ไม่ว่ายุคสมัยจะผันแปรไปเพียงใด ประวัติศาสตร์ก็ยังคงเล่าขานเื่ราวเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าขุนพลผู้เกรียงไกร ไม่ว่าจะกล้าหาญสักเพียงใด สุดท้ายก็มักต้องพ่ายแพ้ต่อบ่วงเสน่หาของสตรี ความงามของนางเ่าั้ เปรียบประหนึ่งยาพิษที่ซ่อนอยู่ในจอกสุราใสกระจ่างจนผู้ใดก็มิอาจเฉลียวใจ แต่หากลิ้มรสลงไปโดยปราศจากความระวัง ก็อาจดับสูญโดยไม่รู้ตัว
สตรีบางนาง มิใช่เพียงงดงามแต่ภายนอก หากกลับซ่อนคมดาบไว้ในรอยยิ้ม ซ่อนกลอุบายไว้ในคราบน้ำตาอ่อนโยนเพียงเปลือกนอก แต่แท้จริงกลับอันตรายยิ่งกว่าศรศึก
ม่ออวิ๋นเฉินเอนกายลงอย่างผ่อนคลาย ใบหน้าฉายแววพึงใจ ราวกับพายุแห่งอารมณ์ที่เพิ่งสงบลง “ฮ่าฮ่า… ข้ารู้สึกเบาสบายดั่งขนนก เซี่ยเหม่ยหลิน เ้ายังคงงดงามตรึงใจไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย”
นางแย้มยิ้มบาง คล้ายกลีบบุปผาที่บานรับสายลมยามเช้า สายตาที่ทอดมองเขานั้นอบอุ่นและซุกซ่อนเสน่ห์เย้ายวนอย่างแยบคาย “หากนายท่านพึงใจ ข้าก็ไม่มีสิ่งใดให้ต้องเสียใจ”
หญิงสาวทำท่าทีเขินอายเล็กน้อย เสมือนเป็เพียงสตรีธรรมดาผู้มอบกายใจด้วยความภักดี ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ พลางเอ่ยเสียงแ่ “ข้าเพียงรู้สึกเสียดาย… เวลานี้ผ่านไปรวดเร็วยิ่งนัก”
ม่ออวิ๋นเฉินหัวเราะในลำคอ รอยยิ้มของเขาแฝงความหลงใหลไม่ปิดบัง “โอ…เซี่ยเหม่ยหลินของข้า เหตุใดเ้าจึงทำหน้าหม่นนัก”
“เพียงแค่ได้อยู่ใกล้ท่าน… เพียงได้ฟังเสียงและััไออุ่น ข้าก็รู้สึกราวกับโลกทั้งใบของข้านั้นเต็มเปี่ยม” เสียงของนางอบอวลด้วยความออดอ้อนอย่างแเี
ถ้อยคำเ่าั้ประหนึ่งเพลิงเงียบที่โหมกระหน่ำใจของม่ออวิ๋นเฉินให้พลุ่งพล่านอีกครั้ง “หึ… หากเป็เ้า ข้ายินดีหาเ้าในทุกค่ำคืนเลยทีเดียว”
แม้ในยามร่ำลา สีหน้าของชายหนุ่มยังเต็มไปด้วยความหลงใหลโดยไม่รู้เลยว่าในชายเสื้อของเขานั้น… มีบางสิ่งที่อาจเปลี่ยนชะตาชีวิตของเขาไปตลอดกาล
ยามสนธยาแผ่ปกคลุมทั่วทั้งเมือง เสียงดนตรีอ่อนหวานจากขลุ่ยและพิณโบราณก็ค่อย ๆ ดังก้องคลอไปทั่วบริเวณจวนแม่ทัพ กลิ่นหอมของอาหารเลิศรสที่ปรุงจากวัตถุดิบชั้นดีลอยล่องไปในสายลม ราวกับจะเชื้อเชิญแเื่ให้ก้าวเข้าสู่ค่ำคืนอันแสนสำคัญ
งานเลี้ยงอาหารค่ำในคืนนี้หาใช่งานธรรมดาไม่ หากแต่เป็เวทีสำหรับการเปิดตัวม่ออวิ๋นเฉินว่าที่บุตรเขยแห่งตระกูลเว่ยบุรุษหนุ่มผู้ถูกจับตามองจากทั่วทั้งราชสำนัก
