จวินจิ่วเฉินไม่อยากพูดจาไร้สาระกับไป๋หลี่ิชวน ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงหัวข้อลามกอนาจารเช่นนี้เลย
เขาลงไม้ลงมือไม่ได้จึงทำได้เพียงหลีกเลี่ยง ทว่าการที่เขายืนอยู่หน้าประตูห้องของกูเฟยเยี่ยนก็เพื่อระวังการก่อกวนของไป๋หลี่ิชวน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงอดทน และหันหน้าไปมองทางอื่นโดยคิดเพียงว่าไป๋หลี่ิชวนคืออากาศ
อันที่จริงแล้วไป๋หลี่ิชวนไม่ได้คิดจะไปก่อกวนกูเฟยเยี่ยน เขาเพียงแค่อยากจะลงไปดื่มสุราและไม่คิดว่าจะได้พบจวินจิ่วเฉินตรงนี้ เขายังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สายตาจ้องมองจวินจิ่วเฉิน นิ้วมือลูบปลายคางสะอาดสะอ้านเบาๆ ราวกับกำลังครุ่นคิดเื่อะไรอยู่
ภายในห้อง กูเฟยเยี่ยนได้ยินเสียงพูดของไป๋หลี่ิชวนจึงรับรู้ว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยกำลังเฝ้าอยู่ด้านนอก
บัดนี้นางกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงเพราะความใที่ได้รับความเมตตาอย่างคาดไม่ถึง ภายในใจจึงเกิดอาการกระสับกระส่ายและจินตนาการไปไกล
จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยถึงกับเฝ้าปกป้องนางด้วยตนเอง? นี่มันจะสบายกายสบายใจจนเกินไปแล้ว
ภายในใจของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะต้องเป็ห่วงนางแน่นอน! อย่างน้อย อย่างน้อยก็ไม่เหมือนความเ็าที่แสดงออกภายนอก
บางทีเมื่อระยะเวลาสามเดือนมาถึง จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยอาจจะยังคงเก็บนางไว้ต่อ
กูเฟยเยี่ยนลังเลชั่วครู่ ก่อนจะรีบลงจากเตียงและค่อยๆ ย่องไปนั่งบนพื้นริมประตูเพื่อแอบฟัง
ทว่าภายนอกมีแต่ความเงียบสงบ
กูเฟยเยี่ยนรอแล้วรอเล่าจนอดสงสัยไม่ได้ว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยกับไป๋หลี่ิชวนได้จากไปแล้วทั้งคู่หรือยัง
ผ่านไประยะเวลาหนึ่งนางก็ได้ยินเสียงของเด็กในร้านที่มาส่งสุรา
นางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วรอต่อไป
ด้านนอกนั้นจวินจิ่วเฉินคิดว่าไป๋หลี่ิชวนได้รับสุราแล้วจะต้องจากไป ทว่าไป๋หลี่ิชวนกลับพิงทางเดินพลางจิบเครื่องดื่มอย่างไม่รีบร้อนด้วยท่าทีราวกับว่าจะอยู่ต่อ
เขายื่นสุราไปทางจวินจิ่วเฉินโดยพูดด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน “ถึงอย่างไรก็สู้กันไม่ได้แล้ว เ้าทำหน้าบูดบึ้งไปก็ไร้ประโยชน์ มาๆ ดื่มสักคำ! ”
จวินจิ่วเฉินไม่ส่งเสียงใดๆ
ไป๋หลี่ิชวนผ่อนคลายและเอาแต่ใจ คนที่ไม่รู้ความจริงคงจะคิดว่าเขากับจวินจิ่วเฉินเป็สหายรักที่กำลังคุยเล่นกันอยู่
ไป๋หลี่ิชวนเอ่ยออกมาอีกครั้ง “จวินจิ่วเฉิน เป็เื่ยากที่พวกเราจะมีโอกาสได้พูดคุยเช่นนี้ เหอะๆ พูดคุยกันเถอะ เปิ่นหวงจื่อนั้นได้ยินกิตติศัพท์ของเ้ามานานแล้ว! ”
จวินจิ่วเฉินยังคงไม่ส่งเสียงใดๆ
กูเฟยเยี่ยนฟังมาถึงตรงนี้ก็หัวเราะเยาะในใจ ใครเขาจะใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดว่า “ได้ยินกิตติศัพท์มานานกัน? ” ไป๋หลี่ิชวนได้ยินกิตติศัพท์ของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเสียที่ไหน เขามีแผนการร้ายมานานแล้วต่างหาก เขาดักซุ่มในเมืองจิ้นหยางอย่างน้อยหนึ่งปีแล้ว หากบอกว่าเฝ้าติดตามดูการเคลื่อนไหวของเตี้ยนเซี่ยก็ไม่ผิด!
