Quint hip l femboy
5
/
“เธอจะทำอะไรคะ?”
ร่างบอบบางของคุณที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำเลิกคิ้วมองก่อนจะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าผมหยิบผ้ากันเปื้อนสีชมพูที่คุณแลกซื้อจากซูเปอร์มาร์เก็ตมาสวมใส่ด้วยสภาพที่แสนทุลักทุเล
“กำลังจะทำงานบ้านครับ” ผมตอบอย่างภาคภูมิใจ—จะว่าไงดีปกติเราสองคนแบ่งหน้าที่กันคนละส่วนเพราะไม่อยากเสียเงินจ้างพนักงานทำความสะอาดบวกกับ่นี้ผมไม่มีผลงานเพลงใหม่ ๆ เลยกะจะเหมางานบ้านทั้งหมดมาทำเอง
อยากตอบแทนครับ เพราะที่ผ่านมาคุณทำในส่วนของผมตลอดเลย
“ฮึ่ย! น่ารักจังแต่ไม่เป็ไรค่ะ เธอไปพักผ่อนเถอะนะ”
“ไม่เอาครับ เธอเคลียร์ออเดอร์ไปเลยเดี๋ยวควินท์ทำเอง” ทันทีที่เอ่ยจบผมก็สาวเท้ายาว ๆ ไปหยิบเครื่องดูดฝุ่นที่พิงเอาไว้แถวนั้นก่อนจะจัดการเปลี่ยนหัวแปรงให้มีขนาดใหญ่ขึ้นจากนั้นก็เสียบปลั๊กแล้วเริ่มทำความสะอาดตามแบบฉบับของคุณพ่อบ้าน
กองหนังสือและกล่องพัสดุต่าง ๆ ถูกวางแยกเอาไว้ตรงมุมห้อง—ผมพ่นลมหายใจออกมาเพราะเริ่มท้อแท้แต่กระนั้นก็ใช้สองมือหยิบพวกมันมาเรียงกันให้เป็ระเบียบเพื่อแยกดูว่าของชิ้นในควรทิ้งและของชิ้นไหนควรเก็บไว้
“เธอ อันนี้ควินท์ทิ้งได้ไหมครับ” ผมชูกล่องอาหารเสริมซึ่งตรงหัวมุมบุบไปครึ่งหนึ่งหากให้เดาก็คงเป็เพราะการขนส่งที่ยอดแย่
“แง เก็บไว้ก่อนได้ไหมเค้ายังไม่ได้กินเลย”
“เธอสั่งมาตอนไหน”
“สามสี่เดือนที่แล้วมั้งคะ เค้าก็จำไม่ค่อยได้” หมดอายุแล้วชัวร์
“โอเค” ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะโยนมันใส่ถุงดำสำหรับนำไปทิ้งโดยไม่สนใจสายตาอ้อนวอนของคุณเลยแม้แต่น้อย ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าไอ้อาหารเสริมอะไรนี่คงอยู่ใน่ลดราคาเป็แน่เพราะทันทีที่ผมค้นดูดี ๆ ก็พบว่ามันยังมีซ่อนเอาไว้อีกสองสามกล่อง
น่าบีบว่ะ เฮ้อ
“อันนี้คืออะไรครับ” ผมชูกล่องสี่เหลี่ยมที่มีขนาดพอ ๆ กับแป้งพัฟให้คุณดูก่อนจะได้รับรอยยิ้มแหย ๆ กลับมาพร้อมกับคำตอบที่ทำเอาผมอยากจะเขกหัวคุณสักที
“คอลซีลเลอร์ค่ะ ราคาห้าสิบกว่าบาทเองส่งฟรีด้วยนะมีแต่คุ้มกับคุ้ม!” ผมกลอกตามองบนก่อนจะแกะกล่องแล้วดึงคอลซีลเลอร์เ้าปัญหาออกมาซึ่งสภาพที่เห็นทำเอาผมต้องถอนหายใจอีกครั้งเพราะมันแห้งกรังอีกทั้งเนื้อสียังดูแปลกตาจนไม่น่าหยิบมาใช้...
