเฮ่อก็ถูกหักทำลายโยนทิ้งไปทั่ว
"เฝิ่นเฮ่อของฉัน" เสียงโอดครวญของเซวียเสี่ยวหรั่นดังก้องไปทั่วป่า
เธอค้อมเอวลงไปเก็บ แต่ไม่รู้ว่าเฝิ่นเฮ่อถูกตัวอะไรกัดกินไปจนหมด
เซวียเสี่ยวหรั่นโกรธจนมือสั่น
เมื่อวานเพราะ้าแค่เถาจึงไม่ได้ขุดหัวขึ้นมา คิดว่าเดี๋ยวค่อยกลับมาขุดก็ได้
ใครจะรู้เล่าผ่านไปแค่คืนเดียว เฝิ่นเฮ่อของนางก็ไม่เหลือแล้ว
เซวียเสี่ยวหรั่นเจ็บใจแทบตาย
หัวเฝิ่นเฮ่อมีแป้งสูง ช่วยให้อิ่มอยู่ท้อง อาศัยแค่เฝิ่นเฮ่อจากแถบนี้ ก็ไม่ต้องวิตกว่าจะอดอยากไปตลอดฤดูหนาว
แต่ตอนนี้เถาเฮ่อถูกทำลาย ส่วนหัวก็ไม่รู้ถูกตัวอะไรขุดไปหมด
"หรือว่าจะเป็หนู? เป็ไปไม่ได้ หนูจะกินอะไรเยอะขนาดนั้น" เซวียเสี่ยวหรั่นขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน "ลิงหรือ? น่าจะไม่ใช่ ในป่ามีผลไม้มากมาย จะต้องมาขุดดินทำไม แล้วจะเป็อะไรได้ล่ะ สัตว์กินพืชขนาดใหญ่มีพวกไหนอีกบ้าง กวาง แพะ แกะ หมู... หมู? หมูป่า!"
เซวียเสี่ยวหรั่นตะลึงพรึงเพริด จริงด้วยสิ เป็ไปได้แปดเก้าส่วนว่าจะเป็หมูป่า ที่นี่ใกล้แหล่งน้ำ ซ้ำยังเป็พื้นที่ลาดชันอุดมไปด้วยป่าไม้ หมูป่าต้องไม่น้อยแน่ๆ หมูป่าเป็สัตว์ที่กินได้หลายอย่าง โปรดปรานที่สุดคือขุดของจากดินขึ้นมากิน
ขณะกำลังครุ่นคิด ก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวมาจากไหล่เขา
เซวียเสี่ยวหรั่นเงยหน้าขึ้นก็ต้องเบิกตาโพลงราวกับลูกกระพรวนทองแดง
ให้ตายเถอะ พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา [1]
หมูป่าตัวพ่วงพีสีดำเมี่ยมวิ่งออกมาจากป่าบนไหล่เขา หลังจากคำรามสองสามครั้ง ทั้งสี่เท้าก็ตะบึงมาที่เธอ
"ซวยฉิบ เ้าหมูป่าตัวหายนะขโมยเฝิ่นเฮ่อของฉันยังมีมีหน้ามาทำดุร้ายใส่กันอีก"
เซวียเสี่ยวหรั่นก่นด่าพลางหันหลังวิ่งหนี
ไม่วิ่งแล้วจะรอหมูป่ามาขวิดเอาหรือ
หมูป่าตัวใหญ่ขนาดนี้ เธอจัดการไหวที่ไหนกันล่ะ
...
[1] หมายถึงพูดถึงใครอยู่ผู้นั้นก็มาพอดี