หนานิเหอคิดว่าเยี่ยนเจาเจาคงเสียขวัญจากอารมณ์ของฮองเฮา จึงกุมมือนางไว้เบาๆ หวังว่าจะปลอบโยนได้ไม่มากก็น้อย
ยาที่ท่านหมอหลวงจ่ายมีสรรพคุณแก้อักเสบและบรรเทาอาการปวด ทว่ายานี้ทำให้ง่วงนอน หลังจากเยี่ยนเจาเจาพูดคุยกับหนานิเหอสักพักจึงผล็อยหลับไป
หนานิเหอก้มลงมองดวงหน้าของเยี่ยนเจาเจาที่ยังคงขมวดคิ้วมุ่นแม้เ้าตัวจะหลับไปแล้ว พลันก็แว่วเสียงมีอายุทว่าสุขุมเยือกเย็นดังขึ้นมาในความคิดของเขา
“ข้ารู้ เ้าเกลียดข้า แต่เ้าต้องเข้าใจ...”
เข้าใจอะไร?
เขาได้ยินคำพูดเหล่านี้มาหลายต่อหลายครั้ง และเขาก็เยาะหยันมันมาตลอด
แน่นอนว่าเขาเข้าใจ และเขาก็ไม่เคย้า ทั้งยังไม่สนใจ
ทว่ายามนี้เขารู้สึก้ามันขึ้นมาแล้ว
ในเรือนขณะนี้ไร้หญิงรับใช้ปรนนิบัติ หนานิเหอย่อเข่าข้างหนึ่งลงเคียงกายเยี่ยนเจาเจา แล้วประทับจุมพิตบนหลังมือนางคล้ายจะเคารพบูชา
หนานิเหอหยัดตัวลุกขึ้น ก่อนจะผละออกจากเรือนหิมะมรกตตรงไปยังเรือนนภาคราม
ทว่าระหว่างเร่งฝีเท้าอยู่นั้น เขาก็บังเอิญพบเยี่ยนเหิงที่กลับจากเรือนนภาครามพอดี
“เ้าจะไปพบองค์หญิงอีกครั้งหรือ?”
น้ำเสียงของเยี่ยนเหิงฟังดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย
เมื่อเห็นหนานิเหอพยักหน้า เยี่ยนเหิงก็ไม่ได้รั้งเขาไว้อีก แม้หนานิเหอจะคล้อยหลังไปแล้ว แต่เยี่ยนเหิงกลับยังคงยืนอยู่ที่เดิม
เขายืนมองตามเงาด้านหลังที่เร่งรีบจากไปของหนานิเหออยู่ที่เดิมเงียบๆ พลางทอดถอนใจ “คลื่นลูกใหม่ไล่คลื่นลูกเก่า”
หนานิเหอเองก็รู้ว่าเยี่ยนเหิงกำลังมองเขาอยู่ และยังรู้อีกว่าหากเขาเหยียบก้าวนี้ลงไปแล้ว จะไม่มีทางให้เขาถอยกลับได้อีก
เกาทัณฑ์หลุดสายไม่หันหัวกลับ นี่คือวลีแรกที่หนานิเหอเรียนรู้จากตำราพิชัยา...ทว่าในโลกหล้าใครบ้างไม่มีจุดอ่อน แต่เพราะมีจุดอ่อนจึงจำต้องสลัดทิ้ง แม้อดีตเขาเคยทำใจไม่ลง ทว่ายามนี้เขาทำลงแล้ว
เยี่ยนเจาเจาไม่ได้นอนหลับลึกมากนัก นางจึงตื่นขึ้นหลังหนานิเหอจากไปไม่นาน
เมื่อได้ยินเยี่ยนฟางหวาบอกว่า้ามาเยี่ยมก็ทำให้เยี่ยนเจาเจารู้สึกตลกอย่างยิ่ง เพียงแต่วันนี้จิตใจนางสับสนวุ่นวายเหมือนมีด้ายพันกัน เหตุการณ์ในวังก่อนหน้านี้ยังวนเวียนอยู่ในหัวจนไม่มีเวลารับมือใคร นางเลยสั่งเฝ่ยชุ่ยส่งเยี่ยนฟางหวากลับไป
ทว่าการครุ่นคิดเพียงลำพังก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี เยี่ยนเจาเจาพลิกตัวไปมาบนเตียงเนิ่นนาน ก่อนจะเคลิ้มหลับไปอีกคราพร้อมความวิตกกังวลเต็มอก
คราวนี้เจาเจากลับนอนหลับฝันดี ไม่ฝันถึงอดีตชาติแล้ว
วันรุ่งขึ้น
ยาที่ให้เยี่ยนเจาเจาใช้ย่อมเป็ยาที่ดีที่สุดเสมอ แผลน้ำร้อนลวกบนขาของนางจึงไม่รู้สึกเจ็บอีกต่อไป เมื่อใส่อาภรณ์เนื้อนุ่มเบาสบายก็ไม่เสียดแผล
แม้เมืองเซียงเฉิงยามนี้จะมีฝนโปรยปรายลงมาอีกครั้ง แต่เยี่ยนเจาเจาก็ทานข้าวอย่างไม่สนใจ ในหัวคิดเพียงเื่ราวก่อนหน้าที่เกิดขึ้นในวัง
สิ่งที่ทำให้เยี่ยนเจาเจารู้สึกรำคาญใจที่สุดคือนางไม่อาจบอกความหวาดระแวงนี้แก่องค์หญิง...ลูกไม้ของนางเปิดเปลือยอย่างชัดเจนต่อหน้าท่านแม่ หากนางมีความคิดอ่านเหมือนคนเป็ผู้ใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าท่านแม่ต้องมองออกภายในชั่วพริบตาแน่ว่านางมีสิ่งผิดปกติ
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดนางก็หาปลายด้ายท่ามกลางปมยุ่งเหยิงพบ
ชาติก่อนตอนที่ซ่งฝูจินไปปรนนิบัติซ่งซื่อที่บ้านสาม เยี่ยนเจาเจายังได้ยินซ่งซื่อด่าประจานซ่งฝูจินด้วยถ้อยคำราวกับมีประวัติกับซ่งฝูจินนั่นมาก่อน หมายความว่าซ่งซื่อต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับซ่งฝูจินแน่
หากนางจำไม่ผิด อีกสองวันจะเป็วันเกิดของซ่งซื่อแล้ว น่าเสียดายที่ซ่งซื่อไม่มีตำแหน่งใดในบ้านสามจึงไม่มีผู้ใดจัดงานวันเกิดให้
ทุกๆ ปีสวนมวลบุปผาหอมจะส่งของขวัญวันเกิดไปให้บ้านสามเป็มารยาทตามปกติ ถึงอย่างไรสิ่งของเหล่านี้ก็ไม่มีค่าสำหรับสวนมวลบุปผาหอมเท่าไหร่นัก เยี่ยนเจาเจาสามารถฉวยโอกาสนี้ไปหาซ่งซื่อที่บ้านสามได้
ซ่งซื่อคือท่านย่าบ้านสามผู้ชื่นชอบของเงินๆ ทองๆ ที่สุด หากเยี่ยนเจาเจาอยากหลอกถามนางก็ไม่มีอะไรง่ายไปกว่านี้แล้ว
เมื่อคิดได้ดังนั้นนางจึงเรียกเฝ่ยชุ่ยไปหาชิงถวนกูกูในห้องของท่านแม่
เยี่ยนเจาเจาเลือกปี้สี่และเฝ่ยชุ่ยจากหญิงรับใช้มีอายุนอกเรือนมาเป็บ่าวรับใช้ขั้นหนึ่ง ่นี้ปี้สี่พาเสี่ยวชุ่ยไปอบรม เฝ่ยชุ่ยจึงเป็คนดูแลธุระส่วนตัวทั้งหมดของเจาเจาในหลายวันนี้
ชิงถวนกูกูรับหน้าที่ดูแลของขวัญในสวนมวลบุปผาหอมพอดี เยี่ยนเจาเจาเลยตามนางมาจัดการเื่นี้ได้อย่างง่ายดาย
ชิงถวนไม่ถามเยี่ยนเจาเจาว่า้าของขวัญจากสวนมวลบุปผาหอมไปให้ซ่งซื่อบ้านสามเพื่อสิ่งใด เพียงห่อของลงในกล่องแปดสมบัติเสร็จก็ให้เฝ่ยชุ่ยนำกลับมา
เฝ่ยชุ่ยตามรับใช้เยี่ยนเจาเจาออกจากเรือน ก่อนจะสุ่มเลือกองครักษ์และอุ้มกล่องแปดสมบัติตรงไปบ้านสามด้วยกัน
องค์หญิงย่อมทราบจุดหมายของเจาเจา เพียงแต่พระองค์ไม่เข้าใจว่านางไปบ้านสามทำไม ส่วนเยี่ยนเหิงยิ่งรังเกียจบ้านสามเข้าไปใหญ่ พอได้ยินว่าบุตรสาวของตนจะไปสถานที่ “ที่สกปรกโสมมที่สุดในโลก” จึงโมโหโทโส หากองค์หญิงไม่ห้ามก็เกรงว่าเขาคงไปจับเยี่ยนเจาเจากลับมาแล้ว
“ฉงเหนียง[1] เ้าห้ามข้าทำไม?”
“เจาเจาอาจมีแผนของตนเอง แล้วเฝ่ยชุ่ยก็ยังตามไปด้วย ไม่เกิดอะไรขึ้นหรอก”
คนของบ้านสามจวนเยี่ยนอาศัยอยู่ในหอหลิวลู่ ระหว่างทางที่เยี่ยนเจาเจาพาคนเดินไปหอหลิวลู่ นางกลับรู้สึกแปลกที่แปลกทางมาตลอด
แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์ในวังมา นางก็เข้าใจได้ว่าสวนมวลบุปผาหอมไม่เคยแยกตัวออกมาเป็เอกเทศ จึงย่อมถูกจวนเยี่ยนควบคุมในบางเื่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หากนาง้าปกป้องท่านพ่อและท่านแม่ของตน นางก็ต้องจัดการเื่ราวของบ้านสามจวนเยี่ยนให้ชัดเจน
จวนเยี่ยนคือจวนของจงหย่งโหวผู้ล่วงลับที่ได้รับพระราชทานมาจากอดีตฮ่องเต้ นายท่านผู้เฒ่าแจ้งเกิดในกองทัพโดยเริ่มจากพลทหารชั้นผู้น้อยแล้วไต่เต้าจนกลายเป็แม่ทัพใหญ่ปกป้องแว่นแคว้น
หลังจากนายท่านผู้เฒ่าปลดประจำการกลับบ้านเกิด อดีตฮ่องเต้จึงพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็จงหย่งโหวที่สามารถสืบทอดได้สามชั่วอายุคน หลังจากนั้นค่อยพิจารณาถอดตำแหน่ง
แม้นเยี่ยนหลิวซื่อนิสัยไม่ค่อยดี แต่กลับเป็สามีภรรยารักกันลึกซึ้งกับนายท่านผู้เฒ่าั้แ่ยังสาว พอนายท่านผู้เฒ่าร่ำรวยขึ้นก็ไม่เคยแต่งอนุภรรยา บุตรชายสามคนจึงล้วนเกิดจากเยี่ยนหลิวซื่อทั้งสิ้น
ตามลำดับของวงศ์ตระกูลเยี่ยนนั้น นามเด็กชายรุ่นแรกที่เป็บุตรของนายท่านผู้เฒ่าจะต้องมีตัวอักษรข้าง[2] เกี่ยวข้องกับคำพูด นามเด็กชายรุ่นที่สองต้องเกี่ยวข้องกับของมีค่า และนามเด็กชายรุ่นที่สามต้องเกี่ยวข้องกับน้ำ
บุตรชายคนโตของเยี่ยนหลิวซื่อมีนามว่าเยี่ยนเว่ย เดิมทีสุขภาพของเยี่ยนเว่ยก็ไม่ค่อยแข็งแรงนัก ยามนั้นฐานะของสกุลเยี่ยนยังไม่ค่อยดี จึงแต่งภรรยาเอกพื้นเพต้อยต่ำเพื่อขจัดเสนียดจัญไร หลังจากมีลูกชายหนึ่งคนเยี่ยนเว่ยก็ได้ป่วยตายจากไป ลูกสะใภ้คนนั้นก็ทนแม่สามีทรมานไม่ไหวจึงป่วยตายตามไปในเวลาไม่ถึงครึ่งปี
ส่วนลูกชายของเยี่ยนเว่ยมีนามว่าเยี่ยนเหว่ย เขาถูกเลี้ยงมาในอ้อมอกของเยี่ยนหลิวซื่อ และยังสนิทสนมกับเยี่ยนหลิวซื่อที่สุด
หลังเยี่ยนเหว่ยเติบโต ฐานะทางสังคมของจวนเยี่ยนดีขึ้นแล้ว เยี่ยนหลิวซื่อเลยแต่งภรรยาคนแรกให้แก่เยี่ยนเหว่ย นั่นก็คือหวังซื่อหรือมารดาของเยี่ยนฟางหวานั่นเอง
บ้านใหญ่ในรุ่นนี้มีบุตรสาวฮูหยินเอกเพียงคนเดียวคือเยี่ยนฟางหวา
เหล่านางห้องข้างของเยี่ยนเหว่ยก็ให้กำเนิดบุตรสาวสองคน ได้แก่คุณหนูรองเยี่ยนฟางชิง และคุณหนูสามเยี่ยนฟางเยว่ ที่ป่วยแทบเป็แทบตายในเหตุการณ์ผีหลอกเมื่อคราวก่อน
เนื่องจากเยี่ยนเหว่ยได้รับความโปรดปราน บ้านใหญ่จึงสวยงามคึกคักและได้สวนทั่นชิงที่ดีที่สุดไป
แม้ว่าเยี่ยนเจาเจาจะดูแคลนคนในสวนทั่นชิงเพียงใด แต่ก็ต้องชะงักตรงหวังซื่อหลายหน หวังซื่อเป็คนจิตใจโเี้อำมหิต จะประมาทนางไม่ได้เด็ดขาด
บุตรชายคนที่สองของเยี่ยนหลิวซื่อนามว่าเยี่ยนเฉิง นายท่านบ้านรองอย่างเยี่ยนเฉิงเป็หนอนหนังสือหัวโบราณ ทำให้เยี่ยนหลิวซื่อไม่ชื่นชอบเขาเท่าไหร่นัก
เยี่ยนเฉิงเดินหน้าสอบเคอจวี่เพื่อแสวงหาชื่อเสียง และได้แต่งกับจ้าวซื่อ ผู้เป็หญิงสาวมีชาติตระกูลเปี่ยมคุณธรรมที่ฐานะทัดเทียมกัน สองสามีภรรยารักใคร่กันอย่างยิ่ง
แม้จ้าวซื่อให้กำเนิดบุตรไม่ได้ แต่เยี่ยนเฉิงก็ไม่เคยทอดทิ้งนาง เขากลับจัดหาสาวใช้ต้นห้องมาคลอดบุตรชายอนุของบ้านรอง นามว่าเยี่ยนเคอ แล้วยกเยี่ยนเคอให้จ้าวซื่ออุ้มชูเป็บุตรฮูหยินเอกเพื่อสืบสกุลบ้านรองต่อไป
เยี่ยนเคอผู้สืบทอดบ้านรองก็เป็บุรุษรักการอ่านที่ดี เขาแต่งงานกับจ้าวซื่อเล็ก ผู้เป็บุตรสาวของญาติสายนอกจากสกุลท่านป้าจ้าวซื่อของตนเอง ทั้งคู่รักใคร่กลมเกลียวดังฉินเซ่อบรรเลงประสาน มีบุตรชายและบุตรสาวหนึ่งคน คือคุณชายใหญ่เยี่ยนเช่อ กับคุณหนูสี่เยี่ยนฟางอู๋
เพราะบ้านรองชอบอ่านหนังสือกันหมด อีกทั้งยังอาศัยในเรือนลั่วจู๋ซึ่งเต็มไปด้วยไผ่ดำ บ้านรองจึงเงียบสงบและสง่างามเป็พิเศษ กระทั่งใบไม้ร่วงในเรือนยังเหมือนโชยกลิ่นหอมของหนังสือออกมา
เชิงอรรถ
[1] เหนียง หมายถึง คำที่สามีใช้เรียกภรรยา
[2] ตัวอักษรข้าง หมายถึง ส่วนประกอบหนึ่งของตัวอักษรภาษาจีน ซึ่งตัวอักษรจีนมีส่วนประกอบหลายส่วน และอักษรข้างก็อยู่ได้ทั้งซ้าย ขวา บน และล่างแล้วแต่กรณี เช่น ในนามต้องมีตัวอักษรข้างที่เกี่ยวข้องกับคำพูด คืออักษร “讠” ดังนั้นจึงมีนามว่า “เว่ย (谓)” ที่มีอักษรข้างตัวนี้อยู่ในคำศัพท์