หลังจากคิดเื่นี้แล้ว มีเพียงทางเลือกเดียวคือการเสียสละองค์ชายห้า ใช้เขาเป็ข้ออ้างในการเข้าไปเกี่ยวข้อง
ทว่าไม่ใช่ว่านางจะทำอะไรไปโดยไม่มีเหตุผล
บุรุษผู้นี้ส่งคนเอาของหมั้นคืนมาโดยไม่เอ่ยถามคำใด การปฏิบัติต่อเ้าสาวที่กำลังรองานแต่งเช่นนี้ ถือได้ว่าโหดร้ายอย่างที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น ปีศาจร้ายก็ยังพูดจาใส่ร้ายป้ายสีอีก...
ทันทีที่ได้ยิน ทุกคนถึงกับใผวาไปตามๆ กัน!
ไม่น่าเชื่อว่าคนขี้โรคจะมาท้าทายอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในราชวงศ์ ช่างน่าเหลือเชื่อเกินไป!
ทุกคนต่างคาดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวที่ดูอ่อนแอและขี้กลัวผู้นั้นจะกล้าหาญได้ถึงเพียงนี้
เห็นได้ชัดว่าการยกเลิกหมั้นครั้งนั้น อาจมีเื่ราวเื้ัซ่อนอยู่
ใบหน้าของฮ่องเต้เย่มืดมนลงทีละน้อย
ไม่ว่าสตรีผู้นี้จะกล้าท้าประลองิเซวียนด้วยเหตุผลใดก็ตาม ยามนี้อยู่ในรอบชิงชนะเลิศของพิธีทดสอบแล้ว
การท้าประลองนี้เท่ากับเป็การที่ขุนนางถอนหมั้นจากราชวงศ์
กล้าดีอย่างไรมาทำให้ราชวงศ์ต้องเสียหน้าอย่างเปิดเผยเช่นนี้
มู่เทียนอินผู้นี้ช่างกล้าหาญเสียจริง นางไม่กลัวฮ่องเต้โกรธเคืองเลยหรือ?!
“บุตรสาวตระกูลมู่ เ้า้าท้าประลองิเซวียนในยามนี้จริงหรือ?”
ฮ่องเต้เย่มองลงไปยังมู่เทียนอิน น้ำเสียงของเขาดูเ็าเล็กน้อย
"เพคะ!"
มู่เทียนอินตอบกลับอย่างไม่ลังเล
ตราบใดที่นางแสดงความแข็งแกร่งมากเพียงพอ นางก็จะมีโอกาสเข้าร่วมกลุ่มผู้มีอำนาจ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ อีกไม่นานก็จะผ่านพ้นไป
ทว่าหากพลาดพิธีนี้ไป ตระกูลมู่ที่กำลังสั่นคลอนอาจไม่สามารถรอโอกาสต่อไปได้
“ิเซวียน เ้ายินดีรับคำท้าประลองของมู่เทียนอินหรือไม่?”
สีหน้าของฮ่องเต้เย่เคร่งขรึมยิ่งขึ้น และไม่ได้มองมู่เทียนอินอีกเลย
เขาหันไปมองโอรสผู้มากความสามารถของตน
“เอ๋อร์เฉินยินดีพ่ะย่ะค่ะ”
เย่ิเซวียนไม่ได้คาดคิดว่าที่ผู้ดูอ่อนแอและน่าสงสารจนยอมยกเลิกการหมั้นหมายไปอย่างง่ายดาย จะกลายมาเป็คนที่แข็งกร้าวและหยิ่งผยองได้ถึงเพียงนี้
เขามองมู่เทียนอินั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้า ราวกับ้ามองทะลุร่างกายของนาง
เมื่อเย่ิเซวียนยอมรับคำท้าประลอง ผู้คนทั่วแคว้นต่างตกอยู่ในความโกลาหล
อัจฉริยะหนุ่มแห่งราชวงศ์ต้องมาประลองฝีมือกับคนขี้โรคอย่างนั้นหรือ
แม้ว่าคนขี้โรคผู้นี้จะมีอสรพิษเขมือบนภา ก็ไม่มีทางชนะอยู่ดี!