เรือนหลักของจวนแม่ทัพในค่ำคืนนี้ถูกตกแต่งประดับประดาด้วยโคมไฟผ้าไหมหลากสีสัน ราวกับดวงดาวที่ลอยเคว้งอยู่กลางเวหา โต๊ะยาวเรียงรายเต็มไปด้วยอาหารจากทั่วสารทิศ
เหล่าขุนนาง ขุนศึก และชนชั้นสูงจากทั่วเมืองต่างหลั่งไหลมาร่วมงาน สีหน้าทุกคนเต็มไปด้วยความยินดี เสียงหัวเราะ เสียงชื่นชม และเสียงแสดงความยินดีดังไปทั่วทั้งงาน ราวกับว่านี่คือคืนแห่งการเฉลิมฉลองอันแท้จริง แต่ท่ามกลางความครึกครื้น อบอวลไปด้วยสุราและรอยยิ้ม...พายุร้ายกำลังมาเยือน
“ฮ่าฮ่า! ท่านแม่ทัพ ข้ายินดีกับท่านยิ่งนักที่กำลังจะได้บุตรเขยผู้มากความสามารถเช่นนี้!”เสียงกล่าวชื่นชมดังขึ้นจากแขกผู้หนึ่ง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะเห็นดีเห็นงามจากอีกหลายคน แม่ทัพเว่ยซ่างเทียนเพียงยิ้มบาง ๆ ตอบรับอย่างมีมารยาท หาได้กล่าววาจากลับอย่างใดไม่ สายตาของเขาในยามนี้จับจ้องไปยังม่ออวิ๋นเฉินว่าที่บุตรเขยของเขาที่ปรากฏตัวอยู่กลางงานด้วยอาภรณ์สีเข้มทรงอำนาจ การแต่งกายของชายหนุ่มในค่ำคืนนี้ดูขึงขังเป็พิเศษ ราวกับแม่ทัพผู้ยืนอยู่หน้าสนามรบ มิใช่ชายที่มาร่วมงานมงคล เขาดูโอ่อ่าแต่กลับแฝงไปด้วยแรงกดดันที่คล้ายจะแทงทะลุได้ทุกสายตา
“แขกมากันครบหรือยัง?” แม่ทัพเว่ยซ่างเทียนเอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงเรียบ พลางเบนสายตาไปยังบ่าวรับใช้ที่อยู่ไม่ไกล
“ครบถ้วนแล้วขอรับนายท่าน” ข้ารับใช้ก้มศีรษะตอบอย่างนอบน้อม แม่ทัพเว่ยซ่างเทียนในชุดทางการ ผายมือเชิญแขกผู้มีเกียรติด้วยรอยยิ้มบางเฉียบ สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความสงบ อารมณ์ของเขาในยามนี้คล้ายผืนน้ำที่ไร้ระลอก... หากแต่ลึกในนั้น กลับซ่อนกราดเกรี้ยวดั่งกระแสน้ำเชี่ยวกราก
“ข้าขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมในค่ำคืนนี้”เสียงของแม่ทัพดังกังวานชัด เรียบง่ายแต่หนักแน่น ดึงดูดทุกสายตาให้หันมายังเขาโดยพร้อมเพรียง แขกคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส ยิ้มกว้างอย่างผู้จับกระแสได้ว่าเวลาแห่งการประกาศข่าวมงคลได้มาถึงแล้ว“ท่านแม่ทัพ ค่ำคืนนี้ดูท่าจะเป็วาระดี ท่านคงเตรียมประกาศเื่งานวิวาห์ของคุณหนูเว่ยกับคุณชายม่อใช่หรือไม่?”
