เื่ที่หนิวต้าลี่สั่งสินค้ารอบใหญ่ก่อนปีใหม่สองวัน ทำเอาหมี่หลันเยว่ประหลาดใจไม่น้อย เธอไม่คิดว่าสินค้าที่ลุงหนิวสั่งจะขายดีขนาดนี้ พอใกล้ถึง่ปีใหม่ เงินก้อนโตก็ไหลเข้ามาในบัญชีของหมี่หลันเยว่อย่างไม่คาดฝัน
เงินจำนวนนี้มาจากการลงแรงของหมี่หลันเยว่ และหยาดเหงื่อของพนักงานทุกคน ดังนั้นหมี่หลันเยว่จึงทำตามสัญญา ก่อนวันขึ้นปีใหม่ ทุกคนได้รับอั่งเปาซองใหญ่ ซึ่งข้างในบรรจุเงินเดือนสองเดือนเต็มๆ แต่เป็เงินพิเศษที่นอกเหนือจากเงินเดือนประจำ
"พรุ่งนี้โรงงานเราหยุดหนึ่งวัน ให้พนักงานทุกคนพักผ่อน เงินก็แจกจ่ายให้ถึงมือแล้ว ไปซื้อของดีๆ ให้ที่บ้านกันบ้าง ให้คนทางบ้านได้เห็นว่าทำงานที่โรงงานเราไม่เสียเปล่า ทุกคนทุ่มเท ฉันเห็นทุกคนทำงานหนักมาตลอด ตราบใดที่โรงงานเราไปได้ดี ไม่มีทางที่จะทำให้พนักงานต้องลำบาก ฉัน หมี่หลันเยว่พูดแล้วทำจริง!"
เสียงเฮดังกระหึ่ม พนักงานต่างพากันหยิบซองเงินออกมานับแล้วนับอีก เพิ่งจะได้รับเงินเดือนไปเมื่อไม่กี่วันก่อน นี่ได้เพิ่มมาอีกสองเดือน แม้แต่โรงงานของรัฐก็ยังไม่มีสวัสดิการดีขนาดนี้ ตอนที่ซุนเฉี่ยวจิ้งได้รับเงิน เธอแอบหลบไปร้องไห้อยู่มุมหนึ่ง
เธอและเพื่อนร่วมงานอีกหลายคนที่เข้ามาทำงานทีหลังรู้สึกตื้นตันเป็พิเศษ คิดว่าพวกตนมาทีหลังคงได้เงินน้อยกว่าพนักงานเก่าแก่พวกนั้น แต่หมี่หลันเยว่กลับปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน นี่เป็การส่งสัญญาณของหมี่หลันเยว่ด้วยว่า ตราบใดที่ทำดี ไม่ว่าจะเป็คนใหม่หรือคนเก่า รับรองว่าไม่มีทางเสียเปรียบ
"หลันเยว่ ขอบคุณนะ!"