“เธอ ควินท์ว่ามันน่าจะเป็ของปลอมนะ”
“ไม่ปลอม ๆ คนขายบอกว่าของแท้” คุณโต้กลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและนั่นทำให้ผมไม่กล้าที่จะกล่าวอะไรต่อ ทำเพียงแค่แอบหยิบเหล่าเครื่องสำอางที่คุณกดสั่งราวกับจะเอามาถมบ้านยัดลงถุงดำอย่างเงียบ ๆ
ถามจริงนะหยาเธอเป็ CEO แบรนด์เครื่องสำอางได้ไงวะเนี่ย
:- (
ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงหน้าที่พ่อบ้านของผมก็จบลง—จะเรียกว่าจบก็คงพูดได้ไม่เต็มปากเพราะบัดนี้ผมกำลังนั่งทาเล็บเจลให้ยัยตัวดีที่ถือโอกาสใช้ผมราวกับทาสในเรือนเบี้ย
“แฟนเค้าเก่งจัง”
“แบบนี้ต้องให้รางวัลแล้วไหม”
“งั้นเอาไปสิบจุ๊บ!” คุณกดจมูกลงบนแก้มผมฟอดใหญ่สลับซ้ายขวาไปมาจนวนครบสิบครั้งและด้วยความที่คุณขยับตัวยุกยิกอยู่ไม่นิ่งสีทาเล็บเลยเลอะติดซอกนิ้วแต่กระนั้นคุณก็ยังคงยิ้มกว้างไม่ปริปากบ่นกับความเสียหายครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย
“ลบออกดีไหมครับ เดี๋ยวควินท์พาไปทำที่ร้านแทน” ผมมีสกิลเื่การทาเล็บอยู่บ้างเพราะสมัยเด็ก ๆ มักจะถูกมารดาใช้ให้ทำอยู่บ่อย ๆ แต่พอมีแฟนแค่ทาสีรองพื้นมันธรรมดาไปผมเลยเรียนรู้วิธีการเพ้นท์ผ่านยูทูปเพราะตั้งใจจะเป็ช่างทำเล็บส่วนตัวให้คุณโดยเฉพาะ
“ม่าย เธออุตส่าห์ทำให้เค้าไม่ลบหรอก”
“แต่ตรงขอบมันเปื้อน” ผมเอ่ยแย้ง
“น่า เดี๋ยวอาบน้ำก็หลุดเองนั่นแหละ” คุณว่าอย่างนั้นก่อนจะหันเหความสนใจไปยังซีรีส์ที่ดูค้างไว้และหากจำไม่ผิดนี่คงเป็การดูซ้ำในรอบที่สามของปี...ก็นะคุณเปิดดูบ่อยจนผมจำบทพูดของพระรองได้แล้วอะ
‘เว่ยอิง เว่ยอิง’ –ก็มีอยู่เท่านี้เองมั้ง
“เธอออ”
“ครับ ว่าไง?” ผมตั้งเวลาเครื่องอบเล็บเจลก่อนจะเงยหน้าตอบรับคุณด้วยน้ำเสียงที่สร้างขึ้นเพื่อนำมาใช้กับคุณโดยเฉพาะ
“คืนนี้ดูหนังกันไหม เราไม่ได้ดูหนังด้วยกันมานานมากหรือเธออยากพักผ่อนคะ”
“ช้า ๆ ครับควินท์ตามไม่ทัน” คุณตอบรับคำในลำคอก่อนจะเอ่ยประโยคคำถามเดิมแต่ทว่าครั้งนี้กลับรอให้ผมตอบก่อนไม่ใช่ถามเองตอบเองดั่งเช่นเมื่อครู่...
“คืนนี้ดูหนังกันไหม”
“เื่อะไรดีครับ”
“Fight club เป็ไง?”
