เป่ยเซวียนเฉิงก้าวไปทีละก้าวจนถึงข้างกายเหยาเชียนเชียน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอัดอั้นจนทำให้เหยาเชียนเชียนไม่สามารถมองตรงๆ ได้
“ข้าคอยห่วงหน้าพะวงหลัง แต่กลับสูญเสียคนที่ตนรักที่สุดไป ข้าเคยคิดว่าข้าสามารถทนกับความเ็ปจากการสูญเสียเ้าไปได้ แต่เมื่อเ้าปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า ความเ็ปพลันเอ่อล้นขึ้นมาในใจของข้าจนเกือบตาย ข้าถึงได้รู้ว่าข้าไปไหนจากเ้าไม่ได้เลย”
เป่ยเซวียนเฉิงดันตัวเหยาเชียนเชียนติดกำแพง ทำให้อีกฝ่ายจำต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาตรงๆ
ความเ็ปและความเสียใจภายในแทบจะเอ่อล้นออกมาโอบล้อมร่างกายไว้ทั่วทุกอณูของิั ทำให้เหยาเชียนเชียนสามารถััได้อย่างแท้จริงว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นยากจะถอนตัวแล้ว
หากองค์ชายสามผู้นี้เกิดมาในยุคปัจจุบันของนาง เขาจะต้องเป็ต้นกล้านักแสดงที่ดีอย่างแน่นอน เหยาเชียนเชียนถอยหลังไปหลายก้าว วาจาร้ายกาจเช่นนั้นยังสามารถกล่าวออกมาได้โดยแฝงความรู้สึกลึกซึ้ง หากไม่พูดออกมาก็คงเสียเปล่า
เพียงแต่น่าเสียดาย หากพูดถึงในแง่ของหน้าตา ชิงผิงอ๋องก็ยังได้เปรียบกว่าหนึ่งขั้น หรือหากพูดถึงในแง่ของนิสัย นางก็ยังชอบคนที่สดใสและสะอาดสะอ้านมากกว่าอยู่ดี นางไม่สามารถชื่นชมตัวละครพระรองที่ขมขื่นอย่างองค์ชายสามได้จริงๆ
นอกจากนี้ ความขมขื่นของเขายังสามารถคร่าชีวิตของนางได้ทุกเมื่อ
“ยามนี้ข้าเป็ชายาของชิงผิงอ๋อง ไม่ว่าในอดีตจะเป็อย่างไร เื่นี้เป็เื่ที่ถูกกำหนดมาแล้ว สุดท้ายความทรงจำก็จะกลายเป็เพียงความว่างเปล่า อีกทั้งยังทำร้ายคนตรงหน้า ไม่ว่าจะเื่ใดก็โปรดมองตรงไปข้างหน้าเถิดเพคะ”
เป่ยเซวียนเฉิงก้าวไปข้างหน้าอย่างฉับพลันราวกับถูกคำพูดของนางยั่วยุให้เกิดโทสะ เขาพูดมามากมายเพียงนี้แต่กลับแลกมาด้วยความว่างเปล่าของอีกฝ่าย จะให้เขายินยอมให้เื่มันจบลงเช่นนี้ได้อย่างไร
“เชียนเชียน เ้ามองข้าสิ เ้ากล้าพูดกับข้าอย่างจริงใจหรือไม่ว่าเ้าไม่รู้สึกอะไรกับข้าแล้วแม้แต่นิดเดียว?”
เหยาเชียนเชียนคำรามในใจ นางกล้าพูดแล้วเขากล้าฟังหรือไม่เล่า ถ้าแน่จริงก็ไล่คนออกให้หมดสิ นางจะได้พูดให้เขาฟังเป็ร้อยรอบ!
“องค์ชายสามทรงทำเช่นนี้ไปเพื่ออันใดเพคะ วาสนาของเราสิ้นสุดลงแล้ว จากนี้...”
“ข้าไม่อยากฟัง!”
