"ฉินิหยวน?" ไป๋เฉินเอ่ยนามย้ำคำและหวนนึกถึงชายหนุ่มในอาภรณ์สีฟ้าที่กำลังรออยู่ที่รถม้าเบื้องนอก
ตนยังคงจำได้ดีว่าเมื่อฉินิหยวนมาปรากฏหน้าประตูกระโจมของตนเมื่อเช้านี้ มันกลับแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงสุดขีดออกมาประดุจดั่งว่าไม่เชื่อสายตา
ปรากฏว่าแท้จริงแล้วอุบัติเหตุที่ไป๋เฉินตกลงไปในก้นหุบเหวก็เป็เพราะฝีมือของมัน!
ชายหนุ่มสะบัดอาภรณ์พร้อมกับพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้ม "ถูกต้อง แต่ทว่ามิใช่แค่มันผู้เดียวที่เผชิญหน้ากับข้า แต่ยังมีอยู่อีกคนที่ร่วมมือกันกับฉินิหยวน..."
คิ้วของไป๋เฉินขมวดกันเป็ปม ตนไม่อยากจะคาดคิดว่าชายหนุ่มจะมีศัตรูรอบกายมากมายถึงเพียงนี้ ก่อนที่เขาจะเอ่ยถาม "แล้วอีกคนคือผู้ใดกัน?"
ริมฝีปากของชายหนุ่มขดเป็รอยยิ้มอำมหิตก่อนจะกล่าวด้วยสุ้มเสียงทุ้มลึก "ผู้าุโลำดับที่สองของตระกูลฉิน ฉินฟง"
"ฉินฟง?" ไป๋เฉินเอ่ยพึมพำด้วยเสียงแ่ๆ
นั่นหมายความว่ามิใช่ว่าชายหนุ่มมิอาจต่อกรกับฉินิหยวนได้ แต่ชายหนุ่มมิอาจต่อกรกับผู้าุโลำดับที่สองที่มีระดับการบำเพ็ญปราณลึกลับได้ต่างหาก!
ตนเพิ่งจะตระหนักได้ไม่นานว่าฉินิหยวนนั้นเป็บุตรบุญธรรมของผู้าุโลำดับที่สองของตระกูลฉิน แต่ก็ยังสงสัยว่าเหตุใดฉินฟงและฉินิหยวนจึงได้คิดปองร้ายและ้าสังหารตนเช่นนี้
ชายหนุ่มที่มองเห็นความสงสัยในแววตาของไป๋เฉินก็กล่าวเสริมว่า "ข้ามิอาจทราบถึงเหตุผลเื้ัในการกระทำของพวกมันและมิอาจทราบได้ว่าเหตุใดมันจึงไม่สังหารข้าโดยการตัดศีรษะให้จบเื่จบราว"
"เ้าควรระวังสองคนนั้นไว้ให้ดี...ก่อนหน้านี้ข้าได้มองข้ามตระกูลฉินไปจนส่งผลให้ข้าต้องพลาดพลั้งและกลับกลายมาเป็ร่างิญญาอย่างที่เป็อยู่ในขณะนี้"
ในดวงตาของชายหนุ่มกำลังบ่งชี้ถึงความสับสนและความเ็ปเสียดแทงลึกไปถึงกระดูกดำ ไป๋เฉินสามารถบ่งบอกได้ว่าชายหนุ่มต้องมีความลับบางอย่างที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจเป็แน่
ไป๋เฉินจึงทำได้เพียงสะดับรับฟังด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "เอาล่ะ ข้าจะจดจำไว้"
ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยรอยยิ้มจางๆพร้อมทั้งรินชาด้วยสีหน้าเรียบเฉย "และต่อจากนี้ขึ้นอยู่กับเ้าแล้วว่าจะทำอย่างไรต่อ ข้าให้อิสระแก่เ้าอย่างเต็มที่"
ั์ตาของไป๋เฉินยังคงฉายแสงแห่งความสับสนและมิอาจตอบอันใดได้เนื่องจากกำลังกลั่นกรองและเรียบเรียงเื่ราว แต่ทว่าชายหนุ่มกลับกล่าวขึ้นปลุกไป๋เฉินให้หลุดออกจากภวังค์ "ดูเหมือนว่าเวลาของข้าใกล้จะหมดลงเต็มที ความปรารถนาเดียวของข้าคืออาภรณ์สีดำที่คลุมอยู่ที่หลุมศพของบิดาข้า เ้าควรนำสิ่งนั้นติดตัวกลับไปด้วย อาภรณ์สีดำนั้นจะกลายเป็ตัวช่วยในการยืนยันตัวตนของเ้า..."