“เธอ เื่นี้เราดูเป็ร้อยรอบแล้วนะ”
“ก็หนังเื่โปรดของเธอนี่” คุณบ่นมุบมิบในลำคอแน่นอนว่าผมได้ยินทุกอย่างเพราะเราสองคนอยู่ใกล้กันเพียงเท่านี้
“ตามใจควินท์เกินไปแล้ว เอาหนังที่เธออยากดูสิครับ” ผมวางมือลงบนกลุ่มผมนุ่มก่อนจะโยกเบา ๆ จนคุณมองตาเขียวปั้ดเพราะไม่อยากให้ผมที่เพิ่งไปยืดมานั้นเสียทรง
“เค้ากลัวเธอไม่สนุก จะว่าไงดีมันตรงข้ามกับแนวที่เธอชอบอะ”
“ไม่เห็นเป็ไรเลย แค่ได้ดูกับเธอก็สนุกมากแล้ว” เดทแรกของเราผมเป็ฝ่ายจองโรงหนังโดยให้คุณเป็ฝ่ายเลือกและหนังเื่แรกของเดทครั้งนั้นคือหอแต๋วแตกที่คุณนั่งหัวเราะจนน้ำตาไหล ส่วนผมที่ไม่ค่อยเก็ทกับมุขเท่าไหร่เอาแต่นั่งมองคุณจนท้ายที่สุดผมก็หลุดยิ้มและหัวเราะไปโดยปริยาย
หลังออกจากโรงหนังคุณถามผมว่าสนุกไหม ชอบฉากไหนมากที่สุด—ผมอ้ำอึ้งเพราะตลอดทั้งเื่ผมสนใจแค่คุณไม่ได้สนใจหนังที่กำลังฉายเลยแม้แต่น้อย...
“เค้าไม่อยากให้เธอฝืน”
“ควินท์เหมือนกัน ที่ผ่านมาควินท์รู้นะว่าเธอไม่ได้ชอบ Fight club ไม่ได้ชอบหนังไซไฟแต่ที่เธอดูก็เพราะควินท์ชอบ...” ไม่ใช่แค่ผมที่เสียสละตัวเองด้วยการยอมเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเป็สีชมพู ยอมกินบุฟเฟ่ต์อาทิตย์ละสามวันเป็เพื่อนคุณ—แต่เป็คุณเช่นกัน เป็คุณที่เสียสละทุกอย่างั้แ่เที่ยวน้อยลง หัดทำอาหาร เดินทางไปซัพพอร์ตผมเวลามีคอนเสิร์ตใหญ่ทั้ง ๆ ที่คุณเองก็แทบยุ่งไม่ต่างกัน
“ทีเธอยังยอมดูหนังผีกับเราเลย ยอมดู The untamed กับเราซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยที่ไม่บ่นว่าเบื่อสักคำ”
“ก็ควินท์รักเธอ แค่เธอแฮปปี้ควินท์ก็โอเคแล้ว”
“นี่ก็รักควินท์เหมือนกัน แค่เธอแฮปปี้เค้าก็โอเคแล้ว”
“ขี้ก็อปว่ะ” เราทั้งคู่จ้องหน้ากันอยู่ชั่วขณะก่อนจะปลดปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นอย่างไม่รักษามาด...ทั้ง ๆ ที่หมดไฟไปกับการเขียนเพลงแล้วแท้ ๆ แต่พอมองหน้าคุณเนื้อเพลงรักดันผุดขึ้นมาในหัวพร้อมกับท่วงทำนองแสนหวานและบีทหนัก ๆ ที่แทรกเข้ามาชวนให้คนฟังนั้นใจเต้น
Hey, muffin ฉันรักเธอจริง ๆ oh my queen ของฉัน
ให้สัญญาว่าหากได้เธอมา ฉันรับรองเธอจะไม่เสียใจ
Not sadly, you happy
I promise.
Quint hip – Muffin [New single!]
/
ปั้นหยาเปลี่ยนไป
เราทั้งคู่อยู่ด้วยกันแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวันทำไมผมจะดูไม่ออกว่าคุณนั้นไม่เหมือนเดิม—เซื่องซึมผิดปกติ ถามคำตอบคำและติดสมาร์ตโฟนมากขึ้น
ผมใช้เวลาสังเกตการณ์มาหลายวันแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถามเพราะอยากให้คุณพูดมันออกมาด้วยตัวเองเสียมากกว่า หรือถ้าโกรธที่ผมไม่ค่อยมีเวลาให้ได้โปรดบอกผมให้รู้ด้วยเถอะ อย่าทรมานกันด้วยการเงียบใส่อย่างนี้เลย
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
“...”