ไป๋หลี่ิชวนที่ถูกเมินไม่ได้มีความอึดอัดเลยแม้แต่นิดเดียว เขาเอนหลังพิงด้วยความเหนื่อยหน่ายแล้วยิ้มเยาะพลางดื่มสุราไปหลายอึก
“จวินจิ่วเฉิน เปิ่นหวงจื่อว่าจะอยู่ที่นี่หนึ่งคืน เ้าก็จะเฝ้าอยู่ที่นี่ทั้งคืนเลยหรือ? ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้กูเฟยเยี่ยนก็เงี่ยหูรอฟัง
ทว่าจวินจิ่วเฉินพิงกำแพงหลับตาดั่งพระสงฆ์ที่ทำสมาธิ ไม่ว่าไป๋หลี่ิชวนจะยั่วยุเพียงใดเขาก็ไม่เคลื่อนไหว
ดวงตาของไป๋หลี่ิชวนทอประกายความเ้าเล่ห์ ไม่รู้ว่าเขาเจตนายั่วยุหรือเจตนาหยั่งเชิง เขาทอดถอนหายใจออกมา “ดูท่าว่าเ้าจะปฏิบัติต่อแพทย์หญิงตัวน้อยแบบไม่ธรรมดาจริงเสียด้วย”
กูเฟยเยี่ยนตกตะลึงตาค้าง ทั้งๆ ที่รู้ว่าไป๋หลี่ิชวนกล่าวโดยเจตนาและรู้ว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะไม่สนใจไยดีเขา ทว่านางก็อดคิดไม่ได้ว่าหากจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะตอบกลับเขาอย่างไร
ใบหน้าของจวินจิ่วเฉินมีความสงบมั่นคงและไม่สนใจไยดีดั่งการคาดการณ์ของกูเฟยเยี่ยน
ในเวลานี้เองไป๋หลี่ิชวนก็จงใจลดเสียงลงพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างคลุมเครือ “จวินจิ่วเฉิน เ้าเคยลิ้มลองแพทย์หญิงน้อยคนนั้นแล้วหรือยัง? ”
แทบจะในเวลาเดียวกันที่จวินจิ่วเฉินลืมตามามองไป๋หลี่ิชวนด้วยความเ็าพลันขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นเช่นนี้ไป๋หลี่ิชวนจึงหัวเราะออกมาดังลั่น
จวินจิ่วเฉินไม่ตอบแต่ไป๋หลี่ิชวนก็รับรู้ได้จากปฏิกิริยาตอบสนองของจวินจิ่วเฉินว่าไม่เคยลิ้มลอง! ดูเหมือนว่าเขาจะอารมณ์ดีมากเพราะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วดื่มสุราที่อยู่บนมือรวดเดียวหมด!
จวินจิ่วเฉินจับจ้องไปที่ไป๋หลี่ิชวน ดวงตาเ็าหรี่ลงช้าๆ ปล่อยไอสังหารออกมา! หากไม่ใช่เพราะ้ารักษาขาของเฉิงอี้เฟย เขาคงจะชักดาบออกมานานแล้ว
ภายในห้อง กูเฟยเยี่ยนกระสับกระส่ายประดุจูเาที่พังทลายลงมา นางคิดไม่ถึงเลยว่าไป๋หลี่ิชวนจะหน้าไม่อายถึงขั้นนี้ เขาเคยถามนางในเื่หยาบคายแบบนี้ก็ช่างแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าถามจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย!
นอกจากเื่นั้นแล้วในหัวของหมอนี่ยังมีเื่อื่นอีกหรือไม่?
นางไม่กล้าจินตนาการเลยว่าเตี้ยนเซี่ยจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ทว่านางสมควรตายเพราะในส่วนลึกของจิตใจถึงกับอยากรู้อยากเห็น นางอยากรู้ว่าปฏิกิริยาตอบสนองของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเป็อย่างไร
เพียงแต่ด้านนอกมีเพียงแค่เสียงหัวเราะที่เอาแต่ใจของไป๋หลี่ิชวน
เขาหัวเราะเยาะเย้ย “ดูท่าว่าหลังจากระยะเวลาสามเดือนสิ้นสุดลง เ้ายังคงจะเก็บนางไว้ต่อ จิ๊ จิ๊ จิ๊ จวินจิ่วเฉิน เ้าสนใจแพทย์หญิงน้อยใช่หรือไม่? ”
กูเฟยเยี่ยนที่ได้ยินมาถึงตรงนี้ก็ยกมือทาบอกโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าการทาบอกเช่นนี้จะทำให้หัวใจที่เต้นแรงกระชั้นชิดของนางไม่เต้นออกมาหรือสูญเสียการควบคุม ทั้งๆ ที่นางรู้ว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่มีทางใส่ใจ แต่นางก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดอาการตื่นเต้น!