ในระหว่างการสนทนาจู่ๆรอบกายของชายหนุ่มกลับปรากฏแสงสีขาวเจิดจ้าระยิบระยับราวกับว่าร่างกายของเขากำลังจะเลือนรางมลายหายไป
ชายหนุ่มมองลงไปที่ข้อมือทั้งสองที่กำลังส่องแสงสีขาวโปร่งใส ปลายเท้ากำลังเป็แสงเล็กกระพริบระยิบระยับและค่อยๆสลายไปอย่างเชื่องช้าราวกับฝุ่นละออง เขาเงยหน้าขึ้นมาเมียงมองไปยังไป๋เฉินด้วยรอยยิ้มที่สดใส "เวลาของข้าในฐานะจิติญญาที่เหลืออยู่คงจะสิ้นสุดลงเท่านี้ เ้ามีสิ่งใดที่ยังค้างคาใจและสงสัยอยู่หรือไม่?"
ไป๋เฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่จุกอยู่ในลำคอเมื่อสังเกตเห็นรอยยิ้มที่แจ่มใสนั้น เขาจึงกล่าวถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "แล้วเหตุใดเ้าจึงมาปรากฏตัวต่อหน้าข้าเล่า? ทั้งที่ก่อนหน้านี้เ้ามิได้ยอมรับการมีอยู่ของข้าด้วยซ้ำ"
ร่างที่ใกล้จะสูญสลายของชายหนุ่มเปล่งเสียงหัวเราะแ่เบา "เพราะั้แ่จิติญญาของข้าวนเวียนอยู่ในจิตใต้สำนึก ข้าก็ได้ตระหนักถึงความทรงจำทั้งหมดของเ้า...และข้าก็รู้ด้วยว่าเ้ามิใช่คนของทวีปนี้และเ้าก็เป็นักฆ่ามือฉมังค์ที่เคยได้สมญานามว่ามฤตยูสีขาว!"
"นักฆ่าที่ไม่เคยพลาดเป้าในการสังหาร และสามารถได้หลบหนีทุกคราที่ทำภารกิจลุล่วง แต่เป็เวรเป็กรรมที่เ้าได้ตกตายเนื่องจากตกจากที่สูง ช่างน่าขันเสียนี่กระไร ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!"
ไป๋เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันกรอดอย่างรำคาญ
[ เ้าหมอนี่ได้ตายไปแล้ว ยังมีหน้ามาหยอกล้อข้าอีก ]
แต่ก่อนที่ร่างอันหล่อเหลาของชายหนุ่มกำลังเลือนรางหายไป ไป๋เฉินก็หวนนึกขึ้นได้ก่อนจะกล่าวด้วยใบหน้าที่ขึงขังและจริงจังดุจดั่งนักฆ่ามืออาชีพ "แล้วเ้ามีค่าตอบแทนใดๆให้แก่ข้าหรือไม่? ตัวข้าเองเป็มือสังหารที่มีค่าตัวสูงกว่าหลายแสนหยวน แน่นอนว่าการจะขอให้ข้าทำสิ่งใดก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อยอันเนื่องมาจากกฏของนักฆ่า"
เมื่อชายหนุ่มได้ยินและได้เห็นสีหน้าที่จริงจังเช่นนั้น เขากลับตบเข่าอย่างชอบอกชอบใจตามมาด้วยเสียงหัวเราะร่ากังวานไปทั่วอาณาบริเวณ "ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! เช่นนั้นก็เชิญเอาร่างของข้าไปได้ เ้าจะเอาไปปู้ยี้ปู้ยำอย่างไรก็แล้วแต่ที่เ้า้า"
"ไอ้สารเลว! เ้าไม่มีเงินเก็บหรืออย่างไร!?"