“ควินท์ลงไปซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาให้ วันนี้มีโจ๊กด้วยนะ—”
“เค้าไม่หิว” คุณตอบกลับด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย ก่อนผมจะขมวดคิ้วมุ่นเมื่อสังเกตเห็นความบวมเปล่งบริเวณใต้ตา ไหนจะริมฝีปากที่แห้งผากราวกับคนไม่รู้จักดูแลตัวเองนั่นอีก
คราแรกผมตั้งใจจะรอให้คุณพูดมันเองแต่ดูเหมือนว่าผมคงจะต้องตัดสินใจใหม่เพราะสภาพของคุณในตอนนี้ทั้งโทรม แทบไม่เหลือเค้าโครงปั้นหยาที่ผมรู้จักแต่กระนั้นแล้วใบหน้าที่ตอบลงเพียงนิดก็ยังคงค่าความสง่างามเอาไว้อยู่
โทรมแบบสวย ๆ
พักผ่อนน้อยแบบสวย ๆ
“คุยกันหน่อยไหมครับ” ไม่รอให้เวลาผ่านไปอย่างไร้คุณค่า ผมเปิดบทสนทนาด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเพราะไม่อยากให้คุณรู้สึกกังวลใจไปมากกว่านี้
“คุยอะไร”
“นั่นสิ คุยอะไรดี” ผมยิ้มกว้างก่อนจะช้อนตัวแม่คนสวยขึ้นพาดบ่าแล้วเดินตรงไปยังโซฟาจากนั้นก็ทิ้งตัวลงนั่งโดยที่คุณยังคงคร่อมตักกันอยู่
คุณไม่พูดอะไร เอาแต่วาดแขนโอบรอบคอและซบใบหน้าลงบนแผงอกของผมราวกับแมวน้อยที่ตั้งใจจะออดอ้อนออเซาะผู้เป็ทาส...
“สองสามวันมานี้ทำไมเธอดูซึม ๆ คะ เป็อะไรรึเปล่าฮึ?”
“ม...มันเป็เื่ไร้สาระ เธอไม่ต้องสนใจหรอก” คุณกล่าวมันออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ จะไม่ให้สนใจได้ยังไงก็คุณเป็แฟนผม อีกอย่างอะไรที่เกี่ยวกับคุณต่อให้มันไร้สาระสำหรับคนอื่นผมก็อยากจะฟังมันจากปากคุณอยู่ดี
“ทูนหัว ควินท์ไม่ได้อยากจะคาดคั้นแต่ควินท์ทนไม่ได้จริง ๆ ที่เห็นเธอเป็แบบนี้” บอกตามตรงว่าใจจะขาด
“เค้าขอโทษที่ทำให้เธอ อึก ไม่สบายใจ”
“ที่รักไม่จำเป็ขอโทษควินท์เลยค่ะ ถ้าควินท์เจอเื่ที่ไม่ดีเธอก็จะรู้สึกแบบเดียวกับควินท์ถูกไหมคะ?”