เป่ยเซวียนเฉิงส่งเสียงขัดจังหวะ เขาถลาเข้าไปกอดเหยาเชียนเชียนไว้ แมวดำถูกบีบอยู่ตรงกลาง ั์ตาสีมรกตปรากฏไอสังหารเต็มเปี่ยม ยังไม่ทันที่มันจะใช้กรงเล็บฉีกลำคอของเป่ยเซวียนเฉิง เหยาเชียนเชียนก็ออกแรงดันตัวเองออกมาก่อนแล้ว
เป่ยเซวียนเฉิงถูกผลักออกจนเซถอยไปข้างหลัง แม้ว่าจะมีองครักษ์รีบเข้ามาประคองเขาไว้แต่ก็น่าขายหน้าเล็กน้อย แววตาประหลาดของเขาอยู่ในสายตาของเหยาเชียนเชียน นอกจากกระตุ้นไฟโทสะเต็มอกก็ไม่มีสิ่งอื่นใด
นางไม่เคยพบเจอบุรุษที่ไร้เหตุผลขนาดนี้มาก่อน นางโกรธเสียจนกอดรัดแมวดำแน่น
คนที่บอกให้นางแต่งงานก็คือเขา คนที่ไม่อยากให้นางแต่งงานก็คือเขา คนที่บีบให้นางพูดให้ชัดเจนก็คือเขา แต่พอนางจะพูดให้ชัดเจนจริงๆ กลับส่ายหน้าไม่ฟังก็คือเขาเช่นกัน
นี่มันอะไรกัน เหยาเชียนเชียนขมวดคิ้ว เป่ยเซวียนเฉิงต้องหาคนที่มีความรักลึกซึ้งต่อเขาพบอย่างแน่นอน และต้องมีแม่นางน้อยหลายคนเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังเขาเป็แน่ เหตุใดถึงต้องทรมานแค่กับนางเพียงคนเดียวเล่า?
“องค์ชายสามโปรดสำรวมด้วย หม่อมฉันเป็ชายาของชิงผิงอ๋องนะเพคะ” นางปั้นหน้าเ็า “เื่ในอดีตผ่านไปแล้วราวกับเมฆหมอกและควัน นับจากนี้ไปหม่อมฉันไม่อยากฟังยามที่มีคนพูดถึงพระองค์และหม่อมฉันแล้วยังมีความรู้สึกที่กล่าวได้ไม่ชัดเจนอยู่ในนั้น โลกใบนี้แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่อาจทนเสียใจเพียงลำพังได้ แต่ในเมื่อตัดสินใจทำแล้ว เช่นนั้นก็ต้องยอมรับผลให้ได้”
เหยาเชียนเชียนอุ้มแมวดำลงจากอาคารไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลม สีหน้าเ็าตลอดทางที่ออกมาจากโรงชา
เมื่อเดินออกมาไกลพอสมควรแล้ว เหยาเชียนเชียนจึงวิ่งอย่างเอาเป็เอาตาย เมื่อครู่นางรวบรวมความกล้ากล่าวคำเ่าั้กับเป่ยเซวียนเฉิง อีกทั้งยังอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไร้การสนับสนุนอีกด้วย หากยั่วยุจนเขาโมโหขึ้นมาจริงๆ นางจะถูกโยนลงมาจากบนชั้นสองหรือไม่
นางจึงอาศัยจังหวะที่เขายังไม่ทันตั้งตัวรีบวิ่งหนีออกมา!
แมวดำไม่พอใจมากที่ถูกเขย่าอยู่ในอ้อมแขนของนาง เมื่อครู่ยังดูมีมาดอยู่หลายส่วน เขาพอใจกับสิ่งที่นางพูดต่อเป่ยเซวียนเฉิงมาก เหตุใดพอหันหลังกลับก็กลัวจนเป็เช่นนี้ไปเสียได้ ถ้าคนผู้นั้นกล้าบุกเข้ามาอีกครั้งก็ยังมีเขาอยู่
“โอ๊ะ!”
เหยาเชียนเชียนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง นางรีบลุกขึ้นมาหมายจะกล่าวคำขอโทษ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าคนผู้นั้นคือหลิ่วอิงเอ๋อร์
“พี่หญิงหวังเฟย นี่มันอะไรกันเพคะ?”
หลิ่วอิงเอ๋อร์ถูกสาวใช้ที่อยู่ข้างๆ ช่วยประคองลุกขึ้นมา เห็นว่าสีหน้าของเหยาเชียนเชียนดูตื่นตระหนกจึงหันไปมองข้างหลังโดยไม่รู้ตัว
“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดถึงได้วิ่งมาเช่นนี้?”
เจอคนสนิทน่ะสิ!
เหยาเชียนเชียนรีบเข้าไปกอดแขนของหลิ่วอิงเอ๋อร์และกล่าวว่า “รีบไปกันเถิด”
กลางวันแสกๆ ผู้ใดจะกล้ากระทำการหยาบช้า หลิ่วอิงเอ๋อร์เท้าเอวด้วยท่าทางดุดัน “พี่หญิงเป็พระชายาของชิงผิงอ๋อง ท่านพ่อของข้าเป็ซั่งซูของราชสำนัก ผู้ใดกล้ากระทำการหยาบคายกับพระองค์กัน?”
เหยาเชียนเชียนกล่าว “องค์ชายสาม”
หลิ่วอิงเอ๋อร์สีหน้าแข็งค้าง จากนั้นก็จูงมือเหยาเชียนเชียนและถอนหายใจอย่างใจเย็น “เป็ดย่างใกล้จะเย็นชืดแล้ว หม่อมฉันรออยู่นานแต่ยังไม่เห็นพี่หญิงก็เลยออกมาตามหา รีบไปกันเถิดเพคะ”
สตรีสองคนนี้นี่นะ แมวดำก้มเลียอุ้งเท้าอย่างเนิบช้า
เมื่อมาถึงจวนซั่งซู พวกนางถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมา คาดว่าอย่างไรองค์ชายสามก็คงไม่น่าตามมาถึงที่นี่ได้
“พี่หญิงหวังเฟยเจอเขาได้อย่างไร” หลิ่วอิงเอ๋อร์รินชาให้เหยาเชียนเชียน “ผู้ใดในนครหลวงแห่งนี้จะไม่รู้เื่ในอดีตของพระองค์และองค์ชายสาม พระองค์อย่าทรงถือโทษอิงเอ๋อร์ที่พูดมากเลยนะเพคะ แต่ยามนี้พระองค์ควรจะพบเขาให้น้อยที่สุดจะดีกว่า”
นางก็รู้ เหยาเชียนเชียนเงยหน้าขึ้นกระดกชาจนหมดจอก ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา
“องค์ชายสามให้ความสำคัญกับความรักยิ่งนัก สิ่งที่ควรพูดข้าก็พูดไปหมดแล้ว เหลือเพียงรอให้เขาค่อยๆ คิดได้ด้วยตัวเอง”
เหยาเชียนเชียนกล่าวอ้อมค้อม แต่หลิ่วอิงเอ๋อร์กลับฟังเข้าใจ สุดท้ายองค์ชายสามผู้นั้นก็ใช้ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำจึงมีเพียงความว่างเปล่า [1] เหยาเชียนเชียนตามตื๊อเขาอย่างอดทนมาหลายปี ผู้ใดเล่าจะคิดว่าจุดสิ้นสุดของความรักครั้งนี้จะเป็เช่นนั้น
“ทว่าท่านอ๋องมีใบหน้างดงาม ทั้งยังมีความสามารถโดดเด่น พี่หญิงสามารถเสาะหาคนที่ดีเช่นนี้มาได้ นั่นแสดงว่า์เมตตาพี่หญิง บางทีท่านอาจรับรู้ถึงความโศกเศร้าในใจของพี่หญิง ดังนั้นจึงประทานบุพเพสันนิวาสนี้มาให้ ์อาจจะมอบพรที่ผู้อื่นปรารถนาแต่มิอาจได้มาแด่พี่หญิง”
