ลู่ซืออวี่ไม่เคยโกรธเคืองขนาดนี้มาก่อน! และไม่เคยผิดหวังเช่นนี้มาก่อนเช่นกัน!
น้าเหอ น้าเหอที่ดีแสนดี ทำไมถึงได้พูดจาส่งเดชแบบนั้น?
เธอคิดมาตลอดว่าถึงแม้ลู่หลิงซานจะชอบแกล้งเธออยู่บ่อยครั้ง แต่น้าเหอเป็คนดี อีกอย่างเธอเป็พี่สาว การยอมน้องบ้างก็ไม่เห็นเป็อะไร แต่ไม่คิดเลยว่าวันนี้เธอจะโดนลู่หลิงซานทำร้ายถึงขนาดนี้ แต่เหอเสวี่ยฉินกลับมองไม่เห็น แถมยังพูดจาสับปลับอีกด้วย
หลายปีมานี้ลู่ซืออวี่ถูกเหอเสวี่ยฉินอบรมสั่งสอนมาจนมีนิสัยแปลกๆ ถึงแม้ว่าปกติจะทำตัวเงียบๆ ไม่พูดไม่จา แต่ยังไงซะเธอก็ยังเรียนหนังสือ แถมยังเป็คนหัวดีเรียนเก่งอีกด้วย
เมื่อก่อนเหอเสวี่ยฉินแสร้งทำดี เธอเป็คนที่ขาดความรักเลยอยากจะให้เหอเสวี่ยฉินเป็เหมือนแม่แท้ๆ ของตัวเอง
ั้แ่สวี่จือจือเข้ามาในบ้าน คนหนึ่งจริงใจ คนหนึ่งเสแสร้ง ถึงแม้ว่า่นี้เธอจะยังสับสน แต่ในใจก็พอจะมีความคิดเห็นของตัวเองบ้างแล้ว เพียงแต่ไม่อยากจะเชื่อความจริงเท่านั้น
ในตอนที่เหอเสวี่ยฉินถามสวี่จือจืออย่างเอาเป็เอาตาย ลู่ซืออวี่รู้สึกเหมือนว่าหูของเธอจะไม่ได้ยินอะไรแล้ว มองเห็นเพียงแค่ปากของเหอเสวี่ยฉินที่ขยับขึ้นลงเท่านั้น
‘แม่เธอมันหน้าไม่อาย’
‘เธอก็หน้าไม่อาย’
‘เธอกับแม่เธอมันหน้าไม่อายทั้งคู่’
คำพูดของลู่หลิงซานเหมือนกับมนต์สะกดที่ดังก้องอยู่ในหูของลู่ซืออวี่ซ้ำไปซ้ำมา
“ไม่” เธอรีบเอามืออุดหู แล้วะโเสียงดัง “ฉันเปล่านะ”
“แม่ฉันก็เปล่า”
“ฉันไม่ได้ขโมยของของเธอ”
“ผ้าอนามัยกับกระดาษชำระพวกนั้น พี่สะใภ้ให้ฉันมา มันเป็ของฉัน”
“โอ๊ย...”
เด็กสาวเอามือกุมศีรษะแล้วร้องออกมาด้วยความเ็ป
“เสี่ยวอวี่” คุณนายลู่เรียกด้วยความเ็ปใจ
“เสี่ยวอวี่เอ๊ย” เหอเสวี่ยฉินพูดด้วยความเสียใจ “เธอเป็อะไรไป? อย่าทำให้น้าเหอกลัวนะ”
ไม่พูดอะไรยังจะดีกว่า พอได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ลู่ซืออวี่ก็ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้น
เธอเข้าไปขดตัวที่มุมห้อง เอาศีรษะโขกกำแพงซ้ำไปซ้ำมา “หนูไม่ได้ขโมยของ แม่ของหนูก็ไม่ได้ขโมย” เธอโขกศีรษะพลางพูดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา
ถึงแม้ว่าเด็กสาวจะไม่เคยเห็นหน้าแม่ของตัวเองั้แ่เกิด แต่กู้ฉิงโหรวในใจของเธอก็เป็คนที่อ่อนโยนและสง่างาม เธอไม่อนุญาตให้ใครมาใส่ร้ายแม่ของเธอแบบนี้ ถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะเป็ลู่หลิงซานก็ไม่ได้!