“...” คุณไม่ตอบแต่กลับพยักหน้าเข้าใจซึ่งนั้นก็เป็สัญญาณที่ดีมาก ๆ แล้ว
“เล่าให้ควินท์ฟังได้ไหมคะว่าเกิดอะไรขึ้น หรือควินท์ทำอะไรผิดไปโดยที่ไม่รู้ตัวเธอบอกควินท์ได้รึเปล่า” ผมใช้สองมือประคองใบหน้าของคุณให้เงยขึ้นเพื่อสบตากันก่อนผมจะเกิดอาการใจร้าวเมื่อพบว่าใบหน้าที่ผมเพียรเฝ้าทะนุถนอมบัดนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาที่ไหลรินลงมาอย่างไม่ขาดสาย ดวงตาที่บวมเปล่งอยู่แล้วตอนที่แทบจะแนบปิดกันอยู่รอมร่อ ผมกดจูบไปทั่วใบหน้าสลับกับหยิบทิชชูมาซับน้ำตาเป็เชิงปลอบประโลม
“ถ...ถ้าวันนึงเค้าไม่มีผม อึก เค้าหมายถึงถ้าเค้าหัวโล้นเธอจะยังรักเค้าอยู่ไหม”
“...” ผมไม่ตอบในทันทีแต่กลับขมวดคิ้วมุ่นเพราะตอนนี้หัวสมองดันจินตนาการว่าคนรักอาจจะเป็โรคร้ายโดยที่ไม่กล้าบอกกันก็ได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าท่าทางตึงเครียดของผมจะทำให้แม่คนสวยคิดไปไกลจนซบใบหน้าร้องไห้กับอกแกร่งของผมอีกครั้ง
“ฮึก เค้าซื้อวิกผมใส่ก็ได้นะ ต...แต่เธออย่าเลิกรักเค้าเลย”
“เดี๋ยว ๆ ที่รักไปกันใหญ่แล้วค่ะ พี่หยาเงยหน้าขึ้นมาคุยกันก่อนค่ะ ฮึบก่อนอย่าเพิ่งร้อง”
“...”
“เก่งมาก...เมื่อกี้ที่พี่หยาถามควินท์ว่าถ้าหัวโล้นยังจะรักพี่หยาอยู่ไหม รักค่ะ...ควินท์ยังรักพี่หยาที่สุดในโลกเหมือนเดิม หรือวันหนึ่งพี่หยาตื่นขึ้นมาแล้วผมกลายเป็สีขาว ควินท์ก็ยังจะรักพี่หยาที่สุดในโลก...” สิ่งที่ผมพูดมาทั้งหมดไม่เกินจริงเลยสักนิด ผมไม่ได้อยากจะใช้ชีวิตกับคุณเพียงแค่ชั่วครั้งชั่วคราว—แต่สำหรับผมแล้วไม่ว่าอนาคตอันใกล้หรือไกลผมก็อยากมีคุณ
“แต่เมื่อกี้ อึก เธอทำหน้าเครียดมากเลยนะ”
“ควินท์กลัวว่าเธออาจจะเป็โรคร้ายแต่ไม่กล้าบอกควินท์” พอพูดถึงเื่นี้ใบหน้าของผมก็หงอยลงอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ใช่นะ...เค้าหมายถึงหัวโล้นที่แบบว่าโล้นเฉย ๆ”
“เธอจะโกนเหรอคะ? ถ้าชอบก็โกนเลย ควินท์ว่าเท่ดีนะผู้หญิงต่างชาติหลายคนก็ทำกัน”
“ฮื่อ จะว่าไงดี”
“...”
“วันก่อนแม่เค้าโทรมา แม่...แม่อยากให้เค้าบวช”
ถึงเือีกครึ่งหนึ่งจะเป็อเมริกาแต่เพราะอยู่ขอนแก่นมาั้แ่เกิดควินท์จึงรับรู้วัฒนธรรมเ่าั้ดี หากจำไม่ผิดเพื่อนสมัยมอปลายพออายุครบยี่สิบปีก็พากันลาบวช อาจจะสามวัน เจ็ดวัน มีบ้างพรรษาหนึ่ง...