เหยาเชียนเชียนมองหลิ่วอิงเอ๋อร์อย่างขบขัน นางเกือบลืมไปเลยว่าเด็กสาวผู้นี้เป็หนึ่งในบรรดาหญิงสาวที่คลั่งไคล้ชิงผิงอ๋อง
เพียงแต่น่าเสียดาย นางลูบแมวดำแ่เบา สตรีข้างกายชิงผิงอ๋องมีเยอะมากพอแล้ว หลิ่วเหมยเอ๋อร์คนหนึ่ง ส่วนนางก็ถือครองตำแหน่งหนึ่งอยู่เช่นกัน อีกทั้งยังมีซั่งกวนหลิงที่พบกันเมื่อครั้งที่แล้วอีกด้วย และอาจจะยังมีอีกมากมายที่นางไม่รู้
การศึกษาที่นางได้รับมาไม่เหมือนกับที่นี่ สามีที่มีภรรยาหลายคนจะมีความสุขได้อย่างไร และด้วยสถานะของหลิ่วอิงเอ๋อร์ อย่างมากก็เป็ได้แค่อี๋เหนียงเช่นเดียวกับพี่สาวของนาง เช่นนั้นจะมีความหมายอะไร
“ชีวิตจะเป็อย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับความ้าของตนเอง อยากมีความสุขก็สามารถมีความสุขได้”
หลิ่วอิงเอ๋อร์ตบมือขึ้นและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เป็เช่นนั้นจริงเพคะ พี่หญิงกล่าวได้ถูกต้อง เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว พี่หญิงใหญ่ของหม่อมฉันที่เป็อี๋เหนียงอยู่ในจวนผู้นั้นมิได้โปร่งใสดังเช่นพระองค์ ทุกครั้งที่เจอหม่อมฉันนางมักจะบอกว่าท่านอ๋องรักนางมากเพียงใด เหอะ ช่างน่าขันยิ่งนัก”
แมวดำมองไปทางเหยาเชียนเชียนโดยไม่รู้ตัว นับั้แ่ที่เขารับหลิ่วเหมยเอ๋อร์เข้าจวนมาก็ไม่เคยแตะตัวนางเลยสักครั้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขารักนางมากเพียงใดเลย สตรีผู้นี้อย่าได้รับฟังทุกอย่างและนำมาใส่ร้ายเปิ่นหวังในภายหลัง
“พี่สาวของเ้าเป็สตรี ข้าเองก็เคยเจอนางสองสามครั้ง นางรับรู้ถึงความรู้สึกของเ้าที่มีให้ชิงผิงอ๋อง เช่นนั้นย่อมต้องถือโอกาสโอ้อวดต่อหน้าเ้าบ้างเป็ธรรมดา เกรงว่าในอนาคตจะยิ่งกว่านี้ เพราะข้ายังไว้หน้านางไม่น้อย”
หลิ่วอิงเอ๋อร์หัวเราะลั่น การระบายความโกรธเช่นนี้ควรจะบอกนางให้เร็วกว่านี้ แม้ว่านางจะเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านอ๋อง แต่นางก็รู้ตัวเองดีว่าตนมีฐานะต่ำต้อย กระทั่งพี่สาวที่เกิดจากฮูหยินใหญ่ยังเป็ได้เพียงอี๋เหนียง เช่นนั้นนางจะเข้าร่วมวงครึกครื้นนี้ไปเพื่ออะไร
“หม่อมฉันรู้ว่าคำพูดของพี่หญิงใหญ่ล้วนมีแต่ความหลอกลวง” หลิ่วอิงเอ๋อร์หัวเราะเบาๆ “ท่านอ๋องมิใช่คนที่ตื้นเขินเช่นนั้น หากพระองค์ทรงมีสตรีที่รักจริงๆ จะต้องรักนางดั่งแก้วตาดวงใจอย่างแน่นอน หม่อมฉันไม่มีวาสนานั้น พี่หญิงใหญ่ก็ยิ่งเป็ไปไม่ได้เลยเพคะ”
แมวดำพยักหน้าราวกับเห็นด้วยกับคำพูดของนาง สายตาวางอยู่ที่ใบหน้าของเหยาเชียนเชียน แต่พบว่าสตรีผู้นี้กลับยิ้มแหยอย่างไม่รู้สึกรู้สา สรุปแล้วนางฟังเข้าใจหรือไม่!