"ไม่! ข้าไม่เคยเก็บเงินไว้แม้แต่แดงเดียว ส่วนที่เหลืออยู่กับลุงฉินทั้งหมด"
"ไอ้บ้าเอ้ย! เช่นนั้นข้าจะไปเอาเงินทั้งหมดของเ้าคืนมา!"
"นั่นก็ขึ้นอยู่กับเ้าแล้วว่าจะสามารถโน้มน้าวลุงฉินได้หรือไม่ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! "
แม้นว่าทั้งสองจะพูดคุยกันอย่างสนุกสนานแต่ไป๋เฉินก็ััได้ถึงความห่วงหาและความอาลัยอาวรณ์ที่ยังติดค้างอยู่ภายในใจของชายหนุ่ม แต่ทว่าในเมื่อถึงวาระและเวลาอันสมควรแล้ว ก็มิอาจมีผู้ใดที่สามารถหลีกหนีไปจากวัฏสงสารได้
ไป๋เฉินและชายหนุ่มยืนขึ้นอย่างพร้อมเพียงก่อนที่ชายหนุ่มจะปัดฝุ่นออกจากร่างและจัดระเบียบอาภรณ์จนงดงาม
ไป๋เฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้มให้แก่ชายหนุ่มราวกับการตอบรับคำสั่งภารกิจ "เอาล่ะ ในเมื่อข้าเป็นักฆ่า ความปรารถนาของเ้า ข้าจะช่วยสานต่อมันให้เอง...ต่อจากนี้เ้าอย่าได้กังวลสิ่งใดอีกต่อไป"
เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายหนุ่มพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่โล่งใจ พร้อมยืดแขนยื่นกำปั้นออกมาเป็เส้นตรง
ไป๋เฉินที่เห็นเช่นนั้นก็พยักหน้าตอบกลับพลันยืดแขนัักำปั้นของกันและกัน
เมื่อชนกำปั้นกันแค่ชั่วครู่ร่างของชายหนุ่มเปล่งแสงสีทองระยิบระยับก่อนจะกลับกลายสลายไปราวกับเถ้าธุลีทิ้งไว้เพียงประโยคที่เปี่ยมไปด้วยความไร้ซึ่งพันธะใดๆ "หากมีชาติหน้าฉันใดข้าหวังว่าพวกเราจะได้กลายเป็สหายร่วมกัน..."
"ต่อจากนี้ข้าขอฝากเ้าด้วย..."
เมื่อร่างชายหนุ่มสูญสลายไป สายตาของไป๋เฉินคล้อยตามไปยังรอยยิ้มสุดท้ายของชายหนุ่มด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ
การจากไปอย่างไม่เต็มใจของชายหนุ่มส่งผลให้อารมณ์ของไป๋เฉินดุจดั่งระลอกคลื่นของมหาสมุทร เขายืนตรงอย่างองอาจด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
เขาเหม่อมองไปยังทิศทางเถ้าธุลีที่กลายเป็ละอองของชายหนุ่ม ก่อนจะพึมพำเบาๆด้วยรอยยิ้มที่เหี้ยมโหด "วางใจได้ ปล่อยที่เหลือให้เป็หน้าที่ของข้า..."