คุณเล่าให้ผมฟังคร่าว ๆ ว่าอยู่ ๆ มารดาก็โทรมาบอกว่าอยากให้ลูกชายบวชให้ ปรึกษาพระแล้วถึงจะเป็กะเทยแต่ถ้าสำรวมกายนิดหน่อยยังไงก็บวชได้—ทันทีที่ฟังจบผมสบถในลำคอเป็ร้อยรอบ อย่างแรกเลยนะหากจะบวชหยาต้องผ่าเอาซิลิโคนบริเวณหน้าอกออกและที่แย่ไปกว่านั้นอีกฝ่ายต้องโกนผมที่ดูแลรักษามาอย่างดีเพราะจารีตประเพณีอันแสนคร่ำครึ
หัวร้อนว่ะไอ้เหี้ย ถ้าไม่ติดว่าเป็แม่ยายกูด่าเปิงไปแล้ว
ไอ้ประโยคที่ว่า ‘แม่อยากเกาะชายผ้าเหลือง’ เนี่ยถ้าอยากขึ้น์หนักหนาไม่ไปบวชเองวะจะมาบังคับคนอื่นทำไม แม่ง ประสาทแดกกันฉิบหาย
“เธออยากบวชไหม” ผมถามย้ำเพราะอยากได้คำตอบที่มันออกมาจากปากคุณ
“ฮึก ม...ไม่ค่ะ เค้าไม่อยากบวช”
“งั้นก็ไม่ต้องบวช”
“ไม่ได้สิ แม่เค้าขู่จะตัดแม่ตัดลูกเลยนะ” สีหน้าของคุณตระเต็มไปด้วยความกังวล ไม่แปลกใจเลยที่หลายคืนมานี้คุณเอาแต่นอนร้องไห้ แถมเซื่องซึมข้าวปลาไม่ยอมกินจนผมพลอยใจเจ็บไปด้วย
“แม่เธอแค่อยากให้บวชใช่ไหม”
“อือ พ่อกับแม่เค้าอยากได้บุญค่ะ”
“เดี๋ยวควินท์บวชแทนเธอเอง” ผมกล่าวด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ราวกับไม่ได้คิดอะไรผิดกับคนที่นั่งคร่อมตักตาโตเป็ไข่ห่านทั้งยังปฏิเสธเสียงสั่นว่าไม่ได้อีก
“ไม่ได้ ๆ เธอเป็นักร้องนะ อีกอย่างภาพลักษณ์มันสำคัญกับเธอมาก”
“ไม่สำคัญเท่าเธอหรอก”
“...”
“อีกอย่างควินท์อยากบวชทดแทนบุญคุณเธอด้วย ขอบคุณทำกับข้าวให้และดูแลเป็อย่างดีแถมบางทียังแอ่นอกป้อนนม—โอ๊ย!” ผมร้องโอดโอยเมื่อยัยตัวดีฟาดมือลงบนปากของผม แน่นอนว่าผมเอาคืนด้วยการที่โน้มใบหน้าประกบจูบหนัก ๆ ด้วยความมันเขี้ยว
แค่นึกภาพว่าคุณถือหมอนให้ใจผมก็สั่นไหวจนแทบจะทะลุออกมาแล้ว
“เธอไม่ต้องทำเพื่อเค้าขนาดนั้นก็ได้”
“ควินท์แค่อยากให้เธอมีความสุข ต่อไปถ้ามีปัญหาอะไรให้บอกควินท์นะ ห้ามเก็บเอาไว้คนเดียว”
“อือ เค้ารู้แล้ว...ขอโทษที่ทำให้เธอต้องแบกรับปัญหาไร้สาระพวกนี้” คุณกอดคอผมเอาไว้แน่นเอ่ยขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าซึ่งในความคิดของผมมันไม่ใช่ความผิดของคุณเลย อีกอย่างอะไรแบบนี้มันไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงและต่อให้มันจะหนักหนากว่านี้ผมก็ยินดี
ยินดีที่จะทำให้คุณ
“บอกแล้วไง อะไรที่เกี่ยวกับเธอมันไม่เคยไร้สาระเลย”
“ฮื่อ ขอบคุณนะ”
“ด้วยใจยินดีครับ”
Happy news
ลือสนั่น! แร็ปเปอร์ชื่อดังเตรียมลาบวชแทนแฟนหนุ่ม...อ่านต่อ
คอมเมนต์ยอดนิยม
Quint hip แสดงความคิดเห็น : รบกวนแก้ข่าวด้วยครับ แฟนสาวไม่ใช่แฟนหนุ่ม
อย่าลืมไปฟัง Happiest girl – Stephen Dawes นะคะ :-)
/
#ควินท์ฮิป or คอมเมนท์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้