“เริ่มการประลองได้!”
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน การประลองบนเวทีก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
"กระบวนท่าแรกดาวเหนือส่องประกาย...เมฆาหลั่งไหลดั่งสายน้ำ"
มู่เทียนอินหยิบกระบี่ยาวขึ้นมา เงื้อกระบี่ขึ้นแล้วฟาดฟันไปยังเย่ิเซวียน
ทันทีที่นางลงมือ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป
สตรีผู้นี้ไม่เพียงแต่มีพลังิญญาเท่านั้น ทั้งยังบรรลุถึงระดับิญญาสีชาดเช่นเดียวกับองค์ชายห้าอีกด้วย!
เหล่าบุตรหลานตระกูลขุนนางที่รอคอยดูถูกขบขันมู่เทียนอิน ต่างก็ไม่อยากเชื่อสายตาของตนเอง
“เ้าก็อยู่ในระดับิญญาสีชาดเช่นกันอย่างนั้นหรือ?”
เย่ิเซวียนมองไปที่มู่เทียนอินที่เข้ามาใกล้ด้วยสายตาใ
เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าคนขี้โรคที่เคยป่วยจนแม้แต่การเดินยังเหนื่อยหอบ จะสามารถก้าวขึ้นไปเป็ผู้ฝึกตนในระดับิญญาสีชาดได้
มู่เทียนอินไม่ตอบคำ
เพียงเคลื่อนตัวเข้าหาเย่ิเซวียนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับแทงกระบี่ไปยังจุดสำคัญหลายจุดบนร่างกายเขาอย่างไร้ความปรานี
“ฝ่ามือ์เสวียนเหมี่ยน”
ใบหน้าของเย่ิเซวียนเต็มไปด้วยความใ ทว่าฝ่ามือของเขากลับไม่ได้ตื่นตระหนก
แม้ว่าเขาจะลงมือช้ากว่า ทว่าก็สามารถโจมตีได้ก่อนและแม่นยำกว่า
“นี่คือท่าฝ่ามือ์เสวียนเหมี่ยนที่สืบทอดกันมาในราชวงศ์”
“ท่าการใช้ฝ่ามือนี้ดูธรรมดา แต่ยิ่งต่อสู้ไปนานเท่าไหร่ก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ!”
เมื่อเห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างทั้งสอง เหล่าผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างคึกคัก และแม้แต่ยอดฝีมือบางคนก็ยังอดที่จะประหลาดใจไม่ได้
เดิมทีคิดว่าการท้าประลองของมู่เทียนอินเป็เพียงเื่ขบขัน
ไม่คาดคิดทั้งสองฝ่ายจะมีพลังความสามารถที่ทัดเทียมกัน
"กระบวนท่าที่สองของดาวเหนือส่องประกาย...เงาเมฆปกคลุมจันทรา!"
ใบหน้าของมู่เทียนอินราวกับน้ำนิ่ง กระบี่ยาวในมือเปลี่ยนเป็เงาคล้ายเมฆหมอก รวมตัวกันเป็แสงกระบี่คมกริบ พุ่งเข้าใส่เป้าหมายตรงหน้า
ไม่คาดคิดมาก่อนว่าสตรีผู้นี้จะใช้การโจมตีเป็การป้องกัน!
แทนที่จะหลบเลี่ยง ทว่ากลับใช้วิชายุทธ์อันทรงพลังรับแรงปะทะจากพลังปราณจากฝ่ามือขององค์ชายห้า
“มู่เทียนอิน เ้าทำให้คนประหลาดใจอยู่เสมอ”
หลังจากออกกระบวนท่าไม่กี่ครั้ง สุดท้ายสีหน้าของเย่ิเซวียนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ฝ่ามือ์เสวียนเหมี่ยนนี้ดูธรรมดา ทว่าเป็เคล็ดกระบวนท่าระดับสาม
ทว่าสตรีผู้นี้กลับใช้เคล็ดกระบวนท่าของตนรับแรงปะทะจากฝ่ามือของตนได้จริงๆ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง มู่เทียนอินไม่เพียงแต่ทะลวงผ่านระดับิญญาสีชาดเท่านั้น ทว่ายังฝึกฝนวิชายุทธ์ได้อย่างถูกต้องและชำนาญอีกด้วย!