ซุนเฉี่ยวจิ้งหาโอกาสไปขอบคุณหมี่หลันเยว่ก่อนเลิกงาน เธอรู้ว่าตอนที่เธอมาสมัครงาน หมี่หลันเยว่เคยลังเล แต่พอได้ฟังเื่ราวชีวิตของเธอ ก็ตัดสินใจรับเธอไว้
ใครๆ ก็รู้ว่าผู้หญิงที่มีลูกแล้วเป็ภาระ โรงงานส่วนใหญ่ชอบสาวๆ ที่ยังไม่มีครอบครัว แต่หมี่หลันเยว่เห็นใจความลำบากของเธอ จึงรับเธอไว้ทำงาน ทำให้เธอต้องตั้งใจทำงานให้ดี ไม่ทำให้หมี่หลันเยว่ต้องผิดหวัง
"ขอบคุณอะไรกันคะ พี่เฉี่ยวจิ้ง นี่เป็สิ่งที่พี่สมควรได้รับ พี่ทำงานเก่ง ทำงานเยอะ ฉันเห็นอยู่ในสายตา ปีนี้เงินพิเศษของทุกคนเท่ากันหมด แต่ปีหน้า ฉันจะหาวิธีใหม่ จะต้องทำให้คนที่ขยันขันแข็ง ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าเดิมแน่นอนค่ะ"
ซุนเฉี่ยวจิ้งตาเป็ประกายเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอเต็มใจที่จะทุ่มเทแรงกายแรงใจทำงานหนัก ตราบใดที่สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในครอบครัวได้ ทำให้สามีได้รับการรักษาที่ดีขึ้น เธอพร้อมที่จะเสียสละทุกอย่าง คิดถึงความยากจนของครอบครัวที่จะสามารถพลิกฟื้นด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง ความตื่นเต้นในใจของเธอแทบจะบรรยายออกมาเป็คำพูดไม่ได้
"หลันเยว่ ฉันจะทำงานให้ดี จะไม่ทำให้เธอผิดหวังแน่นอน"
ตอนนี้เธอไม่ได้มองว่าเด็กสาวตรงหน้าเป็แค่เด็กอายุสิบปี เธอคิดว่านี่คือเ้าของกิจการที่เธอสามารถพึ่งพาได้ เป็ผู้นำที่ไว้ใจได้ แม้ไหล่จะบอบบาง แต่กลับช่วยเธอแบกรับลมฝน แบกรับภาระของครอบครัว
"ดีเลยค่ะ พี่เฉี่ยวจิ้ง งั้นฉันจะรอดูนะคะ แล้วเจอกันใหม่ปีหน้า"
เมื่อโบกมือลาจากโรงงาน ซุนเฉี่ยวจิ้งเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันกลับไปมองหมี่หลันเยว่ที่ยืนส่งพนักงานอยู่หน้าโรงงาน ร่างเล็กๆ นั้นทำให้ซุนเฉี่ยวจิ้งน้ำตาคลอ
คนที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่คนที่ยืนอยู่เฉยๆ แล้วจะมีทุกอย่าง เด็กน้อยคนนั้น ใน่หลายเดือนที่ผ่านมา พยายามต่อสู้ดิ้นรนกับพวกผู้ใหญ่อย่างเธออย่างไร เธอเห็นอยู่ในสายตา ดังนั้นเธอจึงเคารพและให้เกียรติ ความสำเร็จของหลันเยว่ เธอไม่อิจฉา เธอแค่ยินดีที่ได้ช่วยเหลือหลันเยว่ และช่วยเหลือตัวเองไปพร้อมๆ กัน
"อ้าว พี่เสี่ยวหว่าน ทำไมยังไม่กลับคะ พวกพี่อยู่หมู่บ้านเดียวกันนี่นา ไปด้วยกันสิคะ เร็วๆ หน่อย ตอนนี้ออกไปน่าจะยังทันพวกพี่ๆ คนอื่นนะคะ"
หมี่หลันเยว่กลับเข้าไปในโรงงาน ตั้งใจจะตรวจดูอีกรอบว่ามีอะไรตกหล่นหรือเปล่า กลับพบว่าหลิวเสี่ยวหว่านยังอยู่
"ฉันช่วยเธอตรวจอีกรอบ ปิดร้านแล้วค่อยกลับ ไม่ช้าไปหรอก"
หลิวเสี่ยวหว่านเห็นว่าหมี่หลันเยว่ไม่ได้ปิดร้านทันที แต่มายืนส่งคนงานที่หน้าโรงงาน เธอรู้ว่าหมี่หลันเยว่ยังอยากจะตรวจอีกรอบ เพราะที่นี่ยังมีผ้าและอุปกรณ์ตัดเย็บเหลืออยู่อีกเยอะ ไหนจะเครื่องจักรพวกนี้ ถ้าไม่ตรวจให้ดีก็คงไม่สบายใจ
"ฉันดูเองก็ได้ค่ะ แค่เดินดูรอบๆ ดูว่าไฟในเตามันดับสนิทดีหรือยัง ตรวจดูว่าปิดหน้าต่างแน่นหรือเปล่า จะต้องให้พี่มาช่วยทำไม ฉันว่าไหวก็คือไหว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะนะคะ ่หลายเดือนมานี้พี่ทำงานหนักมาก นานๆ ทีจะได้หยุดสักวัน จะมาเสียเวลากับฉันทำไม"
หมี่หลันเยว่คว้ากระเป๋าของหลิวเสี่ยวหว่านมาสะพายให้ แล้วดันเธอออกไปนอกประตู หลิวเสี่ยวหว่านออกมาจากโรงงานแล้วก็ไม่สามารถยืนยันที่จะอยู่ช่วยหลันเยว่ได้อีก มองหมี่หลันเยว่โบกมือให้จากด้านหลัง แล้วค่อยหันหลังกลับ แต่รู้สึกว่าก้าวเท้าหนักอึ้ง
หมี่หลันเยว่ให้เงินเดือนเพิ่มพิเศษอีกหนึ่งเดือน นอกเหนือจากเงินรางวัลแล้ว หลิวเสี่ยวหว่านพยายามปฏิเสธแต่ก็ไม่สำเร็จ แม้จะรู้ว่า่สองเดือนที่ผ่านมาหมี่หลันเยว่หาเงินมาได้บ้าง แต่มันก็ยากลำบาก หลิวเสี่ยวหว่านรู้เื่เงินเดือนของโรงงานอื่นๆ เป็อย่างดี ดังนั้นเธอจึงรู้สึกว่าหมี่หลันเยว่ให้ค่าตอบแทนเธอเกินกว่าที่เธอทำไปมาก
คราวนี้เหลือแค่หมี่หลันเยว่คนเดียวแล้ว หมี่หลันเยว่เดินกลับเข้าไปในโรงงานอีกครั้ง เธอเดินตรวจตราโรงงานอย่างละเอียดถี่ถ้วน แน่ใจว่าไม่มีอะไรตกหล่นแล้ว จึงปิดประตูใหญ่ให้เรียบร้อย แล้วกลับไปที่ร้าน หมี่หลันหยาง เฉียนหย่งจิ้น หลินเผิงเฟย และหลิวลี่ยังรออยู่
"พี่หลิวลี่ พรุ่งนี้ก็พักผ่อนสักวันเถอะ ่หลายเดือนมานี้ พี่ทำงานติดกัน ไม่ได้พัก ก็คงเหนื่อยแย่แล้ว"
ความจริงแล้วหมี่หลันเยว่เคยมาสับเปลี่ยนเวรให้เธอหนึ่งวัน แต่หลิวลี่บอกว่าอยู่ที่บ้านก็ไม่รู้จะทำอะไร สู้มาช่วยงานที่ร้านดีกว่า หลังจากนั้นก็ไม่ได้หยุดอีกเลย
"ฉันไม่เป็ไรหลันเยว่ อยู่บ้านก็ไม่รู้จะทำอะไร ที่บ้านจะมีแขกมา ต้องคอยต้อนรับพวกเขา คอยล้างผลไม้ ชงน้ำชา ทำกับข้าว มันวุ่นวายมาก ฉันยอมมาขายเสื้อผ้าอยู่ที่ร้านทั้งวัน ยังดีกว่ากลับไปบ้านไปวุ่นวายกับพวกเขาอีก"
เด็กสาวแสดงท่าทีขัดเขินเล็กน้อยที่ไม่้าพักผ่อน หมี่หลันเยว่เข้าใจความรู้สึกนี้ดี สมัยที่เธอทำงานประจำตอนอายุสามสิบ ปีใหม่ต้องไปทำงานครึ่งวัน เธอก็คิดว่าถ้าได้ทำงานเต็มวันคงจะดี ไม่ต้องกลับบ้านไปเจอกับญาติๆ ที่นานๆ จะเจอกันที ไม่ใช่ว่าไม่อยากสนิทกับญาติๆ แต่เพราะมันวุ่นวายเกินไป
"นานๆ จะมีเทศกาลสักที ที่บ้านก็จะวุ่นวายแค่หนึ่งสองวันนี้เอง พี่จะไม่กลับไปช่วยแม่ทำอะไรหน่อยเหรอ ให้แม่ทำคนเดียวมันจะลำบากไม่ใช่เหรอคะ?"
ถึงแม้ว่าเธอจะเคยมีความคิดแบบนั้น แต่หมี่หลันเยว่ก็ยังกลับไปช่วยงานที่บ้าน
ดังนั้นเธอจึงไม่เห็นด้วยกับทัศนคติของหลิวลี่ ความคิดก็ส่วนความคิด แต่สายสัมพันธ์ในครอบครัวเป็สิ่งที่ไม่อาจลบเลือนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เธอได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ความโหยหาในสายสัมพันธ์ในครอบครัวก็ยิ่งมากขึ้น เธอหวังว่าทุกคนจะมีสายสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว อย่ารอให้สูญเสียไปแล้วค่อยมาเสียใจ
"ก็จริง แม่ทำอาหารให้คนเยอะขนาดนั้น คงเหนื่อยแย่เลย งั้นก็ได้ เห็นแก่ที่แม่เหนื่อย งั้นฉันจะกลับไปสู้กับญาติๆ จอมวุ่นวายพวกนั้นเอง"
หลิวลี่ตบหน้าอกเล็กๆ ของเธอ ทำท่าทางเหมือนกำลังจะไปออกรบ
"ดูพี่พูดเข้าสิ ญาติๆ จอมวุ่นวายอีก มีใครเขาพูดกันแบบนี้บ้าง"
หมี่หลันเยว่ทำท่าทางเหมือนผู้ใหญ่ แล้วจิ้มไปที่ปลายจมูกของเธอ แม้ว่าหมี่หลันเยว่จะตัวสูงกว่าเด็กในวัยเดียวกัน แต่การที่จะจิ้มปลายจมูกของเด็กสาวอายุสิบหกสิบเจ็ดก็ยังเป็เื่ท้าทายอยู่
"หลันเยว่ เธอยังไปจิ้มปลายจมูกหลิวลี่อีกนะ ทำเป็ว่าตัวเองเป็ผู้ใหญ่ไปได้"
เฉียนหย่งจิ้นเห็นท่าทางของหมี่หลันเยว่ ก็ลูบจมูกตัวเองแล้วหัวเราะ คิดว่าหมี่หลันเยว่ทำตัวเป็ผู้ใหญ่ได้น่าดู พยายามวางตัวเป็ผู้ใหญ่อยู่ตลอดเวลา
"ฉันก็เป็ผู้ใหญ่นั่นแหละ ผู้ใหญ่ไม่ได้วัดกันที่อายุ ต้องดูที่ความสามารถ เข้าใจไหมคะ ความสามารถ!"
หมี่หลันเยว่ยักคิ้วแล้วชูหมัดเล็กๆ ขึ้นมา มองดูแล้วมันเล็กเกินไป หมี่หลันเยว่รู้สึกผิดเล็กน้อย รีบเก็บหมัดกลับไปซ่อนไว้ข้างหลัง
"เอ่อ พี่หลิวลี่ พี่ไม่ได้หยุดพักมาหลายเดือนแล้วจริงๆ ด้วย ่สิ้นปีเลยมีอั่งเปาให้พี่เป็พิเศษ ถือเป็การชดเชยวันหยุดพักผ่อนของพี่นะคะ"
หมี่หลันเยว่รีบเปลี่ยนเื่ ไม่พูดจาไร้สาระกับเฉียนหย่งจิ้นและคนอื่นๆ ต่อไป
"ว้าว หลันเยว่ใจดีจัง ให้เงินอีกแล้ว เพิ่งจะได้รับเงินเดือนไปเมื่อไม่กี่วันก่อนเอง"
หลิวลี่บ่นพึมพำ มือก็รีบยื่นไปหยิบซองจดหมายออกมา
"หลันเยว่ เธอหยิบซองผิดแล้วมั้ง"
หลิวลี่ยกซองจดหมายขึ้นมาดูอีกครั้ง ไม่ผิดนี่นา บนซองเขียนชื่อของเธอ
"หลันเยว่ เธอต้องใส่เงินผิดแน่ๆ เลย"
เด็กสาวรีบยัดเงินกลับเข้าไปในซอง แล้วส่งคืนให้หมี่หลันเยว่
"ไม่ผิดหรอก นี่มันอั่งเปาของพี่นะ ให้แล้วก็รับไปเถอะ ่หลายเดือนมานี้ ร้านเราได้พี่ช่วยดูแลแทบทั้งหมด นี่เป็สิ่งที่พี่สมควรได้รับ ที่สำคัญที่สุดก็คือความตั้งใจของพี่ พี่เอาใจใส่ร้านเรามาก ไม่เหมือนกับพนักงานขายคนอื่นๆ ที่แค่ทำงานไปวันๆ เพราะฉะนั้นพี่สมควรได้รับเงินจำนวนนี้นะคะ"
พอถูกหมี่หลันเยว่ชมแบบนี้ เด็กสาวก็หน้าแดงขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่าในใจจะพอใจกับการทำงานของตัวเองอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยได้รับคำชมแบบตรงๆ ขนาดนี้มาก่อน รู้สึกซาบซึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
"แค่นี้ก็ตื่นเต้นแล้วเหรอคะ พี่หลิวลี่ พี่มั่นใจได้เลยว่าถ้าพี่ตั้งใจทำงานให้ดีกับฉัน ต่อไปจะมีเงินพิเศษให้พี่อีกเยอะแยะ พี่รู้แล้วใช่ไหมคะ?"
หมี่หลันเยว่คิดที่จะให้หลิวลี่มารับตำแหน่งที่สำคัญกว่าเดิมมานานแล้ว
"จะให้เยอะกว่านี้อีกเหรอ หลันเยว่ แค่นี้ฉันก็เกรงใจแล้ว ฉันรู้ว่าคนที่ทำงานข้างนอกได้เงินเดือนกันเท่าไหร่ หลันเยว่ให้เงินเดือนฉันเยอะกว่าคนอื่นอยู่แล้ว ตอนนี้ยังให้อั่งเปาเยอะขนาดนี้อีก ฉันรู้สึกผิดจริงๆ"
"พี่ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรทั้งนั้น ต่อไปพี่จะต้องเหนื่อยกว่านี้อีกนะ พี่หลิวลี่ หลังจากปีใหม่ ฉันจะเปิดสาขาเพิ่มอีก แต่สาขานั้นจะใหญ่กว่าสาขาหลักนี้มาก ฉันอยากให้พี่ไปช่วยดูแลที่นั่น ฉันจะมอบคนและร้านให้พี่ทั้งหมด พี่จะช่วยฉันดูแลให้ดีได้ไหมคะ?"
นี่คือการเลื่อนตำแหน่ง หลิวลี่ยังอยากจะถ่อมตัวอีกสองสามคำ แต่เมื่อได้เห็นสายตาที่จริงใจและคาดหวังของหมี่หลันเยว่ เธอก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น การได้ช่วยแบ่งเบาภาระของหลันเยว่ก็คุ้มค่าที่หลันเยว่เห็นคุณค่าในตัวเธอ หมี่หลันเยว่ก็พยักหน้าเช่นกัน ดีมาก ทัศนคติแบบนี้แหละที่เธอชอบ ดูท่าว่าปีใหม่นี้คงเป็ปีแห่งการเริ่มต้นใหม่จริงๆ