“พี่หญิงหวังเฟย หม่อมฉันมักจะรู้สึกว่าท่านอ๋องปฏิบัติต่อท่านไม่เหมือนผู้อื่น ครั้งที่แล้วที่เขตล่าสัตว์ สายตาที่ท่านอ๋องมองพระองค์นั้นแตกต่างจากผู้อื่น” ดวงตาของหลิ่วอิงเอ๋อร์เต็มไปด้วยความอิจฉา
“ความเป็ห่วงและความเ็ปในนั้น ทำให้หม่อมฉันที่เป็คนนอกเห็นแล้วพลอยเป็ห่วงตามไปด้วย ดูท่าว่าพี่หญิงใหญ่ของหม่อมฉันผู้นั้นอยู่ในจวนตลอดทั้งวันต้องโมโหมากเป็แน่”
เื่นั้น เหยาเชียนเชียนไม่สามารถชื่นชมทักษะการแสดงของเป่ยเหลียนโม่ต่อหน้าผู้อื่นได้ จึงทำได้เพียงพยักหน้าให้ความร่วมมือ
“ใช่แล้ว ในยามนั้นท่านอ๋องเป็ห่วงข้ามาก”
แมวดำสะบัดหาง ก่อนจะใช้ปลายหางชี้ขึ้นสะกิดปลายคางนาง และสะบัดไปมาเบาๆ จนเหยาเชียนเชียนต้องจับไว้และบีบสองครั้งโดยไม่รู้ตัว
ปลายนิ้วอันอ่อนนุ่มลากไล้ไปตามหางจนแมวดำต้องรีบดึงกลับ สายตาวางอยู่ตรงสันกรามของนาง มันก้มลงไปและเอาตัวไปคลอเคลียอย่างช้าๆ หาที่ที่อบอุ่นที่สุดและอยู่นิ่งไม่ขยับ
“ท่านอ๋องเป็คนดีจริงๆ เพคะ” หลิ่วอิงเอ๋อร์แย้มยิ้มก่อนจะสูดลมหายใจลึก “อนาคตของหม่อมฉันรู้ว่าท่านพ่อจะฝากฝังไว้กับผู้ใด แต่ไม่เป็ไร หม่อมฉันยอมรับชะตากรรมนี้ั้แ่แรกแล้ว ขอเพียงสามารถใช้ชีวิตบั้นปลายได้อย่างสงบก็เพียงพอแล้ว”
เหยาเชียนเชียนขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ หลิ่วอิงเอ๋อร์อายุเพียงไม่กี่สิบปีเท่านั้น แต่กลับกล่าวถ้อยคำที่ราวกับผ่านชีวิตอันยากลำบากมาอย่างโชกโชนออกมาได้ ดูท่าว่าการใช้ชีวิตในจวนแห่งนี้คงไม่ราบรื่นนัก
เช่นเดียวกันกับนาง
ั้แ่จวนตระกูลเหยามาจนถึงจวนอ๋อง แม้ในปกติชิงผิงอ๋องมักจะข่มขู่นาง ทว่าเมื่อเทียบกับเหล่าคนหน้าเนื้อใจเสือในตระกูลเหยาแล้ว การอาศัยอยู่ที่จวนของชิงผิงอ๋องนั้นชวนให้สบายใจมากกว่า
ทั้งคู่สนทนากันอยู่นาน หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันแล้วจึงแยกกันอย่างอาลัยอาวรณ์
ในระหว่างนั้นหลิ่วอิงเอ๋อร์หมายจะแตะตัวแมวดำอยู่หลายครั้ง แต่กลับถูกมันปฏิเสธอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย ทำให้นางจิตตกไปชั่วครู่
“ต่อไปจะทำตัวไร้มารยาทเช่นนี้ไม่ได้แล้วนะ” เหยาเชียนเชียนอุ้มมันพลางพูดร่ำไร “อิงเอ๋อร์เป็คนดี ไม่รู้ว่าข้าจะพาเ้าออกมาได้อีกครั้งเมื่อใด ให้นางจับตัวสักหน่อยเถิด ถ้าเ้ายอม ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะให้เป็ดย่างมาอีกตัวก็ได้นะ”
ดูความคิดของเ้าสิ!
แมวดำถลึงตามองนาง จะให้เปิ่นหวังเสียสละเกียรติเพื่อแลกกับเป็ดย่างอย่างนั้นหรือ หวังเฟยทำเช่นนี้ไม่มีผู้ใดน่าขายหน้าไปมากกว่าเ้าอีกแล้ว
เมื่อกลับมาถึงจวนอ๋อง เหยาเชียนเชียนพบว่าชิงผิงอ๋องยังไม่เสด็จกลับมา ดังนั้นนางจึงนำเป็ดย่างไปหาอาเหยียนอย่างเปิดเผย
“นี่คืออะไรหรือขอรับ?”
อาเหยียนมองแมวดำในอ้อมแขนของเหยาเชียนเชียนแล้วชะงักไป แววตาของเขาสั่นระริกไม่มั่นคง เขาคาดเดาความคิดของผู้เป็พ่อไม่ได้เลยจริงๆ
“นี่คืออาหารที่แม่ห่อกลับมาจากพี่สาวผู้หนึ่ง ครั้งหน้าแม่จะพาอาเหยียนไปหานางด้วยกันนะ”
เหยาเชียนเชียนเรียกคนให้นำเป็ดย่างไปหั่นและยกมาให้ เมื่อดมดูอีกครั้งก็ยังคงหอมหวนอยู่ นางเร่งเร้าให้อาเหยียนรีบลองชิมดู ซึ่งหากเป็อาเหยียนในอดีตควรจะต้องดีใจมาก ทว่าวันนี้กลับแตกต่างไปจากปกติ เขากำลังลังเลไม่หยิบตะเกียบขึ้นมาเสียที
แมวดำมองเขาอย่างเกียจคร้าน ใจของอาเหยียนน้อยยังคงไม่กล้ากินเนื้อสัตว์ต่อหน้าท่านพ่อ
“เป็อะไรไป อาเหยียนไม่ชอบหรือ?”
เหยาเชียนเชียนคีบเป็ดย่างชิ้นหนึ่งขึ้นมาลองชิมดู มันก็หอมดีนี่นา
“หรือว่าวันนี้อาเหยียนไม่สบาย ไม่อยากอาหารหรือ?”
เนื้ออวบนุ่มเคี้ยวสองครั้งก็ละลายในปาก อาเหยียนมองผู้เป็แม่ตาปริบๆ ใบหน้าเล็กทั้งน้อยใจระคนร้อนรน ทว่าเขายังคงไม่กล้าจับตะเกียบ ถ้ากินเนื้อสัตว์ต่อหน้าท่านพ่อ ท่านพ่อต้องไม่พอใจเป็แน่
“อาเหยียน...ไม่กินขอรับ” เด็กน้อยกล่าวอย่างกล้ำกลืน “ท่านแม่เก็บไว้ให้ท่านพ่อเสวยเถิด”
เชิงอรรถ
[1] ใช้ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำมีเพียงความว่างเปล่า เป็การเปรียบเปรยถึงการกระทำที่ไร้ประโยชน์และเหนื่อยเปล่า