“แต่ความโชคดีของเ้าจะสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้”
เย่ิเซวียนปรับสีหน้าให้จริงจังขึ้น ในมือมีกระบี่สีดำเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นและบรรยากาศรอบตัวเขายังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"…หนึ่งกระบี่ทลายกองทัพ"
ด้วยการฟาดกระบี่เพียงครั้งเดียว เกิดกระแสลมอันรุนแรงพุ่งกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง
แสงกระบี่สีเงินราวกับัขาวพุ่งทะยานออกจากผืนสมุทร มุ่งตรงไปยังมู่เทียนอินด้วยพลังอันมหาศาล
“ช่างเป็พลังที่น่าสะพรึงกลัว แข็งแกร่งยิ่งกว่าฝ่ามือ์เสวียนเหมี่ยนมาก!”
“นี่เป็เคล็ดวิชายุทธ์ขั้นสูงระดับสาม! องค์ชายห้าเป็อัจฉริยะจริงๆ ทะลวงผ่านระดับิญญาสีชาดได้ไม่นาน ก็สามารถเรียนรู้เคล็ดวิชายุทธ์ขั้นสูงระดับสามได้แล้ว”
เมื่อเห็นกระบี่ฟาดฟันลงที่พื้นบนเวที ผู้คนรอบข้างต่างก็ร้องะโด้วยความใ
เมื่อเผชิญหน้ากับวิชายุทธ์ขั้นสูงอันทรงพลังของเย่ิเซวียน มู่เทียนอินก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาเช่นกัน
นี่คือเคล็ดวิชายุทธ์ขั้นสูงระดับสามซึ่งเหนือกว่าจนสองกระบวนท่าก่อนหน้าเทียบไม่ได้
ก่อนที่คมกระบี่จะมาถึงตัว แรงกดดันอันมหาศาลก็พุ่งเข้าใส่มาอย่างรวดเร็ว!
"กระบวนท่าที่สามของดาวเหนือส่องประกาย...คลื่นปั่นป่วนในทะเลเมฆ"
มู่เทียนอินเหวี่ยงฝ่ามือ กระบี่แสงสีเขียวเข้มสว่างวาบปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้า
ขณะที่นางยังคงเพิ่มพลังิญญาให้กับกระบี่แสงอย่างต่อเนื่อง
กระบี่แสงพุ่งไปมาในอากาศ ก่อให้เกิดคลื่นลมแรงสอดคล้องกับชื่อ "คลื่นปั่นป่วนในทะเลเมฆ" จริงๆ
สองพลังอันน่าสะพรึงกลัวปะทะกันกลางอากาศอย่างรุนแรง ทำให้เกิดลมพายุพัดกระหน่ำไปทั่วเวทีประลองขนาดใหญ่
“นางจะใช้เพียงเคล็ดกระบวนท่าเพื่อต่อสู้กับเคล็ดวิชายุทธ์ขั้นสูงขององค์ชายห้าอย่างนั้นหรือ?”