"แม้นว่าเ้าจะไม่้าให้ข้าแก้แค้น แต่ในเมื่อเ้าได้ชำระค่าใช้จ่ายด้วยร่างกายของเ้าแล้ว ข้าจะเซอร์วิสให้แก่เ้าเป็กรณีพิเศษ!" ั์ตาที่เรียบเฉยของไป๋เฉินฉายแสงแห่งการเข่นฆ่าราวกับว่าจักรพรรดิมารกำลังมาจุติ!
.
.
.
"ไป๋เฉิน! ไป๋เฉินฟื้นแล้ว!"
"หลานเฉินได้สติแล้ว เร็วเข้า! รีบเข้ามาดูเขาเร็วเข้า!"
เสียงโหวกเหวกเอะอะโวยวายหลากหลายบุคคลได้ปลุกไป๋เฉินให้ตื่นขึ้นจากการหลับใหล เขาพยายามเบิกตาขึ้นอย่างยากลำบาก
เมื่อเบิกตาได้ครึ่งหนึ่งฉากที่ปรากฏเบื้องหน้าคือั์ตาของฉินเยว่ฉานที่แปรเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำ น้ำในดวงตาของนางกำลังไหลพรากหยดลงบนใบหน้าของตนดุจดั่งเขื่อนกั้นที่พังทลาย "ไป๋เฉิน เ้าฟื้นเสียที ข้าเป็กังวลแทบตาย...ฮือ~ ฮือ~"
ไป๋เฉินที่ยังงัวเงียก็กลอกตาไปมาพร้อมกระซิบด้วยริมฝีปากที่ยังลิ้มรสได้ถึงความเค็มจากหยดน้ำตาปานไข่มุก "ข้า...หมดสติไปงั้นหรือ?"
ตนพยายามยืดแขนยันร่างลุกขึ้นจากพื้นไม้ไผ่ที่กำลังนอนอยู่ ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบกายและเจอะเจอเข้ากับร่างของลุงหยูและทหารจำนวนมากที่ครรลองมองมายังตนอย่างเป็กังวล
แต่ทว่าจู่ๆภาพหลากหลายไล่เรียงเป็ฉากๆก็ปรากฏในความทรงจำของไป๋เฉิน ส่งผลให้จำเขาก้มหน้าลงส่งเสียงครวญครางอู้อี้ในลำคอ
ชุดข้อมูลและความทรงจำของใครบางคนกำลังไหลหลั่งพรั่งพรูเข้ามาราวกับว่ามีดวงจิตสองดวงกำลังจะผสานเข้าด้วยกันอย่างกะทันหัน!
"วู้ม!"
ในยามนี้ความทรงจำของไป๋เฉินทั้งสองคนได้หลอมรวมผสานเข้ากันเป็หนึ่งเดียวโดยไม่มีการแยกฝั่งแยกฝ่าย ไป๋เฉินคนก่อนหน้าราวกับว่าเป็ไป๋เฉินแห่งมฤตยูสีขาว ส่วนไป๋เฉินแห่งมฤตยูสีขาวก็กลับรู้สึกว่าราวกับเขาเป็ไป๋เฉินคนก่อนหน้า!
ข้อมูลความทรงจำและความรู้สึกหรือแม้แต่ความปรารถนาสุดท้ายก็ได้มาอยู่ในจิตใต้สำนึกของไป๋เฉินจนครบทุกอณูแล้ว
ดูเหมือนว่าั้แ่ที่ไป๋เฉินได้สนทนากับไป๋เฉินอีกคนหนึ่งในเวลานั้น ไป๋เฉินคนเก่าคงจะเริ่มหลอมรวมความทรงจำเข้าด้วยกันแล้ว มิเช่นนั้นหากไป๋เฉินคนปัจจุบันได้รับความทรงจำมากมายถึงเพียงนี้ คงยากที่เขาจะประคองสติเอาไว้ได้
ไป๋เฉินลอบคิดภายในใจในขณะลูบขมับอย่างเกร็งมือ 'ดูเหมือนว่าสิ่งที่ข้าพบพานเมื่อครู่มิใช่ความฝัน'
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้