ในขณะนี้จวินจิ่วเฉินกำลังจ้องมองไป๋หลี่ิชวนด้วยแววตาแฝงไอสังหาร ไม่นานก็ปริปากพูดเพื่อเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย “องค์ชายสาม เปิ่นหวางให้เวลาเ้าครึ่งเดือน ทว่าเื่ของคดีย่าวซ่านนั้นหากเ้า้าขอโทษตอนนี้เปิ่นหวางก็ไม่มีความเห็น! ”
หลังจากครึ่งเดือนแล้วฉีอวี้ก็จะไปถึงชายแดนตะวันออก
เขารู้ว่าตระกูลฉีมีใจทรยศ แต่กลับกันเขาก็มั่นใจว่าาชายแดนตะวันออกในครั้งนี้ ตระกูลฉีจะยังคงสู้รบได้ยอดเยี่ยม เมื่อถึงเวลานั้นราชวงศ์แห่งอาณาจักรว่านจิ้นจะทำได้เพียงผลักไป๋หลี่ิชวนที่เป็ผู้ริเริ่มการกระทำ ให้ออกมาขอโทษแล้วไกล่เกลี่ยเพื่อยุติความขัดแย้ง
ดวงตามีเสน่ห์ของไป๋หลี่ิชวนทอประกายความคับแค้นใจ เพียงแต่เขายังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “จิ้งหวาง เ้าอย่ารอเลย เปิ่นหวงจื่อรับรองกับเ้าได้ว่าชาตินี้เ้าก็ไม่มีวันได้คำขอโทษจากข้า! คำขอโทษคืออะไรกัน เหอะๆ เปิ่นหวงจื่อไม่รู้จัก!” เขาพูดแล้วก็หยิบเหยือกสุรามาขว้างลงไปชั้นล่างที่มีกองโต๊ะเก้าอี้ระเกะระกะ เห็นได้ชัดว่าเขาอารมณ์เสียต่อคำพูดของจวินจิ่วเฉิน จากนั้นเขาจึงหันหลังเดินออกไปพร้อมกับเอ่ยว่า “เฝ้าดูแพทย์หญิงน้อยของเ้าให้ดี อย่าได้ให้นางมาตกอยู่ในเงื้อมมือของเปิ่นหวงจื่อ! ”
จนกระทั่งแผ่นหลังของไป๋หลี่ิชวนหายไปจากทางเดิน จวินจิ่วเฉินถึงหันหลังมาแล้วถูไปบนริมฝีปากเบาๆ เหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ เพราะบรรยากาศโดยรอบเงียบเชียบเป็พิเศษ
ภายในห้อง หัวใจของกูเฟยเยี่ยนได้ค่อยๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ นางไม่กล้าขยับจึงรอเป็เวลานานจนไม่ได้ยินเสียงจากด้านนอกแล้วถึงจะลุกขึ้นมา
หญิงสาวมั่นใจว่าไป๋หลี่ิชวนไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยยังเฝ้าอยู่หรือไม่ จึงแนบหูชิดไปบนกำแพงด้วยความเงียบเชียบ หลังจากที่ลังเลมาสักพักหนึ่งก็ตัดสินใจไม่เปิดประตูออกไป
เช่นนี้จึงกลายเป็ว่า จวินจิ่วเฉินเฝ้ากูเฟยเยี่ยนด้วยความเงียบสงบทั้งคืน กูเฟยเยี่ยนแอบอยู่ในห้องโดยนอนไม่หลับ และไป๋หลี่ิชวนที่ไม่รู้ไปไหนเพราะไม่กลับมาเลยหนึ่งคืน
ดวงอาทิตย์อุทัย เด็กในร้านขึ้นมาดับโคมไฟริมทางเดิน
จวินจิ่วเฉินที่หลับตาพักผ่อนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เขาไม่ทราบว่ากูเฟยเยี่ยนไม่ได้นอน เขากำชับเด็กในร้านให้ช่วยบอกกูเฟยเยี่ยนว่าห้ามออกจากโรงเตี้ยมหนานซานแล้วกลับไปที่ห้องของตนเอง
เป็ดั่งคำพูดของไป๋หลี่ิชวน จวบจนกระทั่ง่บ่ายเถ้าแก่ถึงปรากฏตัวขึ้นมา
“ปัง ปัง ปัง! ”
เถ้าแก่เคาะประตูห้องของกูเฟยเยี่ยนอย่างคลุ้มคลั่ง กูเฟยเยี่ยนจำใจมาเปิดประตู จวินจิ่วเฉินออกมาด้วยเช่นกัน
เถ้าแก่ยังไม่ทันได้พูดอะไรกูเฟยเยี่ยนก็แย่งพูดเสียก่อน…