“แข็งแกร่งมาก! เคล็ดกระบวนท่าของทั้งคู่ช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน”
เหล่าบุตรหลานตระกูลใหญ่ต้องถอยหลังไปสองสามก้าว ใบหน้าของพวกเขาแสดงออกถึงความตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด
หลังจากนั้นไม่นาน พายุพลังิญญาสงบลง
ทว่าเย่ิเซวียนกลับยืนใบหน้าซีดเผือด ยืนหยัดร่างกายไว้ได้อย่างยากลำบาก
ในขณะนั้น มุมปากของมู่เทียนอินก็มีเืไหลออกมา ร่างกายสั่นเทาอย่างรุนแรงราวกับจะล้มลงทุกเมื่อ
เมื่อเห็นสภาพของทั้งสองคน เหล่าบุตรหลานตระกูลใหญ่ที่กำลังเฝ้าดูการต่อสู้ต่างก็ตกตะลึงและสูดหายใจเข้าไปอย่างแรง
ไม่มีใครคาดคิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะรุนแรงถึงเพียงนี้
ทว่าผลลัพธ์ก็ชัดเจนแล้ว
มู่เทียนอินซึ่งใช้กระบวนท่าต่อสู้กับเคล็ดวิชายุทธ์ขั้นสูงระดับสามตกอยู่ในความเสียเปรียบ
“มู่เทียนอิน ยามนี้ยังไม่สายเกินไปที่เ้าจะยอมรับความพ่ายแพ้”
ใบหน้าที่หล่อเหลาของเย่ิเซวียนซีดเผือดลง ทว่าดวงตากลับยิ่งเ็า
เดิมทีคิดว่าจะสามารถชนะได้อย่างง่ายดายด้วยเคล็ดวิชายุทธ์ขั้นสูง
อย่างไรก็ตามสตรีผู้นี้กลับได้รับาเ็เท่านั้น และยังไม่ล้มลง
เมื่อการประลองมาถึงจุดนี้ เขาจำต้องยอมรับว่ามู่เทียนอินได้พัฒนาขึ้นอย่างก้าวะโ
ด้วยพร์และความสามารถอันยอดเยี่ยมเช่นนี้ นางจึงเป็อันดับหนึ่งในบรรดาบุตรหลานตระกูลมู่
น่าเสียดายที่นางได้พบกับเขาเย่ิเซวียน
“องค์ชายห้า พระองค์คือผู้ที่ควรยอมรับความพ่ายแพ้ต่างหากเพคะ”
มู่เทียนอินเลิกคิ้วด้วยความสงสัย น้ำเสียงจริงจังที่ดูหยิ่งยโสและมั่นใจผิดปกติ
ทำให้ทั้งเย่ิเซวียนและผู้ชมต่างรู้สึกงุนงงเป็อย่างมาก
ในการเคลื่อนไหวนั้นเมื่อครู่ นางถูกท่าไม้ตายอันทรงพลังขององค์ชายห้าโจมตีอย่างหนัก
พลังยุทธ์ไม่แข็งแกร่งเท่าผู้อื่นยังกล้าหยิ่งผยองถึงเพียงนี้ ไม่ประเมินความสามารถของตนเองสูงเกินไปหน่อยหรือ
“มู่เทียนอิน ข้าให้โอกาสเ้าแล้ว”
ใบหน้าของเย่ิเซวียนเ็า พร้อมกับท่าทางหยิ่งยโสและดูถูกเหยียดหยาม
เดิมทีเขาคิดว่าผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้คงจะไม่ต้องสงสัยแล้ว เพราะมู่เทียนอินอยู่ในสภาพย่ำแย่อย่างมาก ทว่าตัวเขาเองก็าเ็ไม่น้อย
สำหรับการประลองรอบชิงชนะเลิศ เขาไม่อยากจะสิ้นเปลืองพลังิญญาไปมากกว่านี้ ไม่ต้องพูดถึงกระบวนท่าใหม่ๆ อีก
ในเมื่อนางนั้นหยิ่งยโสเช่นนี้ เขาก็จะสอนบทเรียนแก่นางเสีย!
ขณะที่เย่ิเซวียนกำลังจะลงมือ มู่เทียนอินก็ก้าวไปข้างหน้าทันที พลังิญญาอันมหาศาลกลายเป็กระบี่แสงไร้ขอบเขต
ลมปราณของนางไม่เพียงไม่ลดลง ทว่ายังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
ในที่สุด ก็เลื่อนจากระดับิญญาสีชาดขั้นที่หนึ่งไปสู่ขั้นที่สอง!