“เสี่ยวอวี่” ลู่จิ่งซานหน้าดำคล้ำ มองน้องสาวของตัวเองที่เป็แบบนี้ ในใจก็รู้สึกเ็ปเหมือนกับมีอะไรมากระชาก
ลู่หลิงซานหน้าซีดเผือด
สีหน้าของเหอเสวี่ยฉินก็ไม่ดี แต่ตอนนี้บนใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวล หมายจะเข้าไปกอดลู่ซืออวี่ “เสี่ยวอวี่เอ๊ย อย่าทำให้น้าเหอกลัวเลย เธอเป็อะไรไป? เป็เด็กดีนะ ให้น้าเหอดูหน่อยได้ไหม?”
ตัวของลู่ซืออวี่สั่นเทาหนักกว่าเดิม
เธอนึกถึงตอนเด็กๆ ตอนนั้นเธออายุได้สี่ห้าขวบ มีครั้งหนึ่งที่เธอซนจนเผลอไปผลักลู่หลิงซานล้มลง เหอเสวี่ยฉินเห็นเข้าพอดี อีกฝ่ายจับเธอไปขังไว้ในห้องเก็บของที่มืดมิด
ตอนนั้นลู่หวยเหรินไปทำงานที่อื่น ในบ้านมีแค่เธอ เหอเสวี่ยฉินและลู่หลิงซาน เธอร้องไห้อยู่ในนั้น ทั้งร้องไห้ทั้งอ้อนวอน อยากให้เหอเสวี่ยฉินปล่อยเธอออกไป แต่ประตูกลับไม่เปิดออก
ต่อมาไม่รู้ว่านานแค่ไหน เธอร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง เหอเสวี่ยฉินถึงเปิดประตู อีกฝ่ายใช้เสียงที่ดูเหมือนอ่อนโยนพูดว่า ‘เสี่ยวอวี่เอ๊ย เธอต้องเป็เด็กดีนะ ต่อไปต้องยอมน้องนะ’
‘เธอต้องเป็เด็กดีนะ ถ้าไม่เป็เด็กดี น้าจะจับเธอขังไว้ในห้องนี้อีก’
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงจะอ่อนโยน แต่ก็ทำให้ขนลุกได้ทั้งตัว
“หนูเป็เด็กดี หนูเชื่อฟัง” ลู่ซืออวี่หดตัวแล้วพูดด้วยความกลัว “หนูเป็เด็กดี อย่าขังหนูเลย หนูเชื่อฟัง”
ฮือๆๆ...
“เสี่ยวอวี่ไม่ต้องกลัว” สวี่จือจือนั่งยองๆ จับมืออีกฝ่ายไว้ด้วยความปวดใจ “ไม่ต้องกลัวนะ พวกเราอยู่นี่ไง มีคุณย่า แล้วยังมีพี่ชายของเธอ พวกเราจะอยู่ข้างๆ เธอเอง” เธอโอบกอดเด็กสาวที่ขดตัวเป็ก้อนกลม ลูบหลังเบาๆ “ไม่ต้องกลัว พวกเราอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องกลัว ไม่มีใครทำร้ายเธอได้”
ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าลู่ซืออวี่เคยเจออะไรมาบ้าง แต่จากท่าทางตอนนี้ของอีกฝ่าย สวี่จือจือก็พอจะเดาได้ว่า ตอนเด็กๆ อีกฝ่ายคงจะได้รับผลกระทบทางจิตใจมาบ้าง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเหอเสวี่ยฉิน
ใครจะรู้ว่า เหอเสวี่ยฉินกลับยกมือขึ้นตบหน้าลู่หลิงซาน “พูดมา แกไปพูดอะไรกับพี่สาวแกกันแน่?”
ลู่หลิงซานมึนงงไปหมด เอามือกุมใบหน้า แล้วเบิกตาโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ั้แ่เล็กจนโต แม่ไม่เคยแม้แต่จะแตะต้องเธอเลย กลับมาตบหน้าเธอในวันนี้ แถมยังต่อหน้าคนเยอะแยะแบบนี้อีก
“แม่ตบหนู” ลู่หลิงซานเอามือกุมใบหน้าแล้วร้องไห้
“ซานเอ๋อร์” เหอเสวี่ยฉินตบไปก็เสียใจ อยากจะดูหน้าลูกสาว แต่กลับถูกผลักออกไป
“หนูเกลียดแม่”
เธอผลักเหอเสวี่ยฉินแล้วร้องไห้วิ่งออกไป
“ซานเอ๋อร์” เหอเสวี่ยฉินเสียหลักล้มลงไปที่พื้น “เอวฉัน”
เอวที่เพิ่งจะดีขึ้นเริ่มเ็ปขึ้นมาอีก แต่เธอไม่สนใจอะไรอีกแล้ว รีบพยุงตัวจะไปตามลู่หลิงซาน
“สวี่จือจือ” เหอเสวี่ยฉินยืนอยู่ที่หน้าประตู หันกลับมามองเธอด้วยความอาฆาต “คราวนี้เธอพอใจแล้วหรือยัง?”
“ถ้าลูกสาวฉันเป็อะไรไป เื่นี้ฉันจะไม่จบไม่สิ้นกับเธอ”
ลู่จิ่งซานก้าวไปข้างหน้าสองก้าว บังสายตาของเหอเสวี่ยฉินเอาไว้ “เื่ในวันนี้ก็จะไม่จบง่ายๆ หรอก”
เหอเสวี่ยฉินสะอึก
“ก็แค่เด็กๆ ทะเลาะกัน พูดกันไปตามอารมณ์ แกจะเอาอะไรอีก”
“หา?” เหอเสวี่ยฉินจ้องลู่จิ่งซานด้วยดวงตาแกงก่ำ “แกจะมาหาเื่ฉันหรือไง? มาสิ มา”
“ถ้าแกมีปัญญาก็ฆ่าฉันสิ ยังไงฉันก็เป็แค่คนนอกของบ้านแกอยู่แล้ว”
“เลี้ยงดูมาอย่างดี สุดท้ายดันได้หมาป่าตาขาวมา”
เธอพูดไปพลางจะใช้ศีรษะโขกหน้าอกลู่จิ่งซาน ดูเหมือนกับพวกผู้หญิงชาวนาที่ชอบอาละวาดไม่มีผิด ทำให้คุณนายลู่แทบจะหัวใจวายด้วยความโมโห
สุดท้ายก็ถูกเพื่อนบ้านที่มามุงดูช่วยกันห้ามไว้ “รีบไปตามหลิงซานเถอะ”
“พวกเราเป็ครอบครัวเดียวกัน ไม่น่าจะมีอะไรที่ผ่านไปไม่ได้”
“จิ่งซานก็แค่ใจร้อนไปชั่วขณะ”
“ฉันมันเป็แม่เลี้ยงที่แสนลำบาก” เหอเสวี่ยฉินหัวยุ่งเหยิง น้ำหูน้ำตาไหล “รักใคร่ดูแลคนอื่นเขาอย่างจริงใจ สุดท้ายแล้วฉันได้อะไร”
แต่สุดท้ายก็ถูกเพื่อนบ้านพยุงกลับเข้าไปในห้อง
“ฉันทำผิดไปหรือเปล่า?”
กว่าจะปลอบลู่ซืออวี่จนหลับไปได้ สวี่จือจือก็ถามลู่จิ่งซานด้วยความเหม่อลอย “ถ้าฉันควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่านี้ บางทีมันอาจจะไม่ต้องทะเลาะกันก็ได้”
แต่พอเห็นลู่หลิงซานคร่อมลู่ซืออวี่แล้วตบตีอีกฝ่าย เธอควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ
“ถ้าให้คุณทำอีกครั้ง คุณจะยังทำแบบนี้อยู่ไหม?” ลู่จิ่งซานถาม
“แน่นอนอยู่แล้ว” สวี่จือจือพูด “ถ้าฉันรู้ว่าเื้ัเสี่ยวอวี่จะเป็แบบนี้ ฉันอาจจะทำแรงกว่านี้อีกก็ได้”
ตอนนี้พอคิดดูแล้วก็รู้สึกเสียดาย
ลู่จิ่งซานมองดูท่าทางที่กำลังกลุ้มใจของเธอแล้วก็หัวเราะออกมา แต่พอนึกถึงเื่น่าปวดหัวในบ้านตัวเอง ชายหนุ่มก็ขมวดคิ้วมองเธอ แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “แล้วคุณยังอยากทำต่อไหม?”
อะไรนะ?
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้