ม่ออวิ๋นเฉินที่นั่งอยู่ใกล้ เคลื่อนร่างขึ้นเล็กน้อย อกผายไหล่ผึ่ง ใบหน้าเปี่ยมด้วยความมั่นใจอย่างไม่รู้ตัวว่าโชคชะตากำลังเล่นตลกกับตนเอง แต่แล้ว... แม่ทัพเว่ยกลับกล่าวถ้อยคำที่ราวกับตัดอากาศออกจากห้องโถงทั้งหลังในพริบตา
“ไม่ใช่... เหตุผลที่ข้าเชิญพวกท่านมาในค่ำคืนนี้ มิใช่เพื่อประกาศพิธีมงคลใด ๆ”สายตาของเขามั่นคง ประกายดวงตาเย็นเยียบราวคมดาบ“ข้าขอให้ทุกท่านจงรับรู้ไว้ว่าพิธีแต่งงานระหว่างม่ออวิ๋นเฉินและเว่ยจิ้งซินจะไม่มีวันเกิดขึ้น”
ทั้งห้องโถงพลันเงียบงัน ความใประดังประเดเข้ามาในทุกสายตา ราวกับสายน้ำที่หลั่งไหลโดยไร้การควบคุม ใบหน้าของม่ออวิ๋นเฉินซีดเผือด หยุดนิ่งกลางอากาศอย่างไร้คำพูดใดจะตอบโต้ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความงุนงงและตะลึงงัน เขาที่เคยหมายจะเป็ฝ่ายเดินเกมกลับ ถูกสะบั้นหมากจนสิ้นซากในคราเดียว
ทางด้านเว่ยจิ้งซิน... หญิงสาวผู้เพียบพร้อมนั่งอย่างเงียบงันตรงมุมหนึ่ง นางที่เคยปั้นสีหน้าราบเรียบ ยามนี้ในแววตากลับแฝงความตื่นตระหนกและปลาบปลื้มยิ่ง แม้ไม่รู้เหตุใดบิดาจึงกลับคำในนาทีสุดท้าย แต่นางก็ััได้ถึงโซ่ตรวนที่ถูกปลดออกจากใจ
ส่วนม่ออวิ๋นเฉิน... ใบหน้าที่เคยแต่งแต้มด้วยความยโส เริ่มสั่นระริก ความตระหนกฉายชัดในแววตา เขาที่ตั้งใจจะประกาศถอนหมั้นต่อหน้าผู้คนเพื่อทำลายศักดิ์ศรีตระกูลเว่ย... กลับกลายเป็ฝ่ายที่ถูกตัดขาดเสียเอง คำว่า “ยกเลิก” และ “ถูกยกเลิก” แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวและในตอนนี้ เขาได้ลิ้มรสของความพ่ายแพ้เป็ครั้งแรก
ม่ออวิ๋นเฉินขบกรามแน่น เสียงหัวใจเต้นแรงระรัวจนแทบกลบเสียงพิณในงาน ใบหน้าของเขาแดงจัดด้วยแรงโทสะ ร่างกายสั่นไหวอย่างเก็บกลั้น “ท่านแม่ทัพ การที่ท่านประกาศเช่นนี้กลางงานเลี้ยง ต่อหน้าแขกบ้านแขกเมือง ตัวข้าและตระกูลม่อจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”
เสียงของเขากระแทกออกมาด้วยความอัดอั้น ราวกับพยายามทวงศักดิ์ศรีที่เพิ่งถูกฉีกทึ้งอย่างไร้ปรานี ท่ามกลางสายตานับร้อย แม่ทัพเว่ยซ่างเทียนกลับยังนั่งนิ่ง สีหน้าไร้ความหวั่นไหว เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น ราวกับเป็เพียงการสนทนาในจิบชายามเช้า
“แรกเริ่มเดิมที เป็เ้าไม่ใช่หรือที่เป็ฝ่าย้าจะยกเลิกพิธีแต่งงานนี้เอง”
สิ้นคำ ราวกับฟ้าผ่าลงกลางโถงงาน ม่ออวิ๋นเฉินเบิกตากว้าง สีหน้าเปลี่ยนจากโกรธเป็ตกตะลึงทันควัน ราวกับถูกตบหน้าฉาดใหญ่ต่อหน้าสาธารณชน
“ท่าน... ท่าน...”คำพูดของเขาสะดุดอยู่เพียงเท่านั้น ไม่อาจกล่าวอะไรต่อได้อีก ดวงตาสับสนอย่างคนไม่รู้ว่าจะใช้ถ้อยคำใดโต้กลับ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้