การฟื้นตัวอย่างเหลือเชื่อของมู่เทียนอินทำให้เหล่าผู้ชมตกตะลึง
ไม่มีใครคาดคิดว่าภายใต้การโจมตีที่รุนแรงถึงเพียงนั้น นางยังไม่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่!
“ข้าเพียงอยากจะทดสอบว่าเคล็ดกระบวนท่าจะรุนแรงเพียงใด จึงใช้ระดับเดียวกับท่านมาต้านทานเคล็ดวิชายุทธ์นั้น”
มู่เทียนอินลงมืออย่างไม่รีบร้อน และอธิบายเสียงเรียบ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของเย่ิเซวียนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชัยชนะที่เห็นด้วยตาจะเป็เพียงการ 'ทดสอบเล็กๆ น้อยๆ' ของคู่ต่อสู้!
สตรีผู้นี้เสียสติไปแล้ว นางกล้าทดสอบทักษะของเขาเย่ิเซวียน!
“กระบวนท่าที่สี่ของดาวเหนือส่องประกาย...มรสุมพลิกเมฆา!”
กระบี่แสงที่มู่เทียนอินใช้นั้นหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระบี่แสงไร้ขอบเขตรวมตัวกันเป็กลุ่มเมฆฝนขนาดใหญ่ ล้อมรอบเย่ิเซวียนไว้ในทันที
เย่ิเซวียนโกรธจัดและไม่ยอมอ่อนข้อ และแสงกระบี่สว่างวาบขึ้นมาอย่างรุนแรง
ทว่าก็ยังช้าไปหนึ่งก้าว
พายุฝนที่โหมกระหน่ำราวกับสัตว์ขนาดั์อ้าปากเปื้อนเืพร้อมจะกลืนกินเขาไปทั้งตัว
หอสักการะขนาดใหญ่ตกอยู่ในความเงียบงัน
ไม่มีใครคาดคิดว่าผูที่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนยังเป็เพียงคนธรรมดาจะพลิกผันได้อย่างน่าเหลือเชื่อถึงเพียงนี้
เพียงขยับมือเล็กน้อย ก็สามารถบดขยี้องค์ชายห้าได้อย่างง่ายดาย
“ที่สามารถผลักดันข้ามาถึงระดับนี้ได้ นับว่าเ้าก็มีเหตุผลให้ภูมิใจในตัวเองแล้ว!”
ในความเงียบงัน เสียงเย็นะเืก็ดังขึ้นอย่างกะทันหันท่ามกลางพายุ
ร่างกายของเย่ิเซวียนถูกปกคลุมด้วยแสงกระบี่
ภายใต้แสงกระบี่ ยังปรากฏแสงสีเงินที่ดูอ่อนโยน
ในมือซ้ายของเขาปรากฏกระบี่เงินขึ้นมาอีกเล่มหนึ่ง
“แสงจันทร์ทมิฬ! แสงจันทร์ทมิฬจริงๆ ”
“นี่คือกระบี่ิญญาที่มีชื่อเสียงของราชวงศ์เลยนะ!”
“กระบี่ดำเล่มนั้น แท้จริงแล้วคือเงาเองหรือ ข้ามองไม่ออกเลย!”
เมื่อมองอาวุธในมือของเย่ิเซวียน ดวงตาของทุกคนต่างก็เป็ประกาย
แสงจันทร์ทมิฬนี้เป็กระบี่คู่ิญญาในตำนานของราชวงศ์
ผู้ฝึกตนธรรมดาจะไม่สามารถควบคุมมันได้เลย
"แสงจันทร์ทมิฬ...การลงทัณฑ์จาก์ ไป!"
แสงบนกระบี่ยาวสองเล่ม เล่มหนึ่งสีดำและเล่มหนึ่งสีเงิน เจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ
ในชั่วพริบตา ก็ฟาดฟันไปที่ศีรษะของมู่เทียนอินด้วยความเร็วและพลังอันมหาศาล!
บรรยากาศที่น่าสะพรึงกลัวราวกับพายุหมุนขนาดใหญ่พัดถล่ม แม้แต่ท้องฟ้าเหนือหอสักการะก็พลันมืดลงและมีแรงกดดันเพิ่มมากขึ้น
ทุกคนต่างตกตะลึง ต่างคนต่างรีบรวบรวมพลังิญญามาปกป้องร่างกายไว้ทันที
ครู่ต่อมา กระบี่สีเงินดำก็ฟาดฟันใส่มู่เทียนอินราวกับพายุฝนกระหน่ำ!
"กระบวนท่าที่ห้าของดาวเหนือส่องประกาย...รอยเซียนเงาเมฆา!"
ต้องเผชิญกับท่าไม้ตายอันทรงพลังของเย่ิเซวียน
มู่เทียนอินไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย เพียงเหวี่ยงกระบี่ธรรมดาสามเล่มออกไปอย่างรวดเร็ว
กระบี่ทั้งสามเล่มนี้โอนอ่อนราวกับสายลมที่พัดปะทะใบหน้า เบาหวิวราวกับไร้พลังใด
อย่างไรก็ตาม กลับทำให้เหล่ายอดฝีมือเปลี่ยนสีหน้าไปอย่างฉับพลัน
ทั่วทั้งหอสักการะแห่งนี้ ผู้ที่มีสีหน้าตกตะลึงมากที่สุดไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสมาชิกในตระกูลมู่
“นี่ไม่ใช่... กระบวนท่าที่หรูเฟิงสร้างขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?”
“ในปีนั้นหรูเฟิงทิ้งตำราฝึกฝนไว้เล่มหนึ่ง ข้าได้นำมันไปเก็บไว้ที่หอหนังสือ ต่อมาผู้ดูแลได้มารายงานข้าว่าอินเอ๋อร์เป็คนเอาตำรานั้นไป”
“แต่หรูเฟิงทิ้งไว้เพียงสามกระบวนท่าแรกของดาวเหนือส่องประกาย เหตุใดอินเอ๋อร์จึงรู้กระบวนท่าถัดไปได้ล่ะ?”
ท่านปู่มู่ มู่ซิว และมู่เสวียนมองหน้ากันด้วยความสับสน แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ราวกับมองเห็นภาพซ้อนทับร่างของเด็กสาวบนเวที เห็นเป็ภาพของบุคคลที่เคยสร้างความประทับใจอย่างมากในอดีต
“ไม่ได้คาดคิดว่าอินเอ๋อร์จะเรียนรู้กระบวนท่าที่หรูเฟิงเหลือไว้ ในความลึกลับของ์ มีชะตาฟ้าลิขิตอยู่จริง”
ท่านปู่มู่มองไปที่มู่เทียนอินบนเวที ดวงตาเต็มไปด้วยความตื้นตันและพึมพำกับตัวเอง
มู่ฉินเทียนไม่เคยคิดฝันว่ามู่เทียนอินจะสามารถใช้กระบวนท่าที่ห้าได้!
เขารู้จักเคล็ดกระบวนท่าดาวเหนือส่องประกายดี
น้องสามมู่หรูเฟิงเป็ผู้สรรค์สร้างขึ้นเมื่ออายุได้ยี่สิบปี
ใน่แรกมีเพียงสามกระบวนท่า ซึ่งเป็ท่าพื้นฐานทั่วไปเท่านั้น
หลังจากที่เขาก้าวเข้าสู่ระดับิญญาสีคราม เขาไม่เพียงแต่ปรับปรุงสามกระบวนท่าแรกเท่านั้น ทว่ายังเพิ่มอีกสี่กระบวนท่าเข้าไปอีกด้วย
แม้จะได้ชื่อว่าเป็วิชายุทธ์ระดับต่ำของระดับิญญาสีชาด ทว่าพลังที่แท้จริงกลับเทียบเท่ากับเคล็ดวิชายุทธ์ขั้นสูง!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้