ตระกูลตรา์เทียนเหิน อาจารย์นักปรุงยาทั้งสองบังเกิดความรู้สึกประทับใจขึ้นมา ตระกูลเทียนเหินเป็ตระกูลขุนนางเล็กๆ ตระกูลหนึ่ง ไม่มีชื่อเสียงหรืออำนาจใด พวกเขาทั้งสองยิ้มบางๆ หากเนี่ยหลีมาจากครอบครัวใหญ่หรือครอบครัวที่มีชื่อเสียง หรือแม้กระทั่งครอบครัวชั้นสูง ต่อให้พวกเขามีความกรุณาต่อเนี่ยหลีสักเล็กน้อย เนี่ยหลีก็คงไม่เก็บมาใส่ใจ ทว่าในเมื่อเนี่ยหลีมาจากครอบครัวเล็กๆ แห่งหนึ่ง นั่นก็ง่ายที่จะรับมือแล้ว
อาจารย์นักปรุงยาทั้งสองสนทนากับเนี่ยหลีอยู่ครู่หนึ่งและพบว่าเนี่ยหลีไม่เพียงมีความเชี่ยวชาญในทฤษฎีเท่านั้น แต่ยังชำนาญกับขั้นตอนการกลั่นยาอย่างแท้จริงอีกด้วย
สัตว์ประหลาดชัดๆ!
พวกเขาหมกมุ่นอยู่กับการปรุงยามานานนับสิบๆ ปีจึงเพิ่งสอบได้ระดับอาจารย์ขั้นต้นตอนที่อายุสี่สิบห้าสิบปี พอคิดถึงอายุของเนี่ยหลีอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาก็อดที่จะรู้สึกอับอายมิได้ นี่ก็คือการเปรียบเทียบกันจนต้องโมโหอกแตกตายนี่เอง เนี่ยหลีเพิ่งอายุเท่าไหร่เอง แต่ความรู้กลับไม่ด้อยไปกว่าพวกเขาเลย!
ความรู้ไม่เกี่ยวกับอายุจริงแท้!
ได้เวลาที่ต้องมอบความกรุณาให้เนี่ยหลีสักหน่อยแล้ว!
อาจารย์นักปรุงยาทั้งสองรวบรวมกระดาษคำตอบของเนี่ยหลีและเตรียมตัวที่จะนำไปให้ท่านประธานได้ดูเป็การส่วนตัว พวกเขาจะปล่อยให้อัจฉริยะเช่นนี้หลุดไปจากมือได้อย่างไร?
“เนี่ยหลี เ้ารออยู่ที่นี่สักครู่ พวกเราทั้งสองจะไปขอพบท่านประธานก่อน เผื่อว่าพวกเราจะสามารถช่วยให้เ้าได้เข้าสู่สมาคมนักปรุงยาได้โดยตรงโดยไม่ต้องทำการทดสอบอื่นๆ อีก” อาจารย์ทั้งสองหัวเราะและพูดออกมา
“เช่นนั้นต้องรบกวนท่านอาจารย์ทั้งสองแล้ว” เนี่ยหลียิ่งสุภาพถ่อมตนมากขึ้นอีกพร้อมโค้งกายลงคำนับ
เห็นการกระทำของเนี่ยหลี อาจารย์นักปรุงยาทั้งสองก็ดีใจจนขนลุกเกลียวแล้ว พวกเขาถือกระดาษคำตอบและรีบจากไป
เวลานี้ ภายในห้องถัดไป
ฉู่หนิงกำลังพยายามทำข้อสอบอย่างตั้งใจ เวลาผ่านพ้นไปแล้วถึงครึ่งหนึ่ง เขาเพิ่งตอบคำถามไปได้สามข้อ นี่เป็ครั้งที่สามแล้วที่เขาเข้ารับการทดสอบระดับอาจารย์นักปรุงยาขั้นต้น การสอบสองครั้งที่ผ่านมาเขาตอบคำถามได้ไม่ถึงหกสิบส่วน ยังมีกระดาษเปล่าถึงสามแผ่น บรรดาจุดที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ เขาก็ศึกษามาจนหมดแล้ว จึงได้มาเข้ารับการทดสอบอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนมาเขาแอบขอพรกับ์ ครั้งนี้จะต้องสอบผ่านให้ได้!
แต่ทว่าการสอบเที่ยวนี้คำถามที่เขาเลือกหยิบขึ้นมายังยากกว่าคราวที่แล้วเสียอีก
ฉู่หนิงบ่นกระปอดกระแปดก่อนมาสอบ เขาแอบใส่คำตอบมากมายเอาไว้ในแหวนมิติ ทว่าอาจารย์นักปรุงยาทั้งสองกำลังจับตามองอยู่ด้านข้าง เขาจึงไม่มีโอกาสโกงได้เลยแม้แต่น้อย ผ่านไปชั่วโมงหนึ่งแล้ว บนกระดาษยังเพิ่งจะมีคำตอบไม่กี่คำ
เห็นคำตอบของฉู่หนิง อาจารย์ขั้นต้นทั้งสองก็อดส่ายหน้าขึ้นมามิได้ คำตอบที่ถูกต้องของเขาอย่างมากก็ไม่เกินหกสิบส่วน แต่การจะสอบผ่านเป็อาจารย์ผู้หนึ่งได้นั้น อย่างน้อยต้องตอบได้ถึงเก้าสิบส่วน
สองชั่วโมงต่อมา เสียงระฆังด้านนอกดังขึ้น
ฉู่หนิงแทบไม่ต้องคิดแล้ว เขาสอบไม่ผ่านแน่ ลุกขึ้นยืนอย่างรู้สึกขวัญหายเล็กน้อย เดินออกไปนอกห้อง ล้มเหลวครั้งนี้ เขาคงต้องรอต่อไปอีกปีหนึ่งจึงสามารถกลับมาสอบใหม่ได้
ตรงระเบียงทางเดิน บรรดานักปรุงยาฝึกหัดที่เข้ารับการสอบระดับอาจารย์ขั้นต้นต่างทยอยเดินออกมาจากห้องสอบ มีชายหนุ่มอายุราวสามสิบเศษเพียงคนเดียวที่เดินออกมาด้วยท่าทางมีความสุข พวกที่เหลือล้วนมีสีหน้าเศร้าสลดหดหู่ การสอบรอบแรกนี้ยากเกินไปเสียแล้ว
ณ ห้องพักสำหรับผู้าุโสมาคมนักปรุงยาวิเศษ
“ท่านประธาน โปรดดูคำตอบเหล่านี้เสียหน่อยเถิด!” หูเหยียนิยื่นส่งกระดาษคำตอบสองแผ่นให้แก่กู่แหยียน
สมาคมนักปรุงยาวิเศษมีอาจารย์าุโอยู่สองท่าน กู่เหยียนเป็หนึ่งในนั้น เขายังดำรงตำแหน่งประธานสมาคมนักปรุงยาวิเศษอีกด้วย เขามีผมขาวเต็มศีรษะ อายุกว่าหกสิบปีแล้ว
ก็แค่กระดาษคำตอบชุดหนึ่ง อาจารย์นักปรุงยาขั้นต้นสองคนถึงกับรีบนำมาให้เขาดู กู่เหยียนถูกขัดจังหวะขณะกำลังกลั่นยา อารมณ์จึงไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
“ท่านประธาน นี่เป็กระดาษคำตอบของนักเรียนคนหนึ่งระหว่างการสอบวัดระดับอาจารย์ขั้นต้น ท่านโปรดดูสักนิดเถิด!” หูเหยียนิพูดอย่างตื่นเต้น แม้พวกเขาเห็นอยู่ว่าท่านประธานกู่เหยียนกำลังอารมณ์ไม่ดี พวกเขากลับไม่สนใจ ท่าทางเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
กู่เหยียนร้องฮึเสียงเย็น หยิบกระดาษคำตอบขึ้นมามองดูเล็กน้อยและพูดว่า “นักเรียนคนนี้ตอบได้ไม่เลว คำตอบทั้งหมดล้วนถูกต้อง บางคำตอบยังมีความคิดสร้างสรรค์ยิ่ง ให้เขาเข้าสอบรอบสองได้!” สีหน้าของกู่เหยียนดูผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย ไม่ว่าอย่างไร จำนวนคนที่สามารถตอบคำถามได้ถูกต้องในรอบแรกของการสอบระดับอาจารย์ขั้นต้นนี้ยังนับว่าน้อยนัก
หูเหยียนิและมู่หยางมองหน้ากันและยิ้ม หูเหยียนิพูดขึ้นว่า “ข้าอยากขอให้ท่านประธานอนุญาตให้เขาผ่านเข้าร่วมเป็สมาชิกของสมาคมนักปรุงยาวิเศษของพวกเราโดยตรงเลยขอรับ!”
“ผ่านการทดสอบและเข้าร่วมเป็สมาชิกโดยตรงหรือ?” กู่เหยียนสองคิ้วเลิกสูงและส่ายศีรษะ “นั่นเป็ไปไม่ได้ อยากเป็อาจารย์นักปรุงยาผู้หนึ่ง นอกจากต้องมีประสบการณ์ในการกลั่นยามามากมายแล้ว ยังต้องรู้จักขั้นตอนต่างๆ อย่างแท้จริงอีกด้วย หากเขาเพียงผ่านการทดสอบรอบแรก ไม่มีประสบการณ์การฝึกฝนเลยแม้แต่น้อย ย่อมไม่อาจเป็อาจารย์นักปรุงยาผู้หนึ่งได้!
“ท่านประธาน แล้วถ้าหากคนผู้นี้เป็เพียงเด็กชายอายุสิบสามปีเล่า? แม้เขายังไม่มีประสบการณ์การกลั่นยาอย่างแท้จริง ทว่าพวกเราก็สามารถบ่มเพาะเขาได้! หากพลาดจากเด็กผู้มากพร์เช่นนี้ไป พวกเราคงต้องเสียใจภายหลังอย่างแน่นอน!” มู่หยางด้านข้างรีบพูดขึ้น
ได้ยินคำพูดของมู่หยางแล้ว น้ำเสียงสงบนิ่งของกู่เหยียนก็เริ่มเปลี่ยนไป เขารีบพูดขึ้นว่า “เ้าพูดว่าอะไรนะ เขาเป็เพียงเด็กอายุสิบสามปีเท่านั้นหรือ?”
“ใช่แล้วขอรับ ท่านประธาน!” มู่หยางและหูเหยียนิพูดขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน และพยักหน้าหงึกๆ
“พวกเ้ามิใช่ร่วมมือกันมาหลอกข้ารึ เด็กอายุสิบสามปีผู้หนึ่ง จะสามารถอ่านหนังสือปรุงยามากมายได้อย่างไร ทั้งยังทำข้อสอบระดับอาจารย์นักปรุงยาได้ถูกต้องอีกด้วย!” สายตาแหลมคมเย็นะเืของกู่เหยียนกวาดมองมู่หยางและหูเหยียนิ
“พวกเราจะกล้าหลอกท่านประธานได้อย่างไรขอรับ?”
“พวกเ้ารีบไปพาเขามา และรีบไปบอกให้ผู้อำนวยการหยางมาหาข้าทันที เื่นี้ห้ามบอกใคร แม้แต่พวกผู้าุโอื่นๆ เข้าใจหรือไม่!” กู่เหยียนมองมู่หยางและหูเหยียนิ หากมีเด็กอัจฉริยะปานนี้ปรากฏตัวขึ้น ย่อมต้องส่งเสริมบ่มเพาะให้เป็ศิษย์ผู้สืบทอดสายตรงของตน
“ขอรับ!” หูเหยียนิและมู่หยางใจเต้นระทึก สีหน้าดีใจยิ่งนัก
ในสมาคมนักปรุงยาวิเศษมีผู้าุโทั้งสิ้นหกคน รวมถึงกู่เหยียน ทุกคนต่างมีอำนาจ การเก็บความลับให้กู่เหยียนเช่นนี้ นับแต่วันนี้เป็ต้นไปพวกเขาสองคนก็ย่อมต้องกลายเป็ที่ไว้วางใจของท่านประธานแล้ว
มู่หยางไปเรียกผู้อำนวยการหยาง ส่วนหูเหยียนิรีบรุดไปหาเนี่ยหลีทันที
ตรงระเบียงทางเดินของห้องสอบ
ฉู่หนิงเดินออกมาด้วยท่าทางหดหู่เล็กน้อย เห็นเนี่ยหลีอยู่นอกห้องสอบก่อนแล้ว สองคิ้วของเขาก็เลิกสูง
ด้านข้างสองสามคนกำลังหยอกล้อกับเนี่ยหลี
“น้องชาย เ้าทำข้อสอบได้กี่ข้อรึ?” ชายหนุ่มคนหนึ่งหัวเราะฮ่าๆ ออกมา เขาเป็คนเดียวที่สอบผ่าน
เนี่ยหลียักไหล่และพูดว่า “คำถามพวกนั้นง่ายเกินไป ไม่ท้าทายเอาเสียเลย!”
ได้ยินคำพูดของเนี่ยหลี ทุกคนมองหน้ากันไปมา
คำพูดของเนี่ยหลีทิ่มแทงฉู่หนิงที่เพิ่งถูกคำถามพวกนั้นเชือดมาหยกๆ ฉู่หนิงพูดเสียงเ็าว่า “พูดจาอวดดีนัก หากเ้าตอบถูกได้ถึงสักสิบส่วน ข้าจะยอมแก้ผ้าวิ่งรอบเมืองกวงฮุยสามรอบให้ดูเชียว!”
“ถ้าอย่างนั้นเ้าก็เริ่มได้เลย!” เนี่ยหลีพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
ได้ยินคำพูดของเนี่ยหลี ทกคนอดที่จะแปลกใจมิได้ เนี่ยหลีไปเอาความมั่นใจปานนี้มาจากไหนกัน? ไม่ทราบผลการสอบรอบแรกของเนี่ยหลีเป็อย่างไร?
เวลานี้ หูเหยียนิรีบรุดมาถึง
เห็นเสื้อชุดขาวสำหรับอาจารย์ขั้นต้นบนตัวของหูเหยียนิ ทุกคนก็รีบยืนตัวตรงด้วยความเคารพ
“เนี่ยหลี เ้าผ่านการสอบรอบแรกแล้ว ตามข้ามา!” หูเหยียนิหรี่ตามองคนอื่นๆ ไม่สนใจพวกเขาแม้แต่น้อย
“อืม” เนี่ยหลีผงกศีรษะเล็กน้อย
“ผ่านการสอบรอบแรกอย่างนั้นรึ?” ได้ยินคำพูดของหูเหยียนิ ทุกคนยืนทำตัวไม่ถูกอยู่กับที่ โดยเฉพาะฉู่หนิงที่รู้สึกตะลึงงันราวกับถูกฟ้าผ่า
เป็ไปได้อย่างไร? เนี่ยหลีเพิ่งเป็แค่เด็กอายุสิบสามปีผู้หนึ่งเท่านั้น!
หรือมีอะไรผิดพลาด?
นี่ข้ากำลังฝันไปหรือไม่?
เด็กอายุสิบสามปีผู้หนึ่งกลับผ่านการสอบรอบแรก นี่เป็ครั้งแรกในรอบร้อยปีเลยทีเดียว ไม่แปลกใจที่หูเหยียนิรีบมาแล้วพาเนี่ยหลีไปด้วยตนเอง
ทุกคนหวนนึกถึงคำเยาะหยันที่ตนเพิ่งพูดกับเนี่ยหลีไป ใบหน้าก็ร้อนผ่าวๆ เด็กอายุสิบสามปีผู้หนึ่งกลับสอบผ่าน ส่วนพวกเขานั้น บางคนก็อายุสามสิบสี่สิบปีแล้ว บางคนยังแก่กว่าอีก ทว่าพวกเขายังไม่สามารถสอบผ่านได้แม้กระทั่งรอบแรกเลย สิ่งนี้ทำให้พวกเขารู้สึกอับอายยิ่งนัก
ฉู่หนิงคิดไม่ถึงเลย เนี่ยหลีกลับสอบผ่านรอบแรกแล้ว! มันต้องโกงแน่ๆ ใช่แล้ว ต้องเป็เช่นนี้แน่! ฉู่หนิงเดินโซเซออกไป ไม่ว่าอย่างไร เขาสอบไม่ผ่านรอบแรกนี่เป็ความจริง เมื่อกลับไปถึงบ้านคงหนีไม่พ้นต้องถูกท่านลุงของเขาทุบตี
“เอ๊ะ ฉู่หนิงหายไปไหนแล้ว?”
“เมื่อครู่เขามิใช่บอกไว้หรือว่าจะแก้ผ้าวิ่งรอบเมืองกวงฮุยสามรอบ?”
ในสายตาของทุกคน ฉู่หนิงคงหนีไปแล้ว หากเขาแก้ผ้าวิ่งรอบเมืองกวงฮุยสามรอบจริง เขายังจะเงยหน้ามองใครได้อีก ทุกคนมองตามเงาร่างของเนี่ยหลีที่ค่อยๆ หายลับไป เนี่ยหลีไม่สนใจเื่พนันต่อพวกนี้ พูดอีกนัยหนึ่งว่า เขาไม่เห็นฉู่หนิงอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย!
เนี่ยหลีและฉู่หนิงมาจากสองโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ฉู่หนิงถูกกำหนดให้ต้องแหงนหน้ามองความสำเร็จของเนี่ยหลี
ขณะมองอาจารย์นักปรุงยาขั้นต้นกับท่าทางพออกพอใจเนี่ยหลีของหูเหยียนิ ทุกคนอดที่จะมองตามด้วยสายตาอิจฉาไม่ได้
สมาคมนักปรุงยาวิเศษ ห้องประชุมใหญ่
“เนี่ยหลี อีกประเดี๋ยวท่านประธานและท่านผู้อำนวยการก็มาถึงแล้ว โปรดรอที่นี่สักครู่!” หูเหยียนิพูดพร้อมกับมองเด็กหนุ่มอัจฉริยะตรงหน้าด้วยสายตากระตือรือร้น ความสุขุมและมั่นคงของเนี่ยหลีทำให้เขาบังเกิดความรู้สึกราวกับว่าเด็กคนนี้มิใช่เด็กอายุสิบสามปี ทว่าเป็อาจารย์นักปรุงยาผู้หนึ่งซึ่งมีฐานะเท่าเทียมกับตน!
“ได้ขอรับ!” เนี่ยหลีพยักหน้าตอบ เขามองรอบด้าน ในห้องประชุมใหญ่นี้ค่อนข้างกว้างขวาง ตรงกลางห้องมีโต๊ะกลมตัวหนึ่งกับเก้าอี้สองสามตัววางอยู่ กำแพงด้านข้างมีกระดาษแปะอยู่เต็มไปหมด
“นั่นคืออะไรหรือ?” เนี่ยหลีมองๆ และเอ่ยถามหูเหยียนิ
“ที่นี่เป็สถานที่ที่พวกอาจารย์นักปรุงยาทั้งหลายมาแลกเปลี่ยนความรู้กัน พวกอาจารย์นักปรุงยาจะเอาปัญหาที่พวกเขาประสบขณะปรุงยาแปะทิ้งเอาไว้ และรวบรวมคำตอบที่ได้จากอาจารย์นักปรุงยาทุกคน บางครั้งพวกเขาก็จะช่วยอาจารย์นักปรุงยาท่านอื่นแก้ไขปัญหาหลากหลายรูปแบบ หากรู้คำตอบ เ้าก็สามารถเขียนคำตอบนั้นๆ ลงบนกระดาษเ่าั้เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมกันถกเถียง!” หูเหยียนิพูด ด้วยวิธีนี้ เหล่าอาจารย์นักปรุงยาก็จะสามารถพัฒนาปรับปรุงทักษะการปรุงยาได้
“อ้อ!” เนี่ยหลีพยักหน้าและค่อยๆ เดินไปที่กำแพง เขาจำต้องแสดงศักยภาพที่เพียงพอจะดึงดูดความสนใจของท่านประธานกู่เหยียน ไม่เช่นนั้นก็จะไม่เพียงพอให้ได้รับการฝึกฝนจากสมาคมนักปรุงยาวิเศษ เนี่ยหลีจำเป็ต้องได้รับการฝึกฝนจากสมาคมนักปรุงยาวิเศษอีกหรือ? นั่นย่อมมิใช่ สิ่งที่เนี่ยหลี้าคือการหยิบยืมอำนาจของสมาคมนักปรุงยาวิเศษเพียงเท่านั้น!
ดูเหมือนว่าเนี่ยหลีมีความสนใจในความรู้ด้านการปรุงยาเป็อันมาก หูเหยียนิยิ้มแย้มและครุ่นคิดขณะเดินตามเนี่ยหลีไป เขาย่อมคิดไม่ถึงว่าเนี่ยหลีจะสามารถแก้ปัญหาบนกำแพงเหล่านี้ได้ ปัญหาหลายอย่างถูกแปะติดไว้มาหลายปีและยังไม่อาจแก้ได้ ปัญหาบางอย่างแม้แต่ท่านประธานกู่เหยียนก็ยังแก้ไม่ตก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้