บทสนทนาที่คนอื่นล้วนฟังไม่เข้าใจ และชายร่างบึกบึนที่ดูแปลกพิลึก สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปยังเขาและกู้เจิง
เสิ่นเยี่ยนรู้สึกได้ว่ากู้เจิงมีความรู้สึกพิเศษต่อชายที่ชื่อแปลกๆ คนนี้ เขาบอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร เขาแค่รู้สึกว่ากู้เจิงดูไว้ใจอีกฝ่ายมาก แต่ดูจากท่าทางของพวกเขาแล้ว น่าจะเป็ครั้งแรกที่ได้พบกัน
เมื่อเห็นจินโสวจื่อกำลังจะไป องครักษ์หลายคนก็คิดจะเข้ามาขวางไว้ แต่ยังไม่ทันได้ััชายเสื้อของเขาก็ถูกกระแทกจนล้มคว่ำลงกับพื้น วรยุทธอันสูงส่งของเขาทำเอาทุกคนในที่นั้นมองอย่างใ ทุกคนทำได้เพียงยืนนิ่งมองเขาเดินจากไป
เสิ่นเยี่ยนอุ้มกู้เจิงหมายจะออกไปจากที่ตรงนี้ แต่ก็ถูกจ้าวหยวนเช่อเรียกไว้ก่อน “ฉางหวาย ส่งกู้เจิงให้คนของวังเถอะ ตอนนี้หมอหลวงน่าจะอยู่ที่ตีนเขาแล้ว”
“ท่านอ๋อง?” เสิ่นเยี่ยนหันกายมองเขาด้วยแววตาเย็นเยียบอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน“ท่านอ๋องรับปากกระหม่อมแล้ว ว่าจะให้องครักษ์เงาคอยคุ้มกันฮูหยินของกระหม่อมอย่างดี ขอบังอาจถามท่านอ๋อง องครักษ์เงาเ่าั้หายไปไหนหมด?”
จ้าวหยวนเช่อรู้สึกผิดอย่างยิ่ง โดยเฉพาะยามต้องสบกับั์ตาดำใสแต่เยือกเย็นของสตรีในอ้อมกอดของเสิ่นเยี่ยน
ข้างกายของนางมีองครักษ์เงาคอยคุ้มกันอยู่งั้นหรือ? กู้เจิงตะลึงงัน มิน่าเล่าเสิ่นเยี่ยนถึงวางใจถึงเพียงนี้ แล้วเหตุใดองครักษ์เงาเ่าั้ถึงไม่มาช่วยนาง?
“คนพวกนั้นตามองค์ชายสิบสองไปหรือเปล่าเ้าคะ?” กู้เจิงถามขึ้น “องค์ชายสิบสองเห็นตราอาญาสิทธิ์ที่ท่านมอบให้เซี่ยกงเจวี๋ยน้อยแล้ว ก็บอกว่าจะเข้าวังเ้าค่ะ”
“องครักษ์เงามีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง หากในบรรดาผู้ได้รับการคุ้มครองมีเชื้อพระวงศ์อยู่ จำต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเชื้อพระวงศ์ก่อน” จ้าวหยวนเช่อกล่าวตอบ เขาสั่งให้องครักษ์เงาคอยคุ้มกันกู้เจิงจริงๆ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าองค์ชายสิบสองจะอยู่กับกู้เจิงด้วย
เสิ่นเยี่ยนเม้มปากแน่น
กู้เจิงรู้สึกได้ว่าเสิ่นเยี่ยนกำลังโกรธมาก ซึ่งทำให้นางรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
“โชคดีที่กู้เจิงไม่เป็อะไร” จ้าวหยวนเช่อเอ่ยอย่างรู้สึกผิด
“อาเจิง?” เสิ่นเยี่ยนพบว่ากู้เจิงได้สลบไปแล้ว
เมื่อตอนที่กู้เจิงชิงกระบี่มา นางได้ถูกฟาดศีรษะไปหนึ่งฝ่ามือ และนางได้ฝืนทนไว้มาตลอด ซึ่งตอนนี้ก็ถึงขีดจำกัดของนางแล้วนางจึงสลบไป แต่ตอนนี้นางได้อยู่ในอ้อมแขนของเสิ่นเยี่ยนแล้ว นางจึงรู้สึกปลอดภัยยิ่งนัก
แม้จะสลบไป แต่ก็ยังพอมีสติอยู่บ้างเป็พักๆ กู้เจิงรู้สึกได้ว่าเสิ่นเยี่ยนอุ้มนางเดินลงเขาไปตลอดทาง
นางปวดหัวอย่างที่ไม่เคยปวดขนาดนี้มาก่อน นางพบว่าในหัวของตนได้ปรากฏภาพเหตุการณ์บางอย่างแทรกเข้ามาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“เรือนหลักหรือ?” กู้เจิงมองเห็นตัวเองยืนอยู่ในเรือนเล็กของกู้อิ๋ง ขณะที่กำลังสงสัย อยู่ๆ นางก็เห็นซู่เหนียงก็เดินออกมาจากห้องของนางอย่างหวาดหวั่น
“ซู่เหนียง?” กู้เจิงร้องะโเรียกด้วยความดีใจ
“ทำไมเ้ายังอยู่ที่นี่อีก รีบเข้าไปเร็ว” ซู่เหนียงดันนางไปข้างหน้า
กู้เจิงอยากจะถามนางว่าเข้าห้องของกู้อิ๋งไปทำไม แต่ไม่คิดว่าซู่เหนียงจะผลักนางเข้าไปในห้องแล้วขังนางไว้ข้างในทันที
“ซู่เหนียง?” กู้เจิงตบประตูเสียงดัง
“แม่อยู่ข้างนอกนี่แหละ ไม่นานก็เรียบร้อยแล้ว” น้ำเสียงของหวังซู่เหนียงแฝงไว้ด้วยความตื่นตระหนก
กู้เจิงได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลัง นางจึงหมุนตัวไปมองก็เห็นจ้าวหยวนเช่อ ใบหน้าของเขาไม่ได้เ็าเหมือนที่นางเห็นจนเคยชิน สองแก้มของเขาแดงก่ำราวกับเมามาย
เมื่อเขาเห็นนาง ใบหน้าของเขาก็ยิ่งแดงขึ้นเรื่อยๆ เขาค่อยๆเดินเข้ามาใกล้นาง
กู้เจิงมองเขาอย่างตกตะลึง นี่ไม่ใช่จ้าวหยวนเช่อที่นางคุ้นเคย
วินาทีถัดมา กู้เจิงก็ร้องอุทานขึ้น เพราะจู่ๆ เขาก็อุ้มนางขึ้นมา
กู้เจิงเห็นภาพตนเองถูกโยนลงบนเตียง เขาฉีกเสื้อผ้าของนางออก นางได้แต่ร่ำไห้อ้อนวอนขอความเมตตา แต่หวังซู่เหนียงที่อยู่ข้างนอกยังคงไม่เปิดประตู จนกระทั่งทั้งสองสำเร็จกิจ
ทันทีที่จ้าวหยวนเช่อได้สติและเห็นภาพตรงหน้า สีหน้าของเขาก็ดูย่ำแย่ยิ่งนัก ประตูห้องถูกกระชากเปิดออก กู้หงหย่ง นายหญิงเว่ยซื่อ ซู่เหนียงและคนอื่นๆ ยืนตกตะลึงอยู่หน้าห้อง
ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่นาง แต่แววตาของกู้เจิงที่อยู่บนเตียง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดกู้เจิงถึงรู้สึกว่านี่คือนาง นางสามารถััได้ถึงความโกรธ ความเคียดแค้น ความไม่เต็มใจ ความจนใจ ความขมขื่น และความรู้สึกอันเ็ป
เพราะเหตุการณ์นี้ ทำให้นางได้แต่งงานตามกู้อิ๋งไปเป็อนุที่จวนของตวนอ๋อง นางเอาแต่ขังตัวเองไว้ในเรือนที่ตวนอ๋องจัดไว้ให้ไม่ยอมออกไปไหนและไม่ยอมพบเจอใคร แต่สุดท้ายนางก็คิดได้ว่าไม่อาจเป็เช่นนี้ต่อไปได้
นางเริ่มเปลี่ยนตัวเองและเข้าหาตวนอ๋องก่อน นางเอาอกเอาใจและยั่วยวนเขา ขณะเดียวกันก็พยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกู้อิ๋งไปด้วย
ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัว กู้เจิงอยากจะรู้ว่าต่อไปนางจะทำอะไรอีก แต่จู่ๆ นางก้รู้สึกว่าในปากของนางเต็มไปด้วยรสขมเฝื่อน ราวกับกำลังถูกป้อนยาพิษ รสขมของมันทำเอาสติของนางมึนงงและเริ่มพร่าเลือน
“ในที่สุดก็หลับเสียที” เสิ่นเยี่ยนวางชามยาลงบนโต๊ะ เขามองดูภรรยาที่หลับสนิทแล้วผ่อนหายใจด้วยความโล่งอก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน แค่ไปงานเทศกาลโคมไฟ แต่ทำไมถึงได้กลับมาบ้านในสภาพาเ็หนักขนาดนี้?” นายหญิงเสิ่นถามลูกชายด้วยความเป็ห่วง
ชุนหงที่เอาแต่ร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลอยู่ข้างเตียงคุณหนูของนาง
“ศีรษะของนางน่าจะถูกคนตีมา ดื่มยานี้เข้าไปแล้วให้นางนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ หลังตื่นขึ้นมาถ้ามีอะไรผิดปกติ ใต้เท้าเสิ่นก็ส่งคนมาเรียกข้าที่สำนักแพทย์นะขอรับ” หมอหลวงบอกกับเสิ่นเยี่ยนพร้อมกล่าวคำอำลา
นายท่านเสิ่นตามออกไปส่งหมอหลวง
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านช่วยมาดูอาเจิงหน่อย ข้าจะต้องเข้าวังขอรับ” เสิ่นเยี่ยนฝากฝังภรรยาไว้กับท่านพ่อทท่านแม่
“เ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ ชุดที่เ้าใส่อยู่นี้เปียกไปหมดแล้ว” นายหญิงเสิ่นกล่าวเตือนบุตรชาย
“เดี๋ยวข้าค่อยกลับมาเปลี่ยนทีเดียวขอรับ” เสิ่นเยี่ยนไม่อยากเสียเวลาอีก เขาไม่อาจปล่อยให้เื่แบบนี้เกิดขึ้นได้อีก
ในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็ตระกูลกู้หรือในวังหลวงต่างก็เกิดความโกลาหลอย่างถึงที่สุด การหายตัวไปขององค์หญิงและพระชายา รวมถึงองค์ชาย ถือเป็เื่ใหญ่หลวงยิ่งนัก
หลังจากองค์หญิงสิบเอ็ดกลับถึงวัง ฮองเฮาถึงได้โล่งใจ ในขณะเดียวกันฮ่องเต้ก็เรียกพบทุกคนที่เกี่ยวข้องในห้องทรงพระอักษร
กู้เจิงหลับสนิทและได้เห็นภาพบางฉากขึ้นมาอีก นางได้รับความโปรดปรานจากตวนอ๋อง นางถูกเขาตามใจ เรียกได้ว่าเอ็นดูอย่างยิ่ง แต่ขอเพียงนางฉวยโอกาสได้นางก็จะรีบหนีไป เพียงแต่นางรู้จักโลกนี้ตื้นเขินเกินไป ครั้งแรกนางหนีออกไปกับชุนหง แต่ของที่นำติดตัวมาด้วยดันถูกคนขโมยไปจนหมด ทำให้นางจำต้องกลับไปหาตวนอ๋องอีกครั้ง
คราวนี้ตวนอ๋องเ็าใส่นาง เพราะนางคิดหลบหนีไปจากเขา
ขณะนั้น กู้อิ๋งกำลังตั้งครรภ์ แต่อารมณ์ของนางกลับย่ำแย่เพราะเื่ของกู้เจิง หลังจากพระสนมซูรู้เข้า ก็ส่งคนมาโบยกู้เจิงอย่างโเี้ ครั้งนั้นกู้เจิงโดนโบยจนเกือบตาย และบุรุษที่คอยพร่ำบอกว่ารักนางมาตลอด กลับไม่เคยมาปรากฏตัวเพื่อปกป้องนางเลย
เขาบอกว่า เขา้าให้นางรู้จักจำ นี่เป็วิธีสั่งสอนนางที่ดีที่สุด
ใช่ นางจำได้ดีทีเดียว ั้แ่โดนโบยครั้งนั้น นางก็ไม่คิดจะหนีไปไหนอีกเลย นางคอยแต่เอาอกเอาใจตวนอ๋องและอยู่ในจวนของเขาอย่างว่าง่าย
่เวลาสองปีนี้ บุตรชายคนโตของตวนอ๋องได้ถือกำเนิดขึ้น เขาเป็เด็กที่น่ารักและงดงาม ปีที่สาม กู้อิ๋งก็ตั้งครรภ์อีกครั้ง ส่วนท้องของนางยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ชุนหงรู้สึกแปลกใจมาก นางจึงคิดจะแอบเชิญหมอหญิงมาตรวจดู กู้เจิงไม่อยากท้องบุตรของตวนอ๋อง ตอนแรกนางคิดจะดื่มยาเพื่อกันการตั้งครรภ์ แต่เพราะคนของจวนอ๋องมีหูมีตามากมายทำให้นางไม่มีโอกาสลงมือ แต่นางก็ไม่ได้ตั้งครรภ์อย่างที่นาง้า นางเลยคิดว่าร่างกายของนางน่าจะยากต่อการมีบุตร
ชุนหงขอกู้เจิงออกไปเชิญหมอหญิงมาตรวจ กู้เจิงก็อยากรู้ให้แน่ชัดไปเลยว่าสุขภาพของนางเป็เช่นไรจึงยอมตกลง หลังจากหมอหญิงมาตรวจ นางถึงได้รู้ว่ายาต้มที่นางดื่มตอนที่ถูกพระสนมสั่งโบย คือยาที่กันการตั้งครรภ์
แม้ยานั้นจะทำให้นางต้องเป็หมัน แต่นางกลับดีใจมาก ่นั้นนางต้องปรนนิบัติตวนอ๋องอย่างขยันขันแข็ง แต่นางก็ได้เตรียมการทุกอย่างเพื่อจะหนีออกไปจากที่แห่งนี้แล้ว การมีบุตรจะทำให้นางหนีออกไปไม่สำเร็จ
คืนที่กู้อิ๋งคลอดบุตร เป็่เวลาที่ดีที่สุดที่นางจะหนี
กู้เจิงมองภาพตัวเองที่เตรียมตัวจะหลบหนี นางแอบออกจากจวนไปกับชุนหงเงียบๆ พวกนางหนีออกไปได้แล้ว หนีออกไปได้จริงๆ ตามเส้นทางที่เตรียมไว้คือมุ่งหน้าสู่อำเภอผิงเหยา แล้วค่อยย้ายไปที่อื่นๆ สถานที่ที่นางจะไปคือทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล
ตอนพวกนางหนีมาถึงอำเภอผิงเหยา ชุนหงพลันมีไข้ขึ้นสูง เพื่อรักษาอาการป่วยของชุนหง กู้เจิงทำได้เพียงต้องอยู่ในอำเภอผิงเหยาอีกสองสามวัน ขณะเดียวกัน จ้าวหยวนเช่อก็หานางพบ และถามนางว่าจะกลับไปกับเขาหรือไม่
แน่นอนว่านางไม่ยอม เขาสั่งให้คนเฆี่ยนชุนหงอย่างเหี้ยมโหด นางขอร้องอ้อนวอน ทว่าเขากลับเพิกเฉย ชุนหงถูกเฆี่ยนตีจนเนื้อแตกเือาบ นางจำต้องสาบานว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่หนีไปจากเขาอีก เขาถึงได้หยุดมือ
กู้เจิงมองดูฉากนี้อย่างเ็ป นางไม่เคยประสบพบเจอกับภาพเหตุการณ์เหล่านี้มาก่อน แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงได้เ็ปใจนัก
ขมจัง นางรู้สึกขมฝาดในปาก สติของนางค่อยๆ เลือนราง และจมดิ่งสู่ห้วงนิทรา
“สามวันแล้ว” ชุนหงเฝ้าอยู่ข้างเตียง นางเห็นท่านบุตรเขยคอยป้อนยาให้คุณหนูของนางที่ไม่มีทีท่าจะอาการดีขึ้น “ท่านบุตรเขย เมื่อไหร่คุณหนูถึงจะฟื้นเล่าเ้าคะ?”
“หมอหลวงบอกว่าหลังดื่มยานี้เข้าไปไข้ก็จะลดลง พอไข้ลดลงก็จะฟื้นเอง” กู้เจิงมีไข้ขึ้นสูงมาสามวันสามคืน