มองเห็นสีหน้าของเย่สือซานและเย่สือชีที่หงอยเหงาเศร้าซึม เย่ชิงหานรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจก้มหน้าลงสายตาเหม่อลอยราวกับผู้ที่ปราศจากดวงิญญาไปแล้วฉันนั้น นึกถึงกองกำลังนักรบระดับหัวกะทิของทั้งสี่ตระกูลที่ถูกเคลื่อนย้ายออกไปยังสถานที่ต่างๆ ไม่รู้เป็ตายร้ายดีอย่างไร นึกถึงพวกเย่อีเพื่อช่วยชีวิตพวกเขาถึงกับยอมกระโจนเข้าไปกลางกลุ่มนักรบคนเถื่อนอย่างไม่ลังเล นึกถึงเสียงของการะเิตัวเองที่ดังสั่นะเืเลื่อนลั่น นึกถึงพวกเขาทั้งสี่ที่ไม่รู้ว่าจะสามารถมีชีวิตรอดกลับออกไปจากหุบเขาัดำแห่งนี้หรือไม่ นึกถึงคะแนนสะสมที่ยังเก็บได้ไม่ถึงแม้กระทั่งสี่พันคะแนน นึกถึงน้องสาวที่นอนหลับอยูู่เาด้านหลังที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายที่ไม่รู้จะเป็หรือตาย สภาพจิตใจของเขาในตอนนี้จมดิ่งเข้าสู่ห้วงของอารมณ์ที่ซับซ้อน มีทั้งท้อแท้สิ้นหวัง ทั้งอับจนปัญญา ทั้งเศร้าเสียใจเ็ปรวดร้าว และอารมณ์ต่างๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้นพร้อมกัน...
หลายเดือนก่อนเขานำพากองกำลังที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรเดินออกมาจากเมืองชางอย่างมีปณิธานแน่วแน่ด้วยความมั่นอกมั่นใจและสง่าผ่าเผยองอาจห้าวหาญ เขาคิดว่าจะสามารถอาศัยสัตว์อสูรที่เป็หนึ่งไม่เป็สองรองใครที่มีของตนเอง คิดว่าจะสามารถอาศัยคุณสมบัติในการรักษาที่น่าทึ่งของสมบัติล้ำค่าซึ่งเป็แหวนระดับศักดิ์สิทธิ์ทำการออกไล่ล่าสังหารศัตรูได้อย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดๆ ทำการเก็บสะสมคะแนนจำนวนมหาศาลนำมาแลกยาิญญาเทวะกลับไปช่วยเหลือน้องสาวได้สำเร็จ
เพียงแต่ยังไม่ทันที่จะเข้าร่วมงานประลอง ในขณะที่เดินทางอยู่บนถนนเขาได้รู้ข่าวสารที่โหดร้ายอย่างมากว่า พลังฝีมือของตนเองที่มีที่คิดภาคภูมิใจมาตลอดนั้น แท้จริงแล้วเมื่อเทียบกับนักรบคนอื่นๆ ที่เข้าร่วมงานประลองกลับถูกจัดอยู่ในพวกพลังฝีมือระดับต่ำสุด แต่ต่อมาเขาได้รู้ว่าเย่เทียนหลงส่งกองกำลังลับอีกสองหน่วยออกล่าสะสมคะแนนช่วยอยู่เขาจึงไม่ได้กังวลอะไรมาก
บนเกาะแห่งความมืดมิดเยว่ชิงเฉิงได้เสนอแผนให้ทั้งสี่ตระกูลจัดตั้งสุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิขึ้น ทำให้เขามองเห็นความหวังเพิ่มขึ้นมาอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลายเดือนต่อมาสุดยอดกองกำลังของพวกเขาตะลุยกวาดล้างกองกำลังของนักรบเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนได้เป็จำนวนมาก ไม่มีกองกำลังใดที่จะสามารถต้านทานพวกเขาได้ ใน่เวลานั้นเขาตื่นเต้นและปลื้มปีติยินดีเป็อย่างมาก จินตนาการว่าหากเป็อย่างนั้นตลอด สุดท้ายคงจะสามารถเก็บสะสมคะแนนได้ครบถึงหนึ่งหมื่นคะแนนได้สำเร็จอย่างแน่นอน
เพียงแต่...เหตุการณ์พลิกผันที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้ความหวังของเขาพังทลายหายไปจนหมดสิ้น ยังไม่ต้องพูดถึงว่ากองกำลังของทั้งสี่ตระกูลครั้งนี้จะสามารถหนีเอาชีวิตรอดกลับไปกันได้สักเท่าไร แม้แต่ตนเองตอนนี้ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถหนีออกไปจากหุบเขาัดำแห่งนี้ได้ ครั้งที่แล้วพวกเย่อีโชคดีเพราะมีกองกำลังหน่วยหนึ่งเดินเข้ามาแบบไม่ตั้งใจ พวกเขาจึงได้ถือโอกาสใน่ที่ชุลมุนนั้นหนีรอดออกไปได้ แล้วตอนนี้พวกของตนจะมีโอกาสเช่นนั้นหรือ? จะมีกองกำลังสักกี่หน่วยที่โง่เขลาพอที่จะเดินบุกเข้ามาในหุบเขาแห่งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาหลบหนีออกไปบ้าง?
พูดก็พูดเถอะ ถึงแม้ว่าพวกของตนเองจะหนีรอดออกไปจากที่นี่ได้ แต่จะมีหน้าไปพบกับอีกสามตระกูลใหญ่ที่เหลือได้อย่างไร? แม้จะสามารถรวมตัวกันได้อีกครั้งทั้งสี่ตระกูลยังกล้าที่จะรวมตัวกันออกไปไล่ล่าสังหารนักรบต่างเผ่าเหมือนตอนแรกอีกหรือ? แล้วถ้าหากพบเจอเหตุการณ์เหมือนเช่นวันนี้อีกพวกเขาจะทำอย่างไร? ดังนั้น เขาคิดไปคิดมาไม่ว่าตนเองจะหนีรอดออกไปได้หรือไม่ก็ตาม ความหวังในการสะสมแต้มหนึ่งหมื่นคะแนนที่วาดฝันเอาไว้คงไม่มีทางเป็ไปได้แล้วอย่างแน่นอน...
“เ้าหนูหาน อย่าเพิ่งท้อแท้และอย่าเพิ่งเสียใจ เชื่อว่ามันต้องพอมีหนทางสักอย่างที่พอจะทำอะไรได้...” เย่ชิงอู่ก็เป็ครั้งแรกที่ประสบพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ มองเห็นเย่ชิงหานหงอยเหงาเศร้าซึมจึงพูดปลอบใจออกมา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดปลอบใจอย่างไรดี พูดจบจึงถอนหายใจออกมาและกัดริมฝีปากของตนเอง
“นายน้อยหาน พวกข้าไม่ได้โทษท่านหรอก! ท่านก็อย่าคิดมากจนเกินไป เดี๋ยวพวกเราก็หาหนทางได้เอง!” เย่สือซานเห็นเช่นนั้นจึงถอนหายใจออกมา เก็บซ่อนความเศร้าโศกเสียใจไว้ คนที่ตายก็ตายไปแล้ว ส่วนคนที่อยู่ก็ต้องอยู่รอดชีวิตให้ได้สิถึงจะถูก?
“ทำไมจะไม่เกี่ยวกับข้า? ถ้าหากไม่ใช่เพราะข้าพวกเย่อีก็ไม่ต้องมาเข้าร่วมงานประลองในครั้งนี้และก็ไม่ต้องมาตาย? หนทาง? ยังมีหนทางอะไรอีก?” จิตใจของเย่ชิงหานในตอนนี้อยู่ในอารมณ์ของการโทษตัวเองอย่างหนักไม่อาจที่จะให้อภัยตนเองได้ จึงพูดออกมาอย่างดูถูกดูแคลนเยาะเย้ยถากถางตนเอง
มองเห็นเย่ชิงหานอยู่ในสภาพเช่นนี้ เย่สือซานและเย่ชิงอู่อยากที่จะพูดอะไรออกมาสักหน่อยแต่ก็พูดอะไรไม่ออก แต่เย่สือชีคิ้วกระตุกขึ้นครั้งหนึ่งจากนั้นถลึงตามองแล้วร้องด่าออกมา “นายน้อยหาน! ไม่ใช่ว่าข้าอยากจะว่าท่านหรอกนะ หากเป็ลูกผู้ชายก็อย่ามาแสดงท่าทางอ่อนแอราวกับสตรีเช่นนี้ พวกพี่ใหญ่กับข้าล้วนเป็เด็กกำพร้าเหมือนกันั้แ่เด็ก ถูกตระกูลเย่เก็บมาเลี้ยงเก็บมาสอนให้มีวิชาความรู้ ตอนนี้ก็ตอบแทนคืนให้ทางตระกูลแล้ว ข้าคิดว่าพวกเขาไม่ได้คิดคับแค้นใจว่าไม่ได้รับความเป็ธรรมอะไรหรอก พี่ใหญ่เคยพูดออกมาประโยคหนึ่งว่าบุญคุณของทางตระกูลสักวันก็ต้องตอบเทน ถ้าหากท่านคิดว่าพวกเขาตายอย่างไม่คุ้มค่า ก็จงเข้มแข็งขึ้นมาและพยายามฝึกฝนให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นให้ได้แล้วค่อยไปล้างแค้นให้พวกเขา เช่นนี้ถึงจะเป็สิ่งที่บุรุษนักรบควรกระทำ สภาพหงอยเหงาเศร้าซึมที่ท่านเป็อยู่ในตอนนี้นี่แหละถึงจะทำให้พวกพี่ใหญ่ตายฟรีอย่างแท้จริง ท่านยังคิดอยากที่จะช่วยน้องสาวของตัวเองอยู่อีกไหม?”
“ช่วย? ช่วยอย่างไร? ยังช่วยได้อีกรึ?” เย่ชิงหานถูกเย่สือชีด่าทอออกมา ฝืนบังคับจิตใจให้เข้มแข็งขึ้นมา เงยหน้าขึ้นมองเย่สือชีพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น
“ช่วยได้ไม่ได้มันก็อีกเื่หนึ่ง แต่ถ้าหากท่านยังมีสภาพอย่างนี้ต่อไป ทุกอย่างมันก็จบสิ้นั้แ่ยังไม่ทันได้เริ่มแล้ว น้องสาวของท่านก็จะจบสิ้นตามไปด้วยอีกคน สำหรับหนทางนั้นมีมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ อย่างเช่นข้าและเย่สือซานพลังฝีมือบรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิ หรือว่าท่านบรรลุถึงระดับขอบเขตนักรบ จากนั้นอาศัยวิชาต่อสู้ร่างอสูรที่แหกกฎเกณฑ์์ของท่าน ทำการล่าสังหารนักรบต่างเผ่าที่มีพลังฝีมือในระดับขอบเขตราชันย์ปีศาจและราชันย์คนเถื่อนได้ในพริบตา ขอเพียงพวกเรามีโอกาสหนีรอดออกไปจากหุบเขาัดำแห่งนี้ได้ พวกเราก็ยังมีโอกาสที่จะล่าสะสมคะแนนให้ได้หนึ่งหมื่นคะแนน ดังนั้นจึงต้องพยายามและอย่าสิ้นหวัง อะไรก็เป็ไปได้ทั้งนั้น!”
เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเย่สือชีคลุมเครือไม่ชัดเจนเหมือนขายผ้าเอาหน้ารอด หรืออาจจะพูดได้ว่าพูดออกมาส่งเดช แต่เย่ชิงหานที่ได้ยินราวกับถูกจุดให้ติดด้วยไฟแห่งความหวังขึ้นมา ดวงตาที่หม่นหมองค่อยๆ เริ่มมีแสงแห่งความหวังเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง
.................................
หลงไซ้หนานอารมณ์ไม่ดีเป็อย่างมาก หลายวันก่อนได้รับข่าวว่าสนามรบตะลุมบอนเกิดเื่ใหญ่ขึ้นเื่หนึ่ง เื่ใหญ่ถึงขนาดทำให้แผ่นหลังของนางต้องชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นได้เลยทีเดียว
เผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนร่วมมือกันโอบล้อมสังหารกองกำลังของสี่ตระกูล เมื่อนางได้ทราบข่าวและยกทัพออกไปทำการช่วยเหลือ แม้ว่าทั้งสี่ตระกูลจะสามารถใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่มีอยู่ภายในช่องเขาหมาป่าจันทราสีเงินสองหัวหลบหนีไปก่อนได้สำเร็จ และยังล่อให้หมาป่าจันทราสีเงินสองหัวโจมตีใส่กองกำลังของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนจนได้รับความเสียหายไปเป็อย่างมากก็ตามที
แต่นางก็ยังอารมณ์ไม่ดีเป็อย่างมากอยู่เช่นเดิม! เผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนสามารถร่วมมือกันได้อย่างไร? ทำไมถึงร่วมมือกันได้? และทำได้ด้วยอย่างนั้นรึ?
คำถามนี้ร้ายแรงมาก และยากมากที่จะขบคิดให้เข้าใจได้ อีกทั้งยังไม่สมเหตุสมผลเป็อย่างมาก! เพียงแต่...สิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลมันได้เกิดขึ้นแล้ว แถมยังเกิดขึ้นอย่างเหมาะเจาะพอดีทั้งเวลาและสถานที่ เกิดขึ้นอย่างสมเหตุสมผล เกิดขึ้นอย่างโจ่งแจ้งและเปิดเผย!
มันเป็ปัญหาที่ควรค่าแก่การขบคิด ตามข่าวสารที่ได้รับจากการบอกเล่าของสมาชิกกองกำลังของสี่ตระกูลที่ถูกค่ายกลเคลื่อนย้ายเคลื่อนย้ายมาที่เขตพื้นที่จุดรวมพลชั่วคราวของเขตปกรองเทพา ได้ยินว่าการถูกโอบล้อมสังหารเมื่อวานที่พวกเขาเผชิญนั้นมีสิ่งที่แปลกประหลาดน่าสงสัยเป็อย่างมาก แต่สิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าคือการไล่ล่าสังหาร ราวกับว่ากองกำลังนักรบเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนมีหน่วยสอดแนมที่ล่องหนได้คอยติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเขาอยู่รอบๆ ฉันนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะเคลื่อนพลไปยังทิศทางใดล้วนอยู่ในการรับรู้ของทั้งเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนโดยตลอด
เรียกได้ว่าเป็เื่แปลกประหลาดมหัศจรรย์อย่างเหลือเชื่อ! งานประลองาระหว่างเขตปกครองที่ผ่านๆ มาไม่เคยปรากฏเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน เป็ปัญหาที่ไม่มีทางที่จะขบคิดให้เข้าใจได้เลยจริงๆ
วันนี้หลงไซ้หนานได้รับข่าวสารที่ยิ่งแปลกประหลาดมากอีกเื่หนึ่ง เยาขาข่าและหมันก้านหลังจากที่กลับมาจากช่องเขาหมาป่าจันทราสีเงินสองหัว วันนี้ได้เรียกรวมพลกองกำลังของเขตปกครองตนเองทั้งหมด จากนั้นต่างออกเดินทัพอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรบ่ายหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง ทั้งสองคนแม้เส้นทางการออกเดินทัพจะต่างกัน แต่เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของการไปในครั้งนี้คือที่เดียวกัน ซึ่งสถานที่แห่งนั้นมีชื่อเสียงเป็อย่างมาก และก็น่าหวาดกลัวเป็อย่างมากด้วยเช่นกัน มันคือ...หุบเขาัดำ รังของัดำมารอสูรระดับแปดคุณภาพขั้นสูง
ทั้งสองคนนำกองกำลังไปด้วยซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็กองทัพเลยก็ว่าได้ จำนวนนักรบอย่างน้อยเผ่าละหนึ่งพันกว่าคน ทั้งสองทัพมุ่งหน้าไปยังหุบเขาัดำอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร หลังจากหลงไซ้หนานได้รับข่าวสารนี้สิ่งแรกที่นางคิดคือ พวกมันเตรียมที่จะไปสังหารั? หุบเขาัดำมีสมบัติล้ำค่าหายากระดับสูง? แต่เมื่อครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็ตัดความคิดบ้าระห่ำเหล่านี้ทิ